ภาคต่อ (จบ) จาก ลองเสี่ยงรัก Long Distance รักแท้จากชายสองคนที่มาจากคนละช่วงเวลา เธอ..ที่มีรักแท้รักเดียวกับเขา แต่ความสุขมักอยู่ไม่นาน เฉกเช่นกับความเศร้า จนนำมาสู่รักแรกในอดีตของเธอ…ชายอีกคนที่ขออาสามาเติมเต็มหัวใจที่บาดเจ็บ…จะผิดก็แต่ว่า..เขาคือคนที่ทำให้เธอชีวิตเกือบพังมาแล้ว
View Moreเจตสุวีย์…หนุ่มหล่อลูกเศรษฐีระดับประเทศในวัย 31 ปี ที่ต้องมาอาศัยในบ้านมือสองขนาด 3 ห้องนอนตามลำพัง เขาเลือกที่จะปลีกตัวจากครอบครัวอันอบอุ่นเพราะความสำนึกผิดและต้องการทบทวนในสิ่งที่ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในหลายๆ เรื่อง
เขาขายบ้านที่เคยคิดว่าจะซื้อไว้เพื่ออยู่กับคนที่เขารัก แต่ในเมื่อทุกอย่างพังไปหมดทั้งการงานที่พ่อของเขาไม่ไว้ใจ เหตุทั้งหมดเกิดจากความรักที่ไม่สมหวัง ทำให้ชีวิตจิตใจของเขาพังทลายอย่างไม่เป็นท่า เจตสุวีย์ตัดสินใจยกเงินที่ขายบ้านหรูหลังใหญ่ระดับ Luxury ส่วนหนึ่งให้ผู้หญิงที่เขารักข้างเดียวไปถึง 20 ล้าน และนำเงินที่เหลือมาลงทุนเปิดบริษัทกับเพื่อนสนิทอีกสองคน เพื่อรับงานอีเว้นท์ต่างๆ เปิดบริษัทรับดูแลเป็นที่ปรึกษาจัดการหลังบ้านสำหรับธุรกิจขนาดกลางที่กำลังเฟื่องฟูในไทยจากธุรกิจออนไลน์ต่างๆ รวมถึงสถานบันเทิงอย่าง Esters Bar ที่ทองหล่อของเขายังทำเงินให้ได้พอสมควร ในวันหนึ่งที่เขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวันและกำลังขับรถเข้าไปจอดในบ้าน ถึงกับตะลึงนิดหน่อยที่เห็นหญิงสาวเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงกันข้ามที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายคนที่เขารัก กำลังขนของช่วยแม่ลงจากรถที่จอดหน้าบ้านของเธอ พอเขาไปปิดประตูบ้านหลังจากจอดรถ ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน และเธอที่ยังใส่ชุดนักศึกษาได้เป็นฝ่ายเดินมาทักก่อน “สวัสดีค่ะ..เห็นเข้าอยู่มาตั้งนาน พึ่งได้เจอเจ้าของบ้านก็วันนี้ ยินดีที่รู้จักค่ะ หนูชื่อ ธนัชชา เราเป็นเพื่อนบ้านกัน มีอะไรก็คุยกันได้นะคะ” “ยินดีที่รู้จักเช่นกันครับ ผมชื่อโจ” เจตสุวีย์พูดสั้นๆ แค่นั้น แล้วยิ้มบางๆ ให้ตามมารยาท “เอ่อ..เรียกนัชชาก็ได้นะคะ” “งั้นผมขอเข้าบ้านก่อนนะครับ พอดีต้องเคลียร์งานต่อนิดหน่อย” เขาตัดบทอย่างมีมารยาท แต่ความหล่อสะอาดสะอ้านนั้น ทำให้สาวแรกรุ่นอย่างเธอชอบเขาในทันที ธนัชชาเริ่มเอาขนมไปแขวนไว้ที่ประตูบ้านให้เขาบ่อยๆ เพราะเธอชอบทำขนม ทำให้เจตสุวีย์เกรงใจจนต้องไปกดกริ่งที่บ้านเธอเพื่อกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณมากครับ เห็นเอามาแขวนไว้ให้ตลอด บางทีผมกินไม่ทันก็เอาไปฝากที่ออฟฟิศ” เธอยิ้มเขินอายที่เขามาหาที่บ้านจนได้ “หนูเห็นพี่อยู่คนเดียว เผื่อหิวน่ะค่ะ เพราะบางทีเห็นไฟที่ห้องพี่บนชั้นสองยังเปิดตอนดึกๆ” “นอนดึกเหมือนกันเหรอครับ? จริงๆ ไปเรียนไม่น่านอนดึกนะ” “หนูนอนไม่ค่อยหลับค่ะ เพราะแม่เป็นพยาบาลเข้างานกะดึกบ่อย ตั้งแต่พ่อเสียไป แม่ทำงานเยอะขึ้น ถ้าหนูเรียนจบก็อยากให้แม่สบายขึ้นบ้าง” บ้านของเธอและแม่ที่อยู่ตรงกันข้ามนั้นเป็นบ้านชั้นเดียว จอดรถได้หนึ่งคันเป็นแบบนี้ทั้งฝั่ง ส่วนฝั่งของเขาจะเป็นบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ทั้งฝั่งเช่นกัน มันทำให้เห็นความแตกต่างทั้งจากราคาบ้านและวิถีชีวิต “เสียใจเรื่องพ่อของน้องด้วยนะครับ” “ถ้าพี่โจมีงานพิเศษให้หนูทำก็บอกได้นะคะ ทำได้ทุกอย่าง” ตอนนั้นเจตสุวีย์คิดแค่อยากช่วยเธอจากใจจริงเพราะความเห็นอกเห็นใจ “งั้นผมจะจ่ายรายอาทิตย์ละ 2,500 น้องทำอาหารเย็นมาส่งทุกวันยกเว้นเสาร์อาทิตย์ ผมจะบอกว่าอะไรที่ผมไม่ชอบทาน แล้ววันไหนผมกลับบ้านดึกก็จะแจ้งไว้ จะได้ไม่ต้องทำแต่ก็จะจ่ายเต็มเหมือนเดิม” เธอทำหน้าดีใจจนแก้มแดงระเรื่อ เมื่อต้องแลกไลน์กับเขาไว้ติดต่อกัน “ผมจะให้กุญแจบ้านไว้ชุดหนึ่ง เผื่อเอาอาหารเข้าไปไว้ในบ้าน ผมไม่ซีเรียสเพราะติดกล้องไว้หมดอยู่แล้ว” “ขอบคุณนะคะ..พี่โจ” วันแรกที่เธอต้องทำอาหารไปส่ง ธนัชชารีบกลับจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาทำอาหารใส่กล่องไปให้เจตสุวีย์ที่ยังไม่กลับบ้าน เธอไขกุญแจเข้าไป ตรงไปห้องครัวและเก็บไว้ในตู้เย็น ก่อนจะถือโอกาสเดินดูบ้านชั้นล่าง ทุกอย่างดูแพง ตกแต่งสวยงามไปหมด พี่โจรสนิยมดีจัง..บ้านก็หอม ตัวเขาก็หอมมาก สะอาดไปหมดทั้งบ้าน.. เธอเห็นประตูห้องทำงานเปิดอยู่จึงจะไปปิดไว้ให้ แต่ตาเหลือบไปเห็นภาพวาดหญิงสาวคนหนึ่งบนผนังใส่กรอบอย่างสวยงาม สวยจัง..ใครกันนะ ทำไมถึงทำเป็นภาพวาด ทั้งที่คนในภาพก็ดูไม่ใช่คนสมัยก่อน.. แต่จะว่าไปเขาหล่อขนาดนี้ทำไมยังอยู่คนเดียว ทั้งที่ชีวิตก็ดูเหมือนดีพร้อมไปหมด… ธนัชชาทำอาหารเย็นมาให้เขาร่วมเดือน แต่เขากลับบ้านดึกเสมอ จนเธอไม่ทันได้ดักรอเพื่อเจอหน้าเขาเพราะหลับไปก่อน เจตสุวีย์อยู่ที่ออฟฟิศ เขาทำงานอย่างบ้าคลั่งจริงจังเพื่อกอบกู้ฐานะของตัวเองให้เร็วที่สุด เพราะตั้งปณิธานไว้ว่าจะพิสูจน์ให้พ่อของเขาเห็นว่าสามารถ self-made ได้ “โจ วันนี้ไปแฮงค์เอ้าท์ด้วยกัน โปรเจคหินแม่งกว่าจะเสร็จ ผมเกือบน็อก” “เจอกันที่บาร์สักสี่ทุ่มละกัน พรุ่งนี้จะนอนยาวๆ หน่อย” เขากลับไปถึงบ้านตอนหนึ่งทุ่ม ธนัชชาที่ เห็นรถของเขาจากในบ้านของเธอ ก็รีบเดินออกมาเพื่อทักทาย “พี่โจ ให้หนูช่วยอุ่นอาหารให้เอามั้ยคะ?” เจตสุวีย์ยิ้มให้แล้วพยักหน้า เสียงโทรศัพท์สายเข้าจากน้องสาวก็เข้ามาพอดีขณะที่ไขประตูเพื่อเข้าบ้าน “ว่าไงจูน?” “จูนบอกอายแล้วนะ เรื่องพี่โอนเงิน 20 ล้าน ให้น้องมาร์ติน” “แล้ว..น้องอายพูดอะไรถึงพี่บ้างมั้ย?” ธนัชชาที่กำลังอุ่นอาหารถึงกับหูผึ่งทันที แต่ก็จัดจานอาหารลงบนโต๊ะต่อด้วยท่าทางปกติ “อายกับจูนร้องไห้ด้วยกัน เราต่างทำได้แค่นั้น แมทธิวคงเกลียดพวกเรามาก เพราะตอนพวกเราไปเยี่ยมที่บ้าน เขาออกไปข้างนอกทันที ส่วนเรื่องลูกชาย อายบอกว่าจะให้ลูกชายใช้นามสกุลของอายแทนของสามี” “จูนได้เห็นลูกชายของน้องอายมั้ย? พี่ยังไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่? น้องอายโกหกพี่เรื่องที่ว่าท้องสองเดือนในตอนนั้น คำนวณจากที่พึ่งคลอดย้อนไปเก้าเดือน คือช่วงที่น้องอายมีอะไรกับพี่พอดี” ธนัชชาถึงกับทำช้อนตก เธอรีบทำท่าทางขอโทษเจตสุวีย์ที่นั่งคุยอยู่ตรงโต๊ะอาหาร ซึ่งเขาแค่เหลือบมองแต่ไม่พูดอะไร “เสียงอะไรหล่นอ่ะพี่โจ? แล้วกินอะไรหรือยัง? ม๊าเป็นห่วงทุกวัน ถึงพี่โจไม่บอกใครเรื่องที่อยู่ ป๊าก็ให้คนไปสืบที่อยู่พี่อยู่ดี ตอนนี้ทุกคนก็รู้หมดแล้วว่าพี่อยู่ที่ไหน” เจตสุวึย์ถอนหายใจนิดหน่อย เขาเองไม่กล้าสู้หน้าพ่อกับแม่ แต่พวกท่านก็ยังแอบห่วงเขา “มีอาหารเย็นแล้ว วันนี้ว่าจะไปที่บาร์ จูนอยากชวนเพื่อนมาแจมก็ได้ ไงวันนี้ก็วันศุกร์ พรุ่งนี้ไม่ต้องไปช่วยป๊าที่บริษัทใช่มั้ยล่ะ?” “โอเคพี่โจ นี่ก็เครียดๆ เหมือนกัน” เจตสุวีย์เริ่มทานข้าวเงียบๆ ธนัชชาเสนอตัวอยู่เป็นเพื่อนเพื่อรอล้างจานให้เขา “ถ้าอยากอยู่เป็นเพื่อนคุยก็ได้ แต่ล้างจานไม่ต้องหรอกครับ แม่บ้านกับคนสวนจะมาพรุ่งนี้ พวกเขามาทุกวันเสาร์อยู่แล้ว” “พี่โจอยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอคะ?” “ผมมีเรื่องให้คิดเยอะ ว่าแต่น้องล่ะ ไม่ไปสังคมกับเพื่อนบ้างเหรอ?” “ไม่มีเงินขนาดจะไปเที่ยวเตร่ได้หรอกค่ะ สมัยนี้หน้าตาดีแค่ไหน ถ้าไม่มีเงินเพื่อนก็จะน้อยนะ” “ถ้าวันไหนอยากชวนเพื่อนไปเที่ยว ก็ไปที่บาร์ผมได้ Esters Bar ทองหล่อ ผมจ่ายเอง” “โห จริงเหรอคะ? พี่โจใจดีจัง” เขาแค่ยิ้มให้ พลางกินข้าวและเลื่อนฟีดในไอจีไปด้วย เจตสุวีย์กดไลค์ให้ไอรดาเกือบทุกรูปที่เธอลงไว้ โดยไม่คอมเมนต์อะไรเพื่อไม่ให้เธอมีปัญหากับสามีได้ “หนูบังเอิญ..จะไปปิดประตูห้องทำงานให้ เลยเห็นรูปวาดผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมาก..” “เธอเป็นรักแรกสมัยที่ผมเรียนมหาวิทยาลัยในตอนนั้นที่ผมดันมีแฟนอยู่ก่อน และยังรักเสมอแม้ว่าตอนนี้เธอจะแต่งงานแล้ว” คำตอบที่ตีกรอบให้ตัวเขาเอง ทำให้ธนัชชาถึงกับหน้าสลดลง เจตสุวีย์ดูออกว่าหญิงสาวเพื่อนบ้านนั้นมีใจให้เขา “ทำหน้าเศร้า มีอะไรอยากพูดกับผมหรือเปล่า? ผมเปิดโอกาสให้พูดได้นะ” เขาวางช้อนส้อมลง แล้วนั่งกอดอกมองเธอ ในตอนแรกเขาคิดว่าเธอคล้ายไอรดา แต่พอมองตรงๆ ไม่คล้ายเลยทั้งหน้าตา รูปร่าง เขาคงแค่เห็นด้านข้างแล้วคลับคล้ายคลับคลาเท่านั้น ธนัชชาคิดอย่างรวดเร็วว่า การพูดในสิ่งที่ต้องการก็ยังดีกว่าไม่พูดแล้วจะพลาดสิ่งนั้นไป “หนูชอบพี่โจค่ะ..ไม่ใช่เพราะเงินทอง หนูชอบที่พี่ตัวหอม สะอาด ขยันทำงาน เป็นคนเงียบๆ ดูเป็นผู้นำ แค่ได้อยู่ใกล้ก็มีความสุขแล้ว” เธอก้มหน้าพูดอายๆ โดยไม่มองเขา สองมือที่ขยำกางเกงอยู่เพราะความตื่นเต้นที่บอกความในใจออกไปตรงๆ “น้องไม่มีแฟนเหรอ? หรือคนที่ชอบพอล่ะ?” “เคยมีค่ะตอนปีหนึ่งแต่เขานอกใจ เพราะผู้หญิงอีกคนมีรถส่วนตัวขับ มีเงินให้เขาหยิบยืมได้” เขามองจ้องไปที่หญิงสาวที่ไม่กล้าสบตาเขา “ผมมีคนที่รักในใจแล้ว..แต่ถ้าอยากยื่นหมูยื่นแมวก็ได้อยู่” ธนัชชาเงยหน้ามอง เธอสนใจทั้งนั้นถ้าจะทำให้ได้อยู่ใกล้ชิดผู้ชายตรงหน้า เพราะยังไงคนในใจของเขาก็แต่งงานไปแล้ว เท่ากับทางสะดวก “ยังไงคะ?” “น้องจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องอายเพื่อน จะได้มีสังคม แลกกับก็..ดูแลผมบ้าง ผมไม่รบกวนอะไรมากเพราะงานบ้านผมจ้างแม่บ้านอยู่แล้ว” เขาคุ้นเคยกับการเสนออะไรแบบนี้มาแล้ว แม้แต่กับเมียเก่าของคนที่เขาเกลียด..สามีของไอรดา “เรื่องแบบนั้นด้วย..ใช่มั้ยคะ?” เธอที่หน้าแดงเอ่ยถามขึ้นอย่างตะกุกตะกัก ส่วนเจตสุวีย์ก็ถามกลับเช่นกัน “แม่ของน้องล่ะ จะบอกกับท่านว่ายังไง?” “พี่โจอยากให้สถานะหนูแบบไหนคะ?” “คนโปรดของผม” ธนัชชาคิดว่าเธอจะเอาชนะใจเขาให้ได้ในวันหนึ่ง แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาและเงินเพื่อเข้าคลินิกทำสวยอะไรต่างๆ “หนูตกลงจะเป็นคนโปรดของพี่โจค่ะ”เจตสุวีย์เดินไปบ้านแม่และไปถามถึงซินแสประจำครอบครัว“ม๊า โจอยากให้ซินแสมาที่บ้านหน่อยน่ะครับ มาวันนี้ก็ได้ โจยอมจ่ายแพงหน่อย”มาดามจันจิราทำหน้าแปลกใจที่ปกติเจตสุวีย์ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ เขามักพูดว่ามันไร้สาระ “มีอะไรเหรอโจ? มีสิ่งเร้นลับหรือยังไงลูก”“แค่สงสัยอะไรนิดหน่อยครับม๊า เจไม่ค่อยชอบโจเลยอ่ะ ชอบหงุดหงิดใส่ แล้วเป็นกับโจแค่คนเดียวด้วยนะ”“เอ่อ…หรือตอนหนูอายท้อง โจชอบเถียงกับน้องหรือเปล่า? เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย ม๊าก็เดามั่ว”อีกชั่วโมงต่อมา ซินแสได้มาที่บ้าน ทำเอาไอรดาแปลกใจ แต่ก็คิดว่าคงมาดูฮวงจุ้ยบ้านซินแสที่ได้รับข้อมูลมา ก็ขอวันเดือนปี เวลาตกฟากของลูกชายจากไอรดา จากนั้นซินแสขอรูปของแมทธิวจากโทรศัพท์ของเจตสุวีย์ไปดูอีกครั้ง โดยมองที่รูปสลับกับเด็กน้อยที่นั่งบนตักแม่ “แววตาเหมือนกันมาก” พูดจบก็ยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปแมทธิวไปที่เด็กน้อย “มีความสุขที่อยู่กับผู้หญิงคนนี้สินะ ถึงได้กลับมาอีกครั้ง”ไอรดาที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับเบิกตากว้าง มองที่เจตสุวีย์ที่ยิ้มมุมปากเล็กๆ “หมายความว่ายังไงคะ?”“คุณผู้หญิงสังเกตพฤติกรรมลูก มีอะไรที่คล้ายคนในรูปบ้างมั้ย? หรือทำไมเด็กถึงไม่ค่อยเข้ากั
เจตสุวีย์ประคบประหงมภรรยายิ่งกว่าไข่ในหินและดูแลไม่ให้คลาดสายตา จวบจนวันแต่งงานที่อเมริกาก็มาถึง รอบนี้คุณปู่คุณย่าของเธอได้มีโอกาสบินไปร่วมงานนี้ด้วยบ้านกิตติโสภณได้ทุ่มเต็มที่ให้กับงานนี้ ทั้งดอกไม้เต็มพื้นที่ ของชำร่วย อาหาร คนเสิร์ฟคอยบริการทั่วทั้งงาน งานมาในธีมสากลแบบฝรั่ง มีบุคคลสำคัญในแวดวงธุรกิจทั้งของเจตสุวีย์และพ่อก็พร้อมใจกันมาร่วมงานแต่งครั้งแรกของพวกเขาเพื่อนของเจตสุวีย์และไอรดาได้มาร่วมด้วยในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว ทุกคนบินมาร่วมงานกันอย่างชื่นมื่น โดยมีครอบครัวสมิธที่มาร่วมงานด้วยยกเว้นพ่อแม่ของแมทธิว ซึ่งพวกเขาแค่กล่าวคำอวยพรให้เท่านั้น มีเพียงอากงและอาม่าจากไต้หวันที่ยังเอ็นดูบินมาร่วมงานตามคำเชิญ“พวกเขาคงไม่พอใจที่แมทธิวจากไปได้แค่หนึ่งปี หนูก็แต่งงานใหม่” ไอรดากล่าวกับเจตสุวีย์ด้วยสีหน้าที่เศร้า“พี่จะพาหนูกับมาร์ตินไปเที่ยวหาพวกเขาบ่อยๆ คนที่พวกเขาไม่ชอบคือพี่ ไม่ใช่หนู”หลังจากปาร์ตี้สละโสด พวกเขาก็พามาร์ตินไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของแมทธิว ก่อนจะบินไปโมนาโกเพื่อขึ้นเรือสำราญสำหรับฮันนีมูนสามประเทศมี DM เข้ามาที่ไอจีของไอรดาในคืนวันแรกที่อยู่บนเรือ เธ
ธนัชชาและแฟนหนุ่มนั่งกับพื้นประจันหน้ากับเจตสุวีย์ คนหนึ่งหน้าตาวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกคนก็มองหน้าเขาด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ“อยากได้เงินหรือความช่วยเหลืออะไรมั้ย? นัชชาให้คุณเท่าไหร่? ผมให้ได้มากกว่านะ ออกคุกมาคุณก็มีเงินใช้สบายๆ ขอแค่ยอมพูดความจริง”เจตสุวีย์ชอบใช้เงินจบปัญหา นี่คือสไตล์ของเขาเวลาต้องการความรวดเร็วและสะดวก“หนูจะแจ้งความกลับ ที่กักขังหน่วงเหนี่ยว ติดสินบนให้คนอื่นใส่ร้ายหนู”“ไม่ต้องห่วง เพราะจบจากการสนทนาอันน่ารังเกียจกับคุณ ผมจะส่งคุณให้ตำรวจพอดี เชิญแจ้งได้เท่าที่พอใจ ผมสนใจอย่างเดียวเกี่ยวกับคุณ..คือเรื่องแม่ ถ้าท่านรู้ว่าคุณใช้เงินของผมมาทำร้ายผม รู้ว่าลูกสาวคนเดียวจะต้องเข้าคุก ท่านจะเสียใจแค่ไหน”พอพูดถึงแม่ของเธอ ธนัชชาออกอาการทันที ป่านนี้แม่คงจะเป็นห่วงและตามหาเธอ ทั้งที่เธออยู่แค่ตรงกันข้ามในบ้านหลังนี้เท่านั้น แฟนของธนัชชาจึงรีบพูดขอความเห็นใจ “ตอนนี้พวกคุณก็ปลอดภัยดี ให้อภัยพวกเราได้มั้ยครับ ผมกับนัชชาจะไม่ทำผิดแบบนี้อีก” พูดจบก็ยกมือไหว้เจตสุวีย์ ธนัชชาที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปถลึงตาใส่ทันที “ผมรอดมาก็จริง แต่คนที่พวกคุณเกือบทำให้ตายคือ
ไอรดาที่เสิร์ฟความรักให้สามีเต็มที่ เธอเพลียหลับไปจากการเจออะไรมาทั้งวันและคืนนี้อีกค่อนคืน เจตสุวีย์จึงปล่อยให้ภรรยาพักผ่อน เขาออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกเพื่อไม่ให้รบกวนเธอ “พรุ่งนี้ออกมาตอนเช้านะ จะได้มาถึงนี่สักเที่ยง แล้วจะส่งพิกัดให้”เขาติดต่อกับกลุ่มที่จับตัวธนัชชาและแฟนหนุ่ม สั่งให้ขังไว้ในห้อง โดยไม่ต้องมัดหรือบังคับทำร้ายพวกเขา เช้าวันต่อมาตำรวจได้แจ้งว่าพบเบาะแสจากร้านขายโทรศัพท์มือถือที่หนองคายว่ามีคนนำโทรศัพท์มาขายให้โดยน่าจะขโมยมาเพราะไม่สามารถปลดล็อกหน้าจอได้จำนวนสองเครื่อง จึงไม่รับซื้อแต่ได้ภาพหน้าตาของผู้ต้องหาจากกล้องวงจรปิดในร้านแทน หนึ่งในสี่ผู้ต้องหาที่ลูกน้องของเจตสุวีย์จับได้ถูกส่งตัวให้ตำรวจ ได้ให้ปากคำว่ารับจ้างงานมาจากผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ นิรมล พอตำรวจเช็กจากเบอร์โทรศัพท์ก็ปรากฏว่าลงทะเบียนเป็นชื่อแฟนเก่าของธนัชชา เจตสุวีย์กลับถึงบ้านพร้อมไอรดา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าไปที่บ้านพ่อแม่ของเขา ก็เจอทุกคนอยู่พร้อมหน้า ไอรดารีบเข้าไปกอดลูกชายที่จูนอุ้มอยู่ ส่วนมาดามจันจิราที่น้ำตาซึมก็รีบเข้าไปกอดลูกชาย“ปลอดภัยนะอาย ทุกคนพากันกังวลไม่ได้หลับไม่นอนที่เธอกับพี่
“นายครับ ผมจะเข้าไปก่อนนะ นายตามผมไปเอานายหญิงมา รีบหนีไปก่อนแล้วค่อยเจอกันทีหลัง ผมจะคุ้มกันให้ ตำรวจกำลังมาทางนี้แล้ว แต่เราไม่มีเวลาพอ”“อีกสองคนอยู่ในนั้นน่าจะมีปืน ต้องอย่าให้มันจับไอรดาไปเป็นตัวประกันได้ เราจะลำบาก”“คุณโจ…คุณสิทธิศักดิ์ชุบเลี้ยงผมมา ท่านขอให้ดูแลคุณ ผมจะทำสุดความสามารถ ยังไงลูกเมียผมก็จะไม่ลำบาก”“ไม่..”เจตสุวีย์พูดได้เท่านั้น ลูกน้องเขาเดินย่องและเล็งปืนอย่างระมัดระวัง พลางยิงขู่ อีกมือก็ทำสัญญาณให้ไอรดาที่ค่อยๆคลานมาลุกวิ่ง เขากระหน่ำยิงขู่ไปสามสี่นัดเพื่อซื้อเวลาให้เจตสุวีย์เข้าไปหาเธอแล้วจับมือดึงให้ลุกขึ้นวิ่ง จนรถกระบะมีรอยพรุนของกระสุนที่หมดลง รถอาวดี้ที่ติดหล่มในนาไปแล้ว ทำให้เจตสุวีย์ที่มือถือปืนข้างหนึ่งและจูงเธอวิ่งหลบไปด้านหลังรถเพื่อใช้เป็นที่กำบังในตอนที่หนี มีเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด “ที่รัก วิ่งนะ อย่าหยุด”ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว พวกเขาวิ่งสลับกับเดินผ่านต้นไม้ทึบๆ จนแน่ใจว่าพ้นอันตรายแล้วจึงให้เธอนั่งพักใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งเจตสุวีย์ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเธอ เสื้อเชิ้ตขาวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อและเปื้อนดินนิดหน่อย กระดุมที่หลุดลุ่ยเผยให้เห็
ขณะที่เจตสุวีย์กำลังยืนอยู่นอกรถที่ปั๊มน้ำมัน ตอนนี้ลูกน้องอยู่กับเขาสามคน เขาจึงสั่งให้หนึ่งคน ขับรถของไอรดากลับบ้านและคอยดูแลป้ารินและมาร์ติน “นายครับๆ พวกเราทุกคนพก GPS ขนาดเล็กติดตัวเสมอ เราเช็กจากเขาดูว่าอยู่ที่ไหนได้นี่ครับ ตอนนายให้พวกเราพกไว้ทุกคนนายมีข้อมูลเข้าถึง GPS ของพวกเราทุกคนได้นะ”เจตสุวีย์ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขามัวจะคลุ้มคลั่งที่ภรรยาหายจนลืมคิดไป เมื่อเขาเปิดแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ขึ้นมาก็ตาวาวทันที จึงรีบโทรบอกพ่อของเขาว่า GPS ลูกน้องคนหนึ่งของเขาเคลื่อนไปในความเร็วที่รู้ได้ทันทีว่ายังอยู่ในรถ เขาดื่มเกลือแร่ที่ซื้อจากในร้านสะดวกซื้อแล้วรีบขับรถออกตามไปทันที “โทรไปเบอร์พ่อผมให้หน่อย บอกว่าเราอยู่เส้นทางไหน”ขับรถไล่ตามกันไปอยู่สองชั่วโมงครึ่ง สัญญาณนั้นขับผ่านอุทยานเขาใหญ่ แล้วจอดที่ร้านอาหารหนึ่งไม่ไกลจากโรงไฟฟ้าลำตะคลอง ส่วนเจตสุวีย์ที่ขับรถเร็วเพราะใจเขาอยากตามไปให้ใกล้ที่สุด ซึ่งตอนนี้เขาขับผ่านโรงพยาบาลแก่งคอยแล้ว ห่างจากสัญญาณไปอีกแค่ 74 กม.“นายครับ พวกมันหยุดพักแต่อยู่บนทางหลัก ผมส่งข้อความถึงคุณสิทธิศักดิ์แล้ว”จูนที่โทรมาว่าไม่เจอ User และ Password ที่จะ
Comments