เจตสุวีย์…หนุ่มหล่อลูกเศรษฐีระดับประเทศในวัย 31 ปี ที่ต้องมาอาศัยในบ้านมือสองขนาด 3 ห้องนอนตามลำพัง เขาเลือกที่จะปลีกตัวจากครอบครัวอันอบอุ่นเพราะความสำนึกผิดและต้องการทบทวนในสิ่งที่ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในหลายๆ เรื่อง
เขาขายบ้านที่เคยคิดว่าจะซื้อไว้เพื่ออยู่กับคนที่เขารัก แต่ในเมื่อทุกอย่างพังไปหมดทั้งการงานที่พ่อของเขาไม่ไว้ใจ เหตุทั้งหมดเกิดจากความรักที่ไม่สมหวัง ทำให้ชีวิตจิตใจของเขาพังทลายอย่างไม่เป็นท่า เจตสุวีย์ตัดสินใจยกเงินที่ขายบ้านหรูหลังใหญ่ระดับ Luxury ส่วนหนึ่งให้ผู้หญิงที่เขารักข้างเดียวไปถึง 20 ล้าน และนำเงินที่เหลือมาลงทุนเปิดบริษัทกับเพื่อนสนิทอีกสองคน เพื่อรับงานอีเว้นท์ต่างๆ เปิดบริษัทรับดูแลเป็นที่ปรึกษาจัดการหลังบ้านสำหรับธุรกิจขนาดกลางที่กำลังเฟื่องฟูในไทยจากธุรกิจออนไลน์ต่างๆ รวมถึงสถานบันเทิงอย่าง Esters Bar ที่ทองหล่อของเขายังทำเงินให้ได้พอสมควร ในวันหนึ่งที่เขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวันและกำลังขับรถเข้าไปจอดในบ้าน ถึงกับตะลึงนิดหน่อยที่เห็นหญิงสาวเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงกันข้ามที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายคนที่เขารัก กำลังขนของช่วยแม่ลงจากรถที่จอดหน้าบ้านของเธอ พอเขาไปปิดประตูบ้านหลังจากจอดรถ ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน และเธอที่ยังใส่ชุดนักศึกษาได้เป็นฝ่ายเดินมาทักก่อน “สวัสดีค่ะ..เห็นเข้าอยู่มาตั้งนาน พึ่งได้เจอเจ้าของบ้านก็วันนี้ ยินดีที่รู้จักค่ะ หนูชื่อ ธนัชชา เราเป็นเพื่อนบ้านกัน มีอะไรก็คุยกันได้นะคะ” “ยินดีที่รู้จักเช่นกันครับ ผมชื่อโจ” เจตสุวีย์พูดสั้นๆ แค่นั้น แล้วยิ้มบางๆ ให้ตามมารยาท “เอ่อ..เรียกนัชชาก็ได้นะคะ” “งั้นผมขอเข้าบ้านก่อนนะครับ พอดีต้องเคลียร์งานต่อนิดหน่อย” เขาตัดบทอย่างมีมารยาท แต่ความหล่อสะอาดสะอ้านนั้น ทำให้สาวแรกรุ่นอย่างเธอชอบเขาในทันที ธนัชชาเริ่มเอาขนมไปแขวนไว้ที่ประตูบ้านให้เขาบ่อยๆ เพราะเธอชอบทำขนม ทำให้เจตสุวีย์เกรงใจจนต้องไปกดกริ่งที่บ้านเธอเพื่อกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณมากครับ เห็นเอามาแขวนไว้ให้ตลอด บางทีผมกินไม่ทันก็เอาไปฝากที่ออฟฟิศ” เธอยิ้มเขินอายที่เขามาหาที่บ้านจนได้ “หนูเห็นพี่อยู่คนเดียว เผื่อหิวน่ะค่ะ เพราะบางทีเห็นไฟที่ห้องพี่บนชั้นสองยังเปิดตอนดึกๆ” “นอนดึกเหมือนกันเหรอครับ? จริงๆ ไปเรียนไม่น่านอนดึกนะ” “หนูนอนไม่ค่อยหลับค่ะ เพราะแม่เป็นพยาบาลเข้างานกะดึกบ่อย ตั้งแต่พ่อเสียไป แม่ทำงานเยอะขึ้น ถ้าหนูเรียนจบก็อยากให้แม่สบายขึ้นบ้าง” บ้านของเธอและแม่ที่อยู่ตรงกันข้ามนั้นเป็นบ้านชั้นเดียว จอดรถได้หนึ่งคันเป็นแบบนี้ทั้งฝั่ง ส่วนฝั่งของเขาจะเป็นบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ทั้งฝั่งเช่นกัน มันทำให้เห็นความแตกต่างทั้งจากราคาบ้านและวิถีชีวิต “เสียใจเรื่องพ่อของน้องด้วยนะครับ” “ถ้าพี่โจมีงานพิเศษให้หนูทำก็บอกได้นะคะ ทำได้ทุกอย่าง” ตอนนั้นเจตสุวีย์คิดแค่อยากช่วยเธอจากใจจริงเพราะความเห็นอกเห็นใจ “งั้นผมจะจ่ายรายอาทิตย์ละ 2,500 น้องทำอาหารเย็นมาส่งทุกวันยกเว้นเสาร์อาทิตย์ ผมจะบอกว่าอะไรที่ผมไม่ชอบทาน แล้ววันไหนผมกลับบ้านดึกก็จะแจ้งไว้ จะได้ไม่ต้องทำแต่ก็จะจ่ายเต็มเหมือนเดิม” เธอทำหน้าดีใจจนแก้มแดงระเรื่อ เมื่อต้องแลกไลน์กับเขาไว้ติดต่อกัน “ผมจะให้กุญแจบ้านไว้ชุดหนึ่ง เผื่อเอาอาหารเข้าไปไว้ในบ้าน ผมไม่ซีเรียสเพราะติดกล้องไว้หมดอยู่แล้ว” “ขอบคุณนะคะ..พี่โจ” วันแรกที่เธอต้องทำอาหารไปส่ง ธนัชชารีบกลับจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาทำอาหารใส่กล่องไปให้เจตสุวีย์ที่ยังไม่กลับบ้าน เธอไขกุญแจเข้าไป ตรงไปห้องครัวและเก็บไว้ในตู้เย็น ก่อนจะถือโอกาสเดินดูบ้านชั้นล่าง ทุกอย่างดูแพง ตกแต่งสวยงามไปหมด พี่โจรสนิยมดีจัง..บ้านก็หอม ตัวเขาก็หอมมาก สะอาดไปหมดทั้งบ้าน.. เธอเห็นประตูห้องทำงานเปิดอยู่จึงจะไปปิดไว้ให้ แต่ตาเหลือบไปเห็นภาพวาดหญิงสาวคนหนึ่งบนผนังใส่กรอบอย่างสวยงาม สวยจัง..ใครกันนะ ทำไมถึงทำเป็นภาพวาด ทั้งที่คนในภาพก็ดูไม่ใช่คนสมัยก่อน.. แต่จะว่าไปเขาหล่อขนาดนี้ทำไมยังอยู่คนเดียว ทั้งที่ชีวิตก็ดูเหมือนดีพร้อมไปหมด… ธนัชชาทำอาหารเย็นมาให้เขาร่วมเดือน แต่เขากลับบ้านดึกเสมอ จนเธอไม่ทันได้ดักรอเพื่อเจอหน้าเขาเพราะหลับไปก่อน เจตสุวีย์อยู่ที่ออฟฟิศ เขาทำงานอย่างบ้าคลั่งจริงจังเพื่อกอบกู้ฐานะของตัวเองให้เร็วที่สุด เพราะตั้งปณิธานไว้ว่าจะพิสูจน์ให้พ่อของเขาเห็นว่าสามารถ self-made ได้ “โจ วันนี้ไปแฮงค์เอ้าท์ด้วยกัน โปรเจคหินแม่งกว่าจะเสร็จ ผมเกือบน็อก” “เจอกันที่บาร์สักสี่ทุ่มละกัน พรุ่งนี้จะนอนยาวๆ หน่อย” เขากลับไปถึงบ้านตอนหนึ่งทุ่ม ธนัชชาที่ เห็นรถของเขาจากในบ้านของเธอ ก็รีบเดินออกมาเพื่อทักทาย “พี่โจ ให้หนูช่วยอุ่นอาหารให้เอามั้ยคะ?” เจตสุวีย์ยิ้มให้แล้วพยักหน้า เสียงโทรศัพท์สายเข้าจากน้องสาวก็เข้ามาพอดีขณะที่ไขประตูเพื่อเข้าบ้าน “ว่าไงจูน?” “จูนบอกอายแล้วนะ เรื่องพี่โอนเงิน 20 ล้าน ให้น้องมาร์ติน” “แล้ว..น้องอายพูดอะไรถึงพี่บ้างมั้ย?” ธนัชชาที่กำลังอุ่นอาหารถึงกับหูผึ่งทันที แต่ก็จัดจานอาหารลงบนโต๊ะต่อด้วยท่าทางปกติ “อายกับจูนร้องไห้ด้วยกัน เราต่างทำได้แค่นั้น แมทธิวคงเกลียดพวกเรามาก เพราะตอนพวกเราไปเยี่ยมที่บ้าน เขาออกไปข้างนอกทันที ส่วนเรื่องลูกชาย อายบอกว่าจะให้ลูกชายใช้นามสกุลของอายแทนของสามี” “จูนได้เห็นลูกชายของน้องอายมั้ย? พี่ยังไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่? น้องอายโกหกพี่เรื่องที่ว่าท้องสองเดือนในตอนนั้น คำนวณจากที่พึ่งคลอดย้อนไปเก้าเดือน คือช่วงที่น้องอายมีอะไรกับพี่พอดี” ธนัชชาถึงกับทำช้อนตก เธอรีบทำท่าทางขอโทษเจตสุวีย์ที่นั่งคุยอยู่ตรงโต๊ะอาหาร ซึ่งเขาแค่เหลือบมองแต่ไม่พูดอะไร “เสียงอะไรหล่นอ่ะพี่โจ? แล้วกินอะไรหรือยัง? ม๊าเป็นห่วงทุกวัน ถึงพี่โจไม่บอกใครเรื่องที่อยู่ ป๊าก็ให้คนไปสืบที่อยู่พี่อยู่ดี ตอนนี้ทุกคนก็รู้หมดแล้วว่าพี่อยู่ที่ไหน” เจตสุวึย์ถอนหายใจนิดหน่อย เขาเองไม่กล้าสู้หน้าพ่อกับแม่ แต่พวกท่านก็ยังแอบห่วงเขา “มีอาหารเย็นแล้ว วันนี้ว่าจะไปที่บาร์ จูนอยากชวนเพื่อนมาแจมก็ได้ ไงวันนี้ก็วันศุกร์ พรุ่งนี้ไม่ต้องไปช่วยป๊าที่บริษัทใช่มั้ยล่ะ?” “โอเคพี่โจ นี่ก็เครียดๆ เหมือนกัน” เจตสุวีย์เริ่มทานข้าวเงียบๆ ธนัชชาเสนอตัวอยู่เป็นเพื่อนเพื่อรอล้างจานให้เขา “ถ้าอยากอยู่เป็นเพื่อนคุยก็ได้ แต่ล้างจานไม่ต้องหรอกครับ แม่บ้านกับคนสวนจะมาพรุ่งนี้ พวกเขามาทุกวันเสาร์อยู่แล้ว” “พี่โจอยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอคะ?” “ผมมีเรื่องให้คิดเยอะ ว่าแต่น้องล่ะ ไม่ไปสังคมกับเพื่อนบ้างเหรอ?” “ไม่มีเงินขนาดจะไปเที่ยวเตร่ได้หรอกค่ะ สมัยนี้หน้าตาดีแค่ไหน ถ้าไม่มีเงินเพื่อนก็จะน้อยนะ” “ถ้าวันไหนอยากชวนเพื่อนไปเที่ยว ก็ไปที่บาร์ผมได้ Esters Bar ทองหล่อ ผมจ่ายเอง” “โห จริงเหรอคะ? พี่โจใจดีจัง” เขาแค่ยิ้มให้ พลางกินข้าวและเลื่อนฟีดในไอจีไปด้วย เจตสุวีย์กดไลค์ให้ไอรดาเกือบทุกรูปที่เธอลงไว้ โดยไม่คอมเมนต์อะไรเพื่อไม่ให้เธอมีปัญหากับสามีได้ “หนูบังเอิญ..จะไปปิดประตูห้องทำงานให้ เลยเห็นรูปวาดผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมาก..” “เธอเป็นรักแรกสมัยที่ผมเรียนมหาวิทยาลัยในตอนนั้นที่ผมดันมีแฟนอยู่ก่อน และยังรักเสมอแม้ว่าตอนนี้เธอจะแต่งงานแล้ว” คำตอบที่ตีกรอบให้ตัวเขาเอง ทำให้ธนัชชาถึงกับหน้าสลดลง เจตสุวีย์ดูออกว่าหญิงสาวเพื่อนบ้านนั้นมีใจให้เขา “ทำหน้าเศร้า มีอะไรอยากพูดกับผมหรือเปล่า? ผมเปิดโอกาสให้พูดได้นะ” เขาวางช้อนส้อมลง แล้วนั่งกอดอกมองเธอ ในตอนแรกเขาคิดว่าเธอคล้ายไอรดา แต่พอมองตรงๆ ไม่คล้ายเลยทั้งหน้าตา รูปร่าง เขาคงแค่เห็นด้านข้างแล้วคลับคล้ายคลับคลาเท่านั้น ธนัชชาคิดอย่างรวดเร็วว่า การพูดในสิ่งที่ต้องการก็ยังดีกว่าไม่พูดแล้วจะพลาดสิ่งนั้นไป “หนูชอบพี่โจค่ะ..ไม่ใช่เพราะเงินทอง หนูชอบที่พี่ตัวหอม สะอาด ขยันทำงาน เป็นคนเงียบๆ ดูเป็นผู้นำ แค่ได้อยู่ใกล้ก็มีความสุขแล้ว” เธอก้มหน้าพูดอายๆ โดยไม่มองเขา สองมือที่ขยำกางเกงอยู่เพราะความตื่นเต้นที่บอกความในใจออกไปตรงๆ “น้องไม่มีแฟนเหรอ? หรือคนที่ชอบพอล่ะ?” “เคยมีค่ะตอนปีหนึ่งแต่เขานอกใจ เพราะผู้หญิงอีกคนมีรถส่วนตัวขับ มีเงินให้เขาหยิบยืมได้” เขามองจ้องไปที่หญิงสาวที่ไม่กล้าสบตาเขา “ผมมีคนที่รักในใจแล้ว..แต่ถ้าอยากยื่นหมูยื่นแมวก็ได้อยู่” ธนัชชาเงยหน้ามอง เธอสนใจทั้งนั้นถ้าจะทำให้ได้อยู่ใกล้ชิดผู้ชายตรงหน้า เพราะยังไงคนในใจของเขาก็แต่งงานไปแล้ว เท่ากับทางสะดวก “ยังไงคะ?” “น้องจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องอายเพื่อน จะได้มีสังคม แลกกับก็..ดูแลผมบ้าง ผมไม่รบกวนอะไรมากเพราะงานบ้านผมจ้างแม่บ้านอยู่แล้ว” เขาคุ้นเคยกับการเสนออะไรแบบนี้มาแล้ว แม้แต่กับเมียเก่าของคนที่เขาเกลียด..สามีของไอรดา “เรื่องแบบนั้นด้วย..ใช่มั้ยคะ?” เธอที่หน้าแดงเอ่ยถามขึ้นอย่างตะกุกตะกัก ส่วนเจตสุวีย์ก็ถามกลับเช่นกัน “แม่ของน้องล่ะ จะบอกกับท่านว่ายังไง?” “พี่โจอยากให้สถานะหนูแบบไหนคะ?” “คนโปรดของผม” ธนัชชาคิดว่าเธอจะเอาชนะใจเขาให้ได้ในวันหนึ่ง แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาและเงินเพื่อเข้าคลินิกทำสวยอะไรต่างๆ “หนูตกลงจะเป็นคนโปรดของพี่โจค่ะ”เจตสุวีย์มองเธอแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาดูสุขุม ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย“พี่โจ…เคยมีคนโปรดแบบนี้มั้ยคะ?”“เคย..แต่ไม่ใช่เพราะว่าชอบ แต่เป็นเพราะว่าเกลียด รู้สึกจะช่วงสั้นๆ ไม่ถึงเดือนก็ให้เลิกไปพร้อมกับเงินหนึ่งล้าน ไม่รวมที่โอนจ่ายตลอดให้อีก”“ทำไมเกลียดแล้วถึงเลี้ยงดูคะ?”“ที่ต้องเลี้ยงไว้จะได้อยู่ใกล้ตัว ควบคุมได้ง่าย ไม่ให้ไปด่าระรานผู้หญิงที่ผมรัก”ทำเอาเธอเริ่มกลัวเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มความสัมพันธ์ พูดง่ายๆ การมีสัมพันธ์กับเขาในฐานะผู้ถูกอุปถัมภ์ มีสิ่งต้องห้ามคือ อย่าแตะต้องผู้หญิงในหัวใจเขา“น้องมีรอยสักที่ไหนมั้ยครับ?”“เอ่อ มีค่ะ ที่ต้นคอด้านหลังแต่เล็กๆ เท่านิ้วโป้ง”เจตสุวีย์ทำหน้านิ่งขึ้น แล้วถอนหายใจยาวๆ“แล้วแต่น้องนะ ผมเคารพสิทธิส่วนบุคคล จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ด้วยรสนิยมส่วนตัว ผมไม่ชอบผู้หญิงที่มีรอยสัก ถ้าอยากเก็บไว้ ผมคงต้องขอยกเลิกสิ่งที่เราคุยกัน”ธนัชชารีบละล่ำละลักพ
เขากลับถึงบ้าน เมื่อไขประตูเข้าไปก็เจอธนัชชางัวเงียพึ่งตื่นอยู่ที่โซฟาเพราะได้ยินเสียงประตูเปิด นั่นทำให้เขาแปลกใจ“ทำไมน้องมาอยู่ที่นี่ ไม่กลับไปนอนที่บ้านครับ”“หนูเป็นห่วงพี่โจจะเมาค่ะ เลยมารอ ไม่ได้ยินเสียงรถเลย สงสัยหนูมัวหลับลึกไปหน่อย”“ผมไม่ได้เมามาก แค่มึนๆ นิดหน่อย ขอบคุณมาก”“พี่โจไม่อยากให้หนูอยู่ดูแลพี่เหรอคะ?”เจตสุวีย์ที่เมานิดหน่อยและกำลังปลื้มใจที่จะได้ติดต่อกับคนที่เขารักอีกครั้ง ทำให้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ“อยากดูแลอะไรตอนนี้ มันดึกแล้วนะ เกือบตีสอง”ทำให้ธนัชชาอายขึ้นมาที่เหมือนเธอเสนอตัวก่อน แต่เจตสุวีย์นั้นเขาเหมือนเสือที่เห็นเหยื่อ จึงเดินไปใกล้ๆ แล้วถาม กลิ่นตัวที่หอมของเขาผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นไหวสุดๆ“ดูแลพี่บนเตียงเหรอ หรือยังไง?”“เอ้อ..หนู..เห็นว่าเราตกลงกันแล้วและพี่โจก็ใจกว้างโอนมาให้หนูก่อนตั้งมากมาย จะให้หนูกลับไปนอนที่บ้านสบายใจเฉิบโดยไม่สนใจพี่ว่าถึงบ้านหรือยัง รู้สึ
ธนัชชาที่เก้อเขินเขาที่นอนเอนหลังอยู่ เริ่มเดินมาใกล้ๆ ข้างเตียง ก่อนจะทรุดตัวนั่งข้างตัวเขา แต่เจตสุวีย์กลับมองเธอเฉยๆ เท่านั้น“เอ่อ..พี่โจจะให้หนูทำอะไรคะ คือ..หนูไม่เคยเริ่มก่อน”เฮ้อ..ภรรยาเก่าของแมทธิวยังรู้งานมากกว่านี้ แต่เอาเถอะ..เธอคงไม่รู้งานเท่ากับสาวกลางคืนอย่างกานต์วิภาที่ผ่านผู้ชายมาเยอะกว่าเจตสุวีย์คิดแบบนั้นก็ลุกไปปิดไฟ แล้วไปยืนใกล้เธอที่นั่งบนเตียง จับมือเธอให้มาลูบสัมผัสที่เป้ากางเกงนอนของเขา ธนัชชาเขินมากแต่ดีที่เขารู้ใจเธอแล้วปิดไฟ ทำให้ไม่ต้องอายมากเกินไป เธอเริ่มใช้สองมือลูบไล้อยู่ครู่หนึ่ง จนมันแข็งตัวพองขึ้นก่อนจะค่อยๆ ถอดกางเกงของเขาลงไปกองกับพื้นถึงตอนนี้เธอแอบเสียดายนิดหน่อยที่ปิดไฟจนไม่เห็นเรือนร่างของผู้ชายที่เธอหลงรัก“ผมไปนอนบนเตียงดีกว่านะ”เขาขึ้นไปนอนโดยถอดกางเกงที่กองอยู่ปลายเท้าออกไป ธนัชชาเลื่อนตัวเข้าไปกลางหว่างขาของเขาแล้วใช้ปากโลมเลียเพื่อหวังทำให้เขาพอใจ สำหรับเจตสุวีย์ที่คิดว่าขนาดปิดไฟเธอยังอ้อยอิ่ง ทำให้เขาเบาเกินไปจนแทบจะไ
ช่วงที่ธนัชชาพยายามโอ้โลมเขา กอดจูบไปทั่ว แต่พอจะจูบปากเขากลับเบือนหน้าหนีตลอด จนเธอไม่เข้าใจ “พี่โจรังเกียจหนูเหรอคะ?” เธอถามเสียงอ่อยๆ แต่เขาส่ายหน้า “ทำต่อเถอะ ผมแค่ไม่ชอบจูบใครน่ะ” “แปลกจัง” เธอฟังคำตอบที่แปลกของเขาแล้วอมยิ้ม ก่อนจะถอดกางเกงให้แล้วใช้ปากดูดกลืนน้องชายของเขาที่แข็งตัวมากในตอนนี้ เจตสุวีย์เอาแต่มองรูปคนที่เขารักอยู่ตลอด เขาจำตอนที่ได้ร่วมรักกับไอรดา เธอร้องไห้อ้อนวอนเขาให้หยุด จำความรู้สึกในกายเธอที่นุ่มนิ่มและรัดรึงนั้นได้ดีเมื่อเธอสู้กับเขาจนหมดแรงต้านทาน อารมณ์ ความรู้สึก ความทรงจำนั้น พวยพุ่งออกมาอย่างมากมาย จนธนัชชาที่ใช้ปากให้และไม่รู้ตัวว่าเขาใกล้เสร็จ ถึงกับตกใจที่เขาพรั่งพรูคาปากเธอจนเลอะไปหมด พร้อมกับเสียงครางเบาๆของเจตสุวีย์ที่ลืมตัวหลุดพูดออกมา “ไอรดา..” จากความตกใจที่เขาเสร็จโดยไม่บอกและความน้อยใจที่วันนี้คือวันเกิดของเธอ แต่เขากลับพูดชื่อผู้หญิงอื่นทั้งที่เธอเป็นคนทำ ธนัชชาวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปบ้วนปากและแอบร้องไห้ในห้องน้ำอยู่พักหนึ่ง “นัชชา เข้าห้องน้ำเสร็จหรือยัง ผมขอเข้าหน่อย” เธอเปิดประตูออกมาทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ เจตสุวีย์เห็นแต่
พอวันที่จูนและเจตสุวีย์ไปเชียงใหม่และพักที่บ้านของไอรดา เขาติดสินบนลูกชายป้ารินไม่ให้บอกไอรดาและทุกคนว่าเขามาที่นี่ “บอกแค่ว่าจูนมาคนเดียวก็พอ ผมไม่อยากให้น้องอายมีปัญหากับสามี เราไม่ค่อยถูกกันน่ะ”“อ้อ ครับๆ”ลูกชายป้ารินรับคำอย่างว่าง่าย “จูนนอนห้องนอนรับรองแขกไปเถอะ พี่แค่จะเข้าไปอาบน้ำก็พอ จะนอนที่ห้องรับแขกเอา”“เอ้า ห้องนอนมีตั้งเยอะ”“ทุกห้องที่นี่ ไอ้พ่อม่ายนั่นคงใช้ไปหมดแล้ว นอนไม่ลง”“เฮ่อออ…แล้วแต่ละกัน เอาโทรศัพท์พี่มาหน่อย จะส่งข้อความบอกอาย ขี้เกียจเปิดโน้ตบุ๊ค” เจตสุวีย์ไม่ได้มาที่นี่นานมาก เขาย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้เจอเธอ เพราะเธอสนิทกับจูนจนพาพ่อแม่มาสนิทกัน ร่วมทำกิจการด้วยกัน ในตอนนั้นที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่และมีแฟนแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอเพื่อนสนิทของน้องสาว แค่ได้ยินผ่านๆเพราะจูนชอบเชียร์เพื่อนคนนี้ให้เขาจีบเสมอ จนวันที่ครอบครัวของเขาต้องการไปพักผ่อนที่เชียงใหม่โดยเขาได้มาด้วยและพักที่บ้านนี้ตอนที่เขาลงจากรถและเจอเธอยืนข้างๆคุณแม่ เด็กสาวอายุเพียง 19 เธอสวยถอดแบบแม่มาแทบจะเหมือนพี่สาวและน้องสาว ตอนที่เขาก้าวเข้ามาสวัสดีครอบครัวของไอรดา ดวงตาที่กลมโต ผิวหน้าและผ
เจตสุวีย์จมอยู่กับความคิดที่ว่า ไอรดาอาจเริ่มใจอ่อนให้เขาบ้างแล้ว เขาฟังเพลงที่เธอเคยส่งให้อยู่ตลอด ทั้งเวลาอยู่บ้าน ในรถ ที่ออฟฟิศ บางครั้งไปดื่มที่บาร์ก็ให้เปิดเพลงนี้ตอนนี้เขาเริ่มกลับไปติดต่อกับครอบครัวเป็นระยะๆ แต่ส่วนมากจะเป็นแม่ที่เขาโทรไปหาบ่อยที่สุด ธนัชชากับแม่เที่ยวอยู่ที่ภูเก็ต เจตสุวีย์ได้จ่ายสำหรับห้องพักที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต และให้เช่ารถขับเองโดยไม่ต้องพึ่งแท็กซี่ สองแม่ลูกช้อปปิ้งกินหรูอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “แม่คะ กลับไปเราไปเจอพี่เขากันนะ หนูบอกพี่เขาแล้ว”“จริงเหรอ? แล้วแม่ต้องแต่งตัวยังไง ทำตัวไม่ถูกแน่ๆเลย”เธอลงไอจีมาตลอดถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ได้คบหากับเขา เพื่อนๆมากมายพากันมากดไลค์ให้กับธนัชชาคนใหม่ที่ค่อยๆสวยขึ้น จากการใช้เงินเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม “นัชชา แกรู้ป่ะว่าแฟนแกอ่ะ ลูกนักธุรกิจคนดังระดับประเทศนะ เนี่ย..พึ่งเห็นข่าวจัดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงของปีนี้ มีรูปพี่เขาขึ้นในนั้น ฉันจำหน้าได้”ธนัชชาแกล้งทำเป็นชิลๆเหมือนรู้ดี แต่จริงๆแล้วเธอไม่กล้าถามนามสกุลหรือเรื่องครอบครัวของเขาเลยด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่เปิดปากเล่าก่อน ซึ่งแน่นอน
ไอรดาที่เข้าห้องน้ำ เธอตื่นเต้นจนหายใจแรงและตัดสินใจลบแชททั้งหมดทันทีก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ โดยที่แมทธิวยืนรอเธออยู่ พอเปิดประตูมาเจอทำเอาเธอตกใจสะดุ้งจนตัวโยน“ผมทำคุณตกใจเหรอ? Sweetie”“ก็ปกติไม่มายืนหน้าประตูแบบนี้ เป็นใครก็ตกใจ”“ปกติคุณก็ไม่เคยเอาโทรศัพท์เข้าห้องน้ำด้วย”“เคยสิ เวลาอึ”แมทธิวไม่พูดอะไรแต่มองตาเธอนิ่ง เหมือนต้องการเช็กอะไรอยู่“อะไร? ทำไมต้องจ้องกันแบบนั้นด้วย”ไอรดาถอนหายใจและเบี่ยงตัวเดินหลบเขาไป แมทธิวไม่อยากหาเรื่องหึงกับเธอเพราะกำลังท้องอ่อนๆ กลัวจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกเจตสุวีย์รอให้ไอรดาตอบอะไรมาสักอย่างแต่กลับเงียบ เขาเดินวนไปวนมาในห้อง จนธนัชชาเอ่ยถามขึ้น“พี่โจนอนพักผ่อนดีกว่ามั้ยคะ? ดึกแล้วนะ”“น้องกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้ครับ ผมขออยู่คนเดียววันนี้”เขาพูดโดยไม่มองเธอด้วยซ้ำ ก่อนจะนั่งที่ขอบเตียงจ้องแต่โทรศัพท์ แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ“ทำไมหนูเงียบคะ ตอบอะไรก็ได้มาหน่อย พี่รอหนูอยู่นะ อะไรก็ได้..ได้โปรด”ธนัชชาถึงกับอึ้ง คำพูดของเขาที่ใช้กับผู้หญิงคนนั้นช่างฟังแตกต่างจากที่เรียกหรือพูดกับเธอชัดเจน“ไอรดาอาจจะคุยกับสามีของเธออยู่ก็ได้มั้งคะพี่” เจตสุวีย์อารม
เจตสุวีย์ให้เลขาจองตั๋วคืนนี้ทันทีแพงเท่าไหร่ไม่สำคัญ เพื่อมุ่งสู่ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโกพี่ไม่สนใจว่าใครจะเกลียด..แต่พี่จะต้องไปหาหนู…เขาไปที่บ้านของพ่อแม่ก่อนเวลาที่แจ้งไว้ เลยถือโอกาสโทรคุยกับน้องสาว เพื่อขอโลเคชั่นบ้านของไอรดาและชื่อโรงพยาบาลที่แมทธิวไปรักษาตัวอยู่ แล้วสั่งห้ามไม่ให้จูนบอกเพื่อนของเธอว่าเขาจะไปหาเจตสุวีย์บันทึกแผนการเดินทาง เตรียมเอกสารทุกอย่างและบัตรเครดิตวงเงินสูงที่สุดที่เอาไปได้เลขาแจ้งการจองตั๋วเรียบร้อย เครื่องจะออก 19.15 ถึงที่อเมริกา 21.15 ของวันถัดไป รวม 17 ชั่วโมง เจตสุวีย์คิดว่าเมื่อถึงซานฟรานซิสโก กว่าจะไปที่บ้านของเธอที่ต้องขับรถถึงสองชั่วโมง คงจะดึกมากและรบกวนเวลาที่ทุกคนพักผ่อน เขาจึงเลือกจองโรงแรมที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยไปหาเช่ารถเอาทีหลังเจตสุวีย์จองโรงแรม Pleasanton Marriott ใกล้แค่นั่ง Taxi ไปสิบนาทีก็ถึงโรงพยาบาล Stanfordจากนั้นนั่งรอที่บ้านจนกระทั่งพ่อและแม่ของเขาได้กลับมา หลังจากออกไปข้างนอกด้วยกันมาทั้งวัน พอเจอหน้าพ่อจากที่ไม่ได้เจอนานถึงสองปี เขาถึงกับเกร็งแต่ก็ยกมือไหว้ พ่อเข้ามากอดและไม่พูดอะไร เขากอดตอบและกล่าวได้
หลังจากวันที่ไอรดาไปยังบริษัท เธอก็ไม่ได้ไปอีกเพราะเจตสุวีย์อยากให้เธออยู่บ้านดูแลลูก เขาออกไปทำงานแต่เช้า พอเที่ยงจะกลับมากินมื้อเที่ยงกับเธอเสมอ ตอนเย็นของทุกวัน ทุกคนก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา บางครั้งก็มีแฟนหนุ่มของจูนมาร่วมในมื้อเย็นด้วยเจตสุวีย์สั่งของเล่นแพงๆ มามากมายให้มาร์ติน และโพสต์รูปมาร์ตินลงไอจีตลอดโดยไม่ปิดบัง ทุกคืนเขาจะขอมานอนด้วย แต่ไอรดามักไม่อนุญาตและไล่เขา ยกเว้นจะขอเอามาร์ตินไปนอนด้วยที่ห้องนอนของเขาเองมีคืนหนึ่งที่เขาขอมาร์ตินมานอนห้องเขา คุณสิทธิศักดิ์พ่อของเขาก็มาเคาะประตูเพื่อจะคุยด้วย“ขอคุยด้วยหน่อยนะโจ ยังไม่หลับใช่ไหม?”“ยังครับป๊า เอ่อ..คุยที่นี่ได้ไหมครับ? โจไม่อยากทิ้งลูกไว้คนเดียว กลัวหลับลึกแล้วจะตกเตียง”พ่อพยักหน้าแล้วตามเขาเข้าไปในห้องนอน“ได้กลับไปทำที่นั่นแล้วใช่ไหม? ป๊าหวังว่าโจจะแก้ไขสิ่งที่เคยพลาดไป อย่าให้ป๊าต้องตายไปโดยรู้สึกผิดต่อคุณวิชัยนะ”“ครับป๊า ตอนนี้สถานการณ์ดีมาก อนาคตของบริษัทค่อนข้างมั่นคง เพราะหุ้นใหญ่อย่างคุณอุษาและแพทริค”“อืม..ดีแล้ว อีกอย่างที่ป๊าจะถาม คิดยังไงกับอนาคตตัวเอง? ตอนนี้ก็เป็นพ่อคน ถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่สักวันก็ต้อ
เจตสุวีย์มีหน้าตาที่หล่อเหลาเหมือนเทพบุตรแต่นิ่งเฉยจนดูเย็นชาเหมือนปีศาจร้าย แม่ของธนัชชารับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้รักลูกสาวของเธอแน่นอน“ผมไม่ได้คบเธอ แต่เป็นผู้อุปถัมภ์คอยช่วยเหลืออะไรที่น้องขาด น้องเป็นคนถามผมเองว่าต้องให้ทำเรื่องบนเตียงด้วยไหม โดยที่ผมไม่ได้เสนอเรื่องนี้ก่อน ผมแค่บอกว่าดูแลผมบ้าง..ซึ่งก็พูดแบบทั่วๆ ไป อาจจะหมายถึงดูแลเสื้อผ้า อาหารการกิน ดูแลบ้านเวลาผมไม่อยู่ อะไรก็ได้ แต่น้องกลับเลือกที่จะถามเรื่องบนเตียง ผมก็..แล้วแต่ และครั้งแรกที่มีอะไรกันเพราะน้องร้องไห้น้อยใจผมเพราะรูปผู้หญิงที่ผมรักบนผนังห้องทำงาน แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เรียกร้องให้น้องมาดูแลอะไรแบบนี้อีก แต่เพราะน้องมีกุญแจบ้านผมแล้วถือวิสาสะเข้ามาในห้องนอนผมกลางดึกในวันเกิดของน้อง งอแงให้ผมทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่ผมง่วงเพราะทำงานจนดึก เช้ามาน้องก็เล้าโลมให้ผมทำอีก ก่อนไปอเมริกาน้องเสนอตัวมาค้างที่บ้านผม สรุปแล้ว ผมมีอะไรกับน้องทั้งหมดสี่ครั้ง”ธนัชชาน้อยใจจนน้ำตาไหลพรากเป็นสาย“แต่หนูถามพี่โจบอกว่า หนูคือคนโปรดของพี่นะ คนโปรดที่ไหนไม่มีเรื่องอย่างว่า พี่อาจไม่พูดตรงๆ เพราะกลัวคำพูดจะมัดตัวเอง พอถึงเวลาก็พูดแบ
เช้ามาไอรดาต้องตกใจที่เจอเจตสุวีย์นอนอยู่ข้างมาร์ติน แต่เธอไม่ต้องการปลุกเขาเพราะจะรบกวนทั้งคู่ จึงรีบเข้าไปทำธุระส่วนตัวออกมาชงนมไว้ให้ลูกและลงไปทำอาหารเช้าให้ลูกชาย พอไปถึงห้องครัวก็มีคุณแม่บ้านที่ทำอาหารของมาร์ตินไว้รออยู่แล้ว“คุณไอรดาไม่ต้องทำนะคะ เพราะป้าทำไว้ให้น้องมาร์ตินแล้ว ไม่ทราบว่าตอนนี้น้องตื่นหรือยังคะ?”“อ๋อ..ยังไม่ตื่นเลยค่ะ หนูก็เลยรีบลงมาเผื่อจะได้หยิบจับอะไรได้ วันหลังถ้ามีอะไรให้หนูช่วยก็บอกได้ค่ะ ไม่อยากรบกวนให้คุณป้าต้องตื่นเช้าขนาดนี้”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พอรู้ว่าที่บ้านนี้จะมีเด็กเล็กมาอยู่ด้วย ทุกคนตื่นเต้นดีใจกันไปหมด โดยเฉพาะคุณจันจิรา”เธอจึงเดินกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง เพื่อไปปลุกเจตสุวีย์ ด้วยการจับตัวเขาแล้วเขย่าเบาๆ เขาจับมือเธอไว้ทันทีก่อนจะลืมตา ยันตัวลุกขึ้นมานั่ง ไอรดายอมรับว่าเขามีหน้าตาที่หล่อจนผู้หญิงคนไหนที่เห็นก็ต้องใจอ่อน เหมือนที่ครั้งหนึ่งเมื่อแปดปีก่อน..เธอเคยหลงรักเขาไอรดาพยายามดึงมือออก แต่เขาจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนเธอจะกระซิบคุยเพราะมาร์ตินยังไม่ตื่น“พี่โจไม่ต้องไปไหนหรือไง? รีบออกไปเลยก่อนใครจะมาเห็นอยู่ที่นี่”เขาดึงเธอจนลงไปนั่งบน
เจตสุวีย์มองธนัชชาด้วยหน้าตาที่เธอคุ้นเคยดี สายตาที่เย็นชา ภาษากายที่มีระยะห่างกับเธอตั้งแต่เริ่มต้นคบกัน เธอเคยคิดว่ารับได้ แต่ตอนนี้กลับหึงหวงเพราะหลงรักเขาแล้วเต็มหัวใจ สิ่งที่เธอพูดนั้นทำให้เขาไม่ตอบโต้อะไร ซึ่งก็จริงที่เขาเคยบอกไปแบบนั้น กรณีที่ถ้าเขาโสดไปนานๆ จนครอบครัวของเขาต้องหาผู้หญิงที่เหมาะสมให้มาแต่งงานด้วย แต่ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไปตรงที่ เธอผู้เป็นเจ้าของหัวใจนั้น ไม่มีสามีอีกแล้ว..“งั้นไปคุยกันที่ห้องทำงาน ลูกน้องผมต้องเก็บของที่นี่”เจตสุวีย์สั่งให้ลูกน้องเก็บของเท่าที่เขาต้องการและให้รอในรถก่อน จนกว่าเขาจะคุยเสร็จ“ผมเคยบอกว่า ถ้าวันหนึ่งผมต้องแต่งงานกับคนที่พ่อแม่จัดหามาให้ น้องจะเลือกอยู่หรือไปก็ได้ แต่กรณีนี้ไม่ใช่..เพราะคนที่ผมรัก เธอพึ่งสูญเสียสามีและไม่มีใครอีกแล้ว ผมเป็นคนเดียวที่รักและดูแลเธอได้ ก็ต้องให้เวลาเธอทำใจสักระยะ ผมจะแต่งงานสร้างครอบครัวและจะหยุดที่เธอตลอดไป”“พี่โจจะไม่เห็นใจหนูที่รักพี่บ้างล่ะคะ? แม่หนูก็รู้จักพี่ ชมพี่ตลอดว่าเป็นคนดี พี่โจจะทิ้งกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ? หนูขอแค่อยู่โดยไม่แสดงตัวก็ได้…”“ผมไม่ใช่คนดีอะไรที่ไหน เคยทำอะไรแย่ๆมาก
ธนัชชาเห็นข้อความที่เจตสุวีย์ส่งมา ในตอนเก้าโมงที่เธอพึ่งตื่น จึงรีบตอบกลับทันที เพราะรู้สึกโหวงๆ ในใจ“พี่โจ จะกลับมาวันไหนก็บอกหนูนะคะ หนูไปรับที่สนามบินได้ค่ะ”“ไม่ต้องหรอกครับ รบกวนน้องเปล่าๆ แล้วจะบอกอีกที”เจตสุวีย์ที่เที่ยงคืนแล้วก็ยังนอนไม่หลับได้ตอบธนัชชาไปสั้นๆ เขาคิดถึงคนที่อยู่อีกห้องนั้นต่างหากว่าจะหลับหรือยัง'You had me at hello'"You make my ordinary world more beautiful.''I'll stand by you no matter what.''So many of my smile begin with you.'"You're my comfort zone.''I find pieces of you in every song I listen to.''Together with you is my favorite place to be.''Thinking of you makes me smile.''Only you, not anyone.'ผมรักคุณตั้งแต่แรกเจอ..คุณทำให้โลกธรรมดาของผมสวยงามขึ้น..ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม…รอยยิ้มส่วนใหญ่ของผมเกิดขึ้นเพราะคุณ..คุณคือความสบายใจของผม..ทุกเพลงที่ผมฟัง ผมพบคุณอยู่ในนั้น..ที่ที่ผมชอบ ก็คือที่ที่มีคุณอยู่ด้วย…เพียงแค่คิดถึงคุณ ก็ทำให้ผมยิ้มได้…คุณเท่านั้น ไม่ใช่ใครก็ได้..ข้อความจากไอจีของของแมทธิวส่งให้ไอรดาในตอนเ
น้ำหนักตัวของเจตสุวีย์ที่นอนคร่อมทับเธอ มันทำให้เหตุการณ์ในคืนวันนั้นเมื่อสองปีก่อน กลับเข้ามาในสมองของเธอทันที“หนูพึ่งเสียลูกไป ยังเจ็บท้องอยู่ พี่โจจะทำได้ลงคอเหรอ..”เจตสุวีย์มองเธอใกล้ๆ แววตาที่บอกความรู้สึกรักอยู่เต็มอก เขาเริ่มคิดได้เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่อ้อนวอนของเธอ“พี่เคยเชื่อ..ตอนที่หนูขอร้องแบบนี้ หลอกพี่ให้รอแล้วขึ้นเครื่องบินหนีไปจดทะเบียนสมรสกับแมทธิว พี่รอหนูจนไม่รู้ผ่านไปกี่วัน มันทรมานใจสุดๆ”มือเขาเริ่มซุกซน เลิกชุดนอนที่บางเบานั้นขึ้นไปถึงใต้อก หน้าตาที่หล่อเหลานั้นแดงก่ำจูบซุกซอกคอเธอไม่ปล่อย หัวใจเขาเต้นแรง สะเทือนจนหน้าอกกว้างที่แนบกับอกอวบอิ่มของเธออยู่ให้รู้สึกได้เจตสุวีย์เริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงในลำคอบ้าง มือเขาทำอะไรบางอย่างบนลำตัวเธอ และแล้วของเหลวอุ่นๆ ก็ตกลงบนหน้าท้องของไอรดาเธอทำได้แค่หันหน้าไปด้านข้างหลับตาแน่นด้วยน้ำตาที่ไหลผ่านจมูกไป ส่วนเจตสุวีย์ที่หน้าแดงปากแดงไปหมด เริ่มจูบปากเธออย่างนุ่มนวลไม่ยอมเลิกราง่ายๆ“อื้ออ..พอได้แล้ว”“หนูนอนนี่แหละ พี่ไปเอาทิชชูมาเช็ดให้นะคะ”เขารีบผละไปที่ห้องน้ำแล้วรีบมาหาเธอที่เตียง ไอรดาคว้าทิชชูเอาม
ไอรดาออกจากห้องนอนไปนั่งดูโทรศัพท์ของแมทธิวที่อยู่กับเธอ พลางคิดว่าใครกันที่เข้าถึงบัญชีของเขาได้ เพราะขนาดเธอที่เป็นภรรยา ยังไม่รู้ว่ายูสเซอร์หรือพาสเวิร์ดของสามีคืออะไร โดยข้อความนั้นส่งมาในตอนหกโมงเช้าก่อนเธอจะตื่นไม่นานนักทันใดนั้น เธอรีบตรงไปที่ห้องของเจตสุวีย์ เคาะประตูเรียกเขารัวๆ ประตูถูกเปิดออกโดยเขาที่งัวเงียหนักมาก“จะไปกันแล้วเหรอ? พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”“พี่โจ หนูขอดูโทรศัพท์หน่อยค่ะ”“หือ..มีอะไรหรือคะ?”“หนูแค่ต้องการดูอะไรบางอย่างค่ะ ว่าพี่มีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า”“โอเคค่ะ”เขายื่นโทรศัพท์ให้กับไอรดา เธอรับมาแล้วเปิดดูไอจีของเขาทันที แต่ก็เห็นเค้าออนไลน์แค่ Account ของตัวเองเท่านั้นเธอขมวดคิ้วแล้วยื่นโทรศัพท์คืนกลับไป“หนูมีอะไรกับโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าคะ? ไม่ต้องห่วง พี่ไม่แอบคุยกับใครยกเว้นกับหนู”“ไม่รู้ว่าใครแกล้งหนูหรือเปล่า แต่หนูบอกตรงๆ ว่าไม่ชอบแบบนี้ มาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”“หนูยังไม่บอกพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”“มีใครบางคนเข้าถึงไอจีของสามีหนูแล้วส่งข้อความมาให้ แต่หนูจะสืบให้ได้ว่าคือใคร ที่มาล้อเล่นกันแบบนี้”“แปลกจริง แล้วส่งมาว่ายังไงคะ?”“ช่า
ความเสียใจนั้นมากเสียจนทำให้ไอรดาไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังใคร เธอมีแค่น้ำตาที่ไหลตลอดเวลาและไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับมือของแมทธิวที่หลับไม่ตื่นอีกแล้วเจตสุวีย์เจ็บในใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น เขาออกไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ ข้างนอก โทรแจ้งน้องสาวเรื่องที่แมทธิวได้จากไปแล้ว“จูนจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ไปที่ซานฟรานซิสโก”เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวแมทธิวโดยเฉพาะอาม่า ทำให้ทุกคนยิ่งเสียใจหนักขึ้นมาร์ตินที่อายุเพียงหนึ่งขวบเศษ ถูกแม่ของแมทธิวอุ้มไปข้างนอก เพราะไอรดาเริ่มวูบ ปวดกุมท้องและเป็นลม จนต้องแอดมิทไปอีกคนพ่อของแมทธิวต้องนำอากงอาม่าไปพักทำใจที่โรงแรมก่อน ส่วนเขาต้องจัดการเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของแมทธิวป้ารินและวีวี่พากันร้องไห้และโทรบอกกานต์วิภาที่เมืองไทยถึงข่าวอดีตสามีของเธอที่จากไปแล้ว นั่นทำให้เธอที่กำลังกินข้าวเย็นกับสามีและแม่ ถึงกับช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากตกลงบนจาน น้ำตาที่ไหลออกมาแบบกะทันหัน ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารตกใจ“ป้า..แล้วไอรดาล่ะ?”“คุณพ่อของแมทธิวบอกว่าน้องอายเสียใจจนช็อก แอดมิทอยู่ตอนนี้ ป้าจะไม่ไหวด้วย หนูวีวี่ก็ร้องไห้ เดี๋ยวสักพักเราจะไปโรงพยาบาล…”เสียงป้ารินและว
เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล