“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าน้องปรางจะได้เลื่อนขั้นมาเป็นคุณนายของไร่ชา”
แจ่มที่มาช่วยหล่อนเก็บข้าวของเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ ซึ่งจิตก็เอ่ยสนับสนุนเช่นกัน
“นั่นสิ ไม่รู้น้องปรางกับพ่อเลี้ยงไปสปาร์คกันตอนไหน”
เฌอปรางทำได้แค่ยิ้มบางๆ และก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของใส่กระเป๋าใบตรงหน้า
จิตกับแจ่มสบตากัน ก่อนที่จิตที่ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นจะขยับมานั่งใกล้ๆ กับเฌอปราง และถามขึ้นอีกครั้ง
“ถามจริงๆ เถอะน้องปราง มันใช่อย่างที่คนงานในไร่เล่าลือกันหรือเปล่า”
“เอ่อ... เล่าลืออะไรเหรอคะพี่จิต”
จิตวางมือบนท่อนแขนกลมกลึงที่ขาวสะอาดจนน่าอิจฉาของเฌอปราง
“ก็เขาว่ากันว่า ที่พ่อเลี้ยงขยับฐานะให้กับน้องปราง ก็เพราะว่าพ่อเลี้ยงต้องการประชดคนรักเก่าอย่างคุณณิชาน่ะ”
“เอ่อ...”
มันลำบากและทรมานมากที่จะต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ภายในไม่ให้ไหลทะลักออกมาเปื้อนสองแก้ม
“จริงไหมน้องปราง”
“นั่นสิ จริงหรือเปล่า”
“ไม่... ไม่น่าใช่หรอกค่ะ พ่อเลี้ยงคง... ไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
เฌอปรางต้องใช้ความพยายามมากมายที่จะบังคับน้ำเสียงให้ราบเรียบไม่สั่นเทา เมื่อโกหกคำโตออกไป
“นี่น้องปรางจะบอกว่าที่พ่อเลี้ยงทำแบบนี้ก็เพราะว่ารักน้องปรางอย่างนั้นเหรอ”
จิตคาดคั้นต่อ เพราะอยากรู้มาก และก็ต้องการจะเอาไปเล่าให้คนอื่นฟังต่อด้วยนั่นเอง
“ปราง... ก็ไม่แน่ใจค่ะ คือปรางเป็นแค่เด็กในอุปการะของพ่อเลี้ยงเท่านั้น ปรางไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรหรอกค่ะ”
หล่อนพยายามตัดบท แต่ดูเหมือนจิตกับแจ่มจะไม่ยอมให้หล่อนได้หายใจหายคอง่ายๆ
“แต่ถ้าให้พี่สองคนเดานะ พ่อเลี้ยงไม่มีทางรักน้องปรางได้หรอก ที่ยกขึ้นเป็นเมียก็คงเพราะว่าต้องการเอาคืนคุณณิชาอย่างที่ทุกคนที่นี่ว่ากันนั่นแหละ พี่น่ะสงสารน้องปรางจังเลย ที่เป็นได้แค่ตัวแทนของคุณณิชาเท่านั้น”
ก่อนที่น้ำตาของเฌอปรางจะรินไหลออกมาอาบแก้ม เสียงกระด้างและทรงอำนาจของเคลวินก็ดังขึ้นที่ปากประตูห้องที่เปิดกว้างเอาไว้เสียก่อน
“แต่ฉันว่าคนที่น่าสงสารน่าจะเป็นพวกเธอมากกว่านะ จิต แจ่ม”
จิตกับแจ่มหน้าซีดเผือด เมื่อหันไปด้านหลังแล้วพบว่าเคลวินยืนตระหง่านอยู่ปากประตูห้องพักของเฌอปราง
“พ่อ... เลี้ยง”
“อยากตกงานกันใช่ไหม”
“ไม่... ไม่อยากค่ะพ่อเลี้ยง พวกเราสองคน... ไม่อยากตกงานค่ะ” จิตกับแจ่มประสานเสียงสั่นๆ ปฏิเสธออกไปพร้อมๆ กัน
เคลวินเดินเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะมาหยุดข้างๆ ร่างบอบบางของเฌอปราง และวางมือลงบ่าเล็กของเด็กสาว
“ที่ฉันยกย่องเฌอปรางขึ้นเป็นเมีย ก็เพราะว่าฉัน... รักเฌอปราง”
เฌอปรางสะท้านไปทั้งตัว หัวใจอ่อนไหว ก่อนจะก้มหน้าลงมองมือของตัวเองด้วยหัวใจที่เหี่ยวเฉาเพราะรู้ว่าคำพูดของเคลวินมันไม่ใช่ความจริง เขาคงแค่ต้องการแสดงฉากรักให้แนบเนียนที่สุดเท่านั้นแหละ
“และหากฉันได้ยินไอ้อีหน้าไหนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ฉันจะไล่มันออกไปจากไร่ ไปกระจายข่าวบอกทุกคนด้วย”
“ค่ะ... พ่อเลี้ยง”
จิตกับแจ่มก้มหน้าซีดเผือดลงมองพื้น เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่นกลัวจะตกงาน
“ขนของพวกนี้เอาไปไว้ที่ห้องฉัน”
เคลวินชี้ไปที่ข้าวของของเฌอปรางที่ถูกนำมาวางกองรวมกันเพื่อขนย้าย
“ค่ะ พ่อเลี้ยง”
จิตกับแจ่มรีบทำตามคำสั่งของเคลวินอย่างลนลาน และไม่ช้าสองคนจอมสอดรู้สอดเห็นก็หายวับออกไป ครั้นเมื่ออยู่กันตามลำพังสองคนภายในห้อง เคลวินก็ขยับออกห่าง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเย็นชาจ้องมองมา
“ความจริงฉันไม่อยากจะพูดอะไรซ้ำซากนักหรอกนะ แต่มันจำเป็น”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการตำหนิของเคลวินทำให้เด็กสาวที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ต้องช้อนตาขึ้นมองด้วยความหวาดหวั่น
“ตอนนี้ทุกคนในไร่รู้กันหมดแล้วว่าฉันยกย่องเธอให้ขึ้นมาเป็นเมีย”
“เอ่อ... ค่ะ”
“แต่เธอก็ยังขัดคำสั่งของฉันด้วยการไปพลอดรักกับดนัทธ์”
“เอ่อ... ไม่ใช่อย่างที่พ่อเลี้ยงเข้าใจนะคะ” หล่อนเบิกตาโพลง ดวงหน้าขาวใสส่ายปฏิเสธเพราะเกรงว่าเขาจะเข้าใจผิดไปยกใหญ่
“เธอไม่ต้องกลัวฉันโมโหหรือว่าโกรธอะไรหรอก เพราะฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยนอกจากไม่สบายใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
หล่อนควรดีใจใช่ไหมกับสิ่งที่ได้ยิน
“ก็อย่างที่เคยเตือน เรื่องความสัมพันธ์ของเราจะต้องแนบเนียนที่สุด ณิชาจะต้องเชื่อ แต่ก่อนที่จะทำให้ณิชาเชื่อ ทุกคนในไร่ต้องเชื่ออย่างสนิทใจเสียก่อน”
หล่อนทำได้แค่ตอบรับด้วยกันผงกศีรษะขึ้นลง กระบอกตาร้อนผ่าวจนต้องก้มหน้าหลบตา
“เอาเป็นว่าภายในหกเดือนต่อจากนี้ เธอกับดนัทธ์ห้ามอยู่กันตามลำพังอีก ทำได้ไหม”
“ค่ะ”
“โอเค ฉันได้ยินแบบนี้ก็สบายใจ อ้อ แล้วก็อย่าไปสนใจคำพูดของคนในไร่ให้มากนักล่ะ สนใจแค่เงินเก้าล้านที่เธอกำลังจะได้เป็นเจ้าของมันก็พอ”
หล่อนไม่อาจจะห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลรินออกมาจากสองเบ้าตาได้อีกต่อไป แผ่นหลังบอบบางสะอื้นไหว แต่เคลวินไม่ได้ใส่ใจที่จะสังเกตเห็นมัน
“เดี๋ยวรีบย้ายของขึ้นไปเก็บที่ห้องของฉันนะ แล้วเย็นนี้เราจะต้องไปงานแต่งของณิชาด้วยกัน”
“เอ่อ... หนู... ต้องไปด้วยเหรอคะ”
หล่อนจำต้องช้อนตาขึ้นมองเขา สีหน้าของเคลวินเย็นชา ดวงตาของเขาเลือดเย็นไม่เปลี่ยนแปลง
“ฉันต้องพาเธอไปเปิดตัว”
“เอ่อ...”
“เดี๋ยวตอนบ่ายสองจะมีช่างแต่งหน้าช่างทำผมมาช่วยเนรมิตลุคใหม่ให้กับเธอ”
หล่อนนั่งนิ่งอึ้ง คาดไม่ถึงว่าเคลวินจะลงทุนทำถึงเพียงนี้ ความแค้นของเขายิ่งใหญ่เหลือเกิน
“แต่หลังจากที่เธอเก็บข้าวเก็บของเสร็จแล้ว จะมีคนของฉันที่จ้างมาโดยเฉพาะพาเธอไปขัดตัว”
“หนู... ขัดเองก็ได้ค่ะ”
เขาส่ายหน้าไปปฏิเสธ สายตาที่มองมาไร้ความรู้สึกจนสะท้อนไปทั้งหัวใจ
“ฉันต้องการให้เปลี่ยนกาอย่างเธอให้เป็นนางหงส์ ณิชาจะต้องกระอักเลือด”
“ค่ะ
ไม่มีประโยชน์ที่จะโต้แย้งความต้องการของเคลวิน เพราะเขาได้ตัดสินใจทั้งหมดเอาไว้แล้ว
“โอเค ฉันมาแจ้งแค่นี้แหละ เธอก็รีบๆ เก็บของล่ะ”
“ค่ะ พ่อเลี้ยง”
แล้วคนตัวโตก็หมุนตัวเดินออกไปโดยไม่พูดคำใดออกมาอีก หล่อนมองตามแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูงใหญ่ผ่านม่านน้ำตาแห่งความเสียใจ กลีบปากอิ่มสั่นเทาเพราะแรงสะอื้น
แม้จะพยายามบอกตัวเองว่านี่คือการตอบแทนบุญคุณของเคลวิน แต่หัวใจไม่รักดีกลับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเสียทุกครั้งที่สบตากับสายตาเย็นชาคู่นั้น
“กำลังคิดถึงฉันอยู่ใช่หรือเปล่า”เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมๆ กับอ้อมกอดอบอุ่นที่สอดมาทางด้านหลังเฌอปรางอมยิ้มอย่างมีความสุข ละสายตาจากดวงจันทร์กลมโตหมุนกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของเคลวินแทน มองเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“หนูคิดถึงพ่อเลี้ยงทุกวินาทีนั่นแหละค่ะ”เขาหัวเราะร่วน ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหล่อนไปมา “งั้นก็เหมือนฉันเลยน่ะสิ ที่คิดถึงเธอตลอดเวลา ทุกวินาทีเลยรู้ไหม...”“พ่อเลี้ยงปากหวานอีกแล้วนะคะ”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา รัดรึงร่างอวบอัดของเมียรักแนบแน่นยิ่งขึ้น“ฉันไม่เคยปากหวาน พูดหวานๆ ก็ไม่เป็น ที่เธอได้ยินทุกอย่างนี่ก็คือความจริงจากใจล้วนๆ”“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะว่าพ่อเลี้ยงไม่เคยพูดหวานๆ อย่างน้อยๆ ตอนจีบผู้หญิงก็ต้องพูด ไม่งั้นพ่อเลี้ยงจะมีคนรักเหรอคะ” หล่อนได้ทีย่นจมูกใส่เขาอย่างมันเขี้ยวบ้าง“ด้วยความสัตย์จริงนะ ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย”คนฟังเบิกตากว้าง เหลือเชื่อ “อ้าว ถ้าไม่ได้จีบแล้วคุณณิชามาเป็นแฟนพ่อเลี้ยงได้ยังไงคะ”“ณิชาเป็นฝ่ายจีบฉันน่ะ”“ฮะ?” เฌอปรางเหลือเชื่อมากๆ“จริงๆ นะ เห็นฉันหน้าตาดีแบบนี้ แต่ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย ตอนเรียนก็เอาแต่เรียน ตอนทำงานก็ทำแต่งาน
เฌอปรางหัวเราะคิกคักเมื่อเคลวินออกคำสั่งเผด็จการแบบนั้นออกไป“พ่อเลี้ยงน่ะ ดูทำเข้าสิคะ”“ทำไมอะไรมิทราบเมียจ๋า” ใบหน้าหล่อจัดโน้มต่ำเข้ามาหาเรื่อยๆ“ก็... สั่งคนงานแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ น่าเกลียดจัง”“ไม่มีอะไรน่าเกลียดหรอกน่า มานี่เลย...”มือใหญ่ช้อนใต้ท้ายทอยเล็กอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ประกบปากลงไปหา“อุ๊บบบ...”เขาบดขยี้จูบแล้วจูบอีก จูบจนเมียรักหายใจหายคอไม่ทัน จึงถอนปาก แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยออกจากอ้อมแขน“หวานจัง...”“พ่อเลี้ยงน่ะ” คนเป็นเมียเอียงอายม้วนต้วน“ก็จริงนี่ ปากเธอหวานมาก แต่ก็ยังมีที่อื่นหวานกว่านะ อยากรู้ไหมว่าตรงไหน”ดวงตาคมกริบของเคลวินเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้าย ขณะเลื่อนต่ำลงมองที่กลางลำตัวสาวเฌอปรางเนื้อตัวอุ่นวาบ เลือดสาวเดือดพล่านขึ้นมาในทันที ดวงหน้างามเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอียงอาย“พ่อเลี้ยงน่ะ... ลามก”เขาดึงหล่อนเข้ามากอดแนบอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยเอาอย่างแสนรัก“ฉันก็เป็นแบบนี้กับเธอคนเดียวนั่นแหละเฌอปราง... และหวังว่าเธอจะชอบ...”หล่อนยิ้มหวานกับหน้าอกกว้างของสามี “หนูชอบทุกอย่างที่เป็นพ่อเลี้ยงค่ะ”“เมียใครนะปากหวานเจี๊ยบเลย”นิ้วแข็งแรงตรึงปลายคางมน และช
เคลวินถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เพราะเสียเลือดไปมาก ทำให้เขาต้องได้รับการให้เลือดอยู่หลายถุง เฌอปรางเฝ้าสามีอยู่หน้าห้องผ่าตัดไม่ยอมห่าง แม้ว่าตัวหล่อนเองจะบาดเจ็บที่ศีรษะเช่นกันก็ตาม“หนูปราง... ไปให้พยาบาลทำแผลก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าเฝ้าหน้าห้องให้ค่ะ ถ้าพ่อเลี้ยงออกมาแล้ว ป้าจะรีบไปบอกค่ะ” ป้าปราณีพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่เฌอปรางส่ายหน้าปฏิเสธ“หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า แต่พ่อเลี้ยงบาดเจ็บ เลือดพ่อเลี้ยงออกมาเยอะมาก หนู... หนูกลัวว่าพ่อเลี้ยงจะตาย...” เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น“พ่อเลี้ยงเข้มแข็งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ไม่มีทางยอมตายกะอีแค่มีดแทงหรอกค่ะ เชื่อป้านะคะ ไปทำแผลที่หัวก่อน ถ้าพ่อเลี้ยงรู้เข้าว่าหนูปรางไม่ยอมดูแลตัวเอง พ่อเลี้ยงจะโกรธเอานะคะ”“แต่หนูเป็นห่วงพ่อเลี้ยง... หนูอยากรอดูให้มั่นใจก่อนว่าพ่อเลี้ยงจะปลอดภัย...”“ทำแผลที่หัวนิดเดียวค่ะ และก็แป๊บเดียวด้วย ยังไงก็เสร็จก่อนที่พ่อเลี้ยงจะผ่าตัดเสร็จอยู่แล้วค่ะ”เฌอปรางลังเลอยู่เล็กน้อย“นะคะ เชื่อป้าเถอะ ถ้าหนูปรางไม่สบายไปจะทำยังไงคะ อย่าลืมสิคะว่าตอนนี้ในท้องหนูปรางมีลูกของพ่อเลี้ยงอยู่ด้วยนะคะ”“ลูก...”มือเล
ณิชาหัวเราะราวกับคนบ้า จากนั้นก็จิกหัวของเฌอปรางแรงๆ ลากลงมาจากรถ ซึ่งก็ทำให้คนที่สลบไสลอยู่ได้สติ“มึงฟื้นแล้วเหรอ อีเด็กบ้า”“คุณณิชา...” เฌอปรางตกใจมาก หน้าตาซีดเผือด และก็พยายามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหล่อนกับเคลวินกำลังขับรถกลับไร่ แต่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนนั้นวิ่งตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ทำให้รถเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ และหล่อนก็สลบไปหล่อนไม่ตาย แล้วเคลวินล่ะ...?“พ่อเลี้ยง... พ่อเลี้ยงอยู่ไหนคะ พ่อเลี้ยงไม่เป็นอะไรใช่ไหม พ่อเลี้ยง”“ฉันอยู่นี่เฌอปราง”เฌอปรางหันไปเห็นว่าเคลวินปลอดภัยหล่อนก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“หนูดีใจที่พ่อเลี้ยงปลอดภัย”เคลวินได้ยินได้เห็นความห่วงใยที่เฌอปรางมีให้ตนเอง เขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจยิ่งนัก ที่ปกป้องหล่อนไม่ได้“ณิชา... ปล่อยเฌอปรางไป แล้วคุณมาจัดการผมนี่ ผมจะไม่ต่อสู้คุณเด็ดขาด ผมสัญญา...”“ไม่นะคะพ่อเลี้ยง... อย่าพูดแบบนี้นะคะ” เฌอปรางร้องไห้ออกมา และพยายามวิงวอนคนที่เอามีดจี้คอของตนเองอยู่ “คุณณิชา... หนูผิดเองค่ะ ผิดเองทุกอย่าง หนูรักพ่อเลี้ยง แอบรักพ่อเลี้ยงมานาน ก็เลย... ใช้โอกาสที่พ่อเลี้ยงเลิกกับคุณณิชา เข้าหาพ่อเลี้ยงค่ะ ดังนั้นถ้าเรื่องนี้จะมีคนผ
หลังจากเลือกซื้อข้าวของเด็กอ่อนเสร็จแล้ว เคลวินก็พาหล่อนเข้าร้านเพชรร้านเดิม แต่หนนี้ทุกอย่างแตกต่างไปจากเดิม เพราะเขาบังคับให้หล่อนรับแหวนเพชรเม็ดโต พอหล่อนอึกอักปฏิเสธ เขาก็ดึงนิ้วนางข้างซ้ายขึ้นมาและสวมแหวนให้ทันที“ห้ามถอดออกเด็ดขาดนะเด็กน้อย” เขาพูดเสียงนุ่มแต่เต็มไปด้วยความเผด็จการหล่อนอมยิ้มหวาน และก็ตอบรับเขาด้วยการผงกศีรษะขึ้นลงเล็กน้อยหลังจากนั้นเขาก็พาหล่อนกินข้าวกลางวัน สั่งให้หล่อนกินยาบำรุงครรภ์ที่หมอจ่ายมาให้ และก่อนกลับบ้านก็แวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้ออาหารบำรุงสำหรับคนท้องมาจนเต็มรถ“ทีนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”เขาอมยิ้ม ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดทับลำตัว จากนั้นก็เคลื่อนรถกลับขึ้นไปวิ่งบนท้องถนนอีกครั้งเฌอปรางนั่งอยู่ในแอ่งแห่งความสุข แต่กระนั้นก็ยังมีคำถามค้างคาใจติดอยู่“พ่อเลี้ยงคะ”“ว่าไง” คนที่ขับรถอยู่เอ่ยถาม“คือ...”“มีอะไรก็ว่ามาสิ” เขาเห็นหล่อนอึกอักก็เร่งเร้าให้พูด“หนู... หนูอยากรู้ว่า...”“อยากรู้อะไรก็ถามมาสิ”“พ่อเลี้ยงรู้ใช่ไหมคะว่าหนู... เอ่อ... รักพ่อเลี้ยง”หล่อนเห็นเขาอมยิ้ม และก็หันมามองหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปจ้องถนนเช่นเดิม“รู้สิ ฉันไม่ได้ตาบอดสั
“แล้วถ้าพ่อเลี้ยงรักหนูไม่ได้ล่ะคะ”“มันไม่มีวันนั้นหรอก”“ทำไมพ่อเลี้ยงถึงมั่นใจนักล่ะคะว่าจะรักหนูได้”เคลวินอยากจะกระชากแม่เด็กสาวช่างถามเข้ามาจูบปิดปากเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่หล่อนต้องการให้เขาสารภาพออกไปเลยหรือไงว่าตอนนี้เขารักหล่อนเรียบร้อยแล้วบ้าจริง...เขาไม่กล้าสารภาพออกไปหรอก ให้เฌอปรางรับรู้ถึงความรักของเขาผ่านการกระทำดีกว่า“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาซักไซ้ผู้ใหญ่นักเลย นั่งอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนนะ ฉันไปจ่ายเงินก่อน” คนตัวโตได้จังหวะหลบเลี่ยงในที่สุด“ถึงพ่อเลี้ยงจะใจดีกับหนูมากกว่าเมื่อก่อน แต่หนูก็ยังต้องการให้พ่อเลี้ยงรักหนู... เหมือนที่หนูรักพ่อเลี้ยง...” เฌอปรางมองตามร่างสูงใหญ่ของเคลวินที่เดินไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจหล่อนนั่งเศร้าอยู่สักพักเคลวินก็เดินกลับมา พร้อมกับถุงใส่ยาที่คุณหมอจ่ายให้สำหรับหญิงตั้งครรภ์“กลับกันเถอะ”รอยยิ้มอบอุ่นของเขาทำให้หล่อนตัดสินใจวางมือเล็กลงในอุ้งมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าอุ้งมือของเขาอบอุ่นเหลือเกิน และมันก็ทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก“ค่อยๆ เดินนะ มาฉันประคอง”“หนูเดินได้ค่ะพ่อเลี้ยง”“ก็บอกแล้วไงอย่าดื้อ... เดินดีๆ ค่อ