“สีฝุ่น” หญิงสาวหุ่นอวบ แก้มป่อง วัยเบญจเพส ผมหน้าม้าและรวบหางม้า นั่งสัปหงก อยู่ที่โต๊ะทำงานตามปกติของช่วงเวลาบ่ายอ่อนๆ กินข้าวเที่ยงมาอิ่มๆ ตบด้วยขนมกับชาไข่มุก เดินขึ้นมาเจอแอร์เย็นๆ บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน ไฉนเลยจะตาตื่นอยู่ได้
จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากโปรแกรมแชทในโทรศัพท์มือถือ จึงสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ เป็นข้อความในกลุ่มแชทจากแตงกวา เพื่อนในที่ทำงานเดียวกันนั่นเอง ต่างกันตรงที่ แตงกวาเป็นด่านหน้าธุรการกองบรรณาธิการ นั่งโต๊ะแรกสุด เพราะอย่างนั้นใครเปิดประตูเดินเข้ามาเธอจะเห็นก่อนเป็นคนแรก
“ไอ้ฝุ่น คุณเปี๊ยกมาแล้ว ตื่นนนน” พร้อมสติ๊กเกอร์เป็นตัวการ์ตูนหัวกลมทำท่าเลิ่กลั่ก เห็นเจ้านายใหญ่สุดเฮี้ยบ ไม่ต้องรออะไรมากระตุ้น ทุกคนตาสว่าง ขยันขันแข็งกันทันที สีฝุ่นตื่นเต็มตา เปิดลิ้นชักข้างๆควานดินสอ ปากกา สมุดมาวางข้างๆ เปิดกางออก รีบคลิกหน้าจอพีซีให้ขึ้นอะไรสักอย่าง ลนลานรีบคลิกรัวๆแต่ก็ไม่มีอะไรขึ้นสักที มีแต่สกรีนเซฟเวอร์รูปลูกฟุตบอลสารพัดสีหมุนกลิ้งนวยนาดไปมา ใจเต้นตึกตักตามเสียงรองเท้าที่เดินใกล้เข้ามา ได้แต่ลุ้นให้คุณเปี๊ยกเดินผ่านโต๊ะไปเร็วๆ
แต่ก็เหมือนโชคชะตาไม่เข้าข้างเอาเลย เมื่อคุณเปี๊ยกเดินมาหยุดนิ่งที่ข้างโต๊ะของสีฝุ่นพอดี บรรยากาศในออฟฟิศเงียบสนิท ทุกคนแม้หันหน้าเข้าหาจอ มือพิมพ์อะไรอยู่ต๊อกแต๊กๆ แต่สีฝุ่นรู้ดีว่า หูทุกหูกำลังยืดยาวมาที่โต๊ะของเธอแน่ๆ
“พยายามจะทำอะไรอยู่เหรอ สีฝุ่น” คุณเปี๊ยกถามเบาๆเสียงต่ำ ทำเอาหญิงสาวร่างอวบสะดุ้งเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง
หญิงสาวพยายามตั้งสติ ตายังคงมองหน้าจอ คิ้วขมวด ควบคุมเสียงตอบให้ออกมาราบเรียบ ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ฝุ่นจะเปิดไฟล์งานแต่เปิดไม่ได้ค่ะ ไม่รู้คอมพ์เป็นอะไร”
เงียบกันไปพักหนึ่ง ในขณะที่สีฝุ่นยังคงตั้งหน้าตั้งตาคลิกอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง คอมพ์เธอน่ะ” เจ้านายชายวัยกลางคนพูดแล้วถอนหายใจ “แล้วก็เลิกคลิกได้แล้ว นั่นมันไม่ใช่เมาส์ นั่นมันกล่องขนม”
หญิงสาวสะดุ้งโหยง ในขณะที่หูได้ยินเสียงขำพรืดออกจมูกดังแว่วมา และเสียงกลั้นหัวเราะของคนรอบตัวดังกึกๆ เธอหันไปมองมือขวาตัวเองที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาคลิกฝากล่องป็อกกี้รสกล้วยเคลือบช็อกโกแลตแล้วก็ขายขี้หน้าจนอยากลุกเตะก้นตัวเองแรงๆสักป้าบ อายจนหน้าแดงก่ำ
“โน่น เมาส์เธอโดนขนมเบียดตกไปพื้นโน่นละ ช่างมันก่อน เอ้านี่ รับไป”
ชายกลางคนผมสีดอกเลาที่มักมีกลิ่นบุหรี่ในลมหายใจว่าพลางถือเอกสารสองปึกหนีบคลิปดำแยกกันและหนังสือเก่าคร่ำคร่าอีกเล่มหนึ่งยื่นให้
“นี่เป็นงานที่ต้องรับไปทำบ่ายวันนี้ อ่านบทประพันธ์เรื่องกากี สามเวอร์ชั่นนี้ก่อน ผมให้คนไปถ่ายจากห้องสมุดมาให้ ส่วนหนังสือนี่ เป็นสมบัติส่วนตัวที่บ้านผมเอง ห้ามขาด ห้ามยับ ห้ามเปื้อน เพราะงั้นต่อไปนี้เธอห้ามเอาขนมหรือเครื่องดื่มมากินที่โต๊ะ ถ้าจะกินไปกินในแพนทรี อีกอย่างนะ ห้ามหายเด็ดขาด ถ้าหาย” เขาหยุดพูดจนสีฝุ่นต้องเงยหน้ามอง และทันได้เห็นฝ่ามือทำท่าเลียนแบบใบมีดปาดเข้าที่ลำคอจนเธอต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“งานใหม่ คอลัมน์วิเคราะห์บทบาทของผู้หญิงในวรรณคดี อ่านแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าประชุมแผนงานเดือนหน้า เห็นว่าธีสิสปอโทของเธอก็วิเคราะห์เรื่องสิทธิสตรีและความคาดหวังของสังคมจากงานวรรณกรรมได้ดี งานนี้น่าจะเหมาะ” เจ้านายใหญ่ว่าแล้วก็หันหลังเดินออกจากส่วนออฟฟิศ กลับเข้าห้องทำงานส่วนตัวของเขาไป
เสียงหัวเราะครืนดังขึ้นทันทีเมื่อเจ้านายคล้อยหลัง สีฝุ่นอายจนอยากจะมุดหายลงไปในโต๊ะทำงานเสียให้รู้แล้วรู้รอด
หญิงสาวผมม้าอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองไปยังโต๊ะทำงานของพี่นภ ที่อยู่ถัดไปอีกสามคอก เห็นร่วมผสมโรงหัวเราะเอาเป็นเอาตายอยู่ด้วยก็ใจหายหนักเข้าไปอีก โธ่เอ๊ย แค่นี้ยังน่าสมเพชในสายตาเขาไม่พอหรือไงนะ เธอคิด
“ยังไม่ตัดใจอีกเหรอวะแก” แตงกวาส่งข้อความเข้ามาในแชทเสียงดังตึ๊ง พร้อมสติกเกอร์เอาสองนิ้วกางออกชี้สลับไปมาที่ตาตัวเองกับคนที่กำลังอ่านข้อความ เป็นทำนองว่า เห็นนะว่ากำลังแอบมองพี่นภเขาอยู่ (อีกแล้ว)
“สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร” สีฝุ่นส่งข้อความตอบเพื่อนพร้อมสติกเกอร์กำมือไฟลุกมุ่งมั่น
แตงกวาชะโงกข้ามคอกกั้นสามช่วงคอกมาสบตาเพื่อน โต๊ะอื่นๆยังคงขำกันเป็นระลอก ได้ยินใครบางคนพูดว่ารสกล้วยช็อกโกแลตแว่วๆ มีบางคนเดินมาขอถ่ายรูป
กล่องป็อกกี้สีฝุ่นก็ยื่นให้ถ่ายแต่โดยดี โดยที่ตอนนั้นก็ยังนึกไม่ทันว่า รูปถ่ายนี่จะถูกเอาไปทำอะไรได้บ้างแตงกวาเลิกคิ้ว ส่งข้อความตอบกลับมา “สงครามไรของแก ไม่เห็นเคยพยายามอะไรเลย มองเครื่องบินแล้วเห่าอย่างเดียว ไม่นับว่าสู้แล้วนะ”
หญิงสาวร่างอวบอ่านข้อความของแตงกวาแล้วก็ถอนหายใจ ก็นั่นสินะ ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาห้าปีที่ทำงานที่นี่ เธอก็ได้แต่แหงนมองพี่นภคอตั้งบ่า รุ่นพี่ลูกครึ่งสเปนคิ้วหนา ตาคม จมูกโด่งเป็นสัน ฟันเรียงขาวสวยสะอาด เวลาหัวเราะเสียงดังก้องสดใสเหมือนโลกทั้งโลกจะสว่างไสวไปด้วย ตัวสูงใหญ่ หุ่นนักกีฬาหนาล่ำ ทั้งหล่อ เท่ เก่ง มั่นใจ เป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งบริษัท
สีฝุ่นเองก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวที่ได้แต่หมายปอง ไม่เคยแม้แต่จะได้เฉียดใกล้ และก็เป็นหนึ่งในกองนกจำนวนมหาศาล ตอนที่พี่นภเริ่มควงหญิงสาวคนหนึ่งไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างเปิดเผย เป็นสาวสวยแผนกการตลาด ที่เข้ามาทำงานได้ราวสองปีที่แล้ว สวย น่ารัก ดูมีสกุลรุนชาติ เวลาเดินคู่กันเหมือนเดินพระเอกกับนางเอกออกมาจากละครหลังข่าว สมกันยิ่งกว่ากิ่งทองกะใบหยก ปูไข่ดองน้ำปลากะน้ำจิ้มซีฟู๊ด!
“คืนนี้งานขอบคุณซัพพลายเออร์ เห็นว่าพี่นภมีข่าวดีจะประกาศ แกก็เผื่อๆใจไว้หน่อยละกันนะ” แชทเด้งขึ้นมาอีก พร้อมสติ๊กเกอร์รูปคู่รักหวานแหวว
สีฝุ่นกดสติกเกอร์โกรธส่งตอบไป ทำทีว่าไม่ทุกข์ร้อนอะไรมากนัก แต่ในอกร้อนวูบวาบไปหมด ไฟริษยาแผดเผามันเป็นอย่างนี้นี่เอง ทำไมนะ พวกผู้ชายนี่มีตามองเห็นแค่คนสวยๆเท่านั้นหรือไงกันนะ
หญิงสาวถอนหายใจ พอหันมาเห็นกองเอกสารและหนังสือที่เจ้านายใหญ่เอามาวางไว้ให้ก็สะดุ้งเฮือก ลนลานคว่าปากกาไฮไลต์รีบตั้งหน้าตั้งตาอ่านทันที โดย ต้องอ่านตั้งสามเวอร์ชั่นเลยเหรอเนี่ย จะทันม้ายยยย!
แม่ของเธอยิ้มกว้าง ดวงตาสดชื่น ความสุขแผ่เต็มใบหน้าแม้ร่างกายจะซูบผอมหลังจากต้องเฝ้าไข้เธอมายาวนาน เอ่ยตอบน้ำตาคลอ “ให้อ้วนเป็นช้างแม่ก็เลี้ยงไหว ขอแค่ลูกแม่ปลอดภัย อย่าเป็นอะไรไปอีกก็พอแล้ว” แตงกวาถลามาถึงโรงพยาบาลเพียงเพื่อจะพบว่า โรงพยาบาลห้ามเยี่ยมเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เธอจึงต้องนั่งอยู่ที่ด้านล่างของโรงพยาบาล แล้ววิดีโอคอลคุยกับเพื่อนรัก “แก สรุปเรื่องตอนนั้นที่แกกลับมาในร่างนางแบบวิกตอเรียซีเคร็ท น่ะ เรื่องจริง ฉันไม่ได้ฝัน ไม่ได้บ้าใช่ไหม” แตงกวาถาม หลังจากเห็นเพื่อนสบายดีแล้ว และกำลังกินเอแคล์รที่เธอซื้อมาฝากผู้ช่วยพยาบาลไปเยี่ยม “อืม แกไม่ได้บ้า แต่เรื่องแบบนี้ เล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อเนอะ ลืมๆไปเหอะ” สีฝุ่นพูดขณะเคี้ยวขนมตุ้ยๆ อาการหลังผ่าตัดเธอดีขึ้นอย่างรวดเร็วหมออนุญาตให้กินอาหารได้ตามปกติ นั่นคือข่าวดีที่สุดของเธอ “จะว่าไป แกเสียดายบ้างไหมวะ ที่ไม่ได้อยู่ในร่างสวยเริ่ดเหมือนนางฟ้าแบบนั้นแล้ว” เพื่อนสาวถามตาเคลิ้มๆ “ฉันยังอยากได้เลยแก สิบล้านค่าหมอผ่าไม่รู้จะพอไหมให้ได้สักครึ่งนั่น” สีฝุ่นตอบแบบไม่ลัง
ข้าจะรักษาเจ้าให้ได้กากี เจ้าอย่าเพิ่งหมดหวัง ข้าจะไม่ยอมแพ้ ข้ารักเจ้า ข้ารักลูกของเรา เจ้าห้ามตาย ข้าจะรักษาเจ้ากากี ได้ยินข้าไหม เจ้าต้องรอดให้ได้” กากีคลี่ยิ้ม คำรักนั้นอ่อนหวานนัก ช่างอบอุ่นและจริงใจยิ่ง เป็นความรู้สึกอิ่มเอิบเบิกบานคล้ายมีดอกไม้ทิพย์กลีบบอบบางกลิ่นหอมละมุนบานสะพรั่งอยู่ในอกตน นางคลี่ยิ้มก่อนเอ่ยประโยคสุดท้าย “ข้าก็รักเจ้า กาฬปักษี ข้ารักเจ้า” หลังจากนั้นร่างกายคล้ายถูกฉีกเป็นเสี่ยงๆ นางกระตุกเฮือก ไขว่คว้าเอามือหนานุ่มแสนอบอุ่นนั้นมาแนบที่ใบหน้าก่อนที่หยาดน้ำตาสุดท้ายจะไหลรินลงบนมือนั้น เป็นความอบอุ่นสุดท้ายก่อนชีพนางจะดับลง ฝ่ายนาฏกุเวร แบกดวงใจอันปวดร้าวเดินทางกลับพาราณสี ทุกข์โทมนัสด้วยความสิ้นหวัง กากี แม่งามเอ๋ย ยอดดวงใจพี่ นางในดวงใจที่เฝ้าถนอมรักไว้ใจดวงใจมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่ยอมรับรัก แม้หักหาญราญเอากายนางเป็นเมีย ปรนนิบัตินางด้วยกามวิเศษ แม้หมายจะเชิดชูให้นางเป็นถึงมเหสีเอก นางก็กลับไม่สนใจ ซ้ำรังเกียจอย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเคยรังเกียจ กล้ากระทั่งทำให้ตนเองพิการอัปลักษณ์เพื่อคนไร้
บรรดาเหล่าพลธนูทั้งนั้นที่มาด้วย เห็นกระจะตาแล้วว่ากากีกำลังท้องแก่จึงเกิดความเวทนา ต่างลังเลไม่กล้ายิง แต่เมื่อถูกสั่งซ้ำโดยหัวหน้านายกอง จึงได้แต่ฝืนยิงอย่างไม่เต็มใจนักกาฬปักษีด้วยความที่หูตาไว ได้ยินเสียงธนูแหวกอากาศก็รีบโอบกากีหลบซุกกับอกตน หันหลังรับลูกธนูแทนนางไปทุกดอก ธนูแต่ละดอกถูกยิงมาโดยไม่เต็มใจ จึงเข้าเป้าอย่างไม่แม่นยำนัก ถูกแขนขาเอาบ้าง ตกลงพื้นบ้าง ทว่าดอกหนึ่งปักทะลุเข้าที่แผ่นหลังตรงอกหมอกาฬปักษีจนเจ็บปลาบ จุกแน่นหายใจไม่เข้า ทรุดลงนั่งกับพื้นกากีกรีดร้อง ร่ำเรียกชื่อชายคนรักสะอึกสะอื้น พยายามคิดหาหนทางรักษากาฬปักษี แต่ก็คิดไม่ออก ได้แต่กอดร่างชายคนรักที่ใกล้จะหมดสติร้องไห้อยู่อย่างนั้น เคราะห์กรรมซ้ำซัด ครรภ์แก่นั้นถึงกำหนดคลอด พิษครรภ์ต่างสายพันธุ์ทำให้ธาตุไฟปั่นป่วนทั่วร่างกายของกากี แสบร้อนไปสิ้นทั้งภายในภายนอก ปวดหัวแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ลมหายใจร้อนผ่าว ดวงตาขาวเริ่มมีเส้นเลือดแตกหลายเป็นสีแดงฉาน หัวใจของนางอยู่ที่การช่วยคนรักเท่านั้น นางจึงฝืนร่างกาย วิ่งกลับขึ้นไปบนบ้าน คว้ามีดได้ ก็กลับลงมาใช้กำลังที่เหลือ ดันลูกธนูให้ทะลุออก แล้วตัด
ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นย่ำ พระอาทิตย์กำลังทอแสงสุดท้าย พระเจ้านาฏกุเวรก็มาถึงอาศรมของหมอเทวดากาฬปักษี กำลังพลต่างโอบล้อมอยู่ห่างๆ ส่วนตัวคนธรรพ์ลงจากหลังม้าเดินเข้าไปคนเดียว กากีและกาฬปักษีได้ยินเสียงม้ามาแต่ไกล แต่ไม่ได้เอะใจว่าอาจเป็นผู้ที่นำอันตรายมาให้เข้าใจว่าเป็นผู้ทุกข์จะมาขอความช่วยเหลือรักษาโรค จึงไม่ได้หนีไปทางไหนได้แต่เตรียมหยูกยาอยู่ที่ชานหน้าบ้าน นาฏกุเวรเมื่อเห็นร่างตะคุ่มๆสวมชุดดำอยู่คู่กัน ร่างอรชรนั้น ต้องเป็นกากีไม่ผิดแน่ หัวใจแทบกระดอนออกมาจากอกด้วยความตื่นเต้น “กากี พี่มาแล้ว” นาฏกุเวรร้องเรียกเสียงสั่น กากีที่โพกผ้าคลุมหัวปิดใบหน้าอยู่ครึ่งหนึ่งเย็นวาบจากท้ายทอยไปถึงเท้า เพราะจำได้ดีว่านั่นคือเสียงใคร นางเงยหน้าขึ้นมองด้วยใจหวาดหวั่น กาฬปักษีเงยหน้าขึ้นดูด้วยดวงตาข้างที่ได้มาจากกากี เมื่อเห็นบุรุษรูปกายงามราวเทพบุตรลงมาจากสวรรค์ เสียงไพเราะอ่อนหวาน และเครื่องทรงทองอร่ามสว่างไสวไปหมดทั้งตัวก็นึกรู้ได้ทันที “พระเจ้านาฏกุเวรหรือนั่น” เขารำพึงพลางรีบดึงตัวกากีให้ถอยไปอยู่ด้านหลังตน พระเจ้านาฏกุเวรตวาด
แม้แต่ตัวนางกากีเองก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยดั่งว่านี่เป็นประสบการณ์ทางเพศครั้งแรกของตน ตื่นใจ อ่อนหวาน หวั่นไหว ยิ่งเมื่อทั้งสองเริ่มช่วยกันเคลื่อนกายไหวโยก ขยับส่ายสับสะโพก เสือกท่อนเอ็นขนาดเขื่องเคลื่อนเข้า ออกในกายนาง แต่ละครั้งที่ดึงออกแทบถ่ายถอน ก่อนเหวี่ยงสับกระชับ เผียะลงมา ทำเอานางผวาใจแทบหยุดเต้น ปากแนบปาก นมแนบนม ท้องแนบท้อง ในอาณาเขตถ้ำทอง เสียงผิวเนื้อเปียกแฉะด้วยน้ำหล่อลื่นกระทบกันดั่งคนปรบมือถี่กระชั้น สองมือหนานุ่มเกาะยึดสะโพกอรชรไว้แน่น โถมร่างเข้าไปในกายนางครั้งแล้วครั้งเล่า ปทุมถันขาวปลั่งสว่างไสวเคลื่อนไหวกระเพื่อมเป็นจังหวะยิ่งเร้ากำหนัดให้พุ่งสูง เหงื่อกาฬไหลพลั่งดั่งจะขาดใจ หยาดเหงื่อร้อนฉ่าไหลหยดลงบนท้องน้อยของนางแน่งน้อยกากีที่กำลังผวาเฮือกฮุบความสุข วินาทีถัดจากนั้น หมอหนุ่มกาฬปักษีก็พาตนไปถึงที่สุดแห่งกาม คำรามครางในลำคอเสียงแหบพร่า ปล่อยน้ำรักขุ่นข้นเหนียวลื่นพุ่งเท้าเต็มท้องน้อยแม่โฉมงามร่างอรชรที่นอนระทวยอยู่เบื้องล่างตน ด้วยสัญชาตญาณประหลาดของสตรี กากีรู้สึกว่า การร่วมเสพสังวาสกับหมอกาฬปักษี หนุ่มน่ารักใจดีคนนี้ เป็นมากกว่า
นหนึ่งขณะฝนตกหนัก แม่งามกากีวิ่งออกไปเก็บกระจาดสมุนไพรที่ตากแห้งไว้ หมอหนุ่มกาฬปักษีก็แสร้งรีบตามออกไปบ้าง แสร้งลื่นล้มจนเสื้อผ้าเลอะเทอะดินโคลนและเปียกปอนน่าสงสาร กากีเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปประคองขึ้น “จะวิ่งออกมาทำไมกัน สมุนไพรพวกนี้จะมีค่าเทียบเท่าเจ้าหรือก็หาไม่ มารีบเข้าอาศรมเถิด ข้าจะช่วยผลัดผ้าและเช็ดตัวให้” เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในหนังสือเล่มนี้ และเป็นครั้งแรกในชีวิตของสีฝุ่นเองด้วย ที่เป็นฝ่ายเปลื้องผ้าบุรุษ การที่ชายหนุ่มท่วงทีผึ่งผายสมส่วนยืนตระหง่านนิ่งอยู่ โดยที่เขาไม่อาจมองเห็นนางได้ กลับกลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น กากีค่อยๆเปลื้องผ้าโพกหัวและเสื้อสีดำสนิทดั่งขนนกกาออก ในแสงสว่างยามฝนตกพร่างพราวด้านนอก แสงตกกระทบนุ่มนวลมองเห็นรายละเอียดของผิวเนียนเรียบสวยสีน้ำผึ้ง ใต้เสื้อผ้าเหล่านี้ซ่อนปิดกล้ามเนื้อหน้าอกและต้นแขนเป็นลอนกล้ามกำยำชวนสัมผัส กลิ่นผิวเนื้อบุรุษโชยหอมคล้ายกลิ่นผ้าห่มตากแดดผสมกลิ่นไอน้ำ นางกายหอมพินิจดูอย่างพินิจพิจารณาโดยไม่ต้องกังวลสายตาของเขา ความรู้สึกอ่อนไหวทางกามารมณ์เริ่มบ่มขึ้น นางได้แต่กัดปากตนเองไว้ด้วยค