ตอนที่ 2
ผ่านมาเกือบสองปีแล้วที่ธารธาราย้ายเข้ามาอาศัยในบ้านของคุณหญิงภาวิณี ตอนนี้เธออายุ20 ปีแล้วและเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สองคณะนิเทศศาสตร์
ด้วยหน้าตาที่ยิ่งโตมายิ่งสะสวยสะดุดตาเธอยิ่งดูเหมาะสมกับคณะนี้ไม่เหมือนเด็กสาวที่มาจากสลัมอย่างที่เธอเป็นเสียด้วยซ้ำ
แต่ภาพลักษณ์ของเธอนั้นดันเหมือนลูกคุณหนูบ้านไหนเสียอีกแต่ธารธาราไม่เคยปิดบังตัวตนของเธอแม้แต่น้อยว่ามาจากที่ใดใครอุปการะ
ถึงผู้เป็นแม่จะเลี้ยงดูเธอมาไม่ดีนักเธอก็มีติดต่อหาท่านบ้างโดยไม่ห็ผู้เป็นพ่อเลี้ยงทราบและมีแอบส่งเงินให้ผู้มารดาใช้บ้างในบางครา
เธอไม่ได้อยู่ในบ้านหลังใหญ่ร่วมกับคุณหญิงและคนในบ้านหรอก
หากแต่อาศัยในบ้านหลังเล็กที่อยู่ท้ายสุดของบริเวณ บ้านหลังเล็กนี้ตกแต่งอย่างสวยงามและอบอุ่น
บรรยากาศเงียบสงบจนไม่เหมือนบ้านพักของแม่บ้านหรือคนงานทั่วไป
ธารธารารู้สึกขอบคุณคุณหญิงเสมอที่มอบพื้นที่ให้เธอได้อยู่อย่างสบายใจและปลอดภัย
วันนี้เป็นวันหยุดของเธอ ธารธาราจึงตั้งใจใช้เวลาทำงานเพื่อส่งให้อาจารย์ในวันจันทร์ที่ใกล้จะมาถึง
ขณะที่เธอนั่งเขียนงานอยู่ในห้อง แม่บ้านก็เดินเข้ามาพร้อมกับแจ้งข่าวว่า
“คุณน้ำคะ คุณผู้หญิงเรียกให้ไปพบค่ะ”
ธารธาราเงยหน้าขึ้น ก่อนจะถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างลังเล
“เอ่อ... แล้วคุณเวอยู่ไหมคะ?”
ที่เธอต้องเอ่ยถามเช่นนี้ก็เพราะ แม้จะอาศัยอยู่ที่นี่มาเกือบสองปี แต่เธอไม่เคยเจอหน้าคุณเวธัส ลูกชายคนเดียวของบ้านนี้มาก่อนเลย
ได้ยินเพียงแต่คำบอกเล่าจากคนรอบข้างว่าเขาเป็นคนเงียบขรึมและเจ้าระเบียบมาก จึงทำให้เธอรู้สึกเกร็งทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้า
แม่บ้านยิ้มอ่อนแล้วตอบอย่างนุ่มนวล
“คุณเวออกไปบริษัทตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
ธารธารารู้สึกโล่งอกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอสูดหายใจลึก ก่อนจะลุกขึ้นไปพบกับคุณหญิงด้วยความเคารพ
ธารธาราก้าวเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหราในสไตล์โรมัน
ความโอ่อ่าและงดงามของเฟอร์นิเจอร์และการประดับตกแต่ง
ทำให้เธอรู้สึกเล็กลงท่ามกลางความอลังการนี้ เธอเดินเข้าไปหาคุณหญิงที่นั่งบนโซฟานุ่ม ก่อนจะนั่งลงที่พื้นอย่างเงียบ ๆ
ไม่มีใครบอกให้เธอนั่งตรงนั้นหรอก แต่ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณและการเจียมตน ธารธาราจึงแสดงความเคารพต่อคุณหญิงอย่างเต็มที่
“จัน ออกไปก่อน”
คุณหญิงภาวิณีเอ่ยสั่งแม่บ้านให้ถอยออกไป ท่าทางของท่านแฝงความกังวลอย่างชัดเจน
ราวกับมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวธารธารามองหน้าคุณหญิงอย่างสงสัย
“คุณหญิงมีอะไรจะคุยกับหนูหรอคะ”
“เอ่อ… คือฉันมีเรื่องอยากจะให้เธอช่วยน่ะ”
คุณหญิงพูดด้วยน้ำเสียงลังเล แต่แฝงไปด้วยความหวังในบางสิ่ง
“เรื่องอะไรหรอคะ”
ธารธาราถามด้วยความอยากรู้ ท่ามกลางความเงียบที่แผ่รอบตัว
คุณหญิงถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“ตาเว อายุเข้าเลขสามแล้ว แต่ยังไม่มีแฟนเลยสักที”
คุณหญิงหยุดไปชั่วขณะ ก่อนจะลดเสียงลง
“และ…ตาเวชอบไม้ป่าเดียวกัน เธออย่าไปบอกใครเชียวล่ะ”
ธารธาราอึ้งไปกับคำพูดนั้น ความประหลาดใจทำให้เธอรู้สึกนิ่งไปชั่วครู่
ไม่คิดว่าบุตรชายผู้เพียบพร้อมของบ้านนี้จะมีรสนิยมเช่นนี้
เธอพยายามระงับอาการตกใจ พลางมองดูคุณหญิงที่เต็มไปด้วยความกังวล เธอจึงพยักหน้าเบา ๆ อย่างเข้าใจ
คุณหญิงภาวิณีมองธารธาราด้วยสายตาใคร่ครวญและอ่อนโยน
ภาพเด็กสาวที่เธอเคยช่วยเหลือเมื่อสองปีก่อนยังคงชัดเจนในความทรงจำ
ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มของเด็กสาวคนนั้นกลับกลายเป็นความงามสง่าสะพรั่งจนแทบจำไม่ได้ ราวกับดอกไม้ที่ค่อย ๆ ผลิบานอย่างเต็มที่
แม้จะอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน แต่คุณหญิงก็พยายามรักษาระยะห่าง
ไม่ให้ธารธาราได้ใกล้ชิดเวธัส ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ เพราะเกรงว่าบางสิ่งบางอย่างอาจเกิดขึ้นที่เธอไม่อาจควบคุมได้
ทว่า เมื่อความจริงเผยว่า เวธัสกลับมีใจรักเพศเดียวกัน ความหวังใหม่ก็ก่อตัวขึ้นในใจของคุณหญิง
ราวกับสายลมพัดต้องดอกไม้ เธอรวบรวมความกล้า เอ่ยคำขอที่กลั่นออกมาจากหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ฉันอยากให้เธอช่วยทำให้ตาเวหายจากการ… รักผู้ชายด้วยกันน่ะ”
“แล้ว…แล้วหนูต้องทำอย่างไรคะ”
ธารธาราถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่แฝงความตั้งใจ เพราะลึก ๆ
เธอรู้สึกอยากตอบแทนบุญคุณของคุณหญิงที่ให้โอกาสและช่วยเหลือเธออย่างมาก
“เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
คุณหญิงภาวิณีพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“ถึงเวลาแล้วฉันจะเรียกเธอ”
“ได้ค่ะ คุณท่าน”
ธารธาราตอบรับ แม้ในใจยังงุนงงและไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เธอก็ยินดีทำตามด้วยความกตัญญู เพราะทุกอย่างที่เธอมีในวันนี้ ทั้งการศึกษา
ค่าอยู่ค่าใช้จ่ายประจำเดือน ล้วนแล้วแต่เป็นคุณหญิงที่เมตตาจัดหาให้ เธอเพียงตั้งใจเรียน ไม่ต้องวุ่นวายกับงานบ้านในเรือนใหญ่
ระหว่างนั้น เวธัสก็กลับมาถึงบ้านเร็วกว่าปกติ คุณหญิงแปลกใจเล็กน้อย
“ตาเว วันนี้กลับเร็วจังลูก”
“อ๋อครับ วันนี้ผมเพิ่งไปซื้อคอนโดมาครับแม่”
เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ราวกับเป็นเรื่องปกติ
“ซื้อคอนโดทำไมหรือ?”
คุณหญิงถาม พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ช่วงนี้งานที่บริษัทยุ่งมากครับ เกรงว่าไปกลับบ้านกับบริษัททุกวันจะไม่สะดวก”
เวธัสตอบอย่างสุภาพแต่หนักแน่น
คุณหญิงได้ยินดังนั้น ใจเริ่มกังวลกับแผนที่วางไว้ เพราะการที่เวธัสจะไม่อยู่บ้านอาจส่งผลต่อแผนที่เธอเตรียมไว้กับธารธารา แต่เธอยังยิ้มออกมา และเอ่ยว่า
“งั้นเดี๋ยวแม่ส่งคนไปทำความสะอาดให้นะลูก จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก”
“ขอบคุณครับ แต่ผมอยากได้ความเป็นส่วนตัว”
เวธัสกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ชัดเจน
“แม่บ้านจะเข้าไปตอนที่ลูกไม่อยู่ห้องหรอก ไม่รบกวนหรอกจ้ะ”
คุณหญิงตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม แต่ในใจเริ่มคิดวางแผนใหม่
คุณหญิงภาวิณีหันกลับมาทบทวนแผนอีกครั้ง เธอมองธารธาราที่เติบโตเป็นหญิงสาวงดงาม ดูสง่า มีคุณภาพ
จึงคิดว่าเธอคนนี้อาจจะเป็นความหวังเดียวในการช่วยดึงลูกชายให้กลับมา เธอมองธารธาราด้วยแววตาแน่วแน่และอ่อนโยน
เพราะความตั้งใจที่จะเห็นลูกชายได้รับความสุขสมบูรณ์ในทุกด้านนั้นมากพอจนเธอพร้อมจะทำทุกอย่างให้สำเร็จ
ตอนที่ 25เมื่อได้รับคำตอบที่รอคอย เวธัสรู้สึกเหมือนได้รับชีวิตใหม่ เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ให้โอกาสนี้หลุดมือไปเขาพิสูจน์ให้ธารธาราเห็นถึงความจริงใจอีกครั้งด้วยการค่อย ๆ สร้างความสัมพันธ์ขึ้นใหม่อย่างไม่รีบร้อนพวกเขาเริ่มต้นจากการพูดคุยกันแบบเพื่อน แลกเปลี่ยนเรื่องราวและความสนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันในทุกวัน เวธัสพยายามทำให้ธารธารารู้สึกว่าเธอมีค่าเสมอ และทุกครั้งที่เธอเล่าเรื่องที่ทำให้เธอยิ้มหรือหัวเราะเขาจะตั้งใจฟังและยิ้มตาม เขาอยากให้เธอได้รู้ว่าความสุขของเธอนั้นสำคัญกับเขามากแค่ไหนมีครั้งหนึ่งที่ธารธาราต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อถ่ายละคร เวธัสตัดสินใจขับรถไปหาที่กองถ่ายพร้อมกับของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขารู้ว่าเธอชอบธารธาราทั้งประหลาดใจและปลื้มใจ เธออดไม่ได้ที่จะกล่าวขอบคุณเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่ไม่เคยใช้กับเขามานาน“จริงๆ พี่เวไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้นะคะ”เธอบอกเขาอย่างจริงใจ“ไม่เลยพี่เต็มใจ”เขายิ้มบาง ๆ พลางมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้งธารธารายิ้มกลับ ดวงตาของเธอเริ่มเผยความอบอุ่นที่เคยถูกเก็บซ่อนไว้ เวธัสรับรู้ได้ว่ากำแพงของเธอค่อย ๆ พังทลายลงทีละนิดแต่เขาก็ไ
ตอนที่ 24หลังจากวันนั้น เวธัสไม่รอช้า เขาทุ่มเททุกวิถีทางในการพิสูจน์ให้ธารธาราเห็นว่าเขาจริงจังและพร้อมจะเปลี่ยนแปลงเขาแสดงออกผ่านการกระทำแทนคำพูด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความห่วงใยเล็กๆ น้อยๆ ที่คอยอยู่ข้างเธอเสมอโดยไม่ล้ำเส้นหรือการเฝ้ารอเธอหลังเลิกกองถ่ายในยามดึก แค่เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยบางวันเขาส่งอาหารและกาแฟที่เธอชอบไปที่กองถ่าย โดยไม่เคยปรากฏตัวหรือพูดถึงความพยายามเหล่านี้ให้ใครรู้เพราะเขาไม่ต้องการให้ธารธารารู้สึกอึดอัด เวธัสรู้ดีว่าการแสดงความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อาจไม่ใช่การพร่ำบอก แต่คือการทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความตั้งใจนั้นอย่างแท้จริงในวันหนึ่งที่ฝนตกหนัก เขามารอรับเธอที่กองถ่ายโดยที่ธารธาราไม่รู้มาก่อน เธอเดินออกจากกองพร้อมร่มเล็กๆ ที่ไม่อาจป้องกันสายฝนได้ทั้งหมดเวธัสจึงเดินเข้ามากางร่มใหญ่ของเขาเหนือหัวเธอ เธอสะดุ้งเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเขา เธอเพียงขยับถอยห่างเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงเรียบๆ ว่า“ไม่จำเป็นต้องมาทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ ”เวธัสพยักหน้าเข้าใจ“พี่รู้ครับ แต่พี่แค่อยากให้น้ำรู้ว่าพี่พร้อมจะอยู่ข้างๆ น้ำ…ในทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าฝนจะตกหนักแค่
ตอนที่ 23หลังจากได้สติ เวธัสรู้ว่าเขาไม่อาจปล่อยให้ธารธาราหายไปจากชีวิตโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยเขาตัดสินใจที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อขอโทษและแก้ไขสิ่งที่เคยพลาดไป เขาใช้เวลารวบรวมความกล้าและความคิดที่ชัดเจนก่อนจะเริ่มต้นการเดินทางเพื่อแก้ไขความสัมพันธ์ครั้งนี้อย่างจริงจังเขาเริ่มจากการหาข้อมูลจากเพื่อนร่วมงานและคนใกล้ชิดของธารธารา พยายามที่จะค้นหาเบาะแสว่าสถานที่ถ่ายละครของเธออยู่ที่ไหนจนในที่สุด เขาได้รู้ว่าวันถ่ายละครของธารธาราจะมีขึ้นอีกครั้งในอีกไม่กี่วันวันนั้นเขาไปถึงกองถ่ายแต่เช้า ในใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและคำถามว่าเธอจะยอมฟังเขาหรือไม่ เวธัสรอจนธารธารามาถึงดวงตาของเขามองตามเธอทันทีที่เธอก้าวลงจากรถ ด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อเธอหันมาเห็นเขา ธารธาราชะงักไปชั่วขณะ ใบหน้าของเธอฉายแววประหลาดใจ แต่ทันทีที่เห็นเวธัส เธอกลับเบือนสายตาเดินผ่านเขาไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“น้ำ...รอสักครู่ได้ไหม?”เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ขอโอกาสธารธาราหันมามองเขานิ่งๆ รอยยิ้มอ่อนที่เคยมีให้เขาได้หายไปจากใบหน้าเหลือเพียงความเยือกเย็น“มีอ
ตอนที่ 22 จากคนมีเหตุผลกลายเป็นคนงี่เง่าเวลาผ่านไปนับเดือนตั้งแต่ธารธาราเดินออกจากชีวิตของเวธัส เขาพยายามจะติดต่อเธอทุกทาง ทั้งโทรศัพท์ ข้อความ หรือแม้แต่การส่งอีเมลแต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร ธารธาราก็บล็อกทุกช่องทางจนหมด ราวกับว่าเธอได้หายไปจากโลกของเขาอย่างสิ้นเชิงในช่วงแรก เวธัสยังทำเป็นไม่ใส่ใจ พยายามบอกตัวเองว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องการ ธารธาราจะได้ไม่ต้องมารู้สึกผิดหรือติดอยู่กับความสัมพันธ์ที่เขาเองก็ไม่แน่ใจแต่ในขณะที่วันเวลาค่อยๆ ผ่านไป เขากลับพบว่าความเงียบงันนั้นเริ่มกลืนกินหัวใจของเขา เขารู้สึกว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การไม่มีธารธาราอยู่ข้างๆทำให้ชีวิตของเขาดูหม่นหมอง และการงานที่เคยเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจสำหรับเขาก็ไม่อาจเติมเต็มช่องว่างในใจนั้นได้อีกต่อไปทุกคืน เขาไม่อาจข่มตาหลับได้ หันไปมองข้างกายที่ว่างเปล่า ห้องที่เคยมีร่องรอยของเธอเต็มไปหมดกลับเงียบสงบและว่างเปล่าเขาเริ่มรู้สึกว่าการใช้ชีวิตที่ไม่มีธารธาราอยู่ข้างๆ กลายเป็นเรื่องที่แทบทนไม่ได้ และเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับความรู้สึกนี้ จนในที่สุด วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจไปหาคนที่เขาคิดว่าคงจะเข้าใจมากที่ส
ตอนที่ 21พายุหึงเมื่อธารธารากลับมาถึงคอนโด ภายในห้องมืดสลัว เธอสังเกตเห็นเวธัสนั่งเงียบอยู่ตรงริมระเบียงตำแหน่งโปรดของเขาเขาเหม่อมองออกไปในความมืดพลางสูบบุหรี่อย่างเงียบงัน ควันจางลอยอ้อยอิ่งในอากาศเส้นสายควันบางเบาที่สะท้อนแสงไฟจากถนนเบื้องล่างดูราวกับโอบล้อมใบหน้าของเขาไว้อย่างหม่นหมองเวธัสเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่บ่อยนัก การที่เขาถือบุหรี่อยู่เช่นนี้บ่งบอกได้ชัดว่าในใจของเขากำลังมีเรื่องให้ขบคิดหนักหน่วงธารธาราเพียงแค่ยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง ความสงสัยผุดขึ้นในใจ แต่เธอไม่กล้าถาม ไม่อยากรบกวนความเงียบงันของเขา เธอจึงทำเพียงเดินผ่านไปเงียบๆ หวังว่าเขาจะได้ใช้เวลาตามลำพังหญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องของตัวเอง เปิดไฟสลัวๆ และปลดปล่อยลมหายใจยาว ความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวันกดทับเธอจนรู้สึกเหมือนแทบหมดแรงจิตใจที่ว้าวุ่นเกี่ยวกับงานสัมภาษณ์ที่เพิ่งผ่านมาก็ยังไม่จางหาย เธอเดินเข้าไปชำระร่างกายโดยไม่รู้เลยว่าเรื่องที่เวธัสนั่งขบคิดและเครียดถึงที่สุดนั้น ไม่ใช่เรื่องใดอื่น นอกจากเรื่องของเธอเองในความเงียบ เวธัสเหม่อมองควันบุหรี่ที่ค่อยๆ ลอยจางขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน เขารู้ดีว่าธารธาราไม่ได้ตั้
ตอนที่ 20 พายุหึง"น้ำค้าง!"เสียงเรียกของออย ผู้จัดการสาววัยสามสิบปลายๆ ดังขึ้นในความวุ่นวายของกองถ่าย ท่ามกลางเสียงทีมงานขนย้ายอุปกรณ์และจัดฉาก ทุกคนในวงการนี้รู้จักเธอในนาม "น้ำค้าง" แต่คนที่บ้านเรียกเธอว่า "น้ำ" เพียงสั้นๆ ฟังดูเรียบง่ายและอบอุ่น"คะ พี่ออย"น้ำค้างรับคำพร้อมรอยยิ้ม เธอเดินเข้ามาหาผู้จัดการที่ยืนกอดอก มองเธอด้วยสายตาแฝงความขี้เล่น“อิจฉาจัง ได้ประกบคู่กับพระเอกหล่อขนาดนี้”ออยพูดพลางยิ้มมุมปากน้ำค้างหัวเราะน้อยๆ และพยักหน้าอย่างเห็นด้วย“จริงค่ะพี่ หล่อมาก”ออยชะงักไปเล็กน้อยเหมือนไม่คาดคิดคำตอบจากเธอ ก่อนหรี่ตามองด้วยท่าทีจับผิด “เอ้า เห็นด้วยง่ายๆ นึกว่าจะตอบกลับมาแบบ ‘ก็งั้นๆ’ ตามที่ชอบพูดซะอีก”น้ำค้างหัวเราะคิก พลางส่ายหน้าราวกับเอ็นดู“แหม พอเขาหล่อ ก็บอกว่าหล่อสิคะพี่ จะให้พูดก็งั้นๆ ทั้งที่เห็นเต็มตาได้ไง”คำพูดของเธอแฝงด้วยความจริงใจและความตรงไปตรงมา ออยได้ยินแล้วยิ่งยิ้มกว้าง ก่อนจะส่ายหน้าอย่างอดเอ็นดูไม่ได้ คำตอบของน้ำค้างช่างซื่อตรงและน่ารักเหมือนเจ้าตัวช่วงเวลาสัมภาษณ์เต็มไปด้วยแสงแฟลชจากกล้องและเสียงฮือฮาของผู้สื่อข่าว น้ำค้างนั่งอยู่ข้างพระเอกหนุ