บทที่ 2
ลูกฝาแฝด 3 คน
หลายวันผ่านไป ณิชชาเดินทางไปยังเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง เธอใช้เงินเก็บที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเช่าห้องพักราคาถูก เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและความเครียดทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอลง แต่สิ่งที่ทรมานเธอมากที่สุดคือความรู้สึกผิดหวังในความรักและความเชื่อใจที่เธอเคยมอบให้กับรามิล
และแล้ว...สัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของณิชชาก็ปรากฏขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ เธอก็เริ่มมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน และอ่อนเพลียอย่างหนัก ทำให้เธอเริ่มสงสัยในความผิดปกติของร่างกาย และเมื่อไปพบแพทย์ เธอก็ได้รับข่าวที่ทำให้เธอทั้งตกใจจนแทบเป็นลม...เธอตั้งครรภ์ และเป็นลูกแฝด 3 คน !!
ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในจิตใจของณิชชา เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในสภาพที่เธอเป็นอยู่มันยากลำบากเพียงใด และยิ่งไปกว่านั้น เด็กในท้องของเธอคือผลผลิตจากค่ำคืนอันแสนเลวร้ายกับผู้ชายที่ทำร้ายเธออย่างแสนสาหัส
แต่ในที่สุด สัญชาตญาณความเป็นแม่ก็เริ่มทำงาน ณิชชาตัดสินใจที่จะเก็บเด็กไว้ เธอจะเลี้ยงดูพวกเขาด้วยความรักและความเข้มแข็ง เธอจะไม่ยอมให้ความผิดพลาดของรามิลมาทำลายชีวิตของลูก ๆ เธอ
ณิชชาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อย่างยากลำบาก เธอทำงานทุกอย่างที่สุจริตเพื่อหาเลี้ยงตัวเองและลูกในท้อง เธอเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารเล็ก ๆ รับจ้างซักรีด และทำขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ขายตามตลาดนัด ความเหนื่อยล้าทางกายนั้นแสนสาหัส แต่ความรักและความหวังที่มีต่อลูกน้อยในท้องคือพลังใจที่ทำให้เธอก้าวข้ามทุกอุปสรรคไปได้
ห้าปีผ่านไป...
ณิชชายืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ในร้าน ‘บ้านขนม ณิชชา’ ร้านเล็ก ๆ ที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงและความรักที่มีต่อลูกแฝดสาม ภูผา วาริน และเมฆา เด็ก ๆ เติบโตมาด้วยความอบอุ่นและความรัก แม้จะไม่มีพ่อ แต่พวกเขาก็ไม่เคยขาดความสุขและความสดใส
เธอกลับมาที่กรุงเทพได้หลายเดือนแล้ว เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูกๆ เมื่อได้รับโอกาสทางธุรกิจที่เพื่อนสนิทหยิบยื่นให้ เธอจึงตัดสินใจเปิดร้านขนม
ร้านขนมหวานเล็ก ๆ ของเธอเริ่มต้นได้สวยงาม ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และความใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำให้ร้านของเธอกลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ณิชชากำลังสร้างโลกที่อบอุ่นและปลอดภัยให้กับลูก ๆ รามิล เดชาบดินทร์ กลับใช้ชีวิตอย่างหรูหราและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ข่าวคราวของณิชชาไม่เคยอยู่ในความสนใจของเขา เขายังคงใช้ชีวิตอย่างเย็นชาและไม่ผูกพันกับใคร ความทรงจำเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อณิชชาเลือนรางไปจากความคิดของเขา ราวกับเธอเป็นเพียงความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตที่เขาต้องการลืมเลือน
รามิลยังคงเป็นผู้ชายอันตราย ในสายตาของคนรอบข้าง เขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย และมีเสน่ห์ แต่เขาก็เป็นคนเย็นชา ดุดัน และไม่เคยเปิดใจให้ใครอย่างแท้จริง ความสัมพันธ์ของเขากับธัญรสาก็ยังคงเป็นเพียงคู่หมั้นในนาม ที่ต่างฝ่ายต่างก็มีผลประโยชน์ร่วมกัน
เส้นทางชีวิตของณิชชาและรามิลดูราวกับเส้นขนาน
แต่แล้ว...การเผชิญหน้าที่เธอหวาดกลัวมากที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้
วินาทีที่น้องภูผาวิ่งชนร่างสูงใหญ่ในสวนสาธารณะ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าช็อตไปทั่วร่างของณิชชา หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคมกริบคู่นั้นอีกครั้ง ความเย็นเฉียบที่แผ่ออกมาจากตัวเขายังคงรุนแรงไม่เปลี่ยนแปลง
"โอ๊ย!" เสียงร้องของน้องภูผาทำให้รามิลหันขวับมา ดวงตาคมกริบกวาดมองเด็กชายตัวเล็กที่เงยหน้ามองเขาด้วยแววตาตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนมาจับจ้องที่ณิชชาอย่างไม่เชื่อสายตา
"คุณ...ณิชชา?" น้ำเสียงของเขาแข็งกระด้าง เจือด้วยความประหลาดใจ
"ค่ะ...ท่านประธาน" ณิชชาตอบเสียงแผ่ว พยายามควบคุมไม่ให้มือที่จับจูงลูกชายสั่นเทา
"ยังไม่พอใจอีกหรือไง ถึงกลับมาเหยียบแผ่นดินใกล้ที่ที่ฉันอยู่อีกครั้ง!" รามิลเอ่ยเสียงต่ำ มองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ "หรือครั้งนี้จะใช้เด็กมาเป็นเครื่องมือต่อรองล่ะ เธอมันเจ้าเล่ห์อยู่แล้วนี่"
คำพูดที่แสนร้ายกาจเหล่านั้นตอกย้ำให้ณิชชารู้ว่า ห้าปีที่ผ่านมา ไม่ได้ทำให้ความเข้าใจผิดและความเกลียดชังในใจของเขาลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย เธอพยายามกลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้า
"ฉัน ฉันแค่พาลูกมาเดินเล่นค่ะ ไม่ได้มีเจตนาอื่น"
"เหอะ! เสแสร้ง!" รามิลแค่นเสียงเยาะเย้ย ดวงตาของเขากวาดมองเด็กชายตัวน้อยที่เกาะขาณิชชาแน่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย "เด็กนี่...หน้าคุ้น ๆ เหมือนกันนะ"
ความสงสัยฉายชัดในแววตาของรามิล ณิชชารู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี เธอพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ
"เด็กซนตามประสาค่ะ ท่านประธานอย่าได้ถือสาเลยนะ"
แต่รามิลกลับไม่ละสายตาจากน้องภูผา เขาทรุดตัวลงเล็กน้อย จ้องมองใบหน้าเล็ก ๆ นั้นอย่างพิจารณา ดวงตาคมกริบไล่สำรวจทุกรายละเอียด ราวกับกำลังมองหาความลับที่ซ่อนอยู่
"เด็กชื่ออะไร?" น้ำเสียงของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย เจือด้วยความสงสัย
"น้อง...น้องภูผาค่ะ" ณิชชาตอบเสียงแผ่ว เธอรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังเต้นระเบิด
"ภูผา..." รามิลทวนชื่อนั้นช้า ๆ ดวงตาของเขาเลื่อนกลับมาจับจ้องใบหน้าของณิชชาอีกครั้ง แววตาของเขาอ่านไม่ออก มันทั้งสงสัย เย็นชา และแฝงไปด้วยความไม่ไว้วางใจ "กลับมาครั้งนี้...เธอต้องการอะไรกันแน่?"
"ฉัน..." ณิชชาอึกอัก ก่อนจะถอนหายใจพรืด “ฉันไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ แค่บังเอิญเจอฉัน อย่าหลงตัวเองไปเลยค่ะ”
และในจังหวะนั้นเอง ธัญรสา...หญิงสาวสวยในชุดราตรีสีแดงเพลิงก็เดินเข้ามาคล้องแขนรามิลอย่างสนิทสนม รอยยิ้มหวานฉ่ำถูกส่งมาให้เขา ก่อนที่สายตาจะหันมาจ้องมองณิชชาอย่างประเมิน
"คุณรามิลคะ ใครกันคะ?" น้ำเสียงของธัญรสาหวานหยดย้อย แต่แววตาที่มองณิชชานั้นกลับแข็งกระด้าง
"ไม่สำคัญหรอก ธัญ" รามิลตอบเสียงเรียบ แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ณิชชาไม่วาง "แค่คนที่ฉันไม่อยากเจออีก"
"อ๋อ..." ธัญรสารับคำเสียงสูงเล็กน้อย ก่อนจะหันมายิ้มให้ณิชชา "สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณ...?"
"ณิชชาค่ะ" ณิชชาตอบเสียงเบา พยายามรักษามารยาท
"คุณณิชชา..." ธัญรสาทวนชื่อช้า ๆ ราวกับกำลังจดจำ "ดูคุ้น ๆ นะคะ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน"
"คงเป็นเรื่องบังเอิญค่ะ" ณิชชารีบตัดบท ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด
"ถ้าอย่างนั้น...เราไปกันเถอะค่ะ คุณรามิล" ธัญรสาพูดพร้อมกับดึงแขนรามิลเบา ๆ แต่สายตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่ณิชชาอย่างเย้ยหยัน "ลมเย็น ๆ ชักจะไม่ดีต่อสุขภาพแล้วค่ะ"
ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย แต่ก่อนจะเดินตามธัญรสาไป เขายังคงหันกลับมามองณิชชาและลูกชายของเธออีกครั้ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่ไว้วางใจ
น้องภูผาเงยหน้ามองแม่ด้วยความสงสัย "คุณแม่ครับ คุณลุงคนนั้นเป็นใครครับ ทำไมมองพวกเราแปลก ๆ"
ณิชชาลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ ฝืนยิ้ม "ไม่มีอะไรหรรอกจ้ะภูผา คุณลุงเขาอาจจะจำคนผิดน่ะ" แต่ในใจของเธอ...กลับเต็มไปด้วยความกังวลและหวาดหวั่น
นี่เขาเจอลูกของเธอแค่คนเดียว เธอยังใจหายใจคว่ำขนาดนี้ ถ้าเขาเจอลูกๆ ครบทั้งสามคนเลยจะขนาดไหน
โชคดีที่เด็กอีก 2 คนไปเล่นสไลเดอร์ตรงอีกฝั่งหนึ่ง มีเพียงภูผาที่วิ่งเล่นอยู่คนเดียวใกล้ๆ เธอ
แต่ไม่ว่าจะยังไง เธอก็ไม่สามารถสลัดความกังวลออกไปจากใจได้เลย
เมื่อณิชชาเดินเข้าไปในห้องทำงานใหญ่โต รามิลนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่เธออย่างอ่านไม่ออก"เชิญนั่ง" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้นณิชชาทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างระมัดระวัง "ท่านประธานมีอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ"“เลิกเรียกฉันว่าท่านประธานเถอะ ผมไม่ใช่เจ้านายของคุณแล้ว”หญิงสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะตอบกลับ “ค่ะ คุณรามิลจะคุยอะไรคะ”"เรื่องลูก ๆ พวกเขาต้องได้รับการดูแลที่ดีที่สุด""ฉันก็ดูแลลูก ๆ ของฉันอย่างดีที่สุดมาตลอดห้าปี" ณิชชาตอบโต้ด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง"ผมจะ..." เขาพูดไม่ทันจบ เธอก็พูดสวน“ฉันพาลูกๆ มาอยู่ที่นี่ก็ถือว่าฉันยอมคุณมากแล้วนะคะ อย่าคิดทำอะไรให้มากนักเลย”“คุณรู้เหรอว่าผมจะพูดอะไร” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงข้างหนึ่ง“ฉันเคยทำงานกับคุณ รู้จักคุณดี พูดง่ายๆ ก็คือรู้ไส้คุณค่ะ คุณคงคิดว่าฉันคือภาระ ส่วนเด็กๆ น่ะ คุณอยากจะให้เขาเป็นคุณชายคุณหนู ของเล่นกองเท่าภูเขา ขนมของกินมากมาย กินทิ้งกินขว้างยังไงก็ไม่มีวันหมด
ณิชชานั่งกุมมือตัวเองแน่น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสับสนและความกังวล เธอไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใจคำพูดของรามิลได้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ทนายพูดถึงเรื่องกฎหมายก็ทำให้เธออดหวั่นใจไม่ได้"คุณณิชชาครับ คุณรามิลต้องการที่จะให้โอกาสเด็ก ๆ ได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด ท่านสามารถมอบทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ ทั้งการศึกษาที่ดี สังคมที่ดี และชีวิตที่สุขสบาย ดังนั้นพาลูกๆ ไปอยู่ที่บ้านพ่อของพวกเขาเถอะนะครับ" ทนายวรุตม์โน้มน้าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับรามิล แววตาของเขาในตอนนี้ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเช่นเคย กลับฉายแววของความจริงจังและความปรารถนาบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก"แล้วฉันล่ะคะ?" ณิชชาถามเสียงเบา "ฉันต้องอยู่ที่นั่นในฐานะอะไร?""คุณก็คือแม่ของลูก ๆ ของผม" รามิลตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ "คุณจะได้รับการเคารพและดูแลอย่างดีที่สุด ผมจะไม่ก้าวก่ายเรื่องการเลี้ยงดูเด็ก ๆ ของคุณ""คำพูดของคุณ ฉันจะเชื่อได้แค่ไหน" ณิชชาถามด้วยความไม่ไว้วางใจ"ผมรู้ว่าผมเคยทำลายความเชื่อใจของคุณ" รามิลตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่ผมหวังว่าเวลาและการกระทำของผมจะสามารถทำให้คุณเห็นความจริงใจของผมได้"ณิ
"ลูก ๆ ของฉันมีความสุขดีอยู่แล้ว พวกเขาไม่ต้องการพ่อที่ไม่เคยมีตัวตนในชีวิตของพวกเขามาตลอดห้าปี" ณิชชาตอบโต้ทันที"แต่พวกเขาควรจะมีพ่อ และผมต้องการที่จะเป็นพ่อคนนั้น ผมอยากจะชดเชยเวลาที่ผมเสียไป ผมอยากที่จะ...""มันสายเกินไปแล้วค่ะ ท่านประธาน มันสายเกินไปมากแล้ว" ณิชชาตอบเสียงเด็ดขาด"ไม่สายเกินไปหรอก ถ้าคุณเปิดใจให้ผม ถ้าคุณให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเอง" รามิลยังคงยืนกราน"ฉันไม่เชื่อใจคุณ" หญิงสาวตอบตรง ๆ"ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ผมสัญญา"ทนายวรุตม์ก้าวเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่แฝงไปด้วยความกดดัน "คุณณิชชาครับ คุณรามิลต้องการที่จะพูดคุยถึงเรื่องการดูแลบุตรอย่างเป็นทางการ ท่านหวังว่าจะสามารถตกลงกันด้วยดีโดยไม่ต้องถึงศาล ท่านต้องการที่จะให้เด็ก ๆ ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีที่สุด และท่านก็ยินดีที่จะให้คุณเป็นผู้ดูแลหลัก โดยที่คุณจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากคุณรามิล""คุณหมายความว่ายังไง" ณิชชาถามด้วยความสับสนระคนสงสัย"คุณรามิลต้องการที่จะสนับสนุนทางการเงินและการศึกษาของเด็ก ๆ อย่างเต็มที่ และท่านก็เคารพการตัดสินใจของคุณในการเลี้ยงดูพวกเขา ท่านเพียงแต่ต้องการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิ
บทที่ 5เช้าวันรุ่งขึ้น รามิลเดินทางไปยังร้าน ‘บ้านขนม ณิชชา’ อีกครั้ง ข้างกายเขามีทนายวรุตม์ยืนอยู่ด้วยท่าทีสุภาพ ราวกับเป็นเงาที่คอยสนับสนุนความต้องการของเจ้านายเมื่อรามิลก้าวเข้าไปในร้าน กลิ่นหอมหวานของขนมอบไม่ได้ทำให้บรรยากาศตึงเครียดลดลง ณิชชาก็ชะงักมือจากการจัดขนม ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความระแวงและไม่พอใจที่เห็นใบหน้าของผู้ชายที่เธอพยายามลืมเลือน ภูผามองหน้าชายแปลกหน้าด้วยความระมัดระวัง วารินจ้องมองด้วยความขี้สงสัย ส่วนเมฆาเกาะขาแม่แน่นด้วยท่าทีงอแง"ท่านประธาน คุณมาทำไมอีก หรือว่ายังอยากจะทำลายชีวิตของฉันอีกค " ณิชชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พยายามรักษาระยะห่างจากเขารามิลรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยคำพูดนั้น "ผมมาที่นี่เพื่อคุยกับคุณ...เรื่องลูกของเรา""ลูกของฉันค่ะ! พวกเขาเป็นชีวิตของฉัน เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี คุณไม่มีสิทธิ์มาเรียกพวกเขาว่า ลูกของเรา" ณิชชาตอบโต้ทันที น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าว"ณิชชา...ผมรู้ความจริงแล้ว" รามิลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง "ผลตรวจ DNA ยืนยันแล้ว ผมคือพ่อของภูผา วาริน และเมฆา" ในเวลาที่พูด เขาได้หลุบตาลงมองเด็กๆ ทั้งสามคน...ไม่ใช่แค่เพียงภูผาที่หน้าตา
บทที่ 4ผลตรวจดีเอ็นเอ หลังจากรามิลเดินออกจากร้านไป ความเงียบก็ปกคลุม ‘บ้านขนม ณิชชา’ อีกครั้ง มือของเธอสั่นเทาเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวด้วยความกังวล ความกลัวที่เธอพยายามกดเอาไว้ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งเขาต้องการอะไรกันแน่? ทำไมถึงเพิ่งมาสนใจเรื่องลูกในตอนนี้? คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในความคิดของณิชชา เธอไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของรามิล การปรากฏตัวของเขาอย่างกะทันหันและการพูดถึงเรื่องลูกทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวง"คุณแม่ฮับ คุณลุงคนนั้นเป็นใครเหรอฮับ? ทำไมหน้าตาดูไม่ค่อยพอใจเลย แล้วทำไมต้องมาที่ร้านของเราด้วย?" น้องเมฆาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตจับจ้องมองใบหน้าของณิชชาอย่างเป็นห่วง“หืม ? หนูเห็นคุณลุงด้วยเหรอจ๊ะ” เธอถาม“เห็นคับ พวกเราแอบดูตรงหน้าต่าง ไม่เห็นซื้อขนมเลย แต่ทำหน้าเหมือนจะกินแม่เลยฮับ หรือว่าเขาเป็นยักษ์แปลงตัวมา”ณิชชาฝืนยิ้มให้ลูกชายคนเล็ก ลูบศีรษะเขาเบา ๆ "ไม่มีอะไรหรอกจ้ะเมฆา คุณลุงเขาอาจจะมีเรื่องไม่สบายใจน่ะ""แต่หนูกลัวเขาจังเลยค่ะ เขาดูดุ ๆ หนูไม่อยากให้เขามาที่นี่อีก" น้องวารินเอ่ยเสียงเบา เกาะแขนณิชชาแน่น น้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย"ไ
บทที่ 3ปริศนาในสายเลือดความสงสัยกัดกินใจรามิลราวกับหนอนไช แม้จะพยายามสะบัดความคิดเกี่ยวกับเด็กชายที่ชื่อภูผาทิ้งไป แต่ภาพดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับตามหลอกหลอนไม่เลิก‘ทำไมถึงเหมือนฉันขนาดนั้น? มันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อดคิดไม่ได้’ เขาเดินวนไปวนมาในห้องทำงานอย่างกระวนกระวาย"ท่านประธานครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ" เลขาคนสนิทชื่อวิน ได้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้านายมาตั้งแต่กลับมาจากสวนสาธารณะวันนั้นรามิลหยุดเดิน หันมามองหน้าวินด้วยแววตาครุ่นคิด "วิน...คุณว่าคนเราจะหน้าเหมือนกันได้มากแค่ไหน"วินขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำถามที่ดูเหมือนจะไม่มีปี่มีขลุ่ย "ก็...อาจจะมีบ้างครับท่านประธาน แล้วแต่ลักษณะทางพันธุกรรมน่ะครับ ทำไมเหรอครับ""เมื่อวานผมเจอเด็กคนหนึ่ง หน้าตาคล้ายผมมาก...มากจนน่าตกใจ" รามิลยอมเล่าออกมาในที่สุด"จริงเหรอครับ บังเอิญหรือเปล่าครับ" วินถามด้วยความสงสัย"ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่..." รามิลเงียบไปครู่หนึ่ง "เด็กคนนั้นอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อณิชชา"วินเบิกตากว้างเล็กน้อย "คุณณิชชา...คนที่เคยทำงานที่บริษัทเราเมื่อห้าปีก่อนน่ะเหรอครับ"รามิลพยักหน้า สีหน้าของเ
บทที่ 2 ลูกฝาแฝด 3 คนหลายวันผ่านไป ณิชชาเดินทางไปยังเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง เธอใช้เงินเก็บที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเช่าห้องพักราคาถูก เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและความเครียดทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอลง แต่สิ่งที่ทรมานเธอมากที่สุดคือความรู้สึกผิดหวังในความรักและความเชื่อใจที่เธอเคยมอบให้กับรามิลและแล้ว...สัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของณิชชาก็ปรากฏขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ เธอก็เริ่มมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน และอ่อนเพลียอย่างหนัก ทำให้เธอเริ่มสงสัยในความผิดปกติของร่างกาย และเมื่อไปพบแพทย์ เธอก็ได้รับข่าวที่ทำให้เธอทั้งตกใจจนแทบเป็นลม...เธอตั้งครรภ์ และเป็นลูกแฝด 3 คน !!ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในจิตใจของณิชชา เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในสภาพที่เธอเป็นอยู่มันยากลำบากเพียงใด และยิ่งไปกว่านั้น เด็กในท้องของเธอคือผลผลิตจากค่ำคืนอันแสนเลวร้ายกับผู้ชายที่ทำร้ายเธออย่างแสนสาหัสแต่ในที่สุด สัญชาตญาณความเป็นแม่ก็เริ่มทำงาน ณิชชาตัดสินใจที่จะเก็บเด็กไว้ เธอจะเลี้ยงดูพวกเขาด้วยความรักและความเข้มแข
บทที่ 1คืนที่ร้าวราน แสงไฟสีทองสาดส่องต้องร่างสูงสง่าของรามิล เดชาบดินทร์ ที่ยืนอยู่บนเวทีในงานเลี้ยงบริษัท ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองผู้คนเบื้องล่างด้วยความเบื่อหน่ายระคนหงุดหงิด แก้ววิสกี้ในมือถูกยกขึ้นจิบอย่างไม่ใส่ใจนัก หญิงสาวมากมายต่างจับจ้องมาที่เขาด้วยสายตาชื่นชมและปรารถนา แต่ในใจของเขากลับว่างเปล่าณิชชาในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มพยายามหลบเลี่ยงสายตาของผู้คน เธอรู้สึกเหมือนเป็นเพียงอากาศธาตุในงานเลี้ยงอันหรูหรานี้ หัวใจของเธอเต้นระรัวเมื่อแอบมองไปยังร่างสูงสง่าบนเวที ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา ทั้งความรัก ความเสน่หา และความเจ็บปวดที่ฝังลึกค่ำคืนนั้น ในงานเลี้ยงปิดกล้องโปรเจกต์ใหญ่ เธอถูกเรียกตัวให้ไปช่วยงานในส่วนเครื่องดื่ม ด้วยความเกรงใจและอยากช่วยเหลือ เธอจึงอาสาชงเครื่องดื่มพิเศษตามสูตรที่เธอเคยทำให้รามิลดื่มอยู่บ่อยครั้ง แต่แล้วทุกอย่างก็พลิกผันรามิลในสภาพมึนเมา ดวงตาแดงก่ำ เดินโซซัดเซมาหาเธอที่เคาน์เตอร์ ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่เธอด้วยความขุ่นเคืองและกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม"เธอ...เธอวางยาฉันใช่ไหม!" เสียงทุ้มต่ำของเขากระแทกกระทั้น ราวกับกำลังกล่าวหาอาชญากร"ท่านประธานคะ