พิมพ์ดาวยังคงทำหน้าที่ของเธอไม่ขาดตกบกพร่อง แม้จะรู้ว่าธีรภัทรยังคงวางกำแพงสูงชันระหว่างพวกเขา แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ เธอคอยดูแลเขาและธารินอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมอาหาร คอยสอบถามอาการป่วย และจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านอย่างเงียบ ๆ
ธีรภัทรแม้จะยังคงความเย็นชา แต่ลึก ๆ ก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความพยายามของพิมพ์ดาว เขาไม่ได้แสดงออกว่าใจอ่อน แต่มีบางช่วงที่สายตาของเขาอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัว และนั่นคือสิ่งที่ธารินสังเกตเห็นเช่นกัน
ธารินเกลียดสายตาแบบนั้นของธีรภัทร เธอเกลียดที่เขาเริ่มมีความรู้สึกอ่อนโยนให้กับพิมพ์ดาว แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม และเธอจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น
เช้าวันหนึ่ง พิมพ์ดาวตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารให้ธีรภัทรกับธาริน เธอทำข้าวต้มปลาอย่างพิถีพิถันและยกไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะอาหาร
"ขอบคุณนะคะพิมพ์ดาว" ธารินเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน ก่อนจะรับถ้วยข้าวต้มไป
พิมพ์ดาวแปลกใจอยู่ครู่หนึ่ง เพราะปกติแล้วธารินแทบจะไม่เคยพูดดี ๆ กับเธอ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่คิดมาก และหันไปจัดโต๊ะต่อ
แต่ทันทีที่ธีรภัทรลุกออกจากห้องอาหาร ธารินก็เปลี่ยนไปทันที
"เธอคิดว่าทำแบบนี้แล้วพี่ธีร์จะใจอ่อนกับเธองั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!"
ยังไม่ทันที่พิมพ์ดาวจะตอบอะไร ธารินก็ยกถ้วยข้าวต้มขึ้นมาแล้วสาดใส่เธอทันที!
ข้าวต้มร้อน ๆ สาดเข้าที่แขนและเสื้อของพิมพ์ดาวจนรู้สึกแสบไปหมด เธออ้าปากค้างด้วยความตกใจ มองธารินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
"เธอไม่มีทางได้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านนี้ จำไว้!"
ธารินกระซิบเสียงเย็นก่อนจะยกยิ้มเย้ยหยัน แล้วเดินออกจากห้องอาหารไป ทิ้งให้พิมพ์ดาวยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้น
น้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตาของพิมพ์ดาว ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดจากข้าวต้มร้อน ๆ แต่เป็นเพราะความเจ็บปวดในใจ เธอแค่อยากทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่ทำไมถึงถูกเกลียดชังขนาดนี้?
แต่ถึงแม้จะเจ็บปวดแค่ไหน เธอก็ไม่มีทางยอมแพ้ พิมพ์ดาวกัดฟันแน่น สูดลมหายใจลึกก่อนจะรีบเก็บกวาดเศษชามที่แตกกระจาย และจัดการเช็ดตัวเองให้สะอาดพร้อมทั้งใส่ยาให้เรียบร้อย ก่อนที่ธีรภัทรจะกลับมา
เธอจะไม่ยอมให้ความโหดร้ายของธารินทำให้เธออ่อนแอ เธอจะต้องอดทน... เพราะเธอเชื่อว่าสักวันหนึ่ง ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปได้
.
.
.
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของช่วงบ่าย ธีรภัทรที่กำลังอ่านเอกสารอยู่ในห้องทำงานเหลือบมองหน้าจอมือถือก่อนจะชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ—“คุณแม่”
เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย
“แม่ครับ” เสียงของเขาทุ้มต่ำและหนักแน่น แต่ภายในกลับรู้สึกสั่นไหวอย่างประหลาด
“ธีร์…ลูกสบายดีไหม?” ปลายสายเป็นเสียงของคุณหญิงมณีรัตน์ อัครวรเดช มารดาของเขา เสียงของเธอนุ่มนวลและอ่อนล้า แฝงไปด้วยความห่วงใย แม้จะไม่ได้พบหน้ากันมานาน แต่ธีรภัทรก็ยังจดจำเสียงนี้ได้ดี
“ผมสบายดีครับแม่” เขาตอบเรียบ ๆ พยายามปิดบังความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจ
“แม่ได้ยินมาว่าลูกกำลังทำบางอย่างที่อาจจะทำให้ชีวิตของลูกต้องจมอยู่กับความแค้น” คุณหญิงมณีรัตน์กล่าวเบา ๆ แต่ชัดเจน “แม่ขอร้องนะธีร์…หยุดเถอะลูก”
ธีรภัทรกำหมัดแน่น ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างพวกเขาไปชั่วขณะ
“แม่รู้ว่าลูกเจ็บปวด…แม่เองก็เจ็บปวดเหมือนกัน” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ “แต่การแก้แค้นไม่ได้ช่วยให้เรากลับมามีความสุขได้หรอกนะลูก”
ธีรภัทรหลับตาลง ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับเข้ามาในความคิดของเขาอย่างรวดเร็ว วันที่พ่อของเขาฆ่าตัวตาย วันที่ครอบครัวของเขาพังทลาย วันที่เขาสาบานว่าจะเอาคืนทุกคนที่ทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในสภาพนี้
แต่ตอนนี้…ทุกอย่างกำลังสั่นคลอน
“พิมพ์ดาว…เธอเป็นคนดีนะลูก” คุณหญิงมณีรัตน์พูดต่อ “แม่ได้ยินจากป้าละม่อมว่าเธอคอยดูแลลูกอย่างดี เธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องในอดีต…อย่าทำร้ายเธอเลยนะธีร์”
ชื่อของพิมพ์ดาวทำให้ธีรภัทรนิ่งงัน เขานึกถึงภาพหญิงสาวที่คอยดูแลเขาอย่างไม่ย่อท้อ แม้ว่าเขาจะเย็นชาใส่เธอแค่ไหนก็ตาม เขานึกถึงแววตาเข้มแข็งของเธอในวันที่ถูกธารินรังแก แต่ก็ยังเลือกที่จะอดทนต่อไป
เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?
“แม่ครับ…” ธีรภัทรพึมพำเสียงเบา เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ความรู้สึกที่ตีกันอยู่ในใจทำให้เขาไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำพูดออกไปได้
“แม่รักลูกนะธีร์” คุณหญิงมณีรัตน์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “และแม่อยากให้ลูกมีความสุข”
ติ๊ด!
สายถูกตัดไปแล้ว แต่คำพูดของมารดายังคงก้องอยู่ในหูของเขา ธีรภัทรถอนหายใจหนักหน่วง ความรู้สึกในใจปั่นป่วนจนเขารู้สึกปวดหัวรุนแรง
ไม่นานหลังจากนั้น ธีรภัทรก็ล้มพับลงกับพื้นทันที!
.
.
.
พิมพ์ดาวที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ได้ยินเสียงดังมาจากห้องทำงานของธีรภัทร เธอรีบวิ่งขึ้นไปดู และภาพที่เห็นทำให้หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น
ธีรภัทรนอนหมดสติอยู่กับพื้น ใบหน้าซีดเซียวราวกับไร้เลือดฝาด!
“พี่ธีร์! พี่ธีร์คะ!” พิมพ์ดาวรีบเข้าไปพยุงเขาขึ้นมาอย่างตกใจ
เธอพยายามเรียกเขาหลายครั้งแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง อาการตัวร้อนจัดของเขาทำให้เธอรู้ทันทีว่าเขาไข้ขึ้นสูง เธอรีบไปหยิบผ้าชุบน้ำและยาลดไข้มาให้เขา พยายามดูแลอย่างเต็มที่ แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้สึกตัว
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ธีรภัทรค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ สิ่งแรกที่เขาเห็นคือใบหน้าของพิมพ์ดาวที่กำลังก้มลงมองเขาด้วยความเป็นห่วง
“พี่ธีร์…ฟื้นแล้วเหรอคะ” เธอถามเสียงเบา ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความกังวล
ธีรภัทรจ้องมองเธอเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดออกมาเบา ๆ ว่า
“…ขอบคุณ”
พิมพ์ดาวชะงักไปทันที
บางที…กำแพงน้ำแข็งที่กั้นระหว่างพวกเขา อาจกำลังละลายลงทีละนิดแล้วก็เป็นได้
พิมพ์ดาวนั่งอยู่ข้างเตียงของธีรภัทรตลอดทั้งคืน คอยเปลี่ยนผ้าชุบน้ำเย็นให้เขาทุกชั่วโมงเพื่อช่วยลดไข้ ร่างสูงใหญ่ที่เคยแข็งแกร่งบัดนี้นอนซมอยู่ใต้ผ้าห่ม ผิวของเขาอุ่นจัดราวกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ภายในตัว
เธอมองดูเขาด้วยสายตาเป็นห่วง แม้จะรู้ว่าธีรภัทรเป็นคนเย็นชาและแข็งกระด้าง แต่เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อเห็นเขาในสภาพเช่นนี้ หัวใจของเธอก็เจ็บปวดตามไปด้วย
“อือ…” ธีรภัทรขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะครางออกมาเบา ๆ ร่างของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่ซึมออกมาจากพิษไข้ พิมพ์ดาวเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเขาอย่างอ่อนโยน ไข้ยังคงสูงอยู่
เธอลุกขึ้นไปเตรียมน้ำอุ่นและผ้าขนหนูผืนใหม่ ก่อนจะกลับมานั่งลงข้างเตียงอีกครั้ง เธอค่อย ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำซับไปตามใบหน้า ลำคอ และแขนของเขาด้วยความทะนุถนอม ในขณะที่เธอกำลังเช็ดใบหน้าของเขา ธีรภัทรกลับขยับตัวและคว้าข้อมือของเธอไว้แน่น
พิมพ์ดาวสะดุ้งเล็กน้อย เธอพยายามดึงมือออกแต่เขากลับจับแน่นขึ้นอีก
“พี่ธีร์…?” เธอเรียกเขาเบา ๆ แต่ดวงตาของธีรภัทรยังคงปิดสนิท เขายังคงไม่ได้สติเต็มที่ มีเพียงเสียงหายใจหนัก ๆ ที่บ่งบอกว่าเขายังคงมีไข้สูง
แต่แล้วเขาก็ทำสิ่งที่ทำให้พิมพ์ดาวแทบหยุดหายใจ ร่างสูงออกแรงดึงให้เธอล้มลงมาบนเตียงข้าง ๆ เขา แขนแข็งแรงของเขาโอบรัดร่างเธอไว้แน่นราวกับไม่ต้องการให้เธอหนีไปไหน
“พี่ธีร์! ปล่อยดาวก่อนค่ะ” เธอกระซิบเสียงสั่น พยายามดันตัวเองออกห่างจากเขา แต่ธีรภัทรกลับซุกใบหน้าลงกับไหล่ของเธอ ริมฝีปากร้อนผ่าวจากพิษไข้กดลงกับผิวเนื้ออ่อนของเธอเบา ๆ
“อย่าไป…” เสียงแหบพร่าของเขาดังขึ้น ราวกับคนกำลังละเมอ
พิมพ์ดาวนิ่งงันไปทันที หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
ธีรภัทรกอดเธอแน่นขึ้น อ้อมแขนของเขาทั้งร้อนและหนักหน่วง ดวงตาของเขาแม้จะยังหลับอยู่ แต่ใบหน้าที่ซุกอยู่กับเรือนกายของเธอนั้นเต็มไปด้วยความต้องการที่เขาเองก็อาจไม่รู้ตัว
ร่างกายของพิมพ์ดาวสั่นสะท้านไปทั้งตัว ความรู้สึกปั่นป่วนราวกับพายุที่พัดโหมในอกขึ้นเรื่อย ๆ ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกดูดกลืนเข้าไปในวังวนแห่งความรู้สึกที่เธอไม่อาจควบคุมได้
มือของธีรภัทรเลื่อนขึ้นมาลูบไล้แผ่นหลังของเธอผ่านเนื้อผ้าบางเบา สัมผัสของเขาทำให้เธอขนลุกซู่ เธอพยายามบอกตัวเองว่าเขากำลังละเมอ เขาไม่ได้รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร แต่หัวใจของเธอกลับอ่อนไหวอย่างน่ากลัว
“พี่ธีร์…” เธอกระซิบเสียงเบาหวิว แต่ไม่ได้ผลักเขาออก
และในชั่วขณะนั้น… ทุกอย่างก็พร่าเลือนลง
.
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง พิมพ์ดาวลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า หัวใจของเธอยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
เธอหันไปมองร่างสูงข้าง ๆ ธีรภัทรยังคงหลับอยู่ แต่สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายขึ้นกว่าเมื่อคืน
เธอค่อย ๆ ขยับตัวออกจากเตียง แต่ยังไม่ทันได้ก้าวลง ธีรภัทรก็ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ
แววตาของเขาที่มองมาที่เธอทำให้พิมพ์ดาวรู้สึกหนาวเยือกทันที
เขาไม่ได้ดูอ่อนโยนเหมือนเมื่อคืนอีกต่อไป ดวงตาของเขากลับเย็นชาและว่างเปล่าเหมือนเดิม
“เมื่อคืน… มันไม่ควรเกิดขึ้น” เสียงของเขาเรียบเฉยราวกับกำลังตัดขาดทุกอย่าง
หัวใจของพิมพ์ดาวบีบรัดแน่น เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกโยนลงจากที่สูงอย่างไม่ทันตั้งตัว
“พี่ธีร์…” เธอพยายามพูด แต่เขากลับตัดบทเธออย่างไร้เยื่อใย
“ออกไปซะ”
พิมพ์ดาวชะงัก รู้สึกเหมือนลมหายใจขาดห้วง เธอจ้องมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ธีรภัทรกลับไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย
“ฉันไม่ต้องการให้เรื่องเมื่อคืนมาทำให้ทุกอย่างยุ่งยาก” เขากล่าวเสียงเรียบ “มันไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น”
พิมพ์ดาวรู้สึกเหมือนถูกตบเข้าที่หน้าอย่างแรง เธอเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นออกมา
เมื่อคืน… เธอเผลอไผลไปกับเขา
แต่สำหรับเขา… มันกลับไม่มีความหมายอะไรเลยงั้นหรือ?
เธอกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้า ๆ
“ค่ะ…” เธอตอบเสียงเบา ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป
แต่ทันทีที่เธอปิดประตูลง คำถามก็ผุดขึ้นมาในหัว "เมื่อคืนฉันรู้สึกไปเองคนเดียวจริง ๆ หรือ?”
น้ำตาที่เธอกลั้นไว้ก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ด้านในห้อง ธีรภัทรหลับตาลง มือของเขากำผ้าห่มแน่นราวกับพยายามควบคุมอารมณ์บางอย่างที่สั่นคลอนภายในใจ
เขารู้ดีว่าเมื่อคืนนี้เขาทำอะไรลงไป… และเขาก็รู้ดีว่าเขาเองก็ไม่ได้อยากพูดกับเธอแบบนั้น
แต่เขาไม่มีทางเลือก
เขาไม่มีสิทธิ์… ที่จะรักเธอ เขารู้ดีว่าเขากำลังผลักเธอออกไป ทั้งที่หัวใจของเขากำลังร้องเรียกหาเธอ
พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะพูดเสียงสั่นว่า "ฉัน… ฉันพร้อมแล้ว ที่จะให้โอกาสคุณอีกครั้ง"ธีรภัทรเบิกตากว้าง ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้า เขายกมือขึ้นกุมมือของพิมพ์ดาวแน่น ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด"ขอบคุณนะพิมพ์ดาว… ขอบคุณที่ยอมให้โอกาสผม…"ปริญมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาพึงพอใจ เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน"ผมยินดีกับพวกคุณทั้งสองคนจริง ๆ" ปริญพูดขึ้น ก่อนจะเดินไปหาธีรภัทรธีรภัทรลุกขึ้นยืนหันไปมองปริญ ปริญยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า"ฉันกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ แต่ขอให้รู้ไว้ ถ้านายทำให้พิมพ์ดาวเสียใจแม้แต่นิดเดียว… ฉันจะกลับมา และพาพิมพ์ดาวกับลูกหนีไปจากนายทันที"ธีรภัทรมองสบตาปริญด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะพยักหน้าตอบ"ฉันสัญญา… ฉันจะไม่มีวันทำให้พิมพ์ดาวเสียใจอีก"ปริญยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะตบไหล่ธีรภัทรเบา ๆทันใดนั้น…"แด๊ดดี้! แม่!"เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นก่อนที่พัตเตอร์จะวิ่งเข้ามาในห้องรับแขก เด็กน้อยวิ่งตรงมาหาธีรภัทรกับพิมพ์ดาว ก่อนจะกระโดดกอดพวกเข
ปริญยืนมองหลังของธีรภัทรที่เดินจากไปจนลับสายตา เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบเครื่องอัดเสียงขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ คลื่นความรู้สึกบางอย่างกระเพื่อมอยู่ในอก เขารู้ดีว่าธีรภัทรรักพิมพ์ดาวมากแค่ไหน คำพูดเหล่านั้นไม่ได้เสแสร้ง ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดเพื่อเอาใจ แต่เป็นคำพูดที่มาจากหัวใจอย่างแท้จริงปริญก้มมองเครื่องอัดเสียงในมือ ก่อนจะกำมันไว้แน่น และตัดสินใจเดินตรงไปที่รถของตัวเอง เขาสตาร์ทรถและมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านของพิมพ์ดาวทันทีบรรยากาศในบ้านของพิมพ์ดาวเงียบสงบ มีเพียงเสียงของลมที่พัดผ่านหน้าต่าง ปริญนั่งอยู่ตรงกลางห้องนั่งเล่น โดยมีพิมพ์ดาว พ่อ แม่ และน้องชายของเธอนั่งอยู่ล้อมรอบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด"ปริญ... มีอะไรเหรอ?" พิมพ์ดาวถาม น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาและเต็มไปด้วยความสงสัยปริญสบตากับเธอ ก่อนจะยกเครื่องอัดเสียงขึ้นมา"ฉันอยากให้พวกเธอได้ยินสิ่งนี้" เขาพูดช้า ๆ ก่อนจะเปิดเครื่องอัดเสียงทันทีที่เสียงของธีรภัทรดังขึ้น ความเงียบก็ปกคลุมทั่วห้อง"ผมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น..."ดวงตาของพิมพ์ดาวเบิกกว้าง หัวใจเธอเต้นแรงเม
เสียงเครื่องบินที่กำลังลดระดับลงล้อแตะกับรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้พิมพ์ดาวที่กำลังยืนรออยู่หน้าเกทขาเข้าหัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่งามจับจ้องไปยังประตูที่กำลังเปิดออก ผู้โดยสารทยอยเดินออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของพ่อ แม่ และน้องชายที่เดินมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโต พิมพ์ดาวรีบสาวเท้าเข้าไปหา ก่อนจะโผเข้าสวมกอดมารดาแน่น ร่างบางสั่นไหวเล็กน้อยอย่างตื้นตัน“คุณแม่... คุณพ่อ...” พิมพ์ดาวน้ำตาคลอเบ้า“แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน” น้ำเสียงอบอุ่นของมารดาทำให้พิมพ์ดาวกอดท่านแน่นขึ้น ก่อนจะหันไปกอดบิดา และสุดท้ายคือ ภัทร น้องชายที่ยืนกอดอก มองพี่สาวด้วยสีหน้ากึ่งดีใจ กึ่งเคืองขุ่น“กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วนะคะ” พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่คุณหญิงจินดาและเจ้าสัวพิชิตพยักหน้า แม้รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านทั้งสองจะดูขมขื่นเล็กน้อยก็ตาม“กลับมาก็ดีแล้วล่ะ จะได้ดูแลพิมพ์ดาวกับหลานให้ดี ๆ เสียที” เจ้าสัวพิชิตกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม แววตาเย็นชานั้นทำให้พิมพ์ดาวรู้ดีว่าเขายังไม่ให้อภัยธีรภัทร
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสาดส่องลอดผ่านม่านสีขาวภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล เสียงเครื่องวัดชีพจรที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูสงบอย่างน่าประหลาด พิมพ์ดาวนั่งเฝ้าธีรภัทรอยู่ข้างเตียง ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวของชายหนุ่มที่ยังคงหลับสนิทเธอวางมือลงเบา ๆ บนหลังมือของเขา แม้ไม่อยากยอมรับ แต่หัวใจเธอกลับเต้นแรงทุกครั้งที่ได้สัมผัสเขาแบบนี้"อืม..."เสียงครางเบา ๆ ดังขึ้นจากริมฝีปากของธีรภัทร ก่อนที่เปลือกตาของเขาจะขยับเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขากวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนจะหยุดที่ใบหน้าของพิมพ์ดาว"พิมพ์..." เสียงของเขาแหบพร่าและอ่อนแรง แต่แฝงไว้ด้วยความดีใจอย่างชัดเจน "เธอกับลูก... ปลอดภัยใช่มั้ย?"พิมพ์ดาวเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกเหมือนก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ ความเป็นห่วงเป็นใยของเขาที่มีต่อเธอและพัตเตอร์ ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว น้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตาโดยไม่รู้ตัว"พวกเราปลอดภัย..." เธอตอบเสียงเบา ก่อนจะก้มลงไปใกล้เขา "คุณน่ะสิ เป็นยังไงบ้าง?"ธีรภัทรยิ้มบาง ๆ แม้ใบหน
วันต่อมา – หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์พิมพ์ดาวยืนอยู่หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์ในช่วงเย็น ขณะที่ธีรภัทรยืนอยู่ข้าง ๆ เขาใส่สูทสีเข้ม ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ขณะที่พัตเตอร์กำลังเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่ที่สนามเด็กเล่น"ขอบคุณนะคะ ที่มารับพัตเตอร์ด้วยกันทุกวัน" พิมพ์ดาวพูดเบา ๆธีรภัทรหันไปมองเธอ รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปาก "ไม่เป็นไรครับ ผมอยากมาอยู่กับพวกคุณ"พิมพ์ดาวหลุบตาลง เธอรู้สึกว่าธีรภัทรกำลังพยายามอย่างหนักที่จะทำให้เธอเปิดใจ แต่เธอยังไม่กล้าที่จะเชื่อใจเขาเต็มร้อยทันใดนั้น…"พิมพ์ดาว!!"เสียงแหลมสูงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นดังขึ้น ทำให้พิมพ์ดาวและธีรภัทรหันไปมองทันทีร่างของกานต์รวีในชุดเดรสสีดำแนบเนื้อพุ่งตรงเข้ามาด้วยดวงตาวาวโรจน์ ในมือของเธอมีมีดคมกริบเล่มหนึ่ง"กานต์รวี!" ธีรภัทรร้องเสียงดัง ขณะที่กานต์รวีพุ่งเข้าหาพิมพ์ดาวด้วยความเร็ว"แกต้องตาย!!"พิมพ์ดาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขาทั้งสองข้างของเธอเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้น เธอได้แต่มองปลายมีดที่กำลังพุ่งเข้าหาอย่างตกตะ
แสงแดดยามเช้าสาดกระทบผ่านม่านสีขาวในห้องนอนของคอนโดฯ หรูใจกลางเมือง พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ขณะที่เสียงนกร้องแว่วดังมาจากนอกหน้าต่าง ร่างบางขยับกายเบา ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเบา ๆ ตามมาด้วยเสียงของพัตเตอร์ที่ตะโกนเรียกเธอ"มามี๊~ ตื่นได้แล้วครับ!"พิมพ์ดาวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง มือเรียวเสยผมยาวสลวยของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับไป"มามี๊ตื่นแล้วครับลูก เดี๋ยวมามี๊จะออกไปเดี๋ยวนี้"พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตูห้องนอนก็พบกับพัตเตอร์ที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้อง ในชุดนักเรียนที่ถูกแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว มือเล็ก ๆ ถือกล่องนมไว้ในมือ ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามากอดขาเธอแน่น"พัตเตอร์ตื่นเช้าจังเลยค่ะ" พิมพ์ดาวลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของเขา"พัตเตอร์ไม่ได้ตื่นเองนะครับ" เด็กชายเงยหน้ามองเธอ ดวงตากลมโตใสซื่อเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา"แด๊ดดี้โทรปลุกพัตเตอร์เองต่างหาก!"พิมพ์ดาวชะงัก หัวใจเต้นกระตุกเมื่อได้ยินคำว่า 'แด๊ดดี้'"คุณธีรภัทรจะมาเหรอคะ?" เธอถามด้วยความสงสัยพัตเตอร์พยักหน้าแรง