“อื้อ...อื้อ...” เสียงร้องอู้อี้ในลำคอของเธอทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น และการดิ้นรนพยายามสุดชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการแสนร้าย ทำให้เขาเลือดลมสูบฉีดในทุกย่างก้าวที่เดินเข้าหาเตียง
“ชู่ ใจเย็น ๆ ไม่มีอะไรหรอก” เขาบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ไร้อารมณ์ทุกชนิด สายตาเย็นชาดูถูกจ้องมองเธอเหมือนเป็นขยะชิ้นหนึ่ง “ทนเจ็บนิดหน่อยนะ แต่รับรองว่า...เธอจะไม่เสียเลือดแม้แต่หยดเดียว”
“อื้อ.....” เธอส่ายหน้าบิดกายต่อต้าน
“ฮึ!” เขามองดุขณะเงื้อมือที่ถือแส้หนังขึ้นกลางอากาศแล้วฟาดลงบนเตียงเฉียดใกล้กับร่างของเธออย่างจงใจแกล้งให้เธอขวัญผวา ซึ่งมันก็ได้ผล เธอร้องลั่นจนเอ็นผุดเต็มลำคอทีเดียว
“อื้ออออ” เธอร้องไห้น้ำตาไหลพราก ส่ายหน้าดิกพร้อมกับดิ้นส่ายบ่ายหนีอย่างสุดกำลัง หากปากเธอไม่ถูกปิดคาดเอาไว้ เธอคงจะแหกปากกรี๊ดลั่นไปทั้งคฤหาสน์แล้ว
“มองหน้าฉันสิ มองหน้าฉันเดี๋ยวนี้!” เขาตวาดลั่นจนทำให้เธอตกใจตัวสั่น สายตาหวาดกลัวเหลือบมองหน้าเขาอย่างอ้อนวอนขอร้อง
“ระหว่างที่สนุกด้วยกัน เธอจะต้องมองหน้าฉันตลอดเวลา เข้าใจมั้ย”
“อือ” เธอพยักหน้าหงึกหงัก แต่น้ำตาไหลไม่หยุด
“ดีมาก”
เขาเงื้อมือขึ้นอีกครั้ง แล้วฟาดลงมาบนร่างกายของเธออย่างเร็วจนเธอตั้งตัวแทบไม่ทัน จากนั้นเขาก็ฟาดอีกหลายครั้งจนกายสาวแดงเรื่อ เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความเจ็บปวด
กายสาวบิดบ่ายไปมาด้วยความเจ็บปวดและทรมาน เสียงร้องในลำคอดังคล้ายกับเสียงหายใจรุนแรงของคนที่กำลังจะขาดใจตายในไม่ช้า ดวงตาชุ่มน้ำอ้อนวอนร้องขอชีวิตจนทำให้ชายหนุ่มเกิดความเซ็งในอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ปรารถนาน้ำตาของหญิงสาว เขาเพียงต้องการสายตาแห่งความหวาดกลัวและความขยะแขยงเกลียดชังเท่านั้น
“อะไรกัน นี่เธอร้องไห้เหรอ!”
“ฮือ...”
“บ้าชะมัด!” เขาหายใจแรงบ่งบอกว่ากำลังอารมณ์เสียขั้นสุด ขณะดึงผ้าปิดปากของเธอออก
“ขอโทษค่ะคุณคีย์ แต่ฉันไม่โอเคกับแบบนี้จริงๆ เรามามีความสุขกันอย่างปกติเถอะนะคะ”
“อย่างปกติ หมายความว่าไง”
“ก็...เหมือนคนทั่วไปน่ะค่ะ ฉันรับรองเลยว่าฉันจะบริการคุณอย่างดี จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
เขาหัวเราะหึ ๆ อย่างหยามหยัน “ก่อนจะมา คุณไม่ได้อ่านในสัญญาเหรอ?”
“ฉันอ่านค่ะ แต่ในนั้นระบุว่า แค่ใช้อุปกรณ์ ฉันคิดว่ามันก็แค่...”
“แค่อะไร!”
เขาตวาดลั่น เธอตกใจสะดุ้งโหยง วินาทีนี้กลัวเขามากกว่าอุปกรณ์ทรมานพวกนั้นเสียแล้ว
“แค่เครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์น่ะค่ะ ไม่ใช่เครื่องมือทรมานแบบนี้ ฉันกลัวค่ะ ฉันกลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว คุณอย่าล้อเล่นแบบนี้เลย”
เขาพยายามใจเย็นอย่างถึงที่สุด “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องกลัว มันไม่เจ็บจนถึงขั้นทำให้คุณเสียเลือดหรอก”
“แต่ฉันเจ็บ ฉันกลัว ฉันไม่ไหว...”
“แต่คุณรับเงินไปแล้ว! แล้วไง คุณจะเบี้ยวไม่ยอมทำงานอย่างนั้นเหรอ!”
“ฉันขอร้องล่ะค่ะ เรามีเซ็กส์กันทั้งคืนก็ยังได้ แต่ฉันรับแบบนี้ไม่ได้จริง ๆ ฉันทำไม่ได้ค่ะ”
เธอก็เหมือนผู้หญิงหลายคนที่มาที่นี่ ไม่อาจยอมรับรสนิยมของเขาได้ แต่พยายามเสนอตัวจะนอนกับเขาเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับตามสัญญา มีเพียงผู้หญิงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยอมให้เขาเล่นสนุกด้วยจนจบเกมเพราะจำเป็นต้องใช้เงินก้อนโต แต่ก็ไม่มีสักรายที่กล้ากลับมารับงานรอบสอง ไม่มีเลยสักคน
“ไปซะ!! ไป!!!”
“ฉันไม่เบี้ยวคุณหรอกค่ะ ฉันจะจ่ายคืนคุณทุกบาททุกสตางค์เลย แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปแล้ว ฉันไม่อยากไปถึงกรุงเทพฯช่วงหัวค่ำ รถติดจะตาย ท่าทางรถพ่อจะซ่อมเสร็จแล้วด้วย” ขาดคำนั้น เสียงรถของลุงปราบต์แล่นออกไปอย่างเร็ว “อะอ้าว...พ่อคะ พ่อ! เดี๋ยวสิคะ หนูยังอยู่ตรงนี้ อย่าทิ้งหนูสิพ่อ!”เธอวิ่งตะโกนตามรถ แต่ไม่ทันแล้ว รถไปไกลลิบจนไม่เห็นฝุ่นแล้วอาคิรามองเธอแล้วแอบขำ “ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่รีบขึ้นรถมา ผมจะทิ้งคุณไว้ตรงนี้”“เดี๋ยวสิคะ ตรงนี้เปลี่ยวจะตาย มีแต่ป่า”เขาขึ้นรถแล้วสตาร์ตเครื่องทันที เธอรีบวิ่งมาขึ้นรถอย่างไม่ลังเล แล้วอ้อนวอนขอความเห็นใจเขา“ไปส่งฉันที่ขนส่งหน่อยนะคะ ถือว่าทำบุญทำทานกับลูกนกลูกกาก็ได้” เขาไม่พูดอะไร แต่กลับบังคับพวงมาลัยหันหัวรถกลับไปยังไร่ภูผาวนาอย่างไม่รีรอ “อ้าว!” เธอถึงกับอ่อนใจ หน้าเสียหน้าชา “บอกแล้วไงว่าไม่เบี้ยว”“คิดว่าผมจะเชื่อใจนักข่าวเหรอ ไม่มีทาง”“อย่าบอกนะ ว่าคุณจะให้ฉันทำงานใช้หนี้อีก”เขายิ้มกริ่ม “เริ่มฉลาดขึ้นแล้วนี่”เธอถึงกับหมดแรง “คราวนี้คุณจะให้ฉันทำงานอะไรคะ คงไม่ใช่งานแบบเดิมหรอก เพราะแฟนของคุณกลับมาแล้ว และคุณก็รู้แล้วว่าฉันเป็นยัยหม
“ไม่...เธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วค่ะ” แล้วทำไมเจ้านายรูปหล่อของเธอต้องมาถามหาเพื่อนของเธอตั้งแต่เช้า ด้วย หรือว่าเขาคิดจะเอาเรื่องเธออีก“ไม่อยู่แล้ว! เธอไปไหน!”สีหน้าของเจ้านายดูโกรธ โมโห และร้อนใจปนเปกันไปหมด เธอเดาได้เลยว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพื่อนเธอต้องไปก่อเรื่องร้ายแรงมาแน่ “กลับกรุงเทพฯแล้วค่ะ”“กลับกรุงเทพฯ!” เขาเสียงดังลั่นจนใครหลายคนที่เดินไปมาในละแวกนั้นหันมอง “ตั้งแต่เมื่อไหร่!!!”“เมื่อเช้าค่ะ มีอะไรหรือคะบอส หรือว่ายัยฟ้าไปก่อเรื่องอะไรไว้” เธอถามเพราะงงจนเกินจะคาดเดาเรื่องได้เองแล้ว เธออยากรู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น “เมื่อคืนคุณดาด้าก็มาหายัยฟ้าที่บ้านค่ะ เห็นคุยกันตั้งนาน พอถามก็ไม่บอกว่าคุยเรื่องอะไรกัน พอเช้ามาก็รีบติดรถพ่อออกไปในเมืองเลย”อาคิราฟังแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนที่พยายามข่มให้นิ่ง“โทรหาพ่อเธอซิ ถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”“ค่ะ” นันทร์เนตรไม่รอช้ารีบโทรศัพท์หาบิดาตามคำสั่งเจ้านายทันที “เอ่อพ่อ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ส่งยัยฟ้าที่ขนส่งรึยัง อะไรนะคะ รถเสียยังอยู่กลางทางเหรอ”ได้ยินดังนั้น อาคิราคว้าโทรศัพท์มาคุยเสียเอง เพราะอยากรู้ข
“แกก็แค่นางบำเรอ! อย่าสะเออะคิดว่าตัวเองสำคัญ!”มาลินณารู้สึกหน้าชา ไม่กล้าเถียงเลย เพราะมันเป็นเรื่องจริง “แต่เขาอยากให้ฉันอยู่ด้วย”รชิดายิ้มเย้ย “นั่นเพราะเขายังไม่รู้ไงว่าแกคือใคร ถ้าเขารู้ว่าแกคือยัยหมูโสโครกที่เขาขยะแขยง เขาจะต้องรับไม่ได้แน่ เขาต้องไล่แกเหมือนหมูเหมือนหมา ฉันก็เลยมาเตือนแกไง แกควรไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะโกรธจนพาลทำให้เพื่อนแกเดือดร้อนไปด้วย แกอยากให้เพื่อนแกซวยไปด้วยเหรอ?”คำขู่ของรชิดาทำให้มาลินณากังวลจนหน้าเสีย ส่วนตัวเธอเองต้องลำบากและเดือดร้อนสักแค่ไหนก็คงไม่เป็นไร แต่เธอไม่อยากให้เพื่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเดือนร้อนลำบากไปด้วย“ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เช้าฉันตั้งใจจะไปจากที่นี่อยู่แล้ว และไม่คิดจะกลับมาที่นี่อีก แต่ฉันขอร้องสักเรื่องเถอะ อย่าบอกเขาว่าฉันเป็นใคร ขอให้มันจบลงแค่นี้”รชิดายิ้มเย้ยดูถูก “ถ้าแกสัญญาว่าจะหายไปจากชีวิตเขา จะไม่ติดต่อเขาตลอดชีวิต ฉันจะยอมช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับให้”“ได้สิ ฉันตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว หวังว่าเธอจะทำตามที่พูดนะดาด้า”เมื่อตกลงกันเสร็จ รชิดาก็กลับไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนมาลินณาแค่รู้สึกเหนื่อยหัวใจเท่าน
รชิดาก้าวออกจากคฤหาสน์มาอย่างอารมณ์เสีย เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้หญิงหน้าไหนทำให้เขาหลงเสน่ห์ได้ เธอโกรธผู้หญิงคนนั้นจนแทบระงับอารมณ์ไม่ไหวแล้ว เธออยากไปกระชากหัวยัยนั่นมาตบเสียเดี๋ยวนี้ โทษฐานที่มายุ่งกับผู้ชายของเธอ“คุณชอบผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ยอม หัวใจของคุณมันต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนอื่นไม่มีสิทธิ์!!”เธอนึกถึงผู้หญิงคนนั้น คนที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาด คนที่ทำให้เธอฉงนสนเท่และสงสัยนับตั้งแต่พบกันครั้งแรก“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนฉันรู้จักเธอนะ” เธอพยายามคิดซ้ำไปซ้ำมา คิดจนหัวแทบแตก ก่อนจะนึกบางอย่างออก บางอย่างที่ทำให้เธอตาเหลือก “โอ้ว...จริงด้วย...นั่นมัน...แก...นัง...นังหมูตอน นังหมูตอนนี่นา!!”เมื่อคิดออกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เธอถึงกับช็อคและอึ้ง เพราะไม่คิดว่ายัยหมูอ้วนดำตอนโตเป็นสาวจะกลายเป็นผู้หญิงที่สวยได้ขนาดนี้“ไม่เจอกันมาสิบกว่าปี นี่แกเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอยัยเฟื่องฟ้า...คีย์รู้รึเปล่านะว่ามันคือยัยหมูตอนอ้วนดำที่เขาเกลียดชังและขยะแขยง”เธอคิดไม่ตก เพราะเขาเป็นคนฉลาด เขาคงไม่พลาดโดนผู้หญิงหลอกได้หรอก “ถ้าเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยัง
“ผมไม่ได้แกล้ง!” เขาพูดพร้อมกับขยับใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าเธออย่างจงใจให้เธอเห็นอารมณ์เย็นชาไร้ความรักจากดวงตาของเขา เธอต้องรู้สิว่าเธอไร้ความหมายสำหรับเขาไปเนิ่นนานแล้ว “นี่คือตัวตนที่แท้จริงของผม คุณไม่รู้เหรอ?”“ด้าไม่เชื่อค่ะ คุณกำลังประชดด้าใช่มั้ยคะ”เขาผลักร่างเธอเล็กน้อยอย่างเสียอารมณ์ แล้วเดินหนีไปหยิบกุญแจมือขึ้นมาถือเล่น“ถ้าทำไม่ได้ก็ไปซะ!”“คีย์คะ!” เขาออกปากไล่เธออย่างนั้นเหรอ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะใจร้ายกับเธอขนาดนี้ เขาลืมไปแล้วหรือว่าเขาเคยรักเธอมากมายแค่ไหน “ด้ารู้ว่าด้าทำผิดต่อคุณหลายเรื่อง ถ้าคุณจะโกรธเกลียดด้า ด้าก็เข้าใจค่ะ แต่อย่าไล่ด้าไปเลยนะคะ เพราะด้าจะไม่มีวันไปจากที่นี่อีกแล้ว ด้าจะอยู่กับคุณไปจนวันตาย!”“งั้นเหรอ?” ก่อนหน้านี้เขาก็เคยคิดนะ หากเธอกลับมายืนอยู่ตรงหน้า เขาจะทำยังไงกับเธอ เขาจะอ้อนวอนร้องขอให้เธอกลับมา หรือฆ่าเธอซะ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่อยากทำทั้งสองอย่าง เพราะมันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเอาเสียเลย“ค่ะ ด้ารู้ตัวแล้วว่าคุณคือคนที่ด้าอยากอยู่ด้วย”“อืม ถ้าคุณอยากอยู่นักก็อยู่สิ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า คุณจะไม่ใช่ที่หนึ่งของผมอีกต่อไปแล้วนะ” เขาพูดปร
“อ้วนดำ! แกเนี่ยนะ จริงเหรอ” นันทร์เนตรทำหน้าไม่เชื่อ ขณะไล่มองเรือนร่างสวยงามของเพื่อนรัก“จริง ๆ นะ ตอนเด็ก ๆ ฉันอ้วนมาก อ้วนเหมือนหมูตอนเลย ใคร ๆ ก็เรียกฉันว่ายัยหมูตอน หรือไม่ก็ไอ้หมูโสโครก ไอ้หมูสกปรก!”“ไอ้หมูสกปรก! จริงเหรอ?”“จริงสิ แต่เพราะฉันแอบหลงรักผู้ชายคนหนึ่ง ฉันก็เลยฮึดสู้ พยายามจะลดความอ้วนให้ได้ เพื่อจะได้มีสิทธิ์สารภาพรักผู้ชายคนนั้น แต่ผู้ชายคนนั้นเขารังเกียจฉันมากเลย เขาเห็นฉันเป็นตัวตลก ส่วนคนที่เขารักมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นสวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะ ใคร ๆ ต่างก็เรียกเธอว่าซินเดอเรล่าแห่งไร่องุ่น”“โหวว นี่แกกำลังแต่งนิยายให้ฉันฟังอยู่ใช่มั้ย”มาลินณาเล่าพลางแอบเช็ดน้ำตา “ใช่ มันเป็นนิยายเรื่องแรกที่ฉันเขียนล่ะ”“แล้วยังไงต่อ ยัยหมูตอนได้สารภาพรักมั้ย”“ได้สิ แต่สารภาพก่อนจะไปจากไร่องุ่นนะ เพราะคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันแล้ว สารภาพทั้งที่ยังอ้วนเหมือนหมูนั่นแหละ”“โหว ห้าวดีเว๊ย แล้วไง ผู้ชายคนนั้นว่าไง”“เขาก็โมโหน่ะสิ ไล่ตะเพิดบอกว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ไม่งั้นจะฆ่าเธอแล้วเอามาย่างเป็นหมูหัน!!”นันทร์เนตรหัวเราะลั่นน้ำตาไหลราวกับเพิ่งฟังเรื่องตลกโปกฮาที่