ธีรภัทรจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของพิมพ์ดาว ราวกับกำลังประเมินว่าเธอรู้อะไรมาบ้าง เขาไม่ตอบในทันที แต่กลับเดินเข้ามาใกล้ มือใหญ่คว้ากระดาษหนังสือพิมพ์ในมือของเธอไปดู
"ข่าวนี้...เธอไปเจอมันที่ไหน?" เสียงของเขาเรียบเย็น แต่แฝงไปด้วยความระแวง
"ฉันแค่...บังเอิญเจอในลิ้นชัก" พิมพ์ดาวตอบพลางมองเขาด้วยแววตาจริงจัง
"มันเป็นข่าวเกี่ยวกับบริษัทที่ล้มละลายเพราะถูกคู่ค้าหักหลัง... แล้วทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันเกี่ยวกับฉัน?"
ธีรภัทรกำเอกสารแน่น ราวกับกำลังอดกลั้นอารมณ์บางอย่าง
"เธอไม่จำเป็นต้องรู้" เขาตอบเสียงเข้ม ก่อนจะหันหลังเดินไปทางประตู แต่พิมพ์ดาวไม่ยอมแพ้ เธอรีบเดินไปขวางหน้าเขาไว้
"ฉันต้องรู้! เพราะตั้งแต่ฉันก้าวเข้ามาในบ้านนี้ ทุกคนมองฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ฉันถูกดูถูก เหยียดหยาม และถูกตราหน้าว่าเป็น 'ลูกของคนทรยศ' โดยที่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของฉันทำอะไรผิด! ถ้าคุณไม่บอก ฉันก็คงต้องไปหาคำตอบเอง!"
ธีรภัทรจ้องเธอด้วยสายตาแข็งกร้าว ดวงตาที่เคยเย็นชาเริ่มฉายแววความเจ็บปวดที่เขาพยายามซ่อนมาโดยตลอด
"เธออยากรู้จริง ๆ ใช่ไหม?" น้ำเสียงของเขาเย้ยหยัน
"งั้นผมจะบอกให้ก็ได้..."
พิมพ์ดาวกลั้นหายใจรอฟัง
"เพราะพ่อของเธอ... เป็นคนที่หักหลังครอบครัวผม เป็นคนที่ทำให้พ่อของผมต้องตาย และเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกอย่างที่ครอบครัวผมเคยมีต้องพังพินาศ!"
พิมพ์ดาวรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน คำพูดของธีรภัทรทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจของเธอ เธอส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
"เป็นไปไม่ได้... พ่อของฉันไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้น... คุณต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ ๆ!"
"เข้าใจผิดงั้นเหรอ?" ธีรภัทรหัวเราะเยาะ
"ถ้าเธอคิดว่าผมเข้าใจผิด งั้นก็ลองไปถามพ่อของเธอดูสิ ว่าความจริงมันเป็นยังไง!"
พิมพ์ดาวรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบ เธอไม่เคยได้ยินเรื่องนี้จากพ่อมาก่อนเลย ทำไมพ่อถึงไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้? หรือว่าสิ่งที่ธีรภัทรพูดเป็นความจริง?
เธอถอยหลังไปเล็กน้อย สับสนและหวาดหวั่นไปหมด ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไปเสียงเบาแต่หนักแน่น
"ฉันจะหาความจริงด้วยตัวเอง... และถ้าฉันพบว่าคุณเข้าใจผิด ฉันจะไม่ยอมให้คุณมาดูถูกฉันอีกต่อไป!"
ธีรภัทรมองเธอเงียบ ๆ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"งั้นก็ลองดูสิ พิมพ์ดาว แต่ระวังให้ดี... เพราะบางความจริงมันอาจจะทำให้เธอรับไม่ไหว"
พิมพ์ดาวยืนนิ่ง ราวกับถูกตรึงอยู่กับที่ คำพูดของธีรภัทรดังก้องอยู่ในหัวของเธอ
"บางความจริงมันอาจจะทำให้เธอรับไม่ไหว"
เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา ความจริงที่เขาพูดถึงมันคืออะไรกันแน่? มีอะไรมากกว่านั้นอีกงั้นเหรอ? หรือว่าสิ่งที่เธอรู้มา ยังเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความจริงทั้งหมด?
"การแต่งงานนี้คุณเป็นคนวางแผนใช่มั้ย เพราะอะไร?" เธอถามออกไป น้ำเสียงสั่นไหวกว่าที่ตั้งใจไว้
ธีรภัทรหัวเราะในลำคอ ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอราวกับกำลังวัดปฏิกิริยา
"แล้วเธอคิดว่าเพราะอะไรล่ะ พิมพ์ดาว?" เขาเอ่ยเสียงเรียบ "เพราะความรักงั้นเหรอ?"
คำพูดนั้นเหมือนคมมีดที่กรีดลงกลางหัวใจของเธอ ความเย้ยหยันในน้ำเสียงของเขาทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าอะไรคือความจริง
"คุณ... วางแผนแต่งงานกับฉัน เพื่อแก้แค้น?"
เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมดิ่งลงไปในความมืดมิดที่ไร้ทางออก
ธีรภัทรไม่ปฏิเสธ รอยยิ้มของเขาไม่มีความอ่อนโยนหลงเหลืออยู่อีกแล้ว
"แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ? การได้เห็นลูกสาวของคนทรยศต้องมาอยู่ใต้กำมือของผม ต้องมองเห็นพ่อของตัวเองทุกข์ทรมานเพราะไม่สามารถช่วยเธอได้... นั่นไม่ใช่การแก้แค้นที่สาสมเหรอ?"
พิมพ์ดาวตัวสั่นสะท้าน ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วร่างกายราวกับถูกทิ่มแทงด้วยหนามแหลม น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้เอ่อล้นออกมาโดยไม่อาจห้ามได้
"เพราะเหตุนี้ใช่ไหม... คุณถึงพยายามทำร้ายจิตใจฉันมาตลอด? ปล่อยให้คนอื่นดูถูกเหยียดหยาม ฉันเป็นเพียงเครื่องมือในการแก้แค้นของคุณงั้นเหรอ? ซื้อฉันมาด้วยเงิน... แล้วก็ทำร้ายฉันแบบนี้?"
พิมพ์ดาวเอ่ยเสียงสั่น ดวงตาฉายแววผิดหวังและเจ็บปวด ขณะที่จ้องมองเขาราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ธีรภัทรเม้มริมฝีปากแน่น ราวกับกำลังลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่แล้วเขาก็หัวเราะออกมา
“ใช่ และมันจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ให้สาสมกับสิ่งที่ครอบครัวเธอทำไว้”
แต่แม้เขาจะพูดเช่นนั้น ดวงตาของเขากลับฉายแววบางอย่างที่บอกเป็นนัยว่าเขาเองก็ไม่ได้ภูมิใจกับสิ่งที่ทำ
พิมพ์ดาวรู้สึกเหมือนถูกบีบหัวใจ เธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเท่านี้มาก่อน ร่างกายไร้เรี่ยวแรงจนแทบทรงตัวไม่อยู่ เธอเงยหน้ามองเขา น้ำตาร่วงหล่นลงมาอย่างไม่อาจห้ามได้
"ถ้าการทำร้ายฉันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ก็แสดงว่าคุณเองก็ยังหนีจากอดีตไม่ได้เลยสินะ" เธอพูดออกมาแผ่วเบา
ธีรภัทรจ้องมองเธอด้วยสายตาแข็งกร้าว แต่ลึก ๆ แล้ว เหมือนมีบางอย่างฉายแววลังเลอยู่ชั่วขณะ
พิมพ์ดาวกำมือแน่น สูดลมหายใจลึก พยายามเรียกสติของตัวเองกลับมา เธอไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ
"ก็ได้... ถ้าสำหรับคุณ ฉันเป็นแค่เครื่องมือในการแก้แค้น ฉันจะไม่ยอมให้คุณใช้ฉันเป็นหมากอีกต่อไป" เธอประกาศเสียงหนักแน่น แม้หัวใจจะแตกสลายไปแล้วก็ตาม
ธีรภัทรนิ่งไปกับคำพูดของเธอ ดวงตาของเขาสั่นไหวเพียงเสี้ยววินาที แต่แล้วก็กลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง
"งั้นก็ดี พิมพ์ดาว ลองดูสิ ว่าเธอจะทนได้แค่ไหน" เขาพูดเสียงเย็นชา ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งเธอไว้กับความเจ็บปวดที่ไม่มีคำใดจะอธิบายได้...
พิมพ์ดาวทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง น้ำตาร่วงหล่นเงียบ ๆ ขณะที่เสียงฝีเท้าของธีรภัทรค่อย ๆ จางหายไป
เธอกัดริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นเสียงสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมาในอก หัวใจของเธอแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อได้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแผนการแก้แค้นของเขาเท่านั้น
“คุณมันใจร้าย…จริง ๆ” เธอพึมพำกับตัวเอง แววตาหม่นเศร้า แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังไม่สามารถเกลียดเขาได้เลย
เธอไม่เข้าใจตัวเอง…ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดของเขาที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเย็นชา แม้ว่าเขาจะทำร้ายเธอด้วยคำพูดแสนโหดร้าย แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดซึ่งเขาเองก็คงไม่รู้ตัว
พิมพ์ดาวยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา สูดลมหายใจลึก พยายามเรียกสติกลับคืนมา
เธออาจเป็นแค่เครื่องมือในการแก้แค้นของเขาในตอนนี้ แต่เธอเชื่อว่า…ไม่มีใครสามารถใช้ชีวิตอยู่บนความเกลียดชังได้ตลอดไป หัวใจของธีรภัทรยังเต็มไปด้วยบาดแผลแห่งอดีต และเขาเลือกที่จะใช้เธอเป็นทางออกในการระบายความเจ็บปวดนั้น
แต่ถ้าหากเธอสามารถทำให้เขาเห็นได้ว่าความเกลียดชังไม่ได้ช่วยให้หัวใจสงบสุขได้ล่ะ? ถ้าเธอสามารถทำให้เขาเห็นว่าความรักยังคงมีอยู่…และอาจช่วยปลดปล่อยเขาจากความทุกข์ที่กัดกินหัวใจมาโดยตลอด?
พิมพ์ดาวหลับตาลงชั่วขณะ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมแววตามุ่งมั่น
“ฉันจะไม่ยอมแพ้” เธอกระซิบกับตัวเอง เธอปาดน้ำตาออกแรง ๆ ราวกับจะปัดเป่าความอ่อนแอออกไปด้วย
ไม่ว่าเขาจะผลักไสเธอแค่ไหน เธอจะไม่ปล่อยให้ความเกลียดชังเป็นสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ระหว่างพวกเขา เธอจะเปลี่ยนแปลงเขา…แม้ว่าเส้นทางนี้จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดก็ตาม
แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อในความรัก แต่เธอจะทำให้เขาเห็นเอง…ว่าความรักนั้นแข็งแกร่งกว่าความแค้นเสมอ
พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะพูดเสียงสั่นว่า "ฉัน… ฉันพร้อมแล้ว ที่จะให้โอกาสคุณอีกครั้ง"ธีรภัทรเบิกตากว้าง ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้า เขายกมือขึ้นกุมมือของพิมพ์ดาวแน่น ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด"ขอบคุณนะพิมพ์ดาว… ขอบคุณที่ยอมให้โอกาสผม…"ปริญมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาพึงพอใจ เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน"ผมยินดีกับพวกคุณทั้งสองคนจริง ๆ" ปริญพูดขึ้น ก่อนจะเดินไปหาธีรภัทรธีรภัทรลุกขึ้นยืนหันไปมองปริญ ปริญยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า"ฉันกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ แต่ขอให้รู้ไว้ ถ้านายทำให้พิมพ์ดาวเสียใจแม้แต่นิดเดียว… ฉันจะกลับมา และพาพิมพ์ดาวกับลูกหนีไปจากนายทันที"ธีรภัทรมองสบตาปริญด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะพยักหน้าตอบ"ฉันสัญญา… ฉันจะไม่มีวันทำให้พิมพ์ดาวเสียใจอีก"ปริญยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะตบไหล่ธีรภัทรเบา ๆทันใดนั้น…"แด๊ดดี้! แม่!"เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นก่อนที่พัตเตอร์จะวิ่งเข้ามาในห้องรับแขก เด็กน้อยวิ่งตรงมาหาธีรภัทรกับพิมพ์ดาว ก่อนจะกระโดดกอดพวกเข
ปริญยืนมองหลังของธีรภัทรที่เดินจากไปจนลับสายตา เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบเครื่องอัดเสียงขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ คลื่นความรู้สึกบางอย่างกระเพื่อมอยู่ในอก เขารู้ดีว่าธีรภัทรรักพิมพ์ดาวมากแค่ไหน คำพูดเหล่านั้นไม่ได้เสแสร้ง ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดเพื่อเอาใจ แต่เป็นคำพูดที่มาจากหัวใจอย่างแท้จริงปริญก้มมองเครื่องอัดเสียงในมือ ก่อนจะกำมันไว้แน่น และตัดสินใจเดินตรงไปที่รถของตัวเอง เขาสตาร์ทรถและมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านของพิมพ์ดาวทันทีบรรยากาศในบ้านของพิมพ์ดาวเงียบสงบ มีเพียงเสียงของลมที่พัดผ่านหน้าต่าง ปริญนั่งอยู่ตรงกลางห้องนั่งเล่น โดยมีพิมพ์ดาว พ่อ แม่ และน้องชายของเธอนั่งอยู่ล้อมรอบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด"ปริญ... มีอะไรเหรอ?" พิมพ์ดาวถาม น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาและเต็มไปด้วยความสงสัยปริญสบตากับเธอ ก่อนจะยกเครื่องอัดเสียงขึ้นมา"ฉันอยากให้พวกเธอได้ยินสิ่งนี้" เขาพูดช้า ๆ ก่อนจะเปิดเครื่องอัดเสียงทันทีที่เสียงของธีรภัทรดังขึ้น ความเงียบก็ปกคลุมทั่วห้อง"ผมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น..."ดวงตาของพิมพ์ดาวเบิกกว้าง หัวใจเธอเต้นแรงเม
เสียงเครื่องบินที่กำลังลดระดับลงล้อแตะกับรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้พิมพ์ดาวที่กำลังยืนรออยู่หน้าเกทขาเข้าหัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่งามจับจ้องไปยังประตูที่กำลังเปิดออก ผู้โดยสารทยอยเดินออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของพ่อ แม่ และน้องชายที่เดินมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโต พิมพ์ดาวรีบสาวเท้าเข้าไปหา ก่อนจะโผเข้าสวมกอดมารดาแน่น ร่างบางสั่นไหวเล็กน้อยอย่างตื้นตัน“คุณแม่... คุณพ่อ...” พิมพ์ดาวน้ำตาคลอเบ้า“แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน” น้ำเสียงอบอุ่นของมารดาทำให้พิมพ์ดาวกอดท่านแน่นขึ้น ก่อนจะหันไปกอดบิดา และสุดท้ายคือ ภัทร น้องชายที่ยืนกอดอก มองพี่สาวด้วยสีหน้ากึ่งดีใจ กึ่งเคืองขุ่น“กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วนะคะ” พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่คุณหญิงจินดาและเจ้าสัวพิชิตพยักหน้า แม้รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านทั้งสองจะดูขมขื่นเล็กน้อยก็ตาม“กลับมาก็ดีแล้วล่ะ จะได้ดูแลพิมพ์ดาวกับหลานให้ดี ๆ เสียที” เจ้าสัวพิชิตกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม แววตาเย็นชานั้นทำให้พิมพ์ดาวรู้ดีว่าเขายังไม่ให้อภัยธีรภัทร
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสาดส่องลอดผ่านม่านสีขาวภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล เสียงเครื่องวัดชีพจรที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูสงบอย่างน่าประหลาด พิมพ์ดาวนั่งเฝ้าธีรภัทรอยู่ข้างเตียง ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวของชายหนุ่มที่ยังคงหลับสนิทเธอวางมือลงเบา ๆ บนหลังมือของเขา แม้ไม่อยากยอมรับ แต่หัวใจเธอกลับเต้นแรงทุกครั้งที่ได้สัมผัสเขาแบบนี้"อืม..."เสียงครางเบา ๆ ดังขึ้นจากริมฝีปากของธีรภัทร ก่อนที่เปลือกตาของเขาจะขยับเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขากวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนจะหยุดที่ใบหน้าของพิมพ์ดาว"พิมพ์..." เสียงของเขาแหบพร่าและอ่อนแรง แต่แฝงไว้ด้วยความดีใจอย่างชัดเจน "เธอกับลูก... ปลอดภัยใช่มั้ย?"พิมพ์ดาวเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกเหมือนก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ ความเป็นห่วงเป็นใยของเขาที่มีต่อเธอและพัตเตอร์ ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว น้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตาโดยไม่รู้ตัว"พวกเราปลอดภัย..." เธอตอบเสียงเบา ก่อนจะก้มลงไปใกล้เขา "คุณน่ะสิ เป็นยังไงบ้าง?"ธีรภัทรยิ้มบาง ๆ แม้ใบหน
วันต่อมา – หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์พิมพ์ดาวยืนอยู่หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์ในช่วงเย็น ขณะที่ธีรภัทรยืนอยู่ข้าง ๆ เขาใส่สูทสีเข้ม ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ขณะที่พัตเตอร์กำลังเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่ที่สนามเด็กเล่น"ขอบคุณนะคะ ที่มารับพัตเตอร์ด้วยกันทุกวัน" พิมพ์ดาวพูดเบา ๆธีรภัทรหันไปมองเธอ รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปาก "ไม่เป็นไรครับ ผมอยากมาอยู่กับพวกคุณ"พิมพ์ดาวหลุบตาลง เธอรู้สึกว่าธีรภัทรกำลังพยายามอย่างหนักที่จะทำให้เธอเปิดใจ แต่เธอยังไม่กล้าที่จะเชื่อใจเขาเต็มร้อยทันใดนั้น…"พิมพ์ดาว!!"เสียงแหลมสูงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นดังขึ้น ทำให้พิมพ์ดาวและธีรภัทรหันไปมองทันทีร่างของกานต์รวีในชุดเดรสสีดำแนบเนื้อพุ่งตรงเข้ามาด้วยดวงตาวาวโรจน์ ในมือของเธอมีมีดคมกริบเล่มหนึ่ง"กานต์รวี!" ธีรภัทรร้องเสียงดัง ขณะที่กานต์รวีพุ่งเข้าหาพิมพ์ดาวด้วยความเร็ว"แกต้องตาย!!"พิมพ์ดาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขาทั้งสองข้างของเธอเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้น เธอได้แต่มองปลายมีดที่กำลังพุ่งเข้าหาอย่างตกตะ
แสงแดดยามเช้าสาดกระทบผ่านม่านสีขาวในห้องนอนของคอนโดฯ หรูใจกลางเมือง พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ขณะที่เสียงนกร้องแว่วดังมาจากนอกหน้าต่าง ร่างบางขยับกายเบา ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเบา ๆ ตามมาด้วยเสียงของพัตเตอร์ที่ตะโกนเรียกเธอ"มามี๊~ ตื่นได้แล้วครับ!"พิมพ์ดาวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง มือเรียวเสยผมยาวสลวยของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับไป"มามี๊ตื่นแล้วครับลูก เดี๋ยวมามี๊จะออกไปเดี๋ยวนี้"พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตูห้องนอนก็พบกับพัตเตอร์ที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้อง ในชุดนักเรียนที่ถูกแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว มือเล็ก ๆ ถือกล่องนมไว้ในมือ ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามากอดขาเธอแน่น"พัตเตอร์ตื่นเช้าจังเลยค่ะ" พิมพ์ดาวลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของเขา"พัตเตอร์ไม่ได้ตื่นเองนะครับ" เด็กชายเงยหน้ามองเธอ ดวงตากลมโตใสซื่อเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา"แด๊ดดี้โทรปลุกพัตเตอร์เองต่างหาก!"พิมพ์ดาวชะงัก หัวใจเต้นกระตุกเมื่อได้ยินคำว่า 'แด๊ดดี้'"คุณธีรภัทรจะมาเหรอคะ?" เธอถามด้วยความสงสัยพัตเตอร์พยักหน้าแรง