แชร์

ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน
ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน
ผู้แต่ง: อักษรสีทอง

คืนที่ร้าวราน

ผู้เขียน: อักษรสีทอง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-12 22:38:07

บทที่ 1

คืนที่ร้าวราน

แสงไฟสีทองสาดส่องต้องร่างสูงสง่าของรามิล เดชาบดินทร์ ที่ยืนอยู่บนเวทีในงานเลี้ยงบริษัท ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองผู้คนเบื้องล่างด้วยความเบื่อหน่ายระคนหงุดหงิด แก้ววิสกี้ในมือถูกยกขึ้นจิบอย่างไม่ใส่ใจนัก หญิงสาวมากมายต่างจับจ้องมาที่เขาด้วยสายตาชื่นชมและปรารถนา แต่ในใจของเขากลับว่างเปล่า

ณิชชาในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มพยายามหลบเลี่ยงสายตาของผู้คน เธอรู้สึกเหมือนเป็นเพียงอากาศธาตุในงานเลี้ยงอันหรูหรานี้ หัวใจของเธอเต้นระรัวเมื่อแอบมองไปยังร่างสูงสง่าบนเวที ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา ทั้งความรัก ความเสน่หา และความเจ็บปวดที่ฝังลึก

ค่ำคืนนั้น ในงานเลี้ยงปิดกล้องโปรเจกต์ใหญ่ เธอถูกเรียกตัวให้ไปช่วยงานในส่วนเครื่องดื่ม ด้วยความเกรงใจและอยากช่วยเหลือ เธอจึงอาสาชงเครื่องดื่มพิเศษตามสูตรที่เธอเคยทำให้รามิลดื่มอยู่บ่อยครั้ง แต่แล้วทุกอย่างก็พลิกผัน

รามิลในสภาพมึนเมา ดวงตาแดงก่ำ เดินโซซัดเซมาหาเธอที่เคาน์เตอร์ ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่เธอด้วยความขุ่นเคืองและกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม

"เธอ...เธอวางยาฉันใช่ไหม!" เสียงทุ้มต่ำของเขากระแทกกระทั้น ราวกับกำลังกล่าวหาอาชญากร

"ท่านประธานคะ ไม่ใช่นะคะ ฉันเปล่า ฉันแค่..." หญิงสาวพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอตกใจจนพูดไม่ออก

"อย่ามาเสแสร้ง! แววตาของเธอมันฟ้องทุกอย่าง ผู้หญิงอย่างเธอ ฉันรู้ทันความคิดต่ำ ๆ ของเธอ" รามิลคว้าข้อมือเธออย่างแรง บีบจนณิชชารู้สึกเจ็บร้าว เขาออกแรงลากเธอออกจากงานเลี้ยง ท่ามกลางสายตาตกตะลึงและเสียงซุบซิบนินทาที่ดังตามหลังมา

"ท่านประธาน ปล่อยฉันเถอะค่ะ คนกำลังมองเรานะคะ!" ณิชชาพยายามยื้อยุด ฉุดกระชากแขนที่ถูกบีบแน่นจนเจ็บปวด เธออ้อนวอนด้วยน้ำตาคลอเบ้า แต่รามิลไม่สนใจ เขาลากเธอเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของเขาที่อยู่ชั้นบน ห้องที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้เขา บัดนี้กลับกลายเป็นสถานที่ที่น่าหวาดกลัวและอึดอัด

"ท่านประธานคะ ฟังฉันก่อน ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นะคะ คุณเข้าใจผิดแล้ว!" หญิงสาวพยายามอธิบายอีกครั้ง เสียงของเธอสั่นเครือ น้ำตาไหลอาบแก้ม แต่รามิลไม่ฟัง เขากลับผลักเธอลงบนโซฟาอย่างแรง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและรังเกียจ

"หุบปาก! ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของผู้หญิงแพศยาอย่างเธอ" ชายหนุ่มตวาดเสียงต่ำ เขาโน้มตัวลงมาใกล้เธอ กักขังเธอไว้ใต้ร่างแข็งแกร่ง "เธอคิดว่าแค่ทำเป็นใส่ใจ เอาเครื่องดื่มมาให้ ฉันจะโง่เชื่อใจเธองั้นเหรอ?"

"ไม่นะคะ ฉันหวังดีกับคุณจริงๆ ค่ะ ฉัน..." ณิชชาพยายามดิ้นรน ขัดขืน แต่ไร้ผล แรงของเขาบดขยี้อิสรภาพของเธออย่างง่ายดาย น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอพร่ำบอกความบริสุทธิ์ใจ อ้อนวอนขอร้อง "ท่านประธานคะ ได้โปรดเชื่อฉัน..."

"เชื่อเธอ? ผู้หญิงที่คิดจะจับฉันด้วยเล่ห์เหลี่ยมสกปรกแบบนี้เนี่ยนะ  ฝันไปเถอะ!" รามิลเยาะเย้ยเสียงเย็น "เธออยากได้ฉันมากนักไม่ใช่เหรอ อยากจะจับฉันด้วยเล่ห์เหลี่ยมต่ำ ๆ ใช่ไหม" ดวงตาของเขาจ้องมองเธอด้วยความดูถูกเหยียดหยาม "ฉันจะสนองความต้องการของเธอ แต่จงจำไว้ ว่ามันจะเป็นความทรงจำที่น่ารังเกียจที่สุดในชีวิตของเธอ"

คำพูดของเขาราวกับตอกตะปูลงบนความหวังสุดท้ายของณิชชา น้ำตาที่ไหลอาบแก้มร้อนผ่าวราวกับถูกไฟลวก เธอพยายามเบือนหน้าหนีจากสายตาที่เย็นชาคู่นั้น แต่ใบหน้าของเธอก็ถูกมือหยาบกระด้างของเขาล็อกไว้แน่น

"มองหน้าฉันสิ  นี่คือสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่หรือไง?" รามิลบังคับให้เธอสบตา ดวงตาของเขาว่างเปล่า ปราศจากความรู้สึกใด ๆ นอกจากความโกรธเกรี้ยวและการดูถูก

ณิชชาสั่นสะอื้น ตัวเธอเกร็งไปทั้งร่าง ความหวาดกลัวกัดกินหัวใจจนแทบแหลกสลาย เธอพยายามเบี่ยงเบนใบหน้า หนีจากสัมผัสที่น่ารังเกียจนั้น แต่รามิลก็กดเธอไว้แน่น เขาโน้มตัวลงมาทาบทับร่างของเธอ กดทับอิสรภาพและความบริสุทธิ์ของเธออย่างโหดร้าย

"ท่านประธานคะ ได้โปรด...อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ" เสียงอ้อนวอนของหญิงสาวแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ เธอพยายามดิ้นรน ขัดขืน แต่เรี่ยวแรงที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดินทำให้ทุกการต่อต้านของเธอไร้ความหมาย

"ทำไมจะไม่ได้  เธอเป็นคนเริ่มเองไม่ใช่เหรอ" มือของเขาบีบเค้นต้นแขนของเธออย่างแรงจนเธอรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกระดูกจะแตก สัมผัสของเขารุนแรงและปราศจากความอ่อนโยน

ณิชชารู้สึกเหมือนถูกช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากตัว น้ำตาไหลทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ความรู้สึกของการถูกรุกล้ำกลับชัดเจนจนเกินทนทาน ความรู้สึกเย็นเฉียบของความสิ้นหวังเกาะกุมไปทั่วทั้งหัวใจ

ลมหายใจของเธอขาดห้วง เธอพยายามกลั้นสะอื้น แต่ร่างกายกลับสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ ทุกสัมผัสของเขาสร้างความรังเกียจและความเจ็บปวดให้กับเธออย่างแสนสาหัส เธอภาวนาในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ค่ำคืนอันแสนเลวร้ายนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็วที่สุด

รามิลไม่ได้สนใจเสียงอ้อนวอนหรือน้ำตาของเธอ เขายังคงกระทำราวกับเธอเป็นเพียงวัตถุไร้ชีวิต ที่เขาสามารถระบายโทสะและความเข้าใจผิดใส่ได้ตามใจชอบ ทุกการกระทำของเขาตอกย้ำให้ณิชชารู้สึกถึงความต่ำต้อยและความไร้ค่า

เสียงครางต่ำของชายหนุ่มแทรกซึมอยู่ในความเงียบ ขณะที่บั้นเอวแข็งแกร่งกระแทกเข้าหาเธออย่างไม่ลืมหูลืมตา

เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องแคบ ราวกับทุกแรงปะทะเป็นการลงโทษ การสะสางความแค้น หรือการปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบที่เขาเก็บกดมานาน

ณิชชาเหมือนร่างไร้วิญญาณที่ถูกโยนลงกลางพายุร้าย ทุกสัมผัสของเขาเหมือนมีเปลวไฟแผดเผาผิวเนื้อ หน้าอกของเธอถูกกอบกุมขย้ำรุนแรง ทั้งบีบ ทั้งเคล้นจนเธอแทบหายใจไม่ออก

“เจ็บ...” เธอร้องเสียงเครือ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน หรือจงใจไม่รับรู้

ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมากัดที่ลาดไหล่เนียน ปลายฟันกดลึกจนน้ำตาเธอไหลพราก ก่อนที่เขาจะลากลิ้นร้อนผ่านรอยกัดอย่างจงใจ ลากลิ้นชื้นไล้จากไหล่ขึ้นไปยังข้างกราม แล้วตะครุบดูดเม้มซ้ำตรงข้างลำคอจนเป็นรอยแดงเข้ม

“รู้รึยังว่าฉันรังเกียจการเสแสร้งของเธอแค่ไหน” เสียงทุ้มต่ำราวกับงูพิษที่กระซิบข้างหู ก่อนที่เขาจะจูบเธออีกครั้ง ไม่ใช่จูบที่มีความอ่อนโยน ไม่แม้แต่จะเรียกว่าจูบได้

เขาบดขยี้ริมฝีปากเธอราวกับจะกลืนกิน มือหนาร้อนจัดลูบไล้ไล่ลงต่ำ ลากผ่านหน้าท้องแบนราบไปจนถึงต้นขาด้านใน เขาแยกเรียวขาของเธอออกด้วยความไม่ปรานี และบดเบียดตนเองเข้าไปลึกจนสุดทางอีกครั้ง เสียงครางต่ำในลำคอของเขาสั่นสะท้าน ร่างของเขาเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ขณะที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือร่างของเธอ ทุกแรงกระแทกหนักแน่น เร็ว แรง...เหมือนเขาไม่สนใจว่าร่างเธอจะรับไหวหรือไม่

“จะเสแสร้งไปถึงไหน” เขากระซิบขณะมองใบหน้าที่เปรอะเปื้อนน้ำตาของเธอ “น้ำตาน่ะมันใช้หยุดฉันไม่ได้หรอก” เขากระแทกตัวเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้แรงจนร่างของเธอกระเด้งขึ้นจากเตียง หอบหายใจถี่ สั่นระริกเหมือนคนใกล้ขาดใจ

ณิชชารู้สึกราวกับร่างกายกำลังแตกสลาย ความรู้สึกของการเป็นเพียง ของเล่น ที่ถูกใช้สนองอารมณ์ ทำให้เธอเจ็บจนแทบกลืนไม่ลง หัวใจของเธอเต้นช้าเหมือนจะหยุดเต้น ทุกเสียง ทุกสัมผัส ทุกแรงผลักดัน กลายเป็นฝันร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุด

เขาเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเสียงกระแทกดังชัดเจน “ของฉัน...”

เขากระซิบเสียงแหบพร่า ชั่วขณะที่ขยับตัวเข้าไปลึกสุดปลายทาง เขาฝังตัวแน่นอยู่ในกายเธอ ร่างแกร่งกระตุกเล็กน้อยก่อนจะปลดปล่อยทุกอย่างออกมาโดยไม่สนเสียงสะอื้นที่ยังคงดังอยู่ในความเงียบ

เขาทิ้งตัวลงแนบกับเธอ ใช้หน้าผากซบไหล่เธอ แค่ชั่วครู่ ก่อนจะถอนกายออกอย่างเย็นชา

บนผ้าปูที่นอนสีขาวบริสุทธิ์ เปื้อนรอยแดงจาง ๆ จากรอยข่วน รอยฟัน และร่องรอยของน้ำตา

ณิชชานอนนิ่ง ไม่แม้แต่จะสบตาเขา

เธอไม่เหลืออะไรเลย...แม้แต่ศักดิ์ศรี

รุ่งเช้าของวันต่อมา ณิชชาตื่นขึ้นมาด้วยร่างกายที่บอบช้ำและจิตใจที่แตกสลาย ร่องรอยของการถูกกระทำยังคงปรากฏอยู่บนร่างกายและในความทรงจำของเธอ ข้างกายเธอคือรามิลที่นอนหลับใหลอย่างไม่รู้สึกผิด ดวงตาของเขาปิดสนิท เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับสิ่งที่เขาทำลงไปเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

เมื่อเขาตื่นขึ้นมาและเห็นเธอ สายตาของเขาก็ยังคงเย็นชาและไร้ความรู้สึกผิด ราวกับเธอเป็นเพียงสิ่งแปลกปลอมที่เขาต้องการกำจัด

"ออกไปจากห้องของฉัน" รามิลสั่งเสียงแข็ง โดยไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ

"ค่ะ..." หญิงวสาวตอบเสียงแผ่วเบา เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก เก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายด้วยมือที่สั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเงียบ ๆ เธอไม่พูดอะไรสักคำ เดินออกจากห้องนั้นไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นานหลังจากนั้น คำสั่งไล่ออกก็ถูกส่งมาถึงมือเธอพร้อมกับสายตาเหยียดหยามจากเพื่อนร่วมงาน ข่าวลือกระฉ่อนไปทั่วบริษัทว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าด้าน ใจง่าย หวังใช้มารยาหญิงยั่วยวนท่านประธาน

ณิชชาตัดสินใจหนี หนีจากเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความทรงจำอันเลวร้าย โดยที่ไม่รู้เลยว่าในท้องของเธอกำลังมีชีวิตน้อย ๆ ถึงสามชีวิต กำลังก่อกำเนิดขึ้นจากค่ำคืนอันแสนเลวร้ายนั้น...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   ไม่อยากยอมรับหัวใจตัวเอง

    เช้าวันรุ่งขึ้น รามิลสั่งให้เด็ก ๆ แต่งตัวให้เรียบร้อยเป็นพิเศษ เพราะจะมีครูจากโรงเรียนเอกชนชื่อดังมาทำการคัดเลือกเพื่อเข้าเรียนในภาคเรียนถัดไปเขาได้ทำการให้เด็กๆ ลาออกจากโรงเรียนรัฐ เพื่อเข้าโรงเรียนเอกชนที่เขาเป็นคนคัดสรรว่าดีที่สุด“อย่าทำให้ผมอับอายขายหน้า หากลูกของคุณสอบไม่ผ่าน นั่นหมายความว่าเพราะคุณสั่งสอนไม่ดี” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบขณะยืนแต่งสูทเรียบหรูหน้ากระจก โดยไม่แม้แต่จะหันมามองณิชชาที่กำลังจัดชุดให้เด็ก ๆ อยู่บนโซฟา“เด็กทั้งสามคนมีศักยภาพและมีความสามารถค่ะ ฉันมั่นใจในตัวพวกเขา” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้มือที่กำลังติดกระดุมเสื้อของเมฆาสั่น“ความมั่นใจลม ๆ แล้ง ๆ ของคุณ ไม่ใช่หลักประกันที่เชื่อถือได้สำหรับผม” เขาย้อนทันควันด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูก“ค่ะ ดูเหมือนว่าฉันพูดอะไรไปก็จะผิดหูสำหรับคุณไปหมดเลยนะคะ”“นั่นเพราะคุณมันเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่”“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ คุณจะเหน็บ จะแซะ จะแขวะอะไรฉัน

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   ของรักของหวงที่หายไป

    “ตุ๊กตาแพนด้าของเมฆหายไปฮับ แงงงง” เสียงร้องไห้ของเมฆาดังลั่นบ้านในเช้าวันจันทร์ที่ควรเริ่มต้นด้วยความสดใส เมฆานั่งกอดหมอนบนโซฟา น้ำตาไหลอาบแก้ม ดวงหน้าเล็ก ๆ ยู่ยี่ด้วยความเสียใจและไม่เข้าใจว่าทำไมตุ๊กตาตัวโปรดถึงหายไป ณิชชานั่งย่อตัวลงตรงหน้าลูกชายอย่างอ่อนโยน มือเรียวลูบศีรษะเล็ก ๆ เบา ๆ อย่างปลอบโยน“เมฆแน่ใจนะว่าเอาตุ๊กตามาด้วยจริง ๆ”“แน่ใจฮับคุณแม่ เมฆวางไว้บนหัวเตียงเมื่อคืนก่อนนอน เมฆกอดมันทุกคืนเลย”“ไม่ร้องนะครับคนเก่ง เดี๋ยวแม่ช่วยหานะ” หญิงสาวยิ้มให้ลูกชายอย่างให้กำลังใจ แล้วลุกขึ้นเดินหาทั่วบ้านพร้อมกับภูผาและวารินที่ช่วยกันค้นหาอย่างขะมักเขม้น ครู่ต่อมา วารินวิ่งหน้าตื่นมาจากหลังบ้าน “คุณแม่... วาเห็นตุ๊กตาอยู่ในถังขยะค่ะ”ณิชชาชะงัก หัวใจเหมือนถูกบีบอย่างแรง เธอรีบตามลูกสาวไปที่หลังบ้าน และก็เป็นอย่างที่วารินบอก... ตุ๊กตาแพนด้าขอ

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   มันเป็นแค่อุบัติเหตุ !

    เช้าวันใหม่ เด็กทั้งสามนั่งเรียงกันอยู่บนพรมผืนนุ่มในห้องนั่งเล่น วารินกำลังสานริบบิ้นหลากสีกับแม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมฆากำลังจัดเรียงรถของเล่นคันโปรดอย่างขะมักเขม้น ส่วนภูผาเงียบกว่าทุกครั้ง เขานั่งอยู่ข้างน้องชายแต่สายตากลับคอยชำเลืองมองแม่ตลอดเวลาด้วยความกังวล“แม่ฮะ... วันนี้เราไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะได้ไหมฮับ” เสียงเล็กของเมฆาถามขึ้นอย่างมีความหวัง ดวงตาเป็นประกายด้วยความอยากออกไปข้างนอกหญิงสาวหันไปสบตากับลูกชายแล้วลูบศีรษะเล็ก “ถ้าพ่ออนุญาต แม่ก็พาไปได้จ้ะ”เด็กทั้งสามหันไปมองบิดาที่เพิ่งเดินลงมาจากบันไดเกือบจะพร้อมกัน รามิลมองภาพนั้นนิ่ง ๆ ด้วยแววตาเย็นชา“พ่อครับ พวกเราขอออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะได้ไหมคับ” ภูผาเป็นคนลุกขึ้นก่อนใคร และออกปากขออนุญาตตามประสาพี่ใหญ่หญิงสาวเห็นสายตาของเขา ก็รู้สึกขนลุก เลยรีบพูดว่า “แค่เดินเล่นเองค่ะ ช่วงนี้เด็กๆ โรงเรียนหยุดยาวด้วย ให้ได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้างเถอะนะคะ ฉันจะดูแลเป็นอย่างดีค่ะ”เขาพยักหน้าอนุญาตอย่างไม่เต็มใจนัก “ได้ แต่คุณต้องพาคนขับรถไปด้วย ห้ามพาเด็ก ๆ ไปในที่แออัด หรือสถานที่ที่คุณเคยไปสมัยทำงานในบริษัทเด็ดขาด” น้ำเสียงเข้มเต็ม

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   เพียงคนเดียวที่เข้าใจ

    คืนนั้น ณิชชาแทบไม่ได้หลับเลย เธอนั่งเฝ้าลูก ๆ ที่เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล นอนพักฟื้นอยู่ในห้องนอนส่วนตัว ร่างเล็ก ๆ ที่เพิ่งหายจากอาการป่วยยังดูอ่อนแรง หากแต่ก็ยังส่งยิ้มสดใสให้เธอเสมอ ราวกับต้องการบอกว่าพวกเขาไม่เป็นไรและไม่อยากให้เธอต้องเป็นห่วงหัวใจของคนเป็นแม่เจ็บปวดราวกับถูกกรีดเป็นริ้ว ๆ หากแต่ก็ไม่อาจเอ่ยคำใด หรืออธิบายความรู้สึกใด ๆ ให้ใครได้รับรู้เลย เธอทำได้เพียงกอดลูกๆไว้ และภาวนาให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปโดยเร็วเช้าวันถัดมา รามิลเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับไร้อารมณ์ เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเธอสักครั้ง ขณะที่ณิชชายกถาดอาหารเช้าไปวางตรงหน้าลูก ๆ“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะให้แม่ครัวเป็นคนจัดเตรียมอาหารสำหรับเด็ก ๆ เอง คุณไม่จำเป็นต้องเข้ามาในครัวอีกต่อไป” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โดยไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าเธอ“แต่ว่า…” ณิชชาพยายามจะค้านอย่างอ่อนแรง“อย่าได้คิดที่จะโต้แย้ง ผมไม่มีเวลามากพอที่จะมาเสี่ยงกับความสะเพร่าของใครบางคน” รามิลตัดบทอย่างเด็ดขาด น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเฉียบขาดจนณิชชาไม่อาจโต้เถียงได้อีกถ้อยคำเหล่านั้นราวกับตอกย้ำว่าเธอเป็นเพียงคว

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   เมื่อแฝดสามเข้าโรงพยาบาล !

    กลิ่นหอมหวานของขนมอบลอยคลุ้งไปทั่วห้องครัว ณิชชาบรรจงทำอาหารเช้าสำหรับลูก ๆ ทุกเช้าด้วยความใส่ใจ ราวกับเป็นกิจวัตรสำคัญที่ไม่อาจละเลย เธอผสมแป้งด้วยมือ คัดสรรวัตถุดิบทุกอย่างด้วยความระมัดระวังที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ในใจจะรู้ดีว่า ไม่มีใครในบ้านหลังนี้รับรู้ในความตั้งใจของเธอเลยก็ตามแต่สำหรับเด็ก ๆ แล้ว เธอปรารถนาให้ทุกคำที่พวกเขาได้ทานเข้าไป เปี่ยมไปด้วยความรักและความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่“วันนี้แม่ทำเค้กกล้วยหอมด้วยนะลูก” เธอยิ้มละมุนขณะจัดขนมใส่จาน เตรียมเสิร์ฟพร้อมนมอุ่นหอมกรุ่นเด็กทั้งสามเดินลงมานั่งประจำที่ วารินส่งยิ้มหวานให้มารดา “วาอยากทานขนมฝีมือคุณแม่ทุกวันเลยค่ะ อร่อยที่สุดในโลก”“พี่ภูขออันที่กล้วยเยอะ ๆ นะฮะ เขาชอบกล้วย” เมฆาเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสแจ๋วณิชชาหัวเราะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะจัดจานตามความต้องการของลูก ๆ อย่างใส่ใจ แล้วยกไปวางบนโต๊ะอาหารรามิลเดินเข้ามาในห้องอาหารพอดี นัยน์ตาคมกริบปรายมองอาหารเช้าบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างเงียบ ๆ โดยไม่เอ่ยทักทายเด็ก ๆ หรือแม้แต่เธอ“เช้านี้ฉันทำเค้กกล้วยหอมค่ะ ไม่มีน้ำตาลมาก เด็ก ๆ จะได้ทานง่าย ๆ” ณิชชาอ

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   ความเย็นชาที่เธอได้รับ

    เช้าวันใหม่มาพร้อมกับอากาศเย็นสบาย หากแต่ในความรู้สึกของณิชชา กลับเหมือนต้องเดินอยู่ท่ามกลางหมอกหนา ความอึดอัดที่เกาะกุมหัวใจยังคงหนักอึ้ง เธอตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมนมกล่องและอาหารเช้าสำหรับลูก ๆ ด้วยความใส่ใจ แม้ในใจจะตระหนักดีถึงสถานะของตนเองในบ้านหลังนี้เสียงฝีเท้าหนักๆ ก้าวเข้ามาในห้องอาหาร รามิลปรากฏตัวในชุดสูทสีเทาเข้ม ใบหน้าคมคายเรียบนิ่งราวกับรูปสลักหินอ่อน"เด็ก ๆ ยังไม่ลงมาอีกหรือไง" เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ"กำลังล้างมือกันอยู่ค่ะ เดี๋ยวก็มาแล้ว" ณิชชาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพรามิลกวาดสายตาไปทั่วโต๊ะอาหาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "นมต้องอุ่นให้ได้อุณหภูมิพอดี ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส อาหารว่างควรมีผลไม้สดเพื่อเพิ่มวิตามิน ไม่ใช่แค่ขนมปังอย่างเดียว นี่เป็นสิ่งที่คนเป็นแม่ควรใส่ใจ หากคิดจะทำหน้าที่แม่ของลูก ๆ ผม"ณิชชากล้ำกลืนความรู้สึกขุ่นเคืองลงไป พยักหน้ารับอย่างสงบเสงี่ยม เธอรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะโต้แย้งใด ๆเด็ก ๆ วิ่งกรูเข้ามาในห้องอาหารด้วยท่าทีร่าเริง เมฆาเป็นคนแรกที่ส่งเสียงใส "คุณพ่ออออ"รามิลยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกชายคนเล็ก "

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status