เรือนร่างแบบบางน่าทะนุถนอมของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของความสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบสองเซนติเมตรกำลังหิ้วตะกร้าใส่ดอกไม้นานาชนิดที่เพิ่งเก็บมาจากสวนสวยด้านหลังบ้านเรือนไทยหลังงามกำลังเดินเข้าบ้าน แต่แล้ว ปั้นหยา สิทธิวงศ์ ก็ต้องชะงักเท้ากึก เมื่อพบว่าอันนา หญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นญาติผู้น้องยืนกอดอกขวางทางอยู่
อันนา สิทธิวงศ์ เป็นลูกสาวของคุณอาภาสกรซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชายแท้ๆ ของบิดาของหล่อน ซึ่งหลังจากที่คุณอาเสียชีวิตไปพร้อมกับบิดาของหล่อนด้วยอุบัติเหตุเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทำให้ทั้งหล่อนและอันนาต้องเข้ามาอยู่ในการอุปการะเลี้ยงดูของคุณย่า ซึ่งก็คือ คุณย่า วารี สิทธิวงศ์
และหลังจากที่บิดาของหล่อนเสียชีวิตไปได้ไม่นาน มารดาก็ตรอมใจตายตามไปอีกคน ทำให้ในชีวิตของหล่อนเหลือแค่เพียงคุณย่าวารีคนเดียวเท่านั้นที่ให้ความรักและความเมตตา ดังนั้นหล่อนจึงรักคุณย่าวารีมาก รักที่สุดในชีวิต
“อรุณสวัสดิ์จ้ะน้องอัน” หล่อนทักทายตามมารยาท
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี เมื่อวานแกไปอ่อยพี่แม็กของฉันถึงรถเลยใช่ไหม”
คำพูดของอันนาทำให้ปั้นหยาหน้าซีดเผือด และก็อดนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้
หล่อนเดินเล่นอยู่ที่สวนหย่อมหน้าบ้าน ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับจุดที่แม็กซิมัสจอดรถเอาไว้ และหลังจากที่เขากับอันนารับประทานอาหารค่ำด้วยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็กลับมาที่รถ ซึ่งหล่อนอยู่ตรงนั้นพอดี จึงถูกเขาหาเรื่องเอา
‘เมื่อวานเธอยุยงให้คุณย่าดุด่าอันนาด้วยเรื่องไม่จริงใช่ไหม ปั้นหยา’
ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน เขามักจะกล่าวหาหล่อนด้วยข้อหาที่ไม่เป็นความจริงเสมอ ซึ่งหล่อนก็เอือมระอาที่จะโต้เถียงออกไป เพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางเชื่อคำพูดของผู้หญิงที่เขาตั้งแง่รังเกียจอย่างตนเองแน่นอน
‘แล้วแต่คุณจะคิดเถอะค่ะ ขอตัวนะคะ อ๊ะ...’
หล่อนจำได้ว่าตัวเองจะเดินหนี แต่เขาคว้าแขนของหล่อนเอาไว้ พร้อมกับลากให้เข้ามาหยุดตรงหน้า
‘จำเอาไว้ อย่ารังแกอันนาอีก เพราะถ้าฉันทนไม่ได้เมื่อไหร่ เธอถูกสั่งสอนแน่’
หล่อนทำได้แค่เพียงเม้มปากอิ่มของตัวเองเป็นเส้นตรง และสะบัดแขนแรงๆ จนหลุดจากพันธนาการของเขา จากนั้นก็รีบเดินหนีจากมาทั้งน้ำตา
“เขาบอกน้องอันแบบนั้นเหรอจ๊ะ”
“พี่แม็กไม่ได้บอก แต่ฉันเห็นกับตา”
อันนาเค้นเสียงเกรี้ยวกราด ขณะเดินเข้ามาเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากของปั้นหยาแรงๆ จนปั้นหยาหน้าหงายไปด้านหลัง
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกคิดจะแย่งพี่แม็กไปจากฉันน่ะ”
“พี่ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะน้องอัน เชื่อพี่เถอะ” ปั้นหยาน้ำตาริน และพยายามอธิบาย
“สายตาที่แกใช้มองพี่แม็ก ใครๆ ก็อ่านออก แกแอบรักพี่แม็กแฟนของฉัน!”
ใช่... หล่อนแอบรักแม็กซิมัสตั้งแต่สมัยที่เขาเข้าไปเป็นวิทยากรรับเชิญในชั้นเรียนที่มหาวิทยาลัย และก็แอบรักมาตลอด จนกระทั่งมารู้ว่าผู้ชายในฝันคือแฟนของญาติผู้น้อง แต่กระนั้นก็ไม่อาจจะตัดใจเลิกรักได้แล้ว หล่อนจึงทำได้แค่เก็บความรักเอาไว้ให้เป็นความลับเท่านั้น และก็ยินดีกับอันนาอย่างจริงใจ
“เปล่า... พี่ไม่ได้...”
“อย่ามาตอแหล ใครๆ ก็มองออก หึ... แต่ถึงแกจะอ่อยพี่แม็กยังไง พี่แม็กก็ไม่มีทางสนใจผู้หญิงจืดชืดอย่างแกหรอก ต่อให้แก้ผ้าให้ พี่แม็กก็ไม่ชายตามอง”
อันนาหัวเราะลั่น สะใจที่ถากถางปั้นหยาจนหญิงสาวน้ำตาไหลรินได้
“พี่... ขอตัวนะ...”
“อย่าเพิ่งไป”
อันนาคว้าแขนเรียวของปั้นหยาเอาไว้ และกระชากให้หยุดเดินอย่างเอาแต่ใจ
“ปล่อยแขนพี่เถอะน้องอัน พี่เจ็บ...”
อันนาอมยิ้มสะใจ แต่ก็ยอมปล่อยแต่โดยดี
“ฉันกับพี่แม็กจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ ดังนั้นแก เลิกหวังที่จะแย่งพี่แม็กไปจากฉันได้แล้ว เพราะโอกาสที่แกจะทำได้มันคือศูนย์”
“พี่ไม่เคยคิดจะแย่งแฟนของใคร น้องอันสบายใจเถอะ”
ปั้นหยายกหลังมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง และฝืนยิ้มเศร้าหมองออกมา
“พี่ขอตัวนะ”
อันนายิ้มเย้ยหยัน มองร่างอรชรของปั้นหยาที่เดินจากไปด้วยสายตาเกลียดชัง
ใช่... หล่อนเกลียดขี้หน้าปั้นหยามาก
ปั้นหยาเปรียบเสมือนมารในชีวิตของหล่อนไม่มีผิด หลังจากพ่อกับแม่ตายไป หล่อนก็ถูกเลี้ยงดูโดยคุณย่าวารีพร้อมกับปั้นหยา แต่ตลอดเวลาหล่อนรับรู้ได้ว่าคุณย่าวารีรักปั้นหยามากกว่า หล่อนมักจะถูกเปรียบเทียบกับปั้นหยาเสมอในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเรียน เรื่องมารยาท และเรื่องพฤติกรรมส่วนตัว หล่อนพ่ายแพ้ปั้นหยาทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องผู้ชาย
รอยยิ้มพึงพอใจระบายเกลื่อนใบหน้านวลของอันนา หล่อนภูมิใจที่ตัวเองสามารถฉกชิงผู้ชายทุกคนที่แสดงท่าทางสนใจปั้นหยามาเป็นของตนเองได้ทั้งหมด
นั่นคงเป็นเพราะหล่อนมีจริตจะก้านมากกว่า แต่งหน้าแต่งตัวเป็นผู้หญิงกว่า และหล่อนก็มีเสน่ห์มากกว่าผู้หญิงจืดชืดอย่างปั้นหยานั่นเอง
อันนายกมือขึ้นเสยเส้นผมสีดำขลับที่ตกลงมาปรกหน้าผากของตนเองไปไว้หลังใบหู ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปของตัวเองส่งไปให้แม็กซิมัส
‘คิดถึงมากค่ะ’
ติ๊งงง...
เสียงข้อความตอบกลับมาทันควัน
‘คิดถึงเช่นกันครับ’
อันนามองข้อความที่แม็กซิมัสส่งมาให้ด้วยหัวใจที่อิ่มเอม หล่อนโชคดีมากที่สุดท้ายแล้วก็สามารถครอบครองหัวใจของผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งรวยอย่างแม็กซิมัสเอาไว้ในกำมือได้
คุณย่าวารีมองเรือนร่างอรชรของหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่างปั้นหยาที่เดินหิ้วตะกร้าใส่ดอกไม้เข้ามาหาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
ปั้นหยาเป็นเด็กดีของย่าอย่างหล่อนเสมอมา กิริยามารยาทเรียบร้อยงดงาม หัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย และไม่เคยประพฤติไม่ดีให้หล่อนต้องปวดหัวปวดใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณย่า”
“อรุณสวัสดิ์จ้ะหลานรัก”
คุณย่าวารีระบายยิ้มอ่อนโยน ขณะปรายตามองไปในตะกร้าสานในมือขาวสะอาดของหลานสาวอย่างอยากรู้อยากเห็น
“วันนี้ได้ดอกไม้อะไรมาร้อยพวงมาลัยบ้างจ๊ะ”
ปั้นหยาหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆ กับที่คุณย่าวารีนั่งอยู่ พร้อมกับวางตะกร้าลง
“วันนี้หยาได้ดอกมะลิมาเยอะเลยค่ะคุณย่า แล้วก็มีดอกกุหลาบสีชมพูด้วยค่ะ เพิ่งบานด้วยนะคะ”
ปั้นหยายิ้มหวาน ในขณะหยิบดอกไม้ในตะกร้าขึ้นให้คุณย่าวารีดู
“สวยๆ ทั้งนั้นเลยนะหยา”
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวหยาจะร้อยพวงมาลัยให้คุณย่าเอาไว้บูชาพระหลายๆ พวงเลยนะคะ”
“เอาสิ เดี๋ยวย่าช่วยร้อยด้วย”
“ค่ะ คุณย่า”
คุณย่าวารีกวาดตามองดวงหน้าของหลานสาวสุดที่รักด้วยความชื่นชมยิ่งนัก
ปั้นหยาเป็นผู้หญิงผิวขาวสะอาด แก้มนวลเปล่งปลั่งมีสีเลือดฝาดตลอดเวลา ดวงตาหวานฉ่ำเพราะขนตายาวงอนมาก คิ้วโก่งตามธรรมชาติโดยไม่ต้องกันตกแต่งแบบสาวๆ คนอื่น ริมฝีปากเป็นรูปกระจับอวบอิ่ม สีแดงระเรื่อคล้ายกับผลของเชอร์รี่สุก เส้นผมสีดำขลับยาวตรงสยายถึงบั้นเอว ผิวกายก็ขาวนวลเนียนราวกับหยาดของน้ำนมโค
อันนาหลานสาวอีกคนของหล่อนมักจะค่อนแคะว่าปั้นหยาเป็นผู้หญิงจืดชืด หน้าซีดราวกับศพเดินได้ แถมยังแต่งตัวเชยไม่ทันสมัย แต่ในสายตาของหล่อนกลับรู้สึกว่าปั้นหยาสวยงาม และน่าทะนุถนอมมากกว่าผู้หญิงที่มีจริตจะก้านเยอะอย่างอันนาเสียอีก
ปั้นหยาให้ความรู้สึกเหมือนแสงแดดยามเช้าทั้งอบอุ่น ทั้งบริสุทธิ์สะอาด ในขณะที่อันนาไม่ต่างจากแสงแดดร้อนแรงยามเที่ยงวันที่สัมผัสนานเข้าก็มีแต่จะมอดไหม้
“แล้ววันนี้หยามีสอนน้องสายไหมทำขนมหรือเปล่าจ๊ะ”
“วันนี้น้องสายไหมติดเรียนศิลปะน่ะค่ะคุณย่า คุณพฤกษ์ก็เลยยกยอดไปสัปดาห์หน้าเลยค่ะ”
คุณย่าวารีอมยิ้มและพยักหน้าน้อยๆ แต่ก็ยังอดที่จะถามหยั่งเชิงต่อไม่ได้
“คุณพฤกษ์เป็นคนดีนะ หยาว่าไหม”
ปั้นหยาช้อนตาขึ้นมองคุณย่าวารี ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
“ค่ะ หยาก็คิดว่าคุณพฤกษ์เป็นคนดี และก็เป็นพ่อที่ดีของน้องสายไหมค่ะ”
“แล้วหยาไม่หวั่นไหวบ้างเหรอ”
“เอ่อ... หยา...”
คำพูดอึกอักของปั้นหยาทำให้คุณย่าวารีหัวเราะออกมา และก็ตัดบทเพราะไม่อยากทำให้หลานสาวสุดที่รักลำบากใจ
“ย่าถามไปงั้นแหละ ไม่ได้คิดอะไรหรอก”
“ค่ะ คุณย่า”
หญิงสาวก้มหน้าลงหยิบดอกมะลิมาร้อยพวงมาลัยเงียบๆ แต่ในหัวก็อดคิดถึงผู้ชายอีกคนไม่ได้
แม็กซิมัส...
เมื่อไหร่หล่อนจะหยุดรักผู้ชายคนนี้ได้เสียที
คนตัวเล็กแก้มแดงระเรื่อ ขณะค่อยๆ กดสะโพกผายลงให้กลืนกินความเป็นชายที่ชูชันรอคอย“อ๊ะ... อ๊า... อา... อา...”“โอ้ววว... อืมมมม แน่นมาก อืม”ใบหน้าหล่อจัดของแม็กซิมัสบิดเบี้ยวด้วยความเสียวกระสัน เมื่อความเป็นชายถูกกลีบสาวอ่อนนุ่มโอบกระชับแน่นหนาเอาไว้ในทุกทิศทาง“หยา... ปั้นหยา... ยอดรัก... ได้โปรดขยับ... ได้โปรดเถอะ โอ้ววว พระเจ้า... โอ้ววว...”ปั้นหยาทำตามคำขอร้องหอบกระเส่าของแม็กซิมัสอย่างว่านอนสอนง่าย หล่อนบดบั้นท้ายกับความเป็นชายหนักๆ ด้วยจังหวะเร้าใจ ก่อนจะขยับขึ้นลงถี่ระรัว ตามความร้อนฉ่าของไฟสวาทที่ลุกโหมอยู่ภายในกาย“อ๊า... อา... อา...”“โอ้ว... เร็วอีก... ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว โอ้ววว อืมมม...”มือใหญ่ทั้งสองข้างกุมสะโพกผายเอาไว้มั่น และช่วยให้หล่อนยกโยงตัวเองขึ้นสูง พร้อมกับดึงรั้งให้กลับลงมาหาหนักหน่วงแม็กซิมัสหน้าแดงก่ำ บิดเบี้ยวด้วยความเสียวกระสันร้อนแรง ยิ่งปั้นหยาซอยสะโพกลงมาหาด้วยจังหวะรัวระทึกเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงสวรรค์ได้มากขึ้นเท่านั้น“อา... อา... คุณแม็กกก... หยา... หยาจะไม่... ไหวแล้ว อา... อ๊า...”ปั้นหยาเงยหน้าขึ้น กรีดร้องด้วยความเสียวกระสัน กายสาวสั่นเกร็ง แ
เคลวินหัวเราะออกมา “ก็งานฉันมันยุ่งมาก ปลีกตัวได้สามสี่วันก็บุญแล้ว”“เออๆ เอาที่นายสะดวกก็แล้วกัน” แม็กซิมัสตอบรับอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ขี้เกียจจะเซ้าซี้“สรุปนายรักคุณปั้นหยาแล้วจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”“ถูกต้อง และไม่ใช่รักเฉยๆ นะ รักมากด้วย”เคลวินหัวเราะขบขัน “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะรักผู้หญิงที่ตัวเองบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนาเข้าไปได้”“ก็ตอนนั้นฉันเข้าใจผิด แถมอันนาก็ยังเป่าหูใส่ร้ายปั้นหยาให้ฉันฟังทุกวัน ฉันก็ต้องเชื่อดิ”“เออ ก็ขอให้นายมีความสุขมาก มีลูกเยอะๆ เอาแบบตั้งทีมฟุตบอลได้เลยก็จะยิ่งดี”“ถ้าจะให้มีเยอะขนาดทำทีมฟุตบอลคงไม่ไหวหรอก ปั้นหยาคงไม่เห็นด้วย แต่ถ้ามีสักสี่ห้าคน เอาไว้เล่นกับลูกของนาย แล้วก็ลูกของเจ้าชาร์ลกับลูกเจ้าอเล็กน่ะพอไว้”“รอลูกไอ้ชาร์ลกับไอ้อเล็กเถอะ ฉันไม่มีหรอก” เคลวินส่ายหน้าปฏิเสธ และทำหน้าสยดสยองเมื่อคิดถึงเด็ก“เด็กๆ น่ารักนะโว้ย เมื่อก่อนฉันก็ไม่ชอบเด็ก แต่พอปั้นหยาท้อง ฉันก็รักเด็กขึ้นมากะทันหันเลยว่ะ ในมือถือตอนนี้นอกจากรูปของฉันกับปั้นหยาแล้ว ก็มีแต่รูปเด็กน่ารักๆ เต็มเครื่องไปหมดเลย ดูไหม จะอวด”“ไม่ๆๆ ฉันไม่อยากดูหรอก” เคลวินส่ายหน้าดิก“สักวันนายจ
แม็กซิมัสรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลของตนเองมาครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว โดยมีปั้นหยาคอยเฝ้าดูแลไม่ห่างไปไหน ซึ่งก็ทำให้เขามีความสุขเหลือเกิน“คุณแม็กขา... หยาขอออกไปซื้อของใช้ที่เซเว่นใต้โรงพยาบาลสักครู่นะคะ เดี๋ยวจะรีบมาค่ะ”แม็กซิมัสอมยิ้มกับน้ำเสียงหวานฉ่ำของหญิงสาว และก็กวักมือเรียกให้หล่อนเข้ามาหา ซึ่งปั้นหยาก็ยอมเดินเข้ามาหาเขาอย่างว่านอนสอนง่าย“เดินระวังนะรู้ไหม ตอนนี้เธอไม่ใช่คนตัวเปล่าแล้ว”ปั้นหยายิ้มหน้าแดงด้วยความเอียงอาย พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าท้องของตัวเองไปมาอย่างลืมตัว“หยาจะเดินให้ระวังที่สุดค่ะ คุณแม็กอยู่คนเดียวได้นะคะ”“อยู่ได้ครับ ไปเถอะไม่ต้องรีบร้อนล่ะ”หญิงสาวก้มหน้าลงมาจูบแก้มสากที่มีไรหนวดของคนตัวโตเบาๆ อย่างแสนรัก“หยารักคุณแม็กนะคะ”มือใหญ่ของแม็กซิมัสยกขึ้นประคองดวงหน้านวลของปั้นหยาเอาไว้ ก่อนจะพรมจูบไปจนทั่ว และมาอิ่งอ้อยอยู่กับกลีบปากอิ่มหวานฉ่ำนานที่สุด“ฉันก็รักเธอ... ฉันบอกเธอไปกี่ครั้งแล้วนะ” ชายหนุ่มอมยิ้ม ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับปั้นหยาเสหลบสายตาสีเขียวสวยอย่างเอียงอาย แต่ก็อ้อมแอ้มตอบออกไปเสียงเบา“น่าจะเกือบห้าสิบครั้งแล้วล่ะค่ะ”“โอ้พระเจ้า... นี่ฉันบ
“น้องอัน... สัญญากับพี่ได้ไหมว่าจะไม่ทำอะไรคุณแม็ก หากพี่ตายไปแล้ว”“ไม่นะปั้นหยา ฉันไม่ยอมเด็ดขาด ไม่มีวันยอมให้เธอตาย เข้าใจไหมว่าเธอตายไม่ได้!”แม็กซิมัสตะโกนมาอีกฟากหนึ่งของกำแพง เขาอยากจะเข้าไปแย่งปืนจากมือของอันนานัก แต่ก็กลัวว่ามันจะผิดพลาด แล้วปั้นหยาจะไม่ปลอดภัย จึงจำต้องนั่งนิ่งและพยายามหาทางออกอื่นให้ได้เร็วที่สุด“แค่หยารู้ว่าคุณแม็กเป็นห่วงหยา... แค่นี้หยาก็ตายตาหลับแล้วล่ะค่ะ”“ผู้หญิงบ้า! ถ้าเธอไม่หยุดพูดบ้าๆ ฉันสาบานว่าจะหยุดรักเธอเดี๋ยวนี้แหละ!”“คุณแม็ก... รักหยาเหรอคะ”อย่างน้อยๆ ก่อนตาย หล่อนก็ยังได้รู้ว่าตัวเองได้รับความรักตอบจากบุรุษที่ตัวเองแอบรักมาเนิ่นนาน“ก็ใช่น่ะสิ ฉันรักเธอปั้นหยา รักมากด้วย ดังนั้นห้ามตายเด็ดขาด นี่เป็นคำสั่งของฉัน”“หยาดีใจ... ดีใจเหลือเกิน...”“เลิกพล่ามกันได้แล้ว แล้วพี่แม็กก็เตรียมเห็นนังหยามันไร้วิญญาณได้เลย”“อย่านะ... อันนา! อย่าทำอะไรปั้นหยานะ!”อันนาหันไปยิ้มเลือดเย็นให้กับแม็กซิมัส ก่อนจะสอดนิ้วเรียวเหนี่ยวไกปืนทันทีปัง! ปัง! ปัง!ลูกปืนทั้งสามนัดดังกังวาน และพุ่งเข้าใส่คนตรงหน้าอย่างแม่นยำ แต่ผิดคน“พี่แม็ก!!!”“คุณแม็ก! กรี๊ดด
ปั้นหยาถูกอันนาตบด้วยฝ่ามือ และกระบอกปืนหลายครั้งจนเลือดไหลออกมาจากศีรษะที่แตก หน้าตาปูดบวมช้ำ โดยเฉพาะที่ปากแตกจนมีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก“น้องอัน... ปล่อยพี่เถอะ พี่ไม่เคยคิดร้ายอะไรกับน้องอันเลยนะ พี่หวังดีกับน้องอันเสมอ โอ๊ยยย... พี่เจ็บ”อันนากระชากเส้นผมนุ่มของปั้นหยาแรงๆ ก่อนจะก้มหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะเสียสติไปแล้วลงมาหัวเราะใส่“มึงแย่งผัวกู”“พี่ก็หย่ากับคุณแม็กให้แล้วนี่จ๊ะ”“มึงคืนให้มาแต่ตัว แต่หัวใจของพี่แม็ก มึงขโมยไปแล้วไม่ยอมคืน อีพี่สารเลว!”เพียะ! ผัวะ!!!ทั้งมือทั้งหมัดของอันนาประเคนเข้าใส่ใบหน้าและร่างกายของปั้นหยาอย่างไม่ปรานี จนปั้นหยาล้มตัวงอนอนลงกับพื้นเจียนจะหมดสติสัมปชัญญะ“พี่แม็กเอาเงินมาให้กูเมื่อไหร่ กูจะระเบิดหัวมึงทันที”“น้องอัน... ปล่อยพี่ไปเถอะ แล้วน้องอันก็กลับเนื้อกลับตัวซะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”“มึงอย่ามาสอนกู!”“พี่ไม่อยากเห็นน้องอันต้องตกนรกทั้งเป็นหรอกนะ เชื่อพี่เถอะ มอบตัวกับตำรวจซะเถอะ” ปั้นหยาพยายามเตือนสติของญาติผู้น้องด้วยความห่วงใย แต่อันนาไม่สนใจที่จะรับฟัง“กูไม่ยอมแก่ตายในคุกหรอก กูจะหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน จนกว่าคดีจะหมดอายุความ แล
แม็กซิมัสถอนใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อสุดท้ายแล้วพวงมาลัยดอกมะลิฝีมือของตนเองก็เสร็จสมบูรณ์เสียที และถึงแม้มันจะเบี้ยวๆ เอียงๆ ไม่ค่อยสวยนัก แต่เขาก็ทำมันด้วยความตั้งใจที่สุดในชีวิต แถมมันยังเป็นงานที่ทำให้เขาเสียเลือดมากที่สุดอีกต่างหากชายหนุ่มอมยิ้มมองพวงมาลัยดอกมะลิสีขาวด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะยกมันขึ้นดอมดม กลิ่นของดอกไม้ชนิดนี้หอมละมุนมาก แต่ก็ยังหอมตราตรึงใจสู้กลิ่นสาบสาวของปั้นหยาไม่ได้“เธอจะต้องปลื้มใจแน่ๆ ถ้าเห็นพวงมาลัยนี้”“คุณแม็กคะ ปลาสเตอร์ยาค่ะ”“ขอบใจ” แม็กซิมัสยื่นมือไปรับปลาสเตอร์ยาจากมือของสาวใช้ มาพันบนนิ้วที่ถูกเข็มตำ“นี่แผ่นสุดท้ายแล้วนะคะคุณหมอแม็ก”คุณย่าวารีมองนิ้วมือที่เต็มไปด้วยปลาสเตอร์ยาของแม็กซิมัสด้วยความเห็นใจระคนขบขัน“เดี๋ยวผมเบิกที่โรงพยาบาลมาคืนให้ครับ”“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเอามาคืนหรอกค่ะ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณหมอที่ช่วยใช้ปลาสเตอร์ยาก่อนที่มันจะหมดอายุใช้งานน่ะ”แม็กซิมัสยิ้มอายๆ “ผมคงเป็นนักเรียนที่แย่มากๆ เลยใช่ไหมครับเนี่ย”“ถ้าเอาความจริงก็ใช่ค่ะ เพราะคุณหมอแม็กสอนยากมาก”“แต่ตอนผมเรียนผ่าตัด อาจารย์หมอชมว่าผมหัวไว เรียนรู้เร็วกว่าเพื่อน