แชร์

ปริศนาในสายเลือด

ผู้เขียน: อักษรสีทอง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-12 22:42:04

บทที่ 3

ปริศนาในสายเลือด

ความสงสัยกัดกินใจรามิลราวกับหนอนไช แม้จะพยายามสะบัดความคิดเกี่ยวกับเด็กชายที่ชื่อภูผาทิ้งไป แต่ภาพดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับตามหลอกหลอนไม่เลิก

‘ทำไมถึงเหมือนฉันขนาดนั้น? มันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อดคิดไม่ได้’ เขาเดินวนไปวนมาในห้องทำงานอย่างกระวนกระวาย

"ท่านประธานครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ" เลขาคนสนิทชื่อวิน ได้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้านายมาตั้งแต่กลับมาจากสวนสาธารณะวันนั้น

รามิลหยุดเดิน หันมามองหน้าวินด้วยแววตาครุ่นคิด "วิน...คุณว่าคนเราจะหน้าเหมือนกันได้มากแค่ไหน"

วินขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำถามที่ดูเหมือนจะไม่มีปี่มีขลุ่ย "ก็...อาจจะมีบ้างครับท่านประธาน แล้วแต่ลักษณะทางพันธุกรรมน่ะครับ ทำไมเหรอครับ"

"เมื่อวานผมเจอเด็กคนหนึ่ง หน้าตาคล้ายผมมาก...มากจนน่าตกใจ" รามิลยอมเล่าออกมาในที่สุด

"จริงเหรอครับ บังเอิญหรือเปล่าครับ" วินถามด้วยความสงสัย

"ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่..." รามิลเงียบไปครู่หนึ่ง "เด็กคนนั้นอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อณิชชา"

วินเบิกตากว้างเล็กน้อย "คุณณิชชา...คนที่เคยทำงานที่บริษัทเราเมื่อห้าปีก่อนน่ะเหรอครับ"

รามิลพยักหน้า สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน "ใช่...เธอ"

"แล้ว..." วินลังเลที่จะถามต่อ

"ผมไม่แน่ใจ แต่ผมอดคิดไม่ได้ว่า..." รามิลถอนหายใจ "เด็กคนนั้นอาจจะเป็น..." เขาไม่สามารถพูดคำว่า ‘ลูก’ ออกมาได้

วินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยความระมัดระวัง "ท่านประธานเคยมีความสัมพันธ์กับคุณณิชชาเหรอครับ" แม้จะเคยได้ยินข่าวลือเมื่อหลายปีก่อนอยู่บ้างว่าณิชชายั่วยวนท่านประธาน แต่เขาก็ไม่อยากเชื่ออยู่ดีว่าจะเป็นเรื่องจริง

รามิลขบกรามแน่น ความทรงจำในค่ำคืนนั้นหวนคืนมา "มันเป็นความผิดพลาด ผม..." เขาไม่ต้องการอธิบายรายละเอียด

"ท่านประธานต้องการให้ผมสืบเรื่องนี้ไหมครับ" วินเสนอด้วยความเป็นมืออาชีพ

รามิลเงียบไปครู่หนึ่ง เขาชั่งใจถึงผลที่จะตามมา แต่ความสงสัยในใจมันรุนแรงเกินกว่าจะปล่อยผ่านไปได้ "สืบ...สืบมาให้ละเอียดที่สุด ผมต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเด็กคนนั้น และเกี่ยวกับณิชชาในช่วงห้าปีที่ผ่านมา"

"ครับท่านประธาน" วินรับคำอย่างหนักแน่น

ทางด้านณิชชา หลังจากเผชิญหน้ากับรามิลในสวนสาธารณะ เธอก็พยายามอย่างยิ่งที่จะหลีกเลี่ยงการพบเจอเขาอีกครั้ง เธอพาลูก ๆ ไปโรงเรียนและกลับมาทำงานที่ร้านตามปกติ พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความกังวลในใจกลับเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

และแล้วสิ่งที่ณิชชากังวลก็เกิดขึ้นจนได้ วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังอบขนมอยู่ในครัว รามิลก็ปรากฏตัวขึ้นที่ร้านอย่างไม่ทันตั้งตัว

"สวัสดีครับณิชชา" รามิลเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้สุภาพ แต่แววตายังคงเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่แน่ใจ

ณิชชาชะงักมือ มองหน้าชายหนุ่มด้วยความตกใจระคนไม่พอใจ "ท่านประธาน...มาที่นี่มีอะไรคะ ฉันคิดว่าเราไม่มีอะไรต้องพูดคุยกันอีก"

"ผมแค่อยากจะคุยกับคุณสักหน่อย เรื่องที่สวนสาธารณะวันนั้น" รามิลตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย สรรพนามที่เคยใช้คำว่า ฉัน และ เธอ ได้เปลี่ยนเป็นสุภาพมากขึ้น

"ฉันไม่คิดว่าเรามีอะไรต้องคุยกันนะคะ เรื่องมันจบไปนานแล้ว" ณิชชาตอบเสียงเย็น พยายามรักษาระยะห่าง

"เรื่องลูกของเรา" รามิลกล่าวตรงประเด็น ดวงตาของเขาจับจ้องใบหน้าของหญิงสาวอย่างไม่วางตา

คำพูดนั้นทำให้ร่างบางตัวแข็งทื่อ เธอจ้องมองใบหน้าคมสันด้วยความตกใจและโกรธเคือง "ลูกของฉันค่ะ ไม่ใช่ลูกของเรา คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดถึงพวกเขาในฐานะลูกของคุณ"

"เขาหน้าเหมือนผมมาก คุณก็รู้ คุณเองก็เห็น" รามิลไม่ยอมแพ้ น้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย

"มันเป็นเรื่องบังเอิญค่ะ คนหน้าเหมือนกันมีเยอะแยะไป" ณิชชายังคงยืนกราน แม้ในใจจะเริ่มหวั่นไหว

"บังเอิญจริง ๆ เหรอ แม้แต่ดวงตา แววตาที่มองผมเมื่อวาน มันเหมือนกับ..." รามิลเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังหาคำพูดที่เหมาะสม วินได้สืบหาร้านขนมของเธอได้ เขาก็รีบมาพบเธอทันที

"คุณต้องการอะไรกันแน่คะ มาที่ร้านของฉันถึงที่นี่ มีธุระอะไรก็รีบพูดมาเถอะค่ะ ฉันไม่มีเวลาว่างมากนัก" ณิชชาถามตรงๆ เธออยากให้เขาไปพ้นจากร้านของเธอเสียที

"ผมต้องการรู้ความจริง เด็กคนนั้นเป็นลูกของผมใช่ไหม  ตอบผมมาตรง ๆ ณิชชา"

ณิชชาเงียบไปครู่หนึ่ง เธอชั่งใจว่าจะตอบอย่างไรดี ความลับที่เธอปกปิดมานานกำลังจะถูกเปิดเผย

"ทำไมคุณถึงเพิ่งมาสนใจเรื่องนี้คะ ในวันที่ฉันเลี้ยงพวกเขาอย่างยากลำบาก คุณอยู่ที่ไหน คุณตราหน้าฉันว่าเป็นผู้หญิงร้ายกาจ และไล่ฉันไปจากชีวิตของคุณอย่างไม่ไยดี"

"ผม...ผมเพิ่งรู้เรื่อง ผม..." รามิลอึกอัก ไม่สามารถหาคำแก้ตัวที่ฟังขึ้นมาได้

"เพิ่งรู้? ห้าปีแล้วนะคะ ท่านประธาน ห้าปีที่ฉันต้องเลี้ยงลูกคนเดียว โดยไม่มีความช่วยเหลือจากคุณเลยแม้แต่น้อย" ณิชชาเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

"ผมอยากจะรับผิดชอบ ผม..." รามิลพยายามอธิบายความรู้สึกของตนเอง

"การกระทำสำคัญกว่าคำพูดค่ะ ท่านประธาน คำพูดของคุณมันไม่มีความหมายอะไรสำหรับฉันอีกแล้ว"

"ผมรู้ ผมอยากจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมเปลี่ยนไปแล้ว" รามิลกล่าวด้วยความจริงจังและตั้งใจ

"ฉันไม่ต้องการอะไรจากคุณทั้งนั้น แค่ปล่อยให้ฉันและลูก ๆ ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก็พอ อย่าเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของพวกเราอีกเลย

“ลูกๆ ? หมายความว่ายังไง คุณพูดเหมือนมีลูกหลายคน” เขาขมวดคิ้ว ในขณะที่เธอยิ้มเย็น พยายามตัดบท

“เลิกคุยเถอะค่ะ กลับไปซะเถอะ”

"ผมมีสิทธิ์ที่จะรับรู้เรื่องของลูก"

"สิทธิ์? คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าตัวเองใจร้ายกับฉันขนาดนี้ แล้วตอนนี้คุณมาพูดถึงสิทธิ์?" ณิชชาโต้ตอบด้วยความโกรธ

"ผม..." รามิลอึกอัก ไม่รู้จะตอบอย่างไร

“เด็กเป็นลูกของฉันคนเดียวค่ะ อยู่มาหลายปีไม่จำเป็นต้องมีพ่อก็ได้นี่ พ่อน่ะไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับลูกของฉันหรอกค่ะ”

“เดี๋ยวสิ ผมอยากคุยให้เคลียร์”

"ฉันขอให้คุณออกไปจากร้านของฉันค่ะ" ณิชชาสั่งเสียงแข็ง

รามิลจ้องมองหน้าณิชชาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเฮือก

"ผมจะกลับมา" รามิลกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะหันหลังเดินออกจากร้านไป

ณิชชามองตามหลังรามิลไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เธอรู้ว่าการเผชิญหน้ากันในวันนี้ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิม...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   ไม่อยากยอมรับหัวใจตัวเอง

    เช้าวันรุ่งขึ้น รามิลสั่งให้เด็ก ๆ แต่งตัวให้เรียบร้อยเป็นพิเศษ เพราะจะมีครูจากโรงเรียนเอกชนชื่อดังมาทำการคัดเลือกเพื่อเข้าเรียนในภาคเรียนถัดไปเขาได้ทำการให้เด็กๆ ลาออกจากโรงเรียนรัฐ เพื่อเข้าโรงเรียนเอกชนที่เขาเป็นคนคัดสรรว่าดีที่สุด“อย่าทำให้ผมอับอายขายหน้า หากลูกของคุณสอบไม่ผ่าน นั่นหมายความว่าเพราะคุณสั่งสอนไม่ดี” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบขณะยืนแต่งสูทเรียบหรูหน้ากระจก โดยไม่แม้แต่จะหันมามองณิชชาที่กำลังจัดชุดให้เด็ก ๆ อยู่บนโซฟา“เด็กทั้งสามคนมีศักยภาพและมีความสามารถค่ะ ฉันมั่นใจในตัวพวกเขา” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้มือที่กำลังติดกระดุมเสื้อของเมฆาสั่น“ความมั่นใจลม ๆ แล้ง ๆ ของคุณ ไม่ใช่หลักประกันที่เชื่อถือได้สำหรับผม” เขาย้อนทันควันด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูก“ค่ะ ดูเหมือนว่าฉันพูดอะไรไปก็จะผิดหูสำหรับคุณไปหมดเลยนะคะ”“นั่นเพราะคุณมันเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่”“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ คุณจะเหน็บ จะแซะ จะแขวะอะไรฉัน

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   ของรักของหวงที่หายไป

    “ตุ๊กตาแพนด้าของเมฆหายไปฮับ แงงงง” เสียงร้องไห้ของเมฆาดังลั่นบ้านในเช้าวันจันทร์ที่ควรเริ่มต้นด้วยความสดใส เมฆานั่งกอดหมอนบนโซฟา น้ำตาไหลอาบแก้ม ดวงหน้าเล็ก ๆ ยู่ยี่ด้วยความเสียใจและไม่เข้าใจว่าทำไมตุ๊กตาตัวโปรดถึงหายไป ณิชชานั่งย่อตัวลงตรงหน้าลูกชายอย่างอ่อนโยน มือเรียวลูบศีรษะเล็ก ๆ เบา ๆ อย่างปลอบโยน“เมฆแน่ใจนะว่าเอาตุ๊กตามาด้วยจริง ๆ”“แน่ใจฮับคุณแม่ เมฆวางไว้บนหัวเตียงเมื่อคืนก่อนนอน เมฆกอดมันทุกคืนเลย”“ไม่ร้องนะครับคนเก่ง เดี๋ยวแม่ช่วยหานะ” หญิงสาวยิ้มให้ลูกชายอย่างให้กำลังใจ แล้วลุกขึ้นเดินหาทั่วบ้านพร้อมกับภูผาและวารินที่ช่วยกันค้นหาอย่างขะมักเขม้น ครู่ต่อมา วารินวิ่งหน้าตื่นมาจากหลังบ้าน “คุณแม่... วาเห็นตุ๊กตาอยู่ในถังขยะค่ะ”ณิชชาชะงัก หัวใจเหมือนถูกบีบอย่างแรง เธอรีบตามลูกสาวไปที่หลังบ้าน และก็เป็นอย่างที่วารินบอก... ตุ๊กตาแพนด้าขอ

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   มันเป็นแค่อุบัติเหตุ !

    เช้าวันใหม่ เด็กทั้งสามนั่งเรียงกันอยู่บนพรมผืนนุ่มในห้องนั่งเล่น วารินกำลังสานริบบิ้นหลากสีกับแม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมฆากำลังจัดเรียงรถของเล่นคันโปรดอย่างขะมักเขม้น ส่วนภูผาเงียบกว่าทุกครั้ง เขานั่งอยู่ข้างน้องชายแต่สายตากลับคอยชำเลืองมองแม่ตลอดเวลาด้วยความกังวล“แม่ฮะ... วันนี้เราไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะได้ไหมฮับ” เสียงเล็กของเมฆาถามขึ้นอย่างมีความหวัง ดวงตาเป็นประกายด้วยความอยากออกไปข้างนอกหญิงสาวหันไปสบตากับลูกชายแล้วลูบศีรษะเล็ก “ถ้าพ่ออนุญาต แม่ก็พาไปได้จ้ะ”เด็กทั้งสามหันไปมองบิดาที่เพิ่งเดินลงมาจากบันไดเกือบจะพร้อมกัน รามิลมองภาพนั้นนิ่ง ๆ ด้วยแววตาเย็นชา“พ่อครับ พวกเราขอออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะได้ไหมคับ” ภูผาเป็นคนลุกขึ้นก่อนใคร และออกปากขออนุญาตตามประสาพี่ใหญ่หญิงสาวเห็นสายตาของเขา ก็รู้สึกขนลุก เลยรีบพูดว่า “แค่เดินเล่นเองค่ะ ช่วงนี้เด็กๆ โรงเรียนหยุดยาวด้วย ให้ได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้างเถอะนะคะ ฉันจะดูแลเป็นอย่างดีค่ะ”เขาพยักหน้าอนุญาตอย่างไม่เต็มใจนัก “ได้ แต่คุณต้องพาคนขับรถไปด้วย ห้ามพาเด็ก ๆ ไปในที่แออัด หรือสถานที่ที่คุณเคยไปสมัยทำงานในบริษัทเด็ดขาด” น้ำเสียงเข้มเต็ม

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   เพียงคนเดียวที่เข้าใจ

    คืนนั้น ณิชชาแทบไม่ได้หลับเลย เธอนั่งเฝ้าลูก ๆ ที่เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล นอนพักฟื้นอยู่ในห้องนอนส่วนตัว ร่างเล็ก ๆ ที่เพิ่งหายจากอาการป่วยยังดูอ่อนแรง หากแต่ก็ยังส่งยิ้มสดใสให้เธอเสมอ ราวกับต้องการบอกว่าพวกเขาไม่เป็นไรและไม่อยากให้เธอต้องเป็นห่วงหัวใจของคนเป็นแม่เจ็บปวดราวกับถูกกรีดเป็นริ้ว ๆ หากแต่ก็ไม่อาจเอ่ยคำใด หรืออธิบายความรู้สึกใด ๆ ให้ใครได้รับรู้เลย เธอทำได้เพียงกอดลูกๆไว้ และภาวนาให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปโดยเร็วเช้าวันถัดมา รามิลเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับไร้อารมณ์ เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเธอสักครั้ง ขณะที่ณิชชายกถาดอาหารเช้าไปวางตรงหน้าลูก ๆ“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะให้แม่ครัวเป็นคนจัดเตรียมอาหารสำหรับเด็ก ๆ เอง คุณไม่จำเป็นต้องเข้ามาในครัวอีกต่อไป” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โดยไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าเธอ“แต่ว่า…” ณิชชาพยายามจะค้านอย่างอ่อนแรง“อย่าได้คิดที่จะโต้แย้ง ผมไม่มีเวลามากพอที่จะมาเสี่ยงกับความสะเพร่าของใครบางคน” รามิลตัดบทอย่างเด็ดขาด น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเฉียบขาดจนณิชชาไม่อาจโต้เถียงได้อีกถ้อยคำเหล่านั้นราวกับตอกย้ำว่าเธอเป็นเพียงคว

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   เมื่อแฝดสามเข้าโรงพยาบาล !

    กลิ่นหอมหวานของขนมอบลอยคลุ้งไปทั่วห้องครัว ณิชชาบรรจงทำอาหารเช้าสำหรับลูก ๆ ทุกเช้าด้วยความใส่ใจ ราวกับเป็นกิจวัตรสำคัญที่ไม่อาจละเลย เธอผสมแป้งด้วยมือ คัดสรรวัตถุดิบทุกอย่างด้วยความระมัดระวังที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ในใจจะรู้ดีว่า ไม่มีใครในบ้านหลังนี้รับรู้ในความตั้งใจของเธอเลยก็ตามแต่สำหรับเด็ก ๆ แล้ว เธอปรารถนาให้ทุกคำที่พวกเขาได้ทานเข้าไป เปี่ยมไปด้วยความรักและความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่“วันนี้แม่ทำเค้กกล้วยหอมด้วยนะลูก” เธอยิ้มละมุนขณะจัดขนมใส่จาน เตรียมเสิร์ฟพร้อมนมอุ่นหอมกรุ่นเด็กทั้งสามเดินลงมานั่งประจำที่ วารินส่งยิ้มหวานให้มารดา “วาอยากทานขนมฝีมือคุณแม่ทุกวันเลยค่ะ อร่อยที่สุดในโลก”“พี่ภูขออันที่กล้วยเยอะ ๆ นะฮะ เขาชอบกล้วย” เมฆาเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสแจ๋วณิชชาหัวเราะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะจัดจานตามความต้องการของลูก ๆ อย่างใส่ใจ แล้วยกไปวางบนโต๊ะอาหารรามิลเดินเข้ามาในห้องอาหารพอดี นัยน์ตาคมกริบปรายมองอาหารเช้าบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างเงียบ ๆ โดยไม่เอ่ยทักทายเด็ก ๆ หรือแม้แต่เธอ“เช้านี้ฉันทำเค้กกล้วยหอมค่ะ ไม่มีน้ำตาลมาก เด็ก ๆ จะได้ทานง่าย ๆ” ณิชชาอ

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   ความเย็นชาที่เธอได้รับ

    เช้าวันใหม่มาพร้อมกับอากาศเย็นสบาย หากแต่ในความรู้สึกของณิชชา กลับเหมือนต้องเดินอยู่ท่ามกลางหมอกหนา ความอึดอัดที่เกาะกุมหัวใจยังคงหนักอึ้ง เธอตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมนมกล่องและอาหารเช้าสำหรับลูก ๆ ด้วยความใส่ใจ แม้ในใจจะตระหนักดีถึงสถานะของตนเองในบ้านหลังนี้เสียงฝีเท้าหนักๆ ก้าวเข้ามาในห้องอาหาร รามิลปรากฏตัวในชุดสูทสีเทาเข้ม ใบหน้าคมคายเรียบนิ่งราวกับรูปสลักหินอ่อน"เด็ก ๆ ยังไม่ลงมาอีกหรือไง" เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ"กำลังล้างมือกันอยู่ค่ะ เดี๋ยวก็มาแล้ว" ณิชชาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพรามิลกวาดสายตาไปทั่วโต๊ะอาหาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "นมต้องอุ่นให้ได้อุณหภูมิพอดี ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส อาหารว่างควรมีผลไม้สดเพื่อเพิ่มวิตามิน ไม่ใช่แค่ขนมปังอย่างเดียว นี่เป็นสิ่งที่คนเป็นแม่ควรใส่ใจ หากคิดจะทำหน้าที่แม่ของลูก ๆ ผม"ณิชชากล้ำกลืนความรู้สึกขุ่นเคืองลงไป พยักหน้ารับอย่างสงบเสงี่ยม เธอรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะโต้แย้งใด ๆเด็ก ๆ วิ่งกรูเข้ามาในห้องอาหารด้วยท่าทีร่าเริง เมฆาเป็นคนแรกที่ส่งเสียงใส "คุณพ่ออออ"รามิลยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกชายคนเล็ก "

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status