กว่าฝนจะหยุดตกก็เป็นเวลากว่าสามทุ่ม ร่างเล็กที่ตอนนี้หลับไปด้วยความเหนื่อย เปลี่ยนจากท่านั่งคุดคู้กอดเข่าเป็นนั่งอยู่บนตักกลกันต์ หลังบางซบลงกับอกหนาเอนหลังพิง ปล่อยตัวตามสบายที่มีกลกันต์โอบกอดอยู่ด้านหลัง
เมื่อเห็นว่าถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้วจึงสะกิดปลุกหญิงสาว
“น้ำหวาน กลับบ้านเรากันนะ”
“อื้ออออออ” เสียงหวานเอ่ยประท้วง ที่โดนรบกวนการนอนหลังสบาย
“มา พี่ช่วยพยุงขึ้น” ว่าแล้วค่อยประคองร่างเล็กขึ้น
“กี่โมงแล้ว”
“สามทุ่มแล้ว หิวข้าวไหม”
จ๊อกก เสียงท้องร้องเป็นคำตอบแทนเธอ กลกันต์ยิ้มบางๆส่งให้เด็กน้อย แล้วลงไปยืนด้านล่างปลายกระท่อม ย่อตัวลงต่ำ หันแผ่นหลังให้น้ำหวาน เอื้อมมือดึงร่างบางให้ทาบทับกับแผนหลังตน
ว๊ายยยยยยยยยย
“ทำอะไรคะ เดี๋ยวตก”
“จะรีบพากลับไปกินข้าวไง ป่านนี้สุกี้เย็นหมดแล้ว”
น้ำหวานรีบกอดคอกลกันต์ที่ก้าวฉับไวด้านหน้า
“เดี๋ยวค่ะ น้ำหวานลืมกระเป๋า พากลับไปกระท่อมก่อนนะ”
“เห้ออออ”
“ขอโทษค่ะ ที่หวานทำให้คุณกันต์เดือดร้อน”
“ไม่ต้องมาดึงดราม่าเลย หยิบกระเป๋าแล้วขึ้นหลังมา”
“ที่ตามมาก็เพราะว่าเป็น ห่วง เป็นสาวเป็นนางใครให้ออกมาที่เปลี่ยวคนเดียวแบบนี้ เกิดมีพวกหื่นกามดักฉุดไปจะทำยังไง”
“น้ำหวานเดินมาไม่เจอใครสักคนนะ พวกคนหื่นกามไม่ได้อยู่ข้างนอกหรอกค่ะ แต่อยู่ในบ้านต่างห่าง”
ปากเล็กมุมมิบเบาลงในช่วงท้ายประโยค
“หื่นกามที่ว่าหมายถึงพี่?”
“ไม่รู้ไม่ชี้”
“เอ จะว่าไปบรรยากาศตอนนี้ก็ดูเป็นใจนะ”
“ห๋า ”
“เป็นของพี่ซะเถอะแม่สาวน้อย ฮ่าๆๆๆ” ว่าอย่างติดตลก ใช้มือข้างที่ว่างอยู่จับมือเล็กเข้ามาสูดดม กัดงับเข้าเบาๆ
“คุณกันต์กัดหวานหระคะ แบบนี้ต้องเจอเอาคืน”
ริมฝีปากอิ่มจึงงับเข้าไปที่ใบหูหนา
“โอ๊ยยยยย เป็นหมาหรือไงเนี่ย”
“ฮ่าๆ ทำน้ำหวานก่อนทำไมล่ะ แบร๋”
กลกันต์ได้ทีจึงเอาคืนด้วยการออกแรงวิ่งเร็วๆ น้ำหวานจึงต้องหยุดแกล้งกลกันต์เปลี่ยนเป็นกอดคอแน่นแทน
วิ่งได้ไม่ไกลจึงลดความเร็วลงเป็นเดินปกติเพราะกลัวพาคนตัวเล็กล้มก่อนถึงบ้าน ทางที่มาทั้งเปียกชื้น และลื่น
“คุณกันต์เป็นห่วงน้ำหวานจริงๆเหรอคะ” เสียงหวานถามขึ้นเมื่อความเร็วในการเดินปกติ
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”
“ก็คุณเคยพูด ไม่อยากอยู่ใกล้น้ำหวาน เบื่อน้ำหวาน แล้วยังไม่อยากเห็นหน้าน้ำหวานอีก”
วันนั้นน้ำหวานอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 3 และต้องมีการแสดงก่อนเลื่อนระดับชั้น คือการแสดงเจ้าหญิงนิทราที่หลับใหลรอรับการจุมพิตจากเจ้าชาย
กลกันต์ที่เริ่มนึกออกแล้วว่าเขาพูดแบบนั้นตอนไหน ไม่อยากอยู่ใกล้ก็เพราะวันนั้นเธอสวยน่ารักดูโตกว่าวัยจนกลัวอดใจไม่ไหว เบื่อเพราะเธอเป็นคนเข้าใจอะไรยาก และไม่ที่บอกไม่อยากเห็นหน้าเธอเพราะไม่อยากไปดูการแสดงที่เธอต้องจุมพิตกับผู้ชายคนอื่นต่างหาก
ถึงจะไม่ได้จูบจริงเป็นเพียงการแสดงก็เหอะ
ทำใจไม่ได้
“จำไม่ได้” กลกันต์ว่าอย่างซึน แกล้งทำเป็นจำไม่ได้
“ค่ะ แก่แล้วความจำคงไม่ค่อยดี”
“ให้พิสูจน์ไหมล่ะ”
“หืออ หาวว หวานง่วงจัง ถึงบ้านแล้วปลุกหวานนะ”
น้ำหวานเปลี่ยนเรื่อง แกล้งหลับดีกว่าไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนแก่ที่ไม่ยอมแก่
จากที่ตั้งใจว่าจะแกล้งหลับกลายเป็นหลับจริง รู้สึกตัวขึ้นมาตอนนี้ก็อยู่ในห้องน้ำห้องเธอแล้ว
ร่างที่สูงที่จับคนหลับวางตั้งตรงข้างอ่างล้างหน้าและช่วยถอดชุดให้เพราะหวังดี หยิบผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดตามผิวบางที่มีรอยแดงโผล่พ้นออกมา เพราะเขาทำให้เธอเจ็บตัว หวังว่าการเช็ดตัวจะทำให้น้ำหวานนอนหลังสบาย
แต่กลายเป็นว่าพอถอดเสื้อผ้าคนตัวเล็กออกจนเปลือยเปล่า มือหนาลูบเบาๆบนลำตัวน้อยที่มีผิวขาวเนียนอย่างลืมตัว ไม่บอกก็รู้ว่ารอยพวกนี้ได้มาจากใยขัดบวบที่ห้อยอยู่ด้านข้าง อดเผลอใจไม่ไหวจึงกดจูบลงไปเบาๆที่อกสวย จูบครั้งเดียวไม่พอจึพรมจูบไปเรื่อย ตามความปรารถนาของใจ
ลักหลับเด็กยี่สิบจะผิดไหมวะ
บรรลุนิติภาวะแล้วนี่หว่า ความคิดตีรวนภายในหัวแต่มือที่นำไปก่อนแล้วกำลังลูบคลำร่างเล็ก อดสะเทือนใจไม่ได้ที่ผิวบางๆเป็นรอยแดงทั้งตัว ไม่เป็นไรเขาจะลบรอยจากบวบเจ้าปัญหาให้เอง
กลกันต์กดจูบเบาๆตามผิวบอบบางที่มีรอยแดงไปทั่ว
“พี่ขอโทษนะคนดี”
“อื้ออ” เมื่อความแรงของน้ำหนักที่กดจบมากขึ้นร่างเล็กเริ่มรู้สึกตัวจากสัมผัสอันวาบหวิว
“เจ็บไหม” ใช้มือหนาลูบเบาๆ ร่างเล็กที่เบลอๆอยู่ส่ายหน้าแทนคำตอบแม้ยังจับใจความกับคำถามไม่ได้
ปากหนาไล่ละเลียดชิมผิวบอบบางที่แขนซ้าย พอทั่วแล้วไล่มาแขนขวา จัดท่านั่งคนตัวเล็กให้สบายขึ้น
“อื้อออออ” อดใจกดจูบหนักๆลงบนปากอิ่มไม่ไหว ก่อนค่อยๆเปิดปาก สอดลิ้นร้อนเข้าไปทักทาย ที่ตอนนี้ไม่รู้เพราะน้ำหวานยอมรับเขาหรือมึนอยู่
“อื้อ อืมม” เสียงหวานครางเบาๆ เมื่อปากหยักถอนจูบออกแล้วเข้าครอบครองยอดอกเธอแทน จนเธอต้องแอ่นหลังขึ้น
“จ๊วบ”
“อ๊า อื้มม” เสียงหวานสั่นๆ
“หวานจ๋าเป็นของพี่นะ พี่รักหวาน”
พลั๊ก ร่างสูงที่เดินตามเข้ามาจับแขนเรียวทั้งสองข้าง หมุนเมียรักให้หันหน้าเข้าหาเขา ดันร่างบางให้ถอยหลังด้วยความระวังจนแผ่นหลังเนียนแบบติดกำแพง ภายในห้องน้ำมีเพียงเทียนหอมให้ความสว่าง และกลิ่นอโรมาอบอวลให้ความผ่อนคลาย “พี่กันต์ขา หวานอยากสระผม” พร้อมกับมือเรียวขืนออกจากข้อมือใหญ่ จับตัวหนีผมบีบให้คลายออกจากเส้นผมยาวสวยจนเส้นผมค่อยๆตกลงปิดไหล่เนียน เชิดใบหน้าขึ้น สะบัดหน้าสองสามทีให้เส้นทิ้งตัวลง นิ้วชี้เรียวยกขึ้นเกี่ยวเอาเส้นผม ก่อนใช้นิ้ววนรอบ ปากบอกอยากสระผมแต่สายตาเมียรักที่ส่งมาน่าจะอยากอย่างอื่นมากกว่า จึงโน้มตัวลงเข้าไปสูดดมผมงามที่โดนนิ้วเรียวเกี่ยวเอาไว้ “ผมหอมขนาดนี้ พี่ว่าค่อยสระก็ได้” เอ่ยบอกคนตัวเล็ก แล้วงับนิ้วเธอเบาๆ ใบหน้าคมค่อยเคลื่อนลงดมกลิ่นหอมจากเมียรัก ไล้ไปตามไหปลาร้า ขบเข้าที่คอสวยจนเกิดรอย มือหนาสองข้างเคลื่อนเข้าไปกอบกุมยอดอกงามที่ใหญ่ขยายตัวขึ้นนับตั้งแต่มีลูก “อื้อ พี่กันต์อย่าทำรอยข้างนอกนะคะ” จบคำ มือใหญ่ปล่อยจากยอดปทุมที่กำลังกอบกุมเอาไว้ให้เป็นอิสระ ก้มลงใช้ปากหยักครอบงับเข้าไปแทนที่
และแน่นอนว่าลูกของเธอหนีไม่พ้นชื่อว่าน้องน้ำผึ้ง เป็นลูกสาวสมใจอยาก ที่กลกันต์ประคบประหงมอย่าดี โดยมีทั้งคุณตา คุณย่า และบรรดาคุณอาแวะเวียนมาช่วยเลี้ยง กลกันต์เป็นพ่อสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ และยังเป็นสามีที่ดี ไม่มีเรื่องผู้หญิงมากวนใจ เขาทำให้เธอโตขึ้นและมีเป้าหมายในชีวิตแบบที่ไม่เคยคิดมากก่อน ช่วงนี้เธอยังคงเข้าไปเรียนรู้งานในไร่ ส่วนต่างๆ และยังเป็นเลขาส่วนตัวให้กับกลกันต์ที่ไม่ว่าที่ไหนมีเขา ที่นั่นต้องมีเธอ หลังจากที่คลอดลูกคนแรกกลกันต์เป็นฝ่ายเอ่ยกับเธอว่ามีลูกคนเดียวก็พอ เพราะไม่อยากเห็นเธอเจ็บปวดแบบนั้นอีก ยอมรับว่านับตั้งแต่ตั้งท้องและมีลูก คำว่าส่วนตัว และคำว่าสบายไม่มีอยู่จริง แต่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขไม่สามารถหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้ ท้ายที่สุดจึงเลือกที่จะคุมกำเนิดไว้ก่อนเพื่อรอเวลาที่เหมาะสม และวันนี้ก็เป็นวันที่เธอคิดว่าพร้อมแล้วที่จะมีลูกอีกคน เมื่อตอนนี้น้องน้ำผึ้งมีอายุสิบแปดเดือน น้องน้ำผึ้งเดินได้แล้ว และสามารถทานอาหารเองได้บ้าง ถือเป็นพัฒนาการที่ดี นอกจากนี้แล้วช่วงนี้ลูกสาวของเธอเริ่มจดจำสิ่งต่างๆรอบตัว ทำให้ต้องระมัดระวังคำพูดและกา
“แกแน่ใจนะว่าครบแล้ว” เสียงของพลพลเอ่ยท้วงมาแต่ไกลเมื่อเห็นเพื่อนสาวที่ตอนนี้อายุครรภ์ 37 สัปดาห์เข้าไปแล้ว หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโตขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น “ครบแล้วแก นี่ฉันตรวจเช็คมาสามรอบแล้ว ของพวกนี้พี่กันต์ก็ช่วยเตรียม” หันไปตอบเพื่อนที่ดูจะเห่อกว่าเธอเสียอีก พร้อมหันไปรับแก้วน้ำผึ้งมะนาวจากกลกันต์ที่ทำหน้าที่ดูแลเธอ ตั้งแต่ที่รู้ว่าตั้งครรภ์สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือน้ำผึ้งมะนาว ถ้าไม่ได้กินจะรู้สึกเหมือนขาดบางอย่างไป จนกลกันต์กลัวว่าเธอจะกินมากไปและขอให้ลดลงกินเพียงสัปดาห์ละสองครั้ง ซึ่งเธอก็เข้าใจความห่วงใยของสามีดี ที่บอกว่าเป็นสามีนั้นก็เพราะว่าเธอและกลกันต์ได้จดทะเบียนสมรสกันไปเมื่อเดือนก่อน ดังนั้นทรัพย์สินที่ถูกจัดแบ่งตามพินัยกรรมของคุณลุงเป็นอันสมบูรณ์ และเพราะคำขอของคุณย่าและคุณตาที่อยากให้เธอและกลกันต์เป็นสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมายถึงได้จูงมือกันไปจดทะเบียน ส่วนงานแต่งคงต้องเอาไว้ก่อน เธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการมาก ถึงอย่างไรก็อยู่ด้วยกันแถมยังมีลูกอีกหนึ่ง เพียงแต่กลกันต์ที่อยากจัดงานให้ถูกต้อง โดยให้เหตุผลว่าอยากป่าวประกาศเรื่
สองร่างที่กำลังกอดพูดคุยให้กำลังใจผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงดังอึกกระทึกครึกโครมดังมาจากอีกด้านซึ่งอยู่หลังเวที ในตอนนี้ผู้คนในงานต่างหันไปมองทิศทางของเสียง ก่อนที่สักพักจะได้ยินเสียงโห่ร้องตามมา เสียงเพลงบนเวลาถูกปิดลงจนรอบตัวมีแต่ความเงียบ นิคที่นั่งอยู่บริเวณหน้าเวทีหันไปมองด้วยความสนใจเมื่อเห็นผู้ที่เดินขึ้นมาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นโก๋ ย่างก้าวขึ้นบนเวทีขณะที่มือข้างหนึ่งถือไมโครโฟนและมืออีกข้างกุมอยู่ที่ข้อมือของหญิงสาวที่เขาไม่เคยพบ เจ้าของร่างกำยำอาศัยพละกำลังที่มากกว่าใช้มือกุมข้อมือน้อยๆบังคับให้นิดที่พยายามขัดขืนเดินตามแรงของเขา ไม่ว่าจะทั้งข่วนทั้งขู่ก็ไม่มีทีท่าจะโก๋จะหยุด จนสุดท้ายการฉุดกระชากจึงจบลงที่กลางเวที นิดส่ายหน้าขอร้องให้เขาหยุดการกระทำแต่โก๋ไม่สนใจเมื่อสิ่งที่จะทำต่อจากนี้เขาคิดมาแล้ว “ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะความสนุกทุกคนนะครับ” เสียงเข้มว่าออกไปโดยมีทุกคนสายตากำลังจับจ้องมาที่เขา ต่างรอลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ ผู้จัดการศูนย์อาหารที่หายไปตั้งแต่หัวค่ำ ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับนิดนักบัญชีสาวโสดของไร่
พลพลที่กำลังเดินเข้าไปในครัวไม่ลืมที่จะหันกลับมามองนิคเป็นระยะ เมื่อเห็นว่านิคน่าจะอยู่คนเดียวได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรจึงเดินเข้าห้องครัวไปชีวิตใหม่ของนิคกำลังจะเริ่มขึ้น ในฐานะแฟนแม้ไม่ใช่ความรักชายหญิงเหมือนทั่วไป แต่เขามั่นใจว่าความรักที่มีเป็นรักแท้และไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นเขาคิดเสมอขอให้นิคกลับมา และสัญญาว่าไม่จะเกิดอะไรขึ้นเขาจะยืนข้างนิคไม่ปล่อยมือพลพลหยุดยืนหน้าห้องครัวที่ส่งกลิ่นหอมลอยโชยออกมาตามลม เมื่อเห็นว่าประตูห้องเปิดอยู่จึงก้าวเข้าไปแต่ภาพที่เห็นทำให้ต้องชะงักเท้าเอาไว้ การมาของเขาจะเป็นก้างขวางคอคนแถวนี้หรือเปล่า เมื่อเห็นคู่รักทำอาหารหวานจนมดแทบจะขนกันลงหม้อแล้วรู้สึกยินดีกับเพื่อนที่ได้เจอรักดีๆ ที่พร้อมจะดูแล แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดูรวดเร็ว เร็วกับการพัฒนาแต่เชื่อว่าทั้งคู่ปรับตัวเข้าหากันได้ ก็รู้จักกันมาทั้งชีวิตแล้ว และนึกขอบคุณกลกันต์ที่ให้โอกาสเขาและนิค ตลอดเวลาที่นิครักษาตัวเขาให้ความช่วยเหลืออย่างดี ทำทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้โดยที่พลพลและนิคไม่เคยได้เอ่ยขอ สงสัยเขาและนิคคงจะต้องอยู่เลี้ยงลูกให้น้ำหวานจริงๆ“ทำแบบนี้กับข้าว
ฝ่ามือหนาของโก๋ยังคงจับยึดที่ข้อเท้าสวย บรรจงจูบซ้ำๆ พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนให้หญิงสาวที่ยังคงส่งสายตาปั้นปึ่งให้ เขาเข้าใจดีกับสิ่งที่เธอต้องการ แต่ในมุมของเขาก็ต้องการเวลาเช่นกัน ไม่ใช่อยากเก็บเป็นความลับ แต่คนใกล้กันยิ่งมีคนรู้มากหากไม่ใช่แล้วต้องแยกจากกันไปเธอจะเสียหาย ตัวเขาเองก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่สนใจคำพูดอยู่แล้ว จนวันนี้ที่ถูกเธอเมินความสนใจ รู้สึกใจจะขาด ไม่พอใจ เหมือนหัวใจถูกบีบ กลัวเธอยอมแพ้แล้วตัดใจจากเขา“จะปล่อยดีๆไหม” ไม่เพียงแต่สายตาเท่านั้นแต่น้ำเสียงที่ส่งมายังเต็มไปด้วยความโมโห“ไม่” ว่าพร้อมกระตุกเรียวขาสวยที่พยายามขืนออกจากการเกาะกุม“ได้ แล้วอย่ามาเสียใจละกัน” ว่าแล้วจึงชักเรียวขาหดเข้าหาลำตัวก่อนออกแรงเหยียดจนสุดหรือจะเรียกว่าถีบสุดกำลังใส่ร่างล่ำหนา หากแต่ผิดคาดเธอประเมินเขาต่ำไปแรงเท่ามดของเธอไม่สามารถทำอะไรกับผู้ชายถึกทึนแบบเขาได้ จึงตลบหลังเธอด้วยการจับยึดเรียวขาออกแรงพลิกร่างเล็กให้คว่ำลง“อร๊ายยย ทำบ้าอะไรเนี่ย”“พี่คิดว่าจะสู้ผมได้จริงเหรอ” ถามอย่างท้ายทาย ตัวเท่านี้จะเอาอะไรมาสู้เขา“ทำแบบนี้ทำไม”“ขี้เกียจอธิบายแล้ว” โก๋ว่าอย่างมึนๆ พร้อมโน้มตัวลงทาบทับร่างเ