เมื่อคิมหันต์ต้องการแต่งงานกับกุลนารี เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครอบครองเธอ “คุณคิมหันต์ คุณเป็นบ้าอะไรนี่ ออกไปจากบ้านนี้เดี๋ยวนี้นะ” “บ้าเหรอ...ใช่ผมมันบ้า เจ้าสาวของผมหนีมาพลอดรักกับชายชู้ จะไม่ให้ผมบ้าได้ยังไง” แล้วกุลนารีจะหลบหนีจากเขาพ้นหรือไม่
View Moreตอนที่ 1 ทิ้ง
“ครืดดด....ดดดด” เสียงคัตเตอร์กรีดลงบนเนื้อขาวเนียน มีดบาดลึกลงบนข้อแขน ส่งผลให้เลือดไหลซืมออกมาน้ำสีแดงไหลลงตามทางยาวจากข้อแขนลงสู่พื้นห้อง เจิ่งนองขยายวงกว้างขึ้น กว้างขึ้นเรื่อย ๆ
มือหญิงสาวอ่อนแรง ร่วงหล่นลงสู่พื้นห้อง เธอพิงกายข้างเตียงนอน พร้อมหลับตาลงอย่างคนสิ้นหวัง
“พอกันที กับชีวิตที่ถูกบังคับ ฉันจะไม่ยอมเป็นนกน้อยในกรงทอง ฉันขอเป็นอิสระจากทุกสิ่ง” นั่นคือสิ่งที่หญิงสาวคิด
“กรี๊ดดดด....กรี๊ดดดดด....คุณหนู...คุณหนู....ใครก็ได้ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ช่วยคุณหนูด้วยค่ะ...กรี๊ดดดด....” ป้าพริกแม่บ้านใหญ่ประจำคฤหาสน์ เกษมมนตรี ตะโกนลั่นบ้าน ร้องเรียกหาคนโหวกเหวกเสียงดังอย่างคนสติแตก
คุณอัศวินและคุณมาลา เกษมมนตรี บิดามารดาของกุลนารีหญิงสาวคนดังกล่าว รีบวิ่งหน้าตาตื่น ตามเสียงร้องดังมายังห้องนอนลูกสาวสุดรัก สุดหวงเพียงคนเดียวของตระกูล
“ยายแอ้...ลูกแม่...อร๊ายยย....ใครก็ได้ช่วยที....ลูกทำอย่างนี้ทำไม...ฮือออ....ฮือออ” คุณมาลาร้องไห้อย่างคนเสียสติ
ภาพลูกสาวที่นอนรวยริน ลมหายใจเริ่มแผ่วเบา รอยเลือดที่ไหลเป็นทางเจิ่งนองไปทั่วบริเวณกว้าง คุณมาลารีบประคองลูกสาวไว้ในอ้อมแขน เลือดเปรอะเปื้อนไปตามเสื้อผ้าสุดหรู ราคาแพง แต่ในเวลานี้คุณมาลาหาได้สนใจไม่
“ทำอย่างนี้ทำไมลูก...อย่าทิ้งแม่ไปนะ...อย่าทิ้งแม่ไป” คุณมาลาคร่ำครวญอย่างหนัก
“เอารถออก เอารถออกเดี๋ยวนี้” คุณอัศวินที่ตั้งสติได้ รีบอุ้มร่างน้อยขึ้นบนอก ก่อนจะรีบเร่งพาลูกสาว นำส่งโรงพยาบาล
ณ โรงพยาบาล สองสามีภรรยา ยืนกระวนกระวายใจอยู่หน้าห้องผ่าตัด หลายชั่วโมงแล้วที่ไม่ได้ข่าวคราวของลูกสาวสุดที่รัก
“เป็นความผิดของเรา เป็นความผิดฉันเอง” คุณมาลา ร่ำไห้ สะอึกสะอื้น ได้แต่กร่นว่าตัวเองอย่างหนัก
“ใจเย็น ๆ นะคุณ ใจเย็น ๆ คุณอย่าโทษตัวเองเลย ถ้าจะผิดก็คงเป็นผมที่ไม่เอาไหน ทำให้คุณ ให้ลูกต้องมาตกที่นั่งลำบากอย่างนี้” คุณอัศวินปลอบโยนลูกสาว ก่อนจะนั่งคอตกนึกโทษตัวเองที่ทำให้ทุกสิ่งเลวร้ายขนาดนี้
คุณอัศวิน นักธุรกิจใหญ่ เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เขาเคยเป็นคนหนุ่มไฟแรง สร้างอาณาจักรเกษมมนตรีที่เคยยิ่งใหญ่ขึ้นมาด้วยสองมือเปล่า โดยมีภรรยาและลูกสาวสุดที่รัก เป็นแรงกายแรงใจให้เขา แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ความหนุ่มและความเก่งกาจของเขาก็ค่อย ๆ ลดลง ความยึดติดต่อการทำงานแบบเดิม ๆ ทำให้เขาไม่ทันต่อโลก บริษัทเริ่มขาดสภาพคล่อง จนสุดท้ายจากบริษัทที่เคยใหญ่โต เป็นที่นับหน้าถือตา ก็ค่อย ๆ ติดหนี้ติดสินมากขึ้น ๆ จนวันนี้ที่ชายแก่ไม่สามารถพยุงบริษัทได้อีกต่อไป
ข่าวหน้าหนึ่งขึ้นหนังสือพิมพ์หลายฉบับ อาณาจักรเกษมมนตรีกำลังจะล้มละลาย เมื่อกิจการของเขาทรุด ก็เหมือนซากศพที่ถูกเหยี่ยวต่างแย่งกันรุมทึ้ง ทั้งธนาคาร ทั้งเจ้าหนี้ ต่างพากันทวงหนี้ที่ตอนนี้มากมายมหาศาล
“คุณทำดีที่สุดแล้ว คุณอัศวิน” คุณมาลาที่เห็นสามีนั่งน้ำตาซึม เธอเดินมานั่งข้างกายชายแก่ ก่อนจะเอื้อมมือกอบกุมให้กำลังใจ
“อึกกก...” คุณอัศวินสะอื้น ก่อนจะเอนกาย ซบไหล่ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของตน
สักพักคุณหมอก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด สองสามีภรรยารีบปรี่เข้าหาคุณหมอทันที
“หมอคะ ลูกสาวดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ” คุณมาลารีบยิงคำถามใส่คุณหมอทันที
“ลูกสาวคุณปลอดภัยแล้วครับ แต่เนื่องจากเธอเสียเลือดมาก และแผลก็มีขนาดค่อนข้างลึก ดังนั้นหมอจำเป็นต้องให้เธอพักฟื้นที่โรงพยาบาลสักพัก เพื่อดูอาการ และป้องกันการติดเชื้อ หลังจากนี้ทางครอบครัวคงต้องช่วยดูแลสภาพจิตใจคนไข้ ไม่ให้เกิดเรื่องดังกล่าวซ้ำ” คุณหมออธิบาย
“ขอบคุณค่ะหมอที่ช่วยชีวิตลูกสาวดิฉัน” คุณมาลารีบขอบคุณคุณหมออย่างโล่งใจ
สองสามีภรรยาโอบประคองกัน รอคอยที่จะได้เห็นหน้าลูกสาวตนออกจากห้องผ่าตัด
ภาพหญิงสาวที่ถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด ใบหน้าที่ขาวซีดปราศจากเลือด ข้อแขนถูกพันผ้าขาวหนาเตอะ เลือดยังคงซึมออกมาเป็นดวงใหญ่ตรงข้อแขนบาง หญิงสาวสลบไสลด้วยฤทธิ์ยาและความอ่อนเพลียจากการเสียเลือด
คุณมาลายกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าลูกสาวด้วยความเป็นห่วงสุดดวงใจ หัวใจคนเป็นแม่แทบจะแหลกสลาย อยากที่จะเจ็บแทนลูกสาวตนเสียไม่ได้
ในขณะที่คุณอัศวินกอบกุมมือลูกสาวตัวน้อยไว้แน่น
“พ่อขอโทษ...ลูก...พ่อขอโทษ” ชายแก่พร่ำบอกลูกสาว ทั้งเสียใจ ทั้งสงสาร ทั้งรู้สึกผิด ผสมปนเปกันไปหมด...
ตอนที่ 36 ดีใจที่มีเธอหลังจากงานแต่งงานของแพรวพราวและเข็มทิศเสร็จสิ้น คิมหันต์และกุลนารีก็กลับมาถึงห้องพักของพวกเขา ห้องพักที่จัดไว้สวยงามและเรียบร้อย มีแสงไฟอ่อน ๆ ที่ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและผ่อนคลาย ผ้าม่านสีครีมปิดลงครึ่งหนึ่ง ทิ้งให้แสงจันทร์ส่องเข้ามาอย่างนุ่มนวลคิมหันต์นั่งลงบนเตียงพร้อมดึงกุลนารีมานั่งข้าง ๆ เขา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย "แอ้...แอ้เสียใจไหมที่คนข้าง ๆ แอ้เป็นพี่" เขาถามออกมาอย่างนึกหวั่นใจ น้ำเสียงที่อ่อนโยนปนด้วยความประหม่าที่ยังคงติดอยู่ในใจของเขากุลนารีหันมองหน้าคิมหันต์อย่างอ่อนโยนก่อนจะยิ้มและส่ายหน้าไปมา "แอ้ไม่เสียใจค่ะ" สายตาของหญิงสาวที่ดูจริงจังและหนักแน่น ทำเอาคิมหันต์ถึงกับยิ้มกว้างออกมากับคำตอบที่ได้รับ"งั้นแปลว่าดีใจใช่ไหม" คิมหันต์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของกุลนารี ก่อนจะจ้องมองหน้าของหญิงสาวด้วยสายตากรุ้มกริ่มและความออดอ้อนกุลนารียิ้มอย่างนึกขำ "แน่นอน แอ้ต้องดีใจสิคะ" หญิงสาวพูดพร้อมยกมือบางลูบไล้ไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างหลงใหล สายตาหญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มด้วยแววตาที่หวานซึ้ง กุลนารีอยากให้คิมหันต์รับรู้ถึงความรู้สึกที่เธอ
ตอนที่ 35 รักลงตัวบรรยากาศในวันแต่งงานของแพรวพราวและเข็มทิศอบอวลไปด้วยรอยยิ้มและความสุข สวนสวยกลางแจ้งที่จัดงานเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันและไฟประดับระยิบระยับ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างยิ้มแย้มและแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว แพรวพราวในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ เดินเคียงข้างเข็มทิศผู้สวมชุดสูทสีเทาเข้ม ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความรักลึกซึ้ง มือใหญ่ของเข็มทิศกอบกุมมือบางไว้ไม่หยุดเมื่อเข็มทิศและแพรวพราวเดินเข้ามาในพิธีแต่งงาน เข็มทิศกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและมั่นคง "ผมขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมแสดงความยินดีกับเราในวันนี้ ผมเคยทำผิดพลาดจนเกือบจะต้องเสียแพรวไปจากชีวิตของผม วันนี้ผมได้หัวใจของผมคืนมาแล้ว ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลพราวอย่างดีที่สุด จะทำให้เธอมีความสุขในทุกๆ วันครับ"คำพูดของเข็มทิศทำให้แขกทั้งหลายต่างปรบมือและส่งเสียงแสดงความยินดี แพรวพราวยิ้มอย่างเขินอาย รอยยิ้มกว้างใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขฉายออกมาอย่างชัดเจน หญิงสาวกอดแขนของเข็มทิศแน่น ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความรักและความซาบซึ้งคิมหันต์กับกุลนารีที่มาร่วมงานในชุดสูทสีดำที่ตัดเย็บอย่างประณีต ดูหล่อเหล
ตอนที่ 34 ข่าวดี ในช่วงบ่ายวันหนึ่ง แพรวพราวและเข็มทิศขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านของคิมหันต์ เมื่อมาถึงบ้านของชายหนุ่ม ทั้งสองคนก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในบ้าน บรรยากาศยามบ่ายที่บ้านของคิมหันต์และกุลนารีเต็มไปด้วยความเงียบสงบ เมื่อมาถึงคิมหันต์และกุลนารีนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น คิมหันต์เงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคนที่เข้ามาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้เล่า” คิมหันต์ทักทายแพรวพราว พร้อมปรายตามองเข็มทิศที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างไม่สบอารมณ์แพรวพราวทำเป็นไม่สนใจสีหน้าของคิมหันต์ หญิงสาวจูงมือเข็มทิศมานั่งด้านข้างคนทั้งสอง ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับคิมหันต์และกุลนารี “พี่คิม คุณแอ้ พราวมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ” คิมหันต์เลิกคิ้วมองน้องสาวด้วยความสงสัย “พราวมีเรื่องอะไรเหรอ” แพรวพราวสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง “พี่คิมคะ พราวกับเข็มทิศตัดสินใจจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ค่ะ” คำพูดนี้ทำให้ทุกคนในห้องเงียบลงไปชั่วขณะ กุลนารีมีสีหน้ายิ้มแย้ม เธอรู้สึกตื่นเต้นและดีใจกับข่าวที่ได้รับ หญิงสาวรีบแสดงความยินดีกับทั้งสอง
ตอนที่ 33 เรื่องของเราคิมหันต์และกุลนารีกลับออกมาจากห้องของแพรวพราว ความเงียบสงบในคอนโดตัดกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในใจของคิมหันต์ เมื่อถึงพวกเขาถึงที่รถ คิมหันต์เองที่ยังคงรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่หาย เขายืนอยู่ข้างรถ เอามือเท้าสะเอว พลางมองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจกุลนารีมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง “พี่คิม คิดอะไรอยู่คะ”คิมหันต์หันมามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด “พี่ไม่ชอบหน้าไอ้เข็มทิศเอาเสียเลย เชอะ...จะให้พี่ยอมรับงั้นเหรอ เข็มทิศทำให้พราวเกือบต้องตาย แล้วจะให้พี่วางใจง่ายๆ ได้ยังไง”กุลนารีมองค้อนคิมหันต์ ก่อนจะพูดประชดออกมา “พี่คิม อันที่จริงจะโทษเข็มทิศฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะ เพราะจริง ๆ แล้วเรื่องทั้งหมดก็เริ่มมาจากพี่คิมไม่ใช่เหรอ”คิมหันต์ได้ยินถึงกับสะอึกไปทันที ชายหนุ่มมองหญิงสาวตาละห้อย ก่อนจะรีบโอบร่างบางเข้าหา “แอ้กำลังโทษพี่เหรอ” เสียงออดอ้อนทำเอากุลนารีถึงกับอ่อนใจ หญิงสาวได้แต่เบนหน้าหนี “แล้วแอ้พูดผิดตรงไหนกัน” เสียงหญิงสาวยังคงกล่าวออกมาด้วยความงอน ชายหนุ่มถึงกับไปไม่เป็น รีบแก้ตัว “เพราะพี่รักแอ้หรอกนะ ถ้าพี่ไม่ทำอย่างนั้น วันน
ตอนที่ 32 เผชิญหน้าในเช้าวันต่อมา แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องของแพรวพราว บรรยากาศอบอุ่นและสงบ เข็มทิศลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเบิกบาน ชายหนุ่มหันมองหน้าหญิงสาวในอ้อมกอด เขาเผลอยิ้มขึ้นมาในทันใด มือหน้าลูบไล้เส้นผมที่ปรกลงบนใบหน้าอย่างรู้สึกเอ็นดู เขาเหม่อมองใบหน้านวลเนิ่นนานอย่างรู้สึกโล่งใจ บัดนี้เขารับรู้ความรู้สึกที่ตนมีต่อหญิงสาวถึงความเสน่หาอย่างแท้จริงทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูดังขึ้นทำให้เข็มทิศชะงักมือลง แพรวพราวยังคงงัวเงียด้วยความอ่อนเพลียอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มได้แต่นึกเอ็นดู เขาค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียงอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนหญิงสาวตรงหน้า เข็มทิศที่ยังสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเดินมาเปิดประตู ทันทีที่เห็นแขกมาเยือนเขาก็ได้แต่ชะงักงันลงไปคิมหันต์ที่ถือข้าวของมาอย่างพะรุงพะรังนิ่งอึ้งไป เขาเกือบโยนข้าวของดังกล่าวแล้วกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มตรงหน้า คิมหันต์มองเข็มทิศด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”เข็มทิศมองคิมหันต์อย่างไม่เกรงกลัว “ผมค้างที่นี่” คำตอบของเขาทำเอาคิมหันต์ถึงกับบันดาลโทสะ ชายหนุ่มโยนของลงกับพื้นพร้อมปรี่เข้าหาเข็มทิศ “
ตอนที่ 31 ตามง้อเข็มทิศยังคงมาหาแพรวพราวที่โรงพยาบาลทุกวัน ชายหนุ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดในใจทุกครั้งที่เห็นแพรวพราวที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอดูสดใสขึ้นแม้จะยังซีดเซียวอยู่ แต่แพรวพราวก็ยังคงปากแข็งไม่ยอมคืนดีด้วย ทุกครั้งที่เข็มทิศเอ่ยปากขอโทษและพยายามอธิบายความรู้สึกของตัวเอง แพรวพราวก็เพียงแค่เบือนหน้าหนีและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เข็มทิศ คุณกลับไปเถอะ ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าคุณอีกแล้ว” แพรวพราวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและแววตาแสดงถึงความงอนง้อคิมหันต์ยืนอยู่ข้างๆ เตียงผู้ป่วย เอาแต่มองเข็มทิศด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมั่นไส้ “คุณควรจะเลิกมาที่นี่ได้แล้ว แพรวพราวต้องการคนที่ดีกว่าคุณ”เข็มทิศถอนหายใจหนัก ความรู้สึกท้อแท้เข้ามาท่วมท้นในใจเขา แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ “ผมรู้ว่าผมทำผิดพลาดมาก แต่ผมอยากให้พราวให้โอกาสผมอีกครั้ง”คิมหันต์ส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ “โอกาส คุณเคยมีโอกาสแล้วแต่คุณก็ทำมันพัง คุณคิดว่าคุณสมควรได้รับโอกาสอีกครั้งหรือ”ในขณะที่สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ดีขึ้นเลย กุลนารีมองค้อนคิมหันต์อย่างไม่พอใจ หญิงสาวกระทุ้งแขนเข้าที่เอวชายหนุ่มอย่างแรง คิมหันต์ได้แต่มองกุลนารีตาละห้อย พร
Comments