เมื่อนักข่าวสาวจอมแส่ต้องกลายเป็นนางบำเรอสวาทของลูกเศรษฐีจอมอัปลักษณ์และมีรสนิยมซาดิสม์ เธอจะเอาชีวิตรอดออกมาจากกำแพงสูงของคฤหาสน์กลางหุบเขาได้หรือไม่ หรือจะตกหลุมรัก กลายเป็นทาสสวาทของเขาตลอดไป
View More“อยู่กรุงเทพฯ โน่น ทั้งท่านเจ้าสัว คุณนาย คุณอาณาจักร นาน ๆ ครั้งพวกเขาถึงจะมาที่นี่สักที”
ความจริงเธอรู้เรื่องพวกนี้ดี เพราะติดตามครอบครัวนี้มาตลอด โดยเฉพาะคุณอาณาจักร วราวัฒนา นักธุรกิจวัยสามสิบห้าปีที่สื่อกำลังให้ความสนใจในฐานะ CEO คนใหม่ของกลุ่มบริษัทวนาวัฒนา อาณาจักรเป็นหนุ่มหล่อสมาร์ทและอบอุ่น จึงทำให้มีผู้หญิงมากมายเข้ามาติดพัน แต่เขากลับยอมรับว่ากำลังคบหาดูใจกับเลขาสาวแสนสวยของเขาเอง ซึ่งนามของเธอก็คือ ‘รชิดา’ หรือ ‘ดาด้า’ ซินเดอเรล่าที่ผู้หญิงอิจฉากันทั่วบ้านทั่วเมือง
“งั้นคุณคีย์ก็เหมือนตัวคนเดียวสินะ”
“อืม ใช่ คุณนายเคยพูดตัดขาดคุณคีย์ด้วยนะ เพราะท่านจะส่งคุณคีย์ไปเมืองนอก แต่คุณคีย์ไม่ยอมไป ยืนยันว่าจะอยู่ที่ไร่นี่ไปจนตาย”
มาลินณายังคงทอดสายตาไปยังคฤหาสน์หลังสวย ราวกับว่าเธอโดนมนต์ขลังของคฤหาสน์ล่อลวงให้หลงกลจนถอนตัวไม่ขึ้น เธอยอมรับว่าเขาเป็นส่วนสำคัญที่พาเธอกลับมาที่ไร่แห่งนี้ ไร่แห่งความทรงจำอันเลวร้ายสมัยเด็กของเด็กหญิงอ้วนกลมคนหนึ่ง
“ยังไงแกก็อย่าเข้าไปใกล้แถวคฤหาสน์เด็ดขาดนะ เพราะถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา ฉันคงช่วยอะไรแกไม่ได้ แกจะโดนไล่ตะเพิดออกจากไร่ทันที”
“รู้แล้วน่า ยังไงฉันก็ใช้เวลาสิบวันที่ลาพักร้อนให้คุ้มค่าที่สุด ฉันจะเขียนนิยายเรื่องมนต์รักไร่อองุ่นให้จบให้ได้และส่งประกวดให้ทันด้วย” เธออ้างกับเพื่อนรักว่าจะเขียนนิยายเกี่ยวกับไร่องุ่นจึงขอมาพักอยู่ด้วยราวสิบวัน แต่ความเป็นจริงแล้ว เธอแค่อยากกลับมายังที่ ๆ เคยอยู่ในสมัยเด็กต่างหาก สำคัญกว่านั้นก็คือ เธออยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคุณอาคิราจอมเย็นชาคนนั้น เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเมื่อห้าปีก่อน
“อ้อ กล้องถ่ายรูปก็เหมือนกัน แกห้ามเอาออกมาใช้เด็ดขาด เพราะมันเป็นของต้องห้ามของไร่นี้”
“ถ่ายรูปก็ไม่ได้เหรอ”
“ใช่ ห้ามถ่าย โดยเฉพาะคฤหาสน์”
“แล้วโทรศัพท์มือถือล่ะ ห้ามใช้ด้วยรึเปล่า”
“ไม่ได้ห้าม แต่ถ้ามีภาพคฤหาสน์หลุดออกไป เป็นเรื่องใหญ่แน่ อ้อ ที่สำคัญ แกห้ามบอกใครเด็ดขาดนะว่าแกเป็นนักข่าว”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะคุณอาคิราเธอเกลียดนักข่าวที่สุด เขาไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้ามาในไร่!”
“เกลียดนักข่าวเนี่ยนะ”
“มากเลยล่ะ แต่ที่แกเข้ามาได้ก็เพราะฉันบอกผู้จัดการไร่ว่าแกเป็นเพื่อนฉัน ตอนนี้ตกงานอยู่ ก็เลยจะมาอยู่กับฉันสักพัก”
“ขอบใจนะแก ถ้านิยายฉันได้ตีพิมพ์เมื่อไหร่ ฉันจะเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นแกหนึ่งมื้อ”
“เออ เขียนให้จบก่อนเหอะ เห็นเขียนทิ้งๆขว้างๆมาหลายเรื่องแล้ว”
“เรื่องนี้จบชัวร์ย่ะ เพราะฉันได้คาแรกเตอร์ของพระเอกที่จะเขียนแล้ว”
“อย่าบอกนะว่า...คุณอาคิรา?”
“อืม น่าสนใจมั้ย”
“ไม่อ่ะ เปลี่ยนเหอะ คุณอาคิราไม่มีความเป็นพระเอกอยู่ในตัวเลย ถ้าคุณจักรก็ว่าไปอย่าง”
“ทำไมล่ะ หรือเพราะหน้าตาของเขาเลยทำให้เขาเป็นพระเอกไม่ได้”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” นันทร์เนตรมองซ้ายมองขวาแล้วกระซิบกระซาบ “แต่พฤติกรรมเรื่องผู้หญิงของเขาไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่น่ะสิ เขาชอบซื้อผู้หญิงมานอนด้วยบ่อยๆ แถมยังเป็นคนเซ็กส์ซาดิสม์อีกด้วย”
“แกรู้ได้ไง!”
“ก็คุณหมอตะวันฉายคุณหมอส่วนตัวของคุณอาคิราถูกเรียกให้มาที่คฤหาสน์ตอนดึกหลายครั้ง เพื่อมารักษาอาการบาดเจ็บของพวกผู้หญิง”
“แล้วผู้หญิงพวกนั้นหายไปไหน ไม่เห็นมีใครเคยออกมาแฉหรือให้ข่าวเกี่ยวกับเขาเลย”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คุณอาคิราคงฉลาดพอที่จะปิดปากผู้หญิงพวกนั้นจนแน่นสนิท”
มาลินณาทั้งอึ้งทั้งช็อค ดูเหมือนว่าความลับในคฤหาสน์แห่งนี้ มันจะมีมากกว่าที่เธอคิดไว้เสียแล้ว...
ช่วงตะวันโพล้เพล้ของวันที่อากาศหนาวจับใจ แสงสีทองที่เรืองรองไปทั่วทั้งไร่เย้ายวนใจจนเธออดไม่ได้ที่จะเดินสำรวจทุกซอกทุกมุมของไร่ภูผาวนา พร้อมกับแอบบันทึกภาพผ่านโทรศัพท์มือถือไปด้วย
เธอสวมชุดทะมัดทแมงเหมือนสาวชาวไร่ พร้อมกับสะพายกระเป๋าใบโปรดติดตัว สวมรองเท้าบู๊ทหนังเดินลัดเลาะไปตามเนินเขาเหนือไร่องุ่น เพื่อจะได้เก็บภาพมุมสูงไว้เป็นที่ระลึก
“โอย สวยชะมัด แสงดีมาก” เธอตั้งใจจะนั่งเล่นบนเนินเขาจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน หลังสิ้นแสงสุดท้ายแล้วถึงจะกลับลงไป
“เฮ่อ...ที่นี่ยังสวยเหมือนเดิมเลย อากาศเย็นสบายที่สุด กลางคืนก็จะมองเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้าเลย หรือว่าเราจะนอนดูดาวที่นี่ซะเลย”
เธอนั่งลงบนพื้นหญ้าอุ่น ๆ วางกระเป๋าไว้บนแผ่นหินใกล้ ๆ แล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างมีความสุข
“คิดถึงตอนสมัยเด็กจัง”
เธอยิ้มให้กับท้องฟ้ากว้าง ก่อนจะหันไปมองปลายยอดคฤหาสน์ที่ตั้งตระหง่านไม่ไกลนัก สถาปัตยกรรมแนวยุโรปที่ถูกโอบล้อมด้วยกำแพงหินสูงและแนวป่าหนาทึบอีกชั้นทางด้านหลังคฤหาสน์ บริเวณโดยรอบนั้นเองที่กลายเป็นเขตหวงห้าม
“ฉันไม่เบี้ยวคุณหรอกค่ะ ฉันจะจ่ายคืนคุณทุกบาททุกสตางค์เลย แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปแล้ว ฉันไม่อยากไปถึงกรุงเทพฯช่วงหัวค่ำ รถติดจะตาย ท่าทางรถพ่อจะซ่อมเสร็จแล้วด้วย” ขาดคำนั้น เสียงรถของลุงปราบต์แล่นออกไปอย่างเร็ว “อะอ้าว...พ่อคะ พ่อ! เดี๋ยวสิคะ หนูยังอยู่ตรงนี้ อย่าทิ้งหนูสิพ่อ!”เธอวิ่งตะโกนตามรถ แต่ไม่ทันแล้ว รถไปไกลลิบจนไม่เห็นฝุ่นแล้วอาคิรามองเธอแล้วแอบขำ “ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่รีบขึ้นรถมา ผมจะทิ้งคุณไว้ตรงนี้”“เดี๋ยวสิคะ ตรงนี้เปลี่ยวจะตาย มีแต่ป่า”เขาขึ้นรถแล้วสตาร์ตเครื่องทันที เธอรีบวิ่งมาขึ้นรถอย่างไม่ลังเล แล้วอ้อนวอนขอความเห็นใจเขา“ไปส่งฉันที่ขนส่งหน่อยนะคะ ถือว่าทำบุญทำทานกับลูกนกลูกกาก็ได้” เขาไม่พูดอะไร แต่กลับบังคับพวงมาลัยหันหัวรถกลับไปยังไร่ภูผาวนาอย่างไม่รีรอ “อ้าว!” เธอถึงกับอ่อนใจ หน้าเสียหน้าชา “บอกแล้วไงว่าไม่เบี้ยว”“คิดว่าผมจะเชื่อใจนักข่าวเหรอ ไม่มีทาง”“อย่าบอกนะ ว่าคุณจะให้ฉันทำงานใช้หนี้อีก”เขายิ้มกริ่ม “เริ่มฉลาดขึ้นแล้วนี่”เธอถึงกับหมดแรง “คราวนี้คุณจะให้ฉันทำงานอะไรคะ คงไม่ใช่งานแบบเดิมหรอก เพราะแฟนของคุณกลับมาแล้ว และคุณก็รู้แล้วว่าฉันเป็นยัยหม
“ไม่...เธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วค่ะ” แล้วทำไมเจ้านายรูปหล่อของเธอต้องมาถามหาเพื่อนของเธอตั้งแต่เช้า ด้วย หรือว่าเขาคิดจะเอาเรื่องเธออีก“ไม่อยู่แล้ว! เธอไปไหน!”สีหน้าของเจ้านายดูโกรธ โมโห และร้อนใจปนเปกันไปหมด เธอเดาได้เลยว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพื่อนเธอต้องไปก่อเรื่องร้ายแรงมาแน่ “กลับกรุงเทพฯแล้วค่ะ”“กลับกรุงเทพฯ!” เขาเสียงดังลั่นจนใครหลายคนที่เดินไปมาในละแวกนั้นหันมอง “ตั้งแต่เมื่อไหร่!!!”“เมื่อเช้าค่ะ มีอะไรหรือคะบอส หรือว่ายัยฟ้าไปก่อเรื่องอะไรไว้” เธอถามเพราะงงจนเกินจะคาดเดาเรื่องได้เองแล้ว เธออยากรู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น “เมื่อคืนคุณดาด้าก็มาหายัยฟ้าที่บ้านค่ะ เห็นคุยกันตั้งนาน พอถามก็ไม่บอกว่าคุยเรื่องอะไรกัน พอเช้ามาก็รีบติดรถพ่อออกไปในเมืองเลย”อาคิราฟังแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนที่พยายามข่มให้นิ่ง“โทรหาพ่อเธอซิ ถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”“ค่ะ” นันทร์เนตรไม่รอช้ารีบโทรศัพท์หาบิดาตามคำสั่งเจ้านายทันที “เอ่อพ่อ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ส่งยัยฟ้าที่ขนส่งรึยัง อะไรนะคะ รถเสียยังอยู่กลางทางเหรอ”ได้ยินดังนั้น อาคิราคว้าโทรศัพท์มาคุยเสียเอง เพราะอยากรู้ข
“แกก็แค่นางบำเรอ! อย่าสะเออะคิดว่าตัวเองสำคัญ!”มาลินณารู้สึกหน้าชา ไม่กล้าเถียงเลย เพราะมันเป็นเรื่องจริง “แต่เขาอยากให้ฉันอยู่ด้วย”รชิดายิ้มเย้ย “นั่นเพราะเขายังไม่รู้ไงว่าแกคือใคร ถ้าเขารู้ว่าแกคือยัยหมูโสโครกที่เขาขยะแขยง เขาจะต้องรับไม่ได้แน่ เขาต้องไล่แกเหมือนหมูเหมือนหมา ฉันก็เลยมาเตือนแกไง แกควรไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะโกรธจนพาลทำให้เพื่อนแกเดือดร้อนไปด้วย แกอยากให้เพื่อนแกซวยไปด้วยเหรอ?”คำขู่ของรชิดาทำให้มาลินณากังวลจนหน้าเสีย ส่วนตัวเธอเองต้องลำบากและเดือดร้อนสักแค่ไหนก็คงไม่เป็นไร แต่เธอไม่อยากให้เพื่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเดือนร้อนลำบากไปด้วย“ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เช้าฉันตั้งใจจะไปจากที่นี่อยู่แล้ว และไม่คิดจะกลับมาที่นี่อีก แต่ฉันขอร้องสักเรื่องเถอะ อย่าบอกเขาว่าฉันเป็นใคร ขอให้มันจบลงแค่นี้”รชิดายิ้มเย้ยดูถูก “ถ้าแกสัญญาว่าจะหายไปจากชีวิตเขา จะไม่ติดต่อเขาตลอดชีวิต ฉันจะยอมช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับให้”“ได้สิ ฉันตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว หวังว่าเธอจะทำตามที่พูดนะดาด้า”เมื่อตกลงกันเสร็จ รชิดาก็กลับไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนมาลินณาแค่รู้สึกเหนื่อยหัวใจเท่าน
รชิดาก้าวออกจากคฤหาสน์มาอย่างอารมณ์เสีย เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้หญิงหน้าไหนทำให้เขาหลงเสน่ห์ได้ เธอโกรธผู้หญิงคนนั้นจนแทบระงับอารมณ์ไม่ไหวแล้ว เธออยากไปกระชากหัวยัยนั่นมาตบเสียเดี๋ยวนี้ โทษฐานที่มายุ่งกับผู้ชายของเธอ“คุณชอบผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ยอม หัวใจของคุณมันต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนอื่นไม่มีสิทธิ์!!”เธอนึกถึงผู้หญิงคนนั้น คนที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาด คนที่ทำให้เธอฉงนสนเท่และสงสัยนับตั้งแต่พบกันครั้งแรก“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนฉันรู้จักเธอนะ” เธอพยายามคิดซ้ำไปซ้ำมา คิดจนหัวแทบแตก ก่อนจะนึกบางอย่างออก บางอย่างที่ทำให้เธอตาเหลือก “โอ้ว...จริงด้วย...นั่นมัน...แก...นัง...นังหมูตอน นังหมูตอนนี่นา!!”เมื่อคิดออกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เธอถึงกับช็อคและอึ้ง เพราะไม่คิดว่ายัยหมูอ้วนดำตอนโตเป็นสาวจะกลายเป็นผู้หญิงที่สวยได้ขนาดนี้“ไม่เจอกันมาสิบกว่าปี นี่แกเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอยัยเฟื่องฟ้า...คีย์รู้รึเปล่านะว่ามันคือยัยหมูตอนอ้วนดำที่เขาเกลียดชังและขยะแขยง”เธอคิดไม่ตก เพราะเขาเป็นคนฉลาด เขาคงไม่พลาดโดนผู้หญิงหลอกได้หรอก “ถ้าเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยัง
“ผมไม่ได้แกล้ง!” เขาพูดพร้อมกับขยับใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าเธออย่างจงใจให้เธอเห็นอารมณ์เย็นชาไร้ความรักจากดวงตาของเขา เธอต้องรู้สิว่าเธอไร้ความหมายสำหรับเขาไปเนิ่นนานแล้ว “นี่คือตัวตนที่แท้จริงของผม คุณไม่รู้เหรอ?”“ด้าไม่เชื่อค่ะ คุณกำลังประชดด้าใช่มั้ยคะ”เขาผลักร่างเธอเล็กน้อยอย่างเสียอารมณ์ แล้วเดินหนีไปหยิบกุญแจมือขึ้นมาถือเล่น“ถ้าทำไม่ได้ก็ไปซะ!”“คีย์คะ!” เขาออกปากไล่เธออย่างนั้นเหรอ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะใจร้ายกับเธอขนาดนี้ เขาลืมไปแล้วหรือว่าเขาเคยรักเธอมากมายแค่ไหน “ด้ารู้ว่าด้าทำผิดต่อคุณหลายเรื่อง ถ้าคุณจะโกรธเกลียดด้า ด้าก็เข้าใจค่ะ แต่อย่าไล่ด้าไปเลยนะคะ เพราะด้าจะไม่มีวันไปจากที่นี่อีกแล้ว ด้าจะอยู่กับคุณไปจนวันตาย!”“งั้นเหรอ?” ก่อนหน้านี้เขาก็เคยคิดนะ หากเธอกลับมายืนอยู่ตรงหน้า เขาจะทำยังไงกับเธอ เขาจะอ้อนวอนร้องขอให้เธอกลับมา หรือฆ่าเธอซะ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่อยากทำทั้งสองอย่าง เพราะมันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเอาเสียเลย“ค่ะ ด้ารู้ตัวแล้วว่าคุณคือคนที่ด้าอยากอยู่ด้วย”“อืม ถ้าคุณอยากอยู่นักก็อยู่สิ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า คุณจะไม่ใช่ที่หนึ่งของผมอีกต่อไปแล้วนะ” เขาพูดปร
“อ้วนดำ! แกเนี่ยนะ จริงเหรอ” นันทร์เนตรทำหน้าไม่เชื่อ ขณะไล่มองเรือนร่างสวยงามของเพื่อนรัก“จริง ๆ นะ ตอนเด็ก ๆ ฉันอ้วนมาก อ้วนเหมือนหมูตอนเลย ใคร ๆ ก็เรียกฉันว่ายัยหมูตอน หรือไม่ก็ไอ้หมูโสโครก ไอ้หมูสกปรก!”“ไอ้หมูสกปรก! จริงเหรอ?”“จริงสิ แต่เพราะฉันแอบหลงรักผู้ชายคนหนึ่ง ฉันก็เลยฮึดสู้ พยายามจะลดความอ้วนให้ได้ เพื่อจะได้มีสิทธิ์สารภาพรักผู้ชายคนนั้น แต่ผู้ชายคนนั้นเขารังเกียจฉันมากเลย เขาเห็นฉันเป็นตัวตลก ส่วนคนที่เขารักมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นสวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะ ใคร ๆ ต่างก็เรียกเธอว่าซินเดอเรล่าแห่งไร่องุ่น”“โหวว นี่แกกำลังแต่งนิยายให้ฉันฟังอยู่ใช่มั้ย”มาลินณาเล่าพลางแอบเช็ดน้ำตา “ใช่ มันเป็นนิยายเรื่องแรกที่ฉันเขียนล่ะ”“แล้วยังไงต่อ ยัยหมูตอนได้สารภาพรักมั้ย”“ได้สิ แต่สารภาพก่อนจะไปจากไร่องุ่นนะ เพราะคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันแล้ว สารภาพทั้งที่ยังอ้วนเหมือนหมูนั่นแหละ”“โหว ห้าวดีเว๊ย แล้วไง ผู้ชายคนนั้นว่าไง”“เขาก็โมโหน่ะสิ ไล่ตะเพิดบอกว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ไม่งั้นจะฆ่าเธอแล้วเอามาย่างเป็นหมูหัน!!”นันทร์เนตรหัวเราะลั่นน้ำตาไหลราวกับเพิ่งฟังเรื่องตลกโปกฮาที่
Comments