คฤหาสน์กลางหุบเขาตั้งอยู่ในอาณาจักรของตระกูลวนาวัฒนา ซึ่งครอบครองที่ดินหลายพันไร่ในอำเภอเขาใหญ่ โดยดำเนินกิจการทางด้านเกษตรหลากหลายรูปแบบ แต่เน้นการปลูกองุ่นเป็นหลัก
ไร่ภูผาวนาเป็นของคนตระกูลวนาวัฒนา แต่คฤหาสน์ทรงยุโรปอันงดงามและเต็มไปด้วยมนต์ขลัง แห่งความลึกลับที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางหุบ ถูกปกครองและดูแลโดยลูกชายคนเล็กของตระกูล ชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าผู้สวมหน้ากากทองคำเป็นเอกลักษณ์
คนงานนับพันในไร่ภูผาวนาต่างรู้กันดีว่าคุณอาคิราเปรียบเสมือนพระเจ้าของไร่แห่งนี้ คำสั่งของเขาคือกฏหมายที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ความต้องการของเขาคือคำพิพากษาสูงสุด ไม่ว่าเรื่องนั้นจะถูกหรือผิด เขาจะต้องได้ในสิ่งที่เขาปรารถนา
“คฤหาสน์สวยมากจริง ๆ เหมือนคฤหาสน์ในยุโรปเลย อยากเข้าไปดูใกล้ ๆ จัง” มาลินณาบอกเพื่อนรักด้วยความตื่นเต้น ขณะยืนอยู่ด้วยกันในแปลงองุ่นแดงสำหรับทำไวน์ ซึ่งสามารถมองเห็นคฤหาสน์ท่ามกลางสายหมอกได้อย่างงดงามราวกับภาพวาดของจิตรกร “ข้างในคงสวยและอลังการมาก ๆ เลยนะ”
“แกเห็นกำแพงคฤหาสน์มั้ยฟ้า” เพื่อนรักถามเธอด้วยน้ำเสียงปกติ ไร้ความตื่นเต้น ขณะทำการตรวจเช็คค่าความหวานของผลองุ่นตามหน้าที่รับผิดชอบ
“เห็นสิ ทำไมเหรอ?”
“แกห้ามเข้าใกล้กำแพงนั่นเด็ดขาด”
“อ้าว ทำไมล่ะ?”
“เป็นคำสั่งของคุณอาคิรา เจ้าของคฤหาสน์ ห้ามคนที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าใกล้กำแพงเกินสิบเมตร อย่าว่าแต่เข้าไปข้างในเลยแก แค่นอกกำแพงยังยาก เลิกฝันซะเถอะ อย่างแกไม่มีทางได้เหยียบเข้าไปหรอก ขนาดฉันทำงานที่นี่มาสี่ปี ฉันยังไม่เคยได้เห็นประตูรั้วเลย”
“ขนาดนั้นเชียว กำแพงทำจากทองรึไง...แล้วมีใครบ้างที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในคฤหาสน์ได้”
“ก็ต้องเป็นคนที่คุณอาคิราอนุญาตน่ะสิ ส่วนคนงานในไร่ก็ต้องระดับหัวหน้าขึ้นไป แต่ก็ต้องขออนุญาตทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าจะสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปได้ คุณอาคิราเธอหวงพื้นที่ส่วนตัวมาก รักความเป็นส่วนตัวที่สุด เขาไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่งแถวนั้น โดยเฉพาะในป่าต้องห้ามที่อยู่ด้านหลังคฤหาสน์ ส่วนนั้นก็เข้าไม่ได้เหมือนกัน เป็นเขตหวงห้าม”
มาลินณาฟังนันทร์เนตรเพื่อนรักสมัยมหาวิทยาลัยเล่าด้วยความสนใจ โดยเฉพาะเรื่องของไฮโซคีย์หรือนายอาคิราจอมเย็นชา บุคคลที่เธอเฝ้าติดตามเรื่องราวของเขามาตลอดหลายปี
“ข่าวลือเกี่ยวกับเขาคงจะมีมูลความจริง” เธอจงใจเปิดประเด็นเกี่ยวกับข่าวลือเพราะอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนรัก ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพราะบิดาของนันทร์เนตรเป็นหัวหน้าคนงานคนปัจจุบันที่ทำงานในไร่แห่งนี้มาเกือบสิบปี เขาถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ทำงานใกล้ชิดเจ้านาย “เขาถึงไม่อยากให้ใครเข้าใกล้เขตของเขา มันจริงใช่มั้ย ที่คนเขาพูดกันว่าเขาคือปีศาจในร่างมนุษย์ ใบหน้าของเขาเละเทะเกินจะเยียวยา”
“ชู่!” นันทร์เนตรรีบปรามเพื่อนอย่างรนราน ตีได้จะตีให้เจ็บ โทษฐานที่ปากพล่อย “อย่าพูดเสียงดังไปสิ คนงานอยู่กันเยอะแยะ คนงานพวกนี้ถึงจะกลัวเขามาก แต่ก็ไม่มีใครเกลียดเขาสักคน ถึงแม้เขาจะดุและเย็นชาเหมือนพวกซอมบี้ แต่เขาก็เป็นเจ้านายที่ดี มีความยุติธรรมและเมตตากับคนงาน”
“รู้แล้วค่ะว่าคนงานทุกคนรักเจ้านายมาก คราวหลังจะระวังปากให้มากกว่านี้” มาลินณาพูดพลางแหงนหน้ามองไปยังคฤหาสน์สีขาวด้วยความสนใจ เธอคิดว่าความลึกลับของมันหอมหวานกว่าความสวยเสียอีก “แล้วแกเคยเห็นหน้าเขามั้ยเนตร?”
“ไม่เคย เวลาเขามาประชุมกับทีมหัวหน้าที่ออฟฟิศ เขาก็ใช้เส้นทางเฉพาะ ที่สำคัญ เขาสวมหน้ากากตลอดเวลาด้วย” นันทร์เนตรลดระดับเสียงลงให้เบาที่สุดเพื่อความปลอดภัย “ความจริงหน้าตาเขาอัปลักษณ์เหมือนสัตว์ประหลาดอย่างที่แกได้ยินมานั่นแหละ เวลาที่เขาโกรธหรือโมโหนะ เขาก็ไม่ต่างจากสัตว์ป่าตกมันที่ควบคุมตัวเองไม่อยู่”
คนฟังกลืนน้ำลายเอื้อก “ขนาดนั้นเลยเหรอ มันเกิดขึ้นได้ยังไง ฉันเคยเห็นภาพเขาในข่าวเมื่อหลายปีก่อน เขาโคตรหล่อเลยนะแก หุ่นล่ำสมาร์ทอย่างกับนายแบบ แล้วอยู่ ๆมากลายเป็นสัตว์ร้ายไปได้ยังไง”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อห้าปีก่อน คนที่รู้คงมีไม่กี่คนมั้ง ฉันเคยถามพ่อนะ แต่พ่อก็ไม่รู้อะไร รู้แค่ว่าท่านเจ้าสัวกับคุณนายสั่งห้ามคนงานทุกคนพูดถึงเรื่องนี้อีก”
“อาจจะเป็นเรื่องที่ทำให้ตระกูลเสื่อมเสียมั้ง ก็เลยห้ามทุกคนพูด!” เธอสันนิษฐานอย่างตื่นเต้นราวกับเป็นเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี “แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่คฤหาสน์กับใครเหรอ”
“ก็มีคุณเลขา ชื่อคุณอรรณพ เป็นลูกชายของคนขับรถคนเก่าของท่านเจ้าสัว และก็คุณฉวีวรรณ หัวหน้าแม่บ้าน กับคนรับใช้อีกห้าคน คนสวนสองคน และคนขับรถอีกหนึ่งคน”
“แล้วครอบครัวเขาล่ะ”
“ฉันไม่เบี้ยวคุณหรอกค่ะ ฉันจะจ่ายคืนคุณทุกบาททุกสตางค์เลย แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปแล้ว ฉันไม่อยากไปถึงกรุงเทพฯช่วงหัวค่ำ รถติดจะตาย ท่าทางรถพ่อจะซ่อมเสร็จแล้วด้วย” ขาดคำนั้น เสียงรถของลุงปราบต์แล่นออกไปอย่างเร็ว “อะอ้าว...พ่อคะ พ่อ! เดี๋ยวสิคะ หนูยังอยู่ตรงนี้ อย่าทิ้งหนูสิพ่อ!”เธอวิ่งตะโกนตามรถ แต่ไม่ทันแล้ว รถไปไกลลิบจนไม่เห็นฝุ่นแล้วอาคิรามองเธอแล้วแอบขำ “ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่รีบขึ้นรถมา ผมจะทิ้งคุณไว้ตรงนี้”“เดี๋ยวสิคะ ตรงนี้เปลี่ยวจะตาย มีแต่ป่า”เขาขึ้นรถแล้วสตาร์ตเครื่องทันที เธอรีบวิ่งมาขึ้นรถอย่างไม่ลังเล แล้วอ้อนวอนขอความเห็นใจเขา“ไปส่งฉันที่ขนส่งหน่อยนะคะ ถือว่าทำบุญทำทานกับลูกนกลูกกาก็ได้” เขาไม่พูดอะไร แต่กลับบังคับพวงมาลัยหันหัวรถกลับไปยังไร่ภูผาวนาอย่างไม่รีรอ “อ้าว!” เธอถึงกับอ่อนใจ หน้าเสียหน้าชา “บอกแล้วไงว่าไม่เบี้ยว”“คิดว่าผมจะเชื่อใจนักข่าวเหรอ ไม่มีทาง”“อย่าบอกนะ ว่าคุณจะให้ฉันทำงานใช้หนี้อีก”เขายิ้มกริ่ม “เริ่มฉลาดขึ้นแล้วนี่”เธอถึงกับหมดแรง “คราวนี้คุณจะให้ฉันทำงานอะไรคะ คงไม่ใช่งานแบบเดิมหรอก เพราะแฟนของคุณกลับมาแล้ว และคุณก็รู้แล้วว่าฉันเป็นยัยหม
“ไม่...เธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วค่ะ” แล้วทำไมเจ้านายรูปหล่อของเธอต้องมาถามหาเพื่อนของเธอตั้งแต่เช้า ด้วย หรือว่าเขาคิดจะเอาเรื่องเธออีก“ไม่อยู่แล้ว! เธอไปไหน!”สีหน้าของเจ้านายดูโกรธ โมโห และร้อนใจปนเปกันไปหมด เธอเดาได้เลยว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพื่อนเธอต้องไปก่อเรื่องร้ายแรงมาแน่ “กลับกรุงเทพฯแล้วค่ะ”“กลับกรุงเทพฯ!” เขาเสียงดังลั่นจนใครหลายคนที่เดินไปมาในละแวกนั้นหันมอง “ตั้งแต่เมื่อไหร่!!!”“เมื่อเช้าค่ะ มีอะไรหรือคะบอส หรือว่ายัยฟ้าไปก่อเรื่องอะไรไว้” เธอถามเพราะงงจนเกินจะคาดเดาเรื่องได้เองแล้ว เธออยากรู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น “เมื่อคืนคุณดาด้าก็มาหายัยฟ้าที่บ้านค่ะ เห็นคุยกันตั้งนาน พอถามก็ไม่บอกว่าคุยเรื่องอะไรกัน พอเช้ามาก็รีบติดรถพ่อออกไปในเมืองเลย”อาคิราฟังแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนที่พยายามข่มให้นิ่ง“โทรหาพ่อเธอซิ ถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”“ค่ะ” นันทร์เนตรไม่รอช้ารีบโทรศัพท์หาบิดาตามคำสั่งเจ้านายทันที “เอ่อพ่อ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ส่งยัยฟ้าที่ขนส่งรึยัง อะไรนะคะ รถเสียยังอยู่กลางทางเหรอ”ได้ยินดังนั้น อาคิราคว้าโทรศัพท์มาคุยเสียเอง เพราะอยากรู้ข
“แกก็แค่นางบำเรอ! อย่าสะเออะคิดว่าตัวเองสำคัญ!”มาลินณารู้สึกหน้าชา ไม่กล้าเถียงเลย เพราะมันเป็นเรื่องจริง “แต่เขาอยากให้ฉันอยู่ด้วย”รชิดายิ้มเย้ย “นั่นเพราะเขายังไม่รู้ไงว่าแกคือใคร ถ้าเขารู้ว่าแกคือยัยหมูโสโครกที่เขาขยะแขยง เขาจะต้องรับไม่ได้แน่ เขาต้องไล่แกเหมือนหมูเหมือนหมา ฉันก็เลยมาเตือนแกไง แกควรไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะโกรธจนพาลทำให้เพื่อนแกเดือดร้อนไปด้วย แกอยากให้เพื่อนแกซวยไปด้วยเหรอ?”คำขู่ของรชิดาทำให้มาลินณากังวลจนหน้าเสีย ส่วนตัวเธอเองต้องลำบากและเดือดร้อนสักแค่ไหนก็คงไม่เป็นไร แต่เธอไม่อยากให้เพื่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเดือนร้อนลำบากไปด้วย“ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เช้าฉันตั้งใจจะไปจากที่นี่อยู่แล้ว และไม่คิดจะกลับมาที่นี่อีก แต่ฉันขอร้องสักเรื่องเถอะ อย่าบอกเขาว่าฉันเป็นใคร ขอให้มันจบลงแค่นี้”รชิดายิ้มเย้ยดูถูก “ถ้าแกสัญญาว่าจะหายไปจากชีวิตเขา จะไม่ติดต่อเขาตลอดชีวิต ฉันจะยอมช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับให้”“ได้สิ ฉันตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว หวังว่าเธอจะทำตามที่พูดนะดาด้า”เมื่อตกลงกันเสร็จ รชิดาก็กลับไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนมาลินณาแค่รู้สึกเหนื่อยหัวใจเท่าน
รชิดาก้าวออกจากคฤหาสน์มาอย่างอารมณ์เสีย เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้หญิงหน้าไหนทำให้เขาหลงเสน่ห์ได้ เธอโกรธผู้หญิงคนนั้นจนแทบระงับอารมณ์ไม่ไหวแล้ว เธออยากไปกระชากหัวยัยนั่นมาตบเสียเดี๋ยวนี้ โทษฐานที่มายุ่งกับผู้ชายของเธอ“คุณชอบผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ยอม หัวใจของคุณมันต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนอื่นไม่มีสิทธิ์!!”เธอนึกถึงผู้หญิงคนนั้น คนที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาด คนที่ทำให้เธอฉงนสนเท่และสงสัยนับตั้งแต่พบกันครั้งแรก“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนฉันรู้จักเธอนะ” เธอพยายามคิดซ้ำไปซ้ำมา คิดจนหัวแทบแตก ก่อนจะนึกบางอย่างออก บางอย่างที่ทำให้เธอตาเหลือก “โอ้ว...จริงด้วย...นั่นมัน...แก...นัง...นังหมูตอน นังหมูตอนนี่นา!!”เมื่อคิดออกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เธอถึงกับช็อคและอึ้ง เพราะไม่คิดว่ายัยหมูอ้วนดำตอนโตเป็นสาวจะกลายเป็นผู้หญิงที่สวยได้ขนาดนี้“ไม่เจอกันมาสิบกว่าปี นี่แกเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอยัยเฟื่องฟ้า...คีย์รู้รึเปล่านะว่ามันคือยัยหมูตอนอ้วนดำที่เขาเกลียดชังและขยะแขยง”เธอคิดไม่ตก เพราะเขาเป็นคนฉลาด เขาคงไม่พลาดโดนผู้หญิงหลอกได้หรอก “ถ้าเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยัง
“ผมไม่ได้แกล้ง!” เขาพูดพร้อมกับขยับใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าเธออย่างจงใจให้เธอเห็นอารมณ์เย็นชาไร้ความรักจากดวงตาของเขา เธอต้องรู้สิว่าเธอไร้ความหมายสำหรับเขาไปเนิ่นนานแล้ว “นี่คือตัวตนที่แท้จริงของผม คุณไม่รู้เหรอ?”“ด้าไม่เชื่อค่ะ คุณกำลังประชดด้าใช่มั้ยคะ”เขาผลักร่างเธอเล็กน้อยอย่างเสียอารมณ์ แล้วเดินหนีไปหยิบกุญแจมือขึ้นมาถือเล่น“ถ้าทำไม่ได้ก็ไปซะ!”“คีย์คะ!” เขาออกปากไล่เธออย่างนั้นเหรอ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะใจร้ายกับเธอขนาดนี้ เขาลืมไปแล้วหรือว่าเขาเคยรักเธอมากมายแค่ไหน “ด้ารู้ว่าด้าทำผิดต่อคุณหลายเรื่อง ถ้าคุณจะโกรธเกลียดด้า ด้าก็เข้าใจค่ะ แต่อย่าไล่ด้าไปเลยนะคะ เพราะด้าจะไม่มีวันไปจากที่นี่อีกแล้ว ด้าจะอยู่กับคุณไปจนวันตาย!”“งั้นเหรอ?” ก่อนหน้านี้เขาก็เคยคิดนะ หากเธอกลับมายืนอยู่ตรงหน้า เขาจะทำยังไงกับเธอ เขาจะอ้อนวอนร้องขอให้เธอกลับมา หรือฆ่าเธอซะ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่อยากทำทั้งสองอย่าง เพราะมันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเอาเสียเลย“ค่ะ ด้ารู้ตัวแล้วว่าคุณคือคนที่ด้าอยากอยู่ด้วย”“อืม ถ้าคุณอยากอยู่นักก็อยู่สิ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า คุณจะไม่ใช่ที่หนึ่งของผมอีกต่อไปแล้วนะ” เขาพูดปร
“อ้วนดำ! แกเนี่ยนะ จริงเหรอ” นันทร์เนตรทำหน้าไม่เชื่อ ขณะไล่มองเรือนร่างสวยงามของเพื่อนรัก“จริง ๆ นะ ตอนเด็ก ๆ ฉันอ้วนมาก อ้วนเหมือนหมูตอนเลย ใคร ๆ ก็เรียกฉันว่ายัยหมูตอน หรือไม่ก็ไอ้หมูโสโครก ไอ้หมูสกปรก!”“ไอ้หมูสกปรก! จริงเหรอ?”“จริงสิ แต่เพราะฉันแอบหลงรักผู้ชายคนหนึ่ง ฉันก็เลยฮึดสู้ พยายามจะลดความอ้วนให้ได้ เพื่อจะได้มีสิทธิ์สารภาพรักผู้ชายคนนั้น แต่ผู้ชายคนนั้นเขารังเกียจฉันมากเลย เขาเห็นฉันเป็นตัวตลก ส่วนคนที่เขารักมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นสวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะ ใคร ๆ ต่างก็เรียกเธอว่าซินเดอเรล่าแห่งไร่องุ่น”“โหวว นี่แกกำลังแต่งนิยายให้ฉันฟังอยู่ใช่มั้ย”มาลินณาเล่าพลางแอบเช็ดน้ำตา “ใช่ มันเป็นนิยายเรื่องแรกที่ฉันเขียนล่ะ”“แล้วยังไงต่อ ยัยหมูตอนได้สารภาพรักมั้ย”“ได้สิ แต่สารภาพก่อนจะไปจากไร่องุ่นนะ เพราะคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันแล้ว สารภาพทั้งที่ยังอ้วนเหมือนหมูนั่นแหละ”“โหว ห้าวดีเว๊ย แล้วไง ผู้ชายคนนั้นว่าไง”“เขาก็โมโหน่ะสิ ไล่ตะเพิดบอกว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ไม่งั้นจะฆ่าเธอแล้วเอามาย่างเป็นหมูหัน!!”นันทร์เนตรหัวเราะลั่นน้ำตาไหลราวกับเพิ่งฟังเรื่องตลกโปกฮาที่