อันนาเห็นแม็กซิมัสเข้าใจผิด หล่อนก็รีบสมทบสนับสนุนเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นข้อสงสัยทันควัน
“มึงร้ายกาจ... ร้ายกาจที่สุด นังปั้นหยา!”
ปั้นหยาส่ายหน้าไปมาเมื่อถูกปรักปรำจากสองคนที่กำลังเกรี้ยวกราด
หล่อนอยากหายตัวไปจากตรงนี้ หรือไม่ก็ตายไปจากโลกใบนี้เสียเลย
“พี่ไม่ได้ทำนะอัน... คุณแม็ก... หยาไม่ได้ทำ... หยา อ๊ะ... หยาเจ็บ...”
“ถ้าเธอไม่ได้เป็นคนทำ แล้วใครจะทำ เรื่องเลวๆ แบบนี้ มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้นแหละที่กล้าทำ ปั้นหยา”
เขาบีบแขนของหล่อนแรงมากราวกับต้องการทำให้กระดูกของหล่อนแตกละเอียด
หล่อนเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดทรมาน และพยายามวิงวอนให้เขาเมตตา
“ได้โปรด... เชื่อหยา... หยาไม่รู้เรื่อง หยาไม่ได้ทำ...”
หล่อนร้องไห้อย่างน่าเวทนา แต่ไม่มีใครที่จะเชื่อหล่อนเลย
“ตอแหล!”
“อ๊ะ...”
ปั้นหยาถูกผลักให้ล้มหงาย ร่างเปลือยแทบกลิ้งตกลงไปจากเตียง และพวกเขาก็คงจะรุมทึ้งหล่อนจนย่อยยับต่อไปอีก หากคุณย่าวารีไม่ปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน
“เกิดอะไรขึ้น เสียงดังลั่นบ้านเชียว”
“คุณย่า...”
ปั้นหยาครางเรียกชื่อของผู้มีพระคุณด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ ในขณะที่แม็กซิมัสนั่งทำหน้าเคร่งเครียดอยู่บนเตียงเพราะไร้ทางหลบหนี
“หยา... หยาทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลูก...”
คุณย่าวารีเดินเข้ามาหยุดข้างร่างของปั้นหยา และก็ไม่ต้องให้ใครมาอธิบายก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน
“หยา...” ปั้นหยาเอาแต่ร้องไห้พูดไม่ออก
“ฉันว่าคุณกับฉันมีเรื่องที่จะต้องคุยกันยาวเลยนะ คุณหมอแม็กซิมัส”
แม็กซิมัสถอนใจออกมาแรงๆ เขายกมือขึ้นเสยเส้นผมยุ่งๆ ที่ตกลงมาปรกหน้าผากด้วยความหงุดหงิด
“ครับ”
“คุณย่า... นังหยามันอ่อยพี่แม็กของอัน...”
อันนาตั้งสติได้ก็รีบเข้ามาเกาะแขนของคุณย่าวารี และพยายามใส่ไฟปั้นหยา แต่หญิงสูงวัยเลี้ยงหลานสาวสองคนมาตั้งแต่เล็ก ทำให้รู้จักนิสัยของคนทั้งคู่เป็นอย่างดี
“เรื่องนี้ย่าจะสอบสวนเอง”
“แต่นังหยามัน...”
“ออกไปกับย่าอันนา สองคนนั้นเขาจะได้แต่งเนื้อแต่งตัว ยังมีเรื่องอีกเยอะที่ต้องจัดการ”
อันนาไม่ต้องการทำตามคำสั่งของคุณย่าวารี แต่ก็ไม่อาจจะขัดข้องได้ จำต้องเดินออกไป และทันทีที่ประตูห้องปิดลง ปั้นหยาก็ถูกจอมมารร้ายเล่นงานทันที
“ถามจริงๆ เถอะ ชอบแย่งของคนอื่นเป็นนิสัยหรือไง ถึงทำเรื่องเลวทรามแบบนี้ขึ้นมาได้”
“หยา... ไม่ได้ทำ...” หล่อนปฏิเสธทั้งน้ำตา
“ถ้าเธอไม่ได้เป็นคนทำ แล้วเธอจะมานอนให้ฉันเอาทั้งคืนได้ยังไง ปั้นหยา!”
เขาตวาดลั่น ขณะก้าวลงจากเตียงไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ สายตาที่มองมายังหล่อนเต็มไปด้วยความเกลียดชังขยะแขยง จนคนถูกมองเจ็บปวดแสนสาหัส
“ไม่คิดเลยนะว่าหน้าซื่อๆ ตาใสๆ อย่างเธอ จะแรดจะร่านได้ถึงเพียงนี้ สิ่งที่น้องอันบอกฉันเกี่ยวกับเธอ มันคือความจริงล้วนๆ เธอนี่มันเลวชาติชั่วจริงๆ”
เขาด่าหล่อน ด่าอย่างไม่ไว้หน้า ด่าอย่างเกลียดชัง ด่าราวกับหล่อนไม่ใช่คน
“หยา... ไม่ได้ทำจริงๆ นะคะ พาหยาไปสาบานที่ไหนก็ได้ หยาไม่รู้เรื่อง...”
“ถ้าไม่รู้เรื่อง เธอเข้ามาในห้องนี้ตอนที่อันนาไม่อยู่ทำไม”
“หยาเอา... เอาชุดมาคืนน้องอัน...”
หล่อนอธิบายตามความเป็นจริง แต่เขาหัวเราะเยาะ เพราะไม่เชื่อคำพูดของหล่อนเลย
“ตอแหล! อย่าคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของผู้หญิงแพศยาอย่างเธอ ไม่มีวัน ผู้หญิงสารเลว!”
“คุณแม็ก... หยา... หยาไม่รู้เรื่องจริงๆ นะคะ หยา...”
“จำเอาไว้นะ ฉันทั้งเกลียดทั้งขยะแขยงผู้หญิงร่านอย่างเธอที่สุด ปั้นหยา!”
หัวใจของหล่อนเจ็บปวดราวกับถูกเฉือนออกไปชิ้นๆ น้ำตาที่หลั่งรินออกมาไม่สามารถชำระล้างความรวดร้าวทรมานให้เบาบางลงได้เลย
“แต่หยาขอยืนยัน... หยาไม่รู้เรื่อง หยาไม่ได้ทำ...”
หล่อนรวบรวมแรงกายแรงใจเฮือกสุดท้าย ก้าวลงจากเตียง คลานไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองบนพื้น และวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำทั้งน้ำตา
“บ้าฉิบ!”
แม็กซิมัสสบถตามหลังแบบบางไปด้วยความเดือดดาล แทบไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่ทำให้เขาลุ่มหลงเมื่อคืนจะเป็นปั้นหยา แถมหล่อนยัง...
สายตาของเขาสะดุดหยุดกึกอยู่กับรอยสีแดงบนผ้าปูเตียง กรามแกร่งขบกันแน่นจนเนื้อข้างแก้มกระตุกเป็นริ้ว
หล่อนเป็นสาวพรหมจารี...
พระเจ้า...
มือใหญ่สองข้างยกขึ้นลูบหน้าแรงๆ ก่อนจะเดินกลับไปกลับมาภายในห้อง
นี่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับเรื่องบ้าบออะไรกันนะ แล้วทำไม ทำไมเรื่องแบบนี้มันถึงเกิดขึ้น
ร่างกำยำทรุดลงนั่งกับเตียงนอนยุ่งเหยิงราวกับผ่านสงครามโลกมาอย่างอ่อนแรง
แล้วนี่เขาจะทำยังไงดี...
จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ยังไงดี
หัวสมองที่เคยชาญฉลาดของเขา ตอนนี้มันกำลังมืดแปดด้าน มองไปทางไหนก็เจอแต่ทางตันเสียทุกทาง
ร่างอรชรทรุดลงกองกับพื้นทันที เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องน้ำได้สำเร็จ หยาดน้ำตาไหลทะลักออกมาอาบแก้ม ซึ่งก็ไม่ต่างจากความทรงจำเมื่อคืนที่ไหลบ่าเข้ามาท่วมท้นหัวใจ
หล่อนไม่รู้ว่าทำไมมันเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ เพราะหล่อนไม่เคยมีเจตนาแบบนี้เลย หล่อนเข้ามาในห้องของอันนาเพียงเพราะต้องการนำชุดมาคืนให้ แต่ก็ถูกแม็กซิมัสกระทำย่ำยี เขาต่างหากที่เป็นคนผิด ไม่ใช่มายัดข้อหาแพศยาให้กับหล่อน
มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าและร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส กายสาวสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นน่าเวทนา หล่อนก้มลงมองเนื้อสาว และก็พบว่ามันชอกช้ำแดงก่ำเพราะน้ำมือของแม็กซิมัสทุกตารางนิ้ว ยิ่งตรงนั้น... ที่ซอกขา... หล่อนรับรู้ได้ถึงความบอบช้ำแสนสาหัส หล่อนเจ็บแปลบแม้กระทั่งตอนนั่งนิ่ง
ทำไมมันน่าอดสูแบบนี้
หญิงสาวสะอื้นไห้ไม่หยุด และก็พยายามที่จะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่สมองกลับจดจำทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ ทุกฉากทุกตอนที่ถูกเขาโลมเลีย มือใหญ่บีบเคล้นขยี้ขยำ ปากของเขาก็กัดก็แทะ โดยมีลิ้นสากแลบออกมาปาดเลีย
หล่อนครางออกมาอย่างปวดร้าว เมื่อภาพฉากสวาทตอนที่ถูกแม็กซิมัสล่วงล้ำสอดใส่ผุดขึ้นมาในหัว หล่อนยอมให้เขาจูงมือพาไปในสถานที่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนอย่างเต็มใจ
ทำไมหล่อนถึงได้น่าสมเพชแบบนี้นะ สมควรแล้วล่ะที่จะถูกทุกคนประณาม
ก๊อก ก๊อก
“ตายอยู่ในนั้นหรือไง ออกมาได้แล้ว!”
เสียงดุกระด้างของแม็กซิมัสดังขึ้นพร้อมกับเสียงเขย่าประตูห้องน้ำ คนที่กำลังดำดิ่งอยู่ในเหวแห่งความอัปยศเงยหน้าขึ้น ก่อนจะกลั้นใจตอบออกไป
“คุณแม็ก... ออกไปก่อนเถอะค่ะ ไม่ต้องรอหยา”
“ฉันไม่ได้รอเธอ แต่คุณย่าของเธอ ให้ฉันมาลากเธอไปพร้อมกันต่างหาก”
งั้นก็แสดงว่าเขาออกไปจากห้องแล้วครั้งหนึ่ง แต่จำต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งเพราะคำสั่งของคุณย่าวารี
น้ำตาของหล่อนไหลเป็นทางไม่ยอมหยุด ขณะกัดฟันลุกขึ้นยืนอย่างทรมาน
หล่อนเจ็บเหลือเกิน... ที่ตรงนั้น... ตรงที่แม็กซิมัสคุกคามด้วยความแข็งชันใหญ่โตมาตลอดทั้งค่ำคืน
“ขอ... เวลาอีกห้านาทีค่ะ”
“อย่าเกินล่ะ เพราะฉันไม่ชอบเสียเวลารอผู้หญิงไร้ค่าแบบเธอ”
“ค่ะ”
ไม่มีวินาทีไหนที่จะเจ็บปวดมากกว่านี้อีกแล้ว เมื่อถูกผู้ชายที่เฝ้าแอบรักด่าทอ และแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์
หล่อนเจ็บเหลือเกิน...
เจ็บทั้งตัว...
และหัวใจ...
แม็กซิมัสหงุดหงิดจนแทบจะเป็นบ้า เขารีบคุยโทรศัพท์สั่งงานเลขาฯ ของตนเองที่โทรมาตามเร็วๆ ก่อนจะรีบตัดสายเมื่อผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งหลายทั้งมวลก้าวออกมาจากห้องน้ำ
เนื้อตัวของหล่อนแบบบางราวกับตุ๊กตาแก้วที่พร้อมจะแตกหักโดยง่ายหากไม่ได้รับการทะนุถนอม ฝ่าเท้าเปลือยขาวสะอาดหยุดชะงักทันทีที่เห็นเขา ดวงหน้านวลไร้เครื่องสำอางซีดเผือดไร้สีเลือด ดวงตาของหล่อนเบิกกว้างและมีหยาดน้ำตาคลอตลอดเวลา ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดตามธรรมชาติยังคงบวมเจ่อเพราะจุมพิตจากเขานั่นเอง
บ้าฉิบ!
เขาสบถอยู่ภายในลำคอด้วยความเดือดดาล เกลียดตัวเองที่พลาดพลั้งไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงแพศยาตรงหน้า ปั้นหยาก็แค่แสดงละครเป็นผู้หญิงแบบบาง ไร้เดียงสา แต่ความจริงแล้วหล่อนเจ้าเล่ห์ และคิดจะจับเขาอย่างที่อันนาพร่ำบอกจริงๆ
คนตัวเล็กแก้มแดงระเรื่อ ขณะค่อยๆ กดสะโพกผายลงให้กลืนกินความเป็นชายที่ชูชันรอคอย“อ๊ะ... อ๊า... อา... อา...”“โอ้ววว... อืมมมม แน่นมาก อืม”ใบหน้าหล่อจัดของแม็กซิมัสบิดเบี้ยวด้วยความเสียวกระสัน เมื่อความเป็นชายถูกกลีบสาวอ่อนนุ่มโอบกระชับแน่นหนาเอาไว้ในทุกทิศทาง“หยา... ปั้นหยา... ยอดรัก... ได้โปรดขยับ... ได้โปรดเถอะ โอ้ววว พระเจ้า... โอ้ววว...”ปั้นหยาทำตามคำขอร้องหอบกระเส่าของแม็กซิมัสอย่างว่านอนสอนง่าย หล่อนบดบั้นท้ายกับความเป็นชายหนักๆ ด้วยจังหวะเร้าใจ ก่อนจะขยับขึ้นลงถี่ระรัว ตามความร้อนฉ่าของไฟสวาทที่ลุกโหมอยู่ภายในกาย“อ๊า... อา... อา...”“โอ้ว... เร็วอีก... ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว โอ้ววว อืมมม...”มือใหญ่ทั้งสองข้างกุมสะโพกผายเอาไว้มั่น และช่วยให้หล่อนยกโยงตัวเองขึ้นสูง พร้อมกับดึงรั้งให้กลับลงมาหาหนักหน่วงแม็กซิมัสหน้าแดงก่ำ บิดเบี้ยวด้วยความเสียวกระสันร้อนแรง ยิ่งปั้นหยาซอยสะโพกลงมาหาด้วยจังหวะรัวระทึกเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงสวรรค์ได้มากขึ้นเท่านั้น“อา... อา... คุณแม็กกก... หยา... หยาจะไม่... ไหวแล้ว อา... อ๊า...”ปั้นหยาเงยหน้าขึ้น กรีดร้องด้วยความเสียวกระสัน กายสาวสั่นเกร็ง แ
เคลวินหัวเราะออกมา “ก็งานฉันมันยุ่งมาก ปลีกตัวได้สามสี่วันก็บุญแล้ว”“เออๆ เอาที่นายสะดวกก็แล้วกัน” แม็กซิมัสตอบรับอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ขี้เกียจจะเซ้าซี้“สรุปนายรักคุณปั้นหยาแล้วจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”“ถูกต้อง และไม่ใช่รักเฉยๆ นะ รักมากด้วย”เคลวินหัวเราะขบขัน “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะรักผู้หญิงที่ตัวเองบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนาเข้าไปได้”“ก็ตอนนั้นฉันเข้าใจผิด แถมอันนาก็ยังเป่าหูใส่ร้ายปั้นหยาให้ฉันฟังทุกวัน ฉันก็ต้องเชื่อดิ”“เออ ก็ขอให้นายมีความสุขมาก มีลูกเยอะๆ เอาแบบตั้งทีมฟุตบอลได้เลยก็จะยิ่งดี”“ถ้าจะให้มีเยอะขนาดทำทีมฟุตบอลคงไม่ไหวหรอก ปั้นหยาคงไม่เห็นด้วย แต่ถ้ามีสักสี่ห้าคน เอาไว้เล่นกับลูกของนาย แล้วก็ลูกของเจ้าชาร์ลกับลูกเจ้าอเล็กน่ะพอไว้”“รอลูกไอ้ชาร์ลกับไอ้อเล็กเถอะ ฉันไม่มีหรอก” เคลวินส่ายหน้าปฏิเสธ และทำหน้าสยดสยองเมื่อคิดถึงเด็ก“เด็กๆ น่ารักนะโว้ย เมื่อก่อนฉันก็ไม่ชอบเด็ก แต่พอปั้นหยาท้อง ฉันก็รักเด็กขึ้นมากะทันหันเลยว่ะ ในมือถือตอนนี้นอกจากรูปของฉันกับปั้นหยาแล้ว ก็มีแต่รูปเด็กน่ารักๆ เต็มเครื่องไปหมดเลย ดูไหม จะอวด”“ไม่ๆๆ ฉันไม่อยากดูหรอก” เคลวินส่ายหน้าดิก“สักวันนายจ
แม็กซิมัสรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลของตนเองมาครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว โดยมีปั้นหยาคอยเฝ้าดูแลไม่ห่างไปไหน ซึ่งก็ทำให้เขามีความสุขเหลือเกิน“คุณแม็กขา... หยาขอออกไปซื้อของใช้ที่เซเว่นใต้โรงพยาบาลสักครู่นะคะ เดี๋ยวจะรีบมาค่ะ”แม็กซิมัสอมยิ้มกับน้ำเสียงหวานฉ่ำของหญิงสาว และก็กวักมือเรียกให้หล่อนเข้ามาหา ซึ่งปั้นหยาก็ยอมเดินเข้ามาหาเขาอย่างว่านอนสอนง่าย“เดินระวังนะรู้ไหม ตอนนี้เธอไม่ใช่คนตัวเปล่าแล้ว”ปั้นหยายิ้มหน้าแดงด้วยความเอียงอาย พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าท้องของตัวเองไปมาอย่างลืมตัว“หยาจะเดินให้ระวังที่สุดค่ะ คุณแม็กอยู่คนเดียวได้นะคะ”“อยู่ได้ครับ ไปเถอะไม่ต้องรีบร้อนล่ะ”หญิงสาวก้มหน้าลงมาจูบแก้มสากที่มีไรหนวดของคนตัวโตเบาๆ อย่างแสนรัก“หยารักคุณแม็กนะคะ”มือใหญ่ของแม็กซิมัสยกขึ้นประคองดวงหน้านวลของปั้นหยาเอาไว้ ก่อนจะพรมจูบไปจนทั่ว และมาอิ่งอ้อยอยู่กับกลีบปากอิ่มหวานฉ่ำนานที่สุด“ฉันก็รักเธอ... ฉันบอกเธอไปกี่ครั้งแล้วนะ” ชายหนุ่มอมยิ้ม ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับปั้นหยาเสหลบสายตาสีเขียวสวยอย่างเอียงอาย แต่ก็อ้อมแอ้มตอบออกไปเสียงเบา“น่าจะเกือบห้าสิบครั้งแล้วล่ะค่ะ”“โอ้พระเจ้า... นี่ฉันบ
“น้องอัน... สัญญากับพี่ได้ไหมว่าจะไม่ทำอะไรคุณแม็ก หากพี่ตายไปแล้ว”“ไม่นะปั้นหยา ฉันไม่ยอมเด็ดขาด ไม่มีวันยอมให้เธอตาย เข้าใจไหมว่าเธอตายไม่ได้!”แม็กซิมัสตะโกนมาอีกฟากหนึ่งของกำแพง เขาอยากจะเข้าไปแย่งปืนจากมือของอันนานัก แต่ก็กลัวว่ามันจะผิดพลาด แล้วปั้นหยาจะไม่ปลอดภัย จึงจำต้องนั่งนิ่งและพยายามหาทางออกอื่นให้ได้เร็วที่สุด“แค่หยารู้ว่าคุณแม็กเป็นห่วงหยา... แค่นี้หยาก็ตายตาหลับแล้วล่ะค่ะ”“ผู้หญิงบ้า! ถ้าเธอไม่หยุดพูดบ้าๆ ฉันสาบานว่าจะหยุดรักเธอเดี๋ยวนี้แหละ!”“คุณแม็ก... รักหยาเหรอคะ”อย่างน้อยๆ ก่อนตาย หล่อนก็ยังได้รู้ว่าตัวเองได้รับความรักตอบจากบุรุษที่ตัวเองแอบรักมาเนิ่นนาน“ก็ใช่น่ะสิ ฉันรักเธอปั้นหยา รักมากด้วย ดังนั้นห้ามตายเด็ดขาด นี่เป็นคำสั่งของฉัน”“หยาดีใจ... ดีใจเหลือเกิน...”“เลิกพล่ามกันได้แล้ว แล้วพี่แม็กก็เตรียมเห็นนังหยามันไร้วิญญาณได้เลย”“อย่านะ... อันนา! อย่าทำอะไรปั้นหยานะ!”อันนาหันไปยิ้มเลือดเย็นให้กับแม็กซิมัส ก่อนจะสอดนิ้วเรียวเหนี่ยวไกปืนทันทีปัง! ปัง! ปัง!ลูกปืนทั้งสามนัดดังกังวาน และพุ่งเข้าใส่คนตรงหน้าอย่างแม่นยำ แต่ผิดคน“พี่แม็ก!!!”“คุณแม็ก! กรี๊ดด
ปั้นหยาถูกอันนาตบด้วยฝ่ามือ และกระบอกปืนหลายครั้งจนเลือดไหลออกมาจากศีรษะที่แตก หน้าตาปูดบวมช้ำ โดยเฉพาะที่ปากแตกจนมีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก“น้องอัน... ปล่อยพี่เถอะ พี่ไม่เคยคิดร้ายอะไรกับน้องอันเลยนะ พี่หวังดีกับน้องอันเสมอ โอ๊ยยย... พี่เจ็บ”อันนากระชากเส้นผมนุ่มของปั้นหยาแรงๆ ก่อนจะก้มหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะเสียสติไปแล้วลงมาหัวเราะใส่“มึงแย่งผัวกู”“พี่ก็หย่ากับคุณแม็กให้แล้วนี่จ๊ะ”“มึงคืนให้มาแต่ตัว แต่หัวใจของพี่แม็ก มึงขโมยไปแล้วไม่ยอมคืน อีพี่สารเลว!”เพียะ! ผัวะ!!!ทั้งมือทั้งหมัดของอันนาประเคนเข้าใส่ใบหน้าและร่างกายของปั้นหยาอย่างไม่ปรานี จนปั้นหยาล้มตัวงอนอนลงกับพื้นเจียนจะหมดสติสัมปชัญญะ“พี่แม็กเอาเงินมาให้กูเมื่อไหร่ กูจะระเบิดหัวมึงทันที”“น้องอัน... ปล่อยพี่ไปเถอะ แล้วน้องอันก็กลับเนื้อกลับตัวซะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”“มึงอย่ามาสอนกู!”“พี่ไม่อยากเห็นน้องอันต้องตกนรกทั้งเป็นหรอกนะ เชื่อพี่เถอะ มอบตัวกับตำรวจซะเถอะ” ปั้นหยาพยายามเตือนสติของญาติผู้น้องด้วยความห่วงใย แต่อันนาไม่สนใจที่จะรับฟัง“กูไม่ยอมแก่ตายในคุกหรอก กูจะหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน จนกว่าคดีจะหมดอายุความ แล
แม็กซิมัสถอนใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อสุดท้ายแล้วพวงมาลัยดอกมะลิฝีมือของตนเองก็เสร็จสมบูรณ์เสียที และถึงแม้มันจะเบี้ยวๆ เอียงๆ ไม่ค่อยสวยนัก แต่เขาก็ทำมันด้วยความตั้งใจที่สุดในชีวิต แถมมันยังเป็นงานที่ทำให้เขาเสียเลือดมากที่สุดอีกต่างหากชายหนุ่มอมยิ้มมองพวงมาลัยดอกมะลิสีขาวด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะยกมันขึ้นดอมดม กลิ่นของดอกไม้ชนิดนี้หอมละมุนมาก แต่ก็ยังหอมตราตรึงใจสู้กลิ่นสาบสาวของปั้นหยาไม่ได้“เธอจะต้องปลื้มใจแน่ๆ ถ้าเห็นพวงมาลัยนี้”“คุณแม็กคะ ปลาสเตอร์ยาค่ะ”“ขอบใจ” แม็กซิมัสยื่นมือไปรับปลาสเตอร์ยาจากมือของสาวใช้ มาพันบนนิ้วที่ถูกเข็มตำ“นี่แผ่นสุดท้ายแล้วนะคะคุณหมอแม็ก”คุณย่าวารีมองนิ้วมือที่เต็มไปด้วยปลาสเตอร์ยาของแม็กซิมัสด้วยความเห็นใจระคนขบขัน“เดี๋ยวผมเบิกที่โรงพยาบาลมาคืนให้ครับ”“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเอามาคืนหรอกค่ะ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณหมอที่ช่วยใช้ปลาสเตอร์ยาก่อนที่มันจะหมดอายุใช้งานน่ะ”แม็กซิมัสยิ้มอายๆ “ผมคงเป็นนักเรียนที่แย่มากๆ เลยใช่ไหมครับเนี่ย”“ถ้าเอาความจริงก็ใช่ค่ะ เพราะคุณหมอแม็กสอนยากมาก”“แต่ตอนผมเรียนผ่าตัด อาจารย์หมอชมว่าผมหัวไว เรียนรู้เร็วกว่าเพื่อน