“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะคุณเคลวิน”
เชอร์รี่และนกสองสาวประเภทสองเดินยิ้มร่าเข้ามาพบเคลวินเพื่อมารับค่าจ้าง
“แล้วตอนนี้เฌอปรางอยู่ไหนล่ะครับ”
“ตอนนี้คุณน้องเฌอปรางกำลังอาบน้ำอยู่ค่ะ อีกสักพักก็น่าจะพร้อมแต่งหน้าทำผมค่ะ”
เคลวินยกชาร้อนขึ้นจิบ ก่อนจะหยิบเช็กเงินสดให้กับสองสาวประเภทสอง
“นี่ค่าจ้างของพวกคุณ รถรออยู่แล้วที่หน้าบ้าน”
“อุ้ย ขอบคุณมากนะคะคุณเคลวิน”
สองสาวประเภทสองยิ้มแฉ่งเมื่อเห็นยอดเงินในกระดาษใบเล็กที่เคลวินส่งให้
“ครับ”
“เอ่อ... งั้นพวกเราลากลับก่อนนะคะ ถ้ามีงานให้พวกเรารับใช้อีก เรียกใช้ได้เลยค่ะ พวกเราจะลดค่าบริการให้สามสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ”
เคลวินอมยิ้มบางๆ ในขณะที่สองสาวประเภทสองขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ก่อนจะไปก็อดที่จะพูดทิ้งท้ายไม่ได้
“คุณน้องเฌอปรางผิวเนียนมากเลยนะคะ แถมหุ่นก็ยิ่งดีมากๆ อีกด้วย คุณเคลวินโชคดีจังค่ะ”
เคลวินยิ้มให้เหมือนเดิม และก็ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย
“งั้นพวกเราลากลับจริงๆ แล้วค่ะ”
“ครับ”
สองสาวประเภทสองมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่จะพากันเดินออกมาจากห้องโถงกว้าง มุ่งหน้าตรงไปยังรถที่จอดติดเครื่องยนต์รออยู่
“นี่แกว่าไหมนังเชอร์รี่”
“ว่าอะไรนังนก”
“ก็คุณเคลวินน่ะสิ ทำไมดูท่าทางเฉยๆ ไม่เห็นแสดงความยินดียินร้ายอะไรเลย นี่ฉันอุตส่าห์ชื่นชมน้องเฌอปรางให้ฟังแล้วนะ ถ้าเป็นผู้ชายทั่วไป คงจะยิ้มหน้าบานไปแล้ว”
“ใช่ๆ ฉันก็ว่ามันแปลกๆ ท่าทางเย็นชา เหมือนไม่ได้รักไม่ได้ชอบน้องเฌอปรางอ่ะ”
“งั้นข่าวลือที่เขาว่ากันว่าคุณเคลวินเลือกเด็กในปกครองมาทำเมียก็เพราะต้องการประชดเมียเก่าคงจะเป็นความจริงน่ะสิ”
“ชัวร์ป้าบ”
สองสาวประเภทสองเม้าท์มอยกันอย่างสนุกปาก ก่อนจะก้าวขึ้นรถ และออกไปจากไร่ชาในที่สุด
เฌอปรางมองตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาบานใหญ่ด้วยดวงตาเบิกกว้าง เพราะคนในกระจกตรงหน้าคือหญิงสาวผู้งามหยดย้อย ต่างจากเด็กกะโปโลเช่นหล่อนนัก
เส้นผมสีดำขลับที่เคยเหยียดตรงยาวสลายจนถึงบั้นเอว ตอนนี้มันถูกช่างทำผมไดร์ม้วนจนเป็นลอนสวยงาม ส่วนใบหน้าขาวเนียนที่ไม่เคยผ่านเครื่องสำอางใดๆ มาก่อนถูกแต่งแต้มละเลงสีสันจนสวยสดเหมือนไม่ใช่หล่อนคนเดิมอีกแล้ว
“ตายแล้วคุณน้อง... สวยหยดย้อยอะไรเบอร์นี้คะ”
ช่างแต่งหน้าและช่างทำผมประสานเสียงกันอย่างตื่นเต้นดีใจ กับผลงานของพวกตนเอง ในขณะที่หล่อนทำได้แค่ยิ้มเศร้าหมองเพียงเท่านั้น
“คุณน้องนี่แต่งหน้าขึ้นมากๆ ไหนๆ ลองยืนขึ้น แล้วหมุนตัวให้พวกพี่ดูอีกครั้งสิคะ”
หล่อนตามคำสั่งของสองคนนั้นราวกับหุ่นยนต์ ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นยินดีอะไรเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อรู้ดีว่า อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า หล่อนจะต้องกลายเป็นหุ่นเชิดของเคลวิน
“แหม หน้าก็สวย หุ่นก็สะบึ้มมาก นี่พี่ไม่อยากเชื่อเลยว่าน้องเฌอปรางจะอายุแค่สิบแปดจริงๆ”
“นั่นสิ หุ่นดีสุดๆ นมเป็นนม ตูดเป็นตูด แถมเอวก็เล็กจริงๆ นี่พี่แต่งหน้าแต่งตัวให้กับผู้หญิงมาเป็นพันคนแล้ว น้องเฌอปรางนี่แหละหุ่นดีสุด”
หล่อนควรจะดีใจใช่ไหม แต่กลับยิ้มไม่ออกเลยสักนิด
“คุณเคลวินจะต้องตกตะลึงแน่นอน เชื่อพวกพี่สิ”
ช่างแต่งหน้าและช่างทำผมต่างมองผลงานของตัวเองด้วยความพึงพอใจ และก็ขอถ่ายรูปเพื่อไปโปรโมทผลงานของตัวเอง ซึ่งหล่อนก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
“เอียงหน้าทางซ้าย แล้วยิ้มหน่อยค่ะน้องเฌอปราง”
ดวงหน้างามที่ตอนนี้หวานราวกับภาพวาดของนางสวรรค์จำต้องแย้มยิ้ม
“เอียงทางซ้ายเพิ่มอีกนิดค่ะ โอเค แบบนั้นแหละ พระเจ้า น้องเฌอปรางสวยจนพี่สองคนใจสั่นไปหมดแล้วเนี่ย”
น้ำเสียงของพี่สองคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่เฌอปรางกลับทำได้แค่ฝืนยิ้มเท่านั้น
“โอเค ถ่ายรูปเสร็จแล้ว เดี๋ยวพวกพี่พาน้องเฌอปรางออกไปพบคุณเคลวินเลยนะ”
“เอ่อ...” หล่อนอึกอัก เพราะยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเขา
“ไม่เอ่อไม่อ่าค่ะน้องเฌอปราง ไปค่ะ”
แขนของหล่อนถูกรั้งเบาๆ จากช่างแต่งหน้าและช่างทำผมคนละข้าง บังคับให้หล่อนก้าวออกมาจากห้อง แต่ชุดราตรีสีทองคำที่เคลวินสั่งให้สวมใส่มันยาวและผ่าสูงมาก ทำให้หล่อนเดินไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร
“มาแล้วค่า... คุณเคลวิน”
เคลวินยืนคุยโทรศัพท์ และหันหลังให้อยู่ เขาอยู่ในชุดสูทสีทองพอดีซึ่งเป็นสีเดียวกับชุดที่หล่อนสวมใส่ และหล่อบาดตาจนทำให้คนมองอย่างหล่อนแทบหยุดหายใจ
มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง... หล่อนไม่เคยต้านทานเสน่ห์แห่งบุรุษเพศของเคลวินได้เลย
เขาหย่อนโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหมุนตัวกลับมามองหล่อนเต็มๆ ตา
หล่อนคาดหวังว่าจะได้เห็นแววตาชื่นชมจากดวงตาสีน้ำตาลเข้มบ้าง แม้จะแค่เล็กน้อยก็ยังดี แต่... หล่อนกลับมองไม่เห็นสิ่งที่ต้องการเลย ในแววตาของเคลวินมีแต่ความเย็นชาไร้ความรู้สึก
เฌอปรางรู้สึกราวกับถูกจับร่างโยนลงไปในเหวลึกที่เต็มไปด้วยมีดแหลมคม ความเสียใจ ความน้อยใจ ความผิดหวังประดังประเดเข้ามาแน่นอก
สำหรับเคลวินแล้ว ไม่ว่าหล่อนจะแปลงโฉมยังไง ในสายตาของเขา หล่อนก็เป็นได้แค่เด็กกะโปโลในไร่คนหนึ่งเท่านั้น
อีกาไม่มีวันเปลี่ยนไปหงส์ฉันใด หล่อนก็ไม่มีทางเข้าไปอยู่ในหัวใจกระด้างของเขา แทนณิชาได้ฉันนั้น
“สวยไหมคะ คุณเคลวิน”
“ครับ”
“แหม ทำไมไม่เห็นตื่นเต้นเลยล่ะคะ นี่พวกเราอุตส่าห์แปลงร่างเด็กสาวให้กลายเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัวอย่างสุดฝีมือเลยนะคะ แต่แหม น้องเฌอปรางนี่ผิวดีเป็นบ้าเลยค่ะ ทาอะไรไปก็เนียนเข้ากับสีผิวไปหมดเลย อ้อ... แล้วที่เห็นตูมๆ นั่น...” ช่างแต่งหน้าชี้มาที่บริเวณหน้าอกของหล่อน
“ของจริงนะคะ ไม่มีทิชชูยัดเลยค่ะ”
“กำลังคิดถึงฉันอยู่ใช่หรือเปล่า”เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมๆ กับอ้อมกอดอบอุ่นที่สอดมาทางด้านหลังเฌอปรางอมยิ้มอย่างมีความสุข ละสายตาจากดวงจันทร์กลมโตหมุนกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของเคลวินแทน มองเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“หนูคิดถึงพ่อเลี้ยงทุกวินาทีนั่นแหละค่ะ”เขาหัวเราะร่วน ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหล่อนไปมา “งั้นก็เหมือนฉันเลยน่ะสิ ที่คิดถึงเธอตลอดเวลา ทุกวินาทีเลยรู้ไหม...”“พ่อเลี้ยงปากหวานอีกแล้วนะคะ”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา รัดรึงร่างอวบอัดของเมียรักแนบแน่นยิ่งขึ้น“ฉันไม่เคยปากหวาน พูดหวานๆ ก็ไม่เป็น ที่เธอได้ยินทุกอย่างนี่ก็คือความจริงจากใจล้วนๆ”“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะว่าพ่อเลี้ยงไม่เคยพูดหวานๆ อย่างน้อยๆ ตอนจีบผู้หญิงก็ต้องพูด ไม่งั้นพ่อเลี้ยงจะมีคนรักเหรอคะ” หล่อนได้ทีย่นจมูกใส่เขาอย่างมันเขี้ยวบ้าง“ด้วยความสัตย์จริงนะ ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย”คนฟังเบิกตากว้าง เหลือเชื่อ “อ้าว ถ้าไม่ได้จีบแล้วคุณณิชามาเป็นแฟนพ่อเลี้ยงได้ยังไงคะ”“ณิชาเป็นฝ่ายจีบฉันน่ะ”“ฮะ?” เฌอปรางเหลือเชื่อมากๆ“จริงๆ นะ เห็นฉันหน้าตาดีแบบนี้ แต่ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย ตอนเรียนก็เอาแต่เรียน ตอนทำงานก็ทำแต่งาน
เฌอปรางหัวเราะคิกคักเมื่อเคลวินออกคำสั่งเผด็จการแบบนั้นออกไป“พ่อเลี้ยงน่ะ ดูทำเข้าสิคะ”“ทำไมอะไรมิทราบเมียจ๋า” ใบหน้าหล่อจัดโน้มต่ำเข้ามาหาเรื่อยๆ“ก็... สั่งคนงานแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ น่าเกลียดจัง”“ไม่มีอะไรน่าเกลียดหรอกน่า มานี่เลย...”มือใหญ่ช้อนใต้ท้ายทอยเล็กอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ประกบปากลงไปหา“อุ๊บบบ...”เขาบดขยี้จูบแล้วจูบอีก จูบจนเมียรักหายใจหายคอไม่ทัน จึงถอนปาก แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยออกจากอ้อมแขน“หวานจัง...”“พ่อเลี้ยงน่ะ” คนเป็นเมียเอียงอายม้วนต้วน“ก็จริงนี่ ปากเธอหวานมาก แต่ก็ยังมีที่อื่นหวานกว่านะ อยากรู้ไหมว่าตรงไหน”ดวงตาคมกริบของเคลวินเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้าย ขณะเลื่อนต่ำลงมองที่กลางลำตัวสาวเฌอปรางเนื้อตัวอุ่นวาบ เลือดสาวเดือดพล่านขึ้นมาในทันที ดวงหน้างามเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอียงอาย“พ่อเลี้ยงน่ะ... ลามก”เขาดึงหล่อนเข้ามากอดแนบอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยเอาอย่างแสนรัก“ฉันก็เป็นแบบนี้กับเธอคนเดียวนั่นแหละเฌอปราง... และหวังว่าเธอจะชอบ...”หล่อนยิ้มหวานกับหน้าอกกว้างของสามี “หนูชอบทุกอย่างที่เป็นพ่อเลี้ยงค่ะ”“เมียใครนะปากหวานเจี๊ยบเลย”นิ้วแข็งแรงตรึงปลายคางมน และช
เคลวินถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เพราะเสียเลือดไปมาก ทำให้เขาต้องได้รับการให้เลือดอยู่หลายถุง เฌอปรางเฝ้าสามีอยู่หน้าห้องผ่าตัดไม่ยอมห่าง แม้ว่าตัวหล่อนเองจะบาดเจ็บที่ศีรษะเช่นกันก็ตาม“หนูปราง... ไปให้พยาบาลทำแผลก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าเฝ้าหน้าห้องให้ค่ะ ถ้าพ่อเลี้ยงออกมาแล้ว ป้าจะรีบไปบอกค่ะ” ป้าปราณีพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่เฌอปรางส่ายหน้าปฏิเสธ“หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า แต่พ่อเลี้ยงบาดเจ็บ เลือดพ่อเลี้ยงออกมาเยอะมาก หนู... หนูกลัวว่าพ่อเลี้ยงจะตาย...” เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น“พ่อเลี้ยงเข้มแข็งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ไม่มีทางยอมตายกะอีแค่มีดแทงหรอกค่ะ เชื่อป้านะคะ ไปทำแผลที่หัวก่อน ถ้าพ่อเลี้ยงรู้เข้าว่าหนูปรางไม่ยอมดูแลตัวเอง พ่อเลี้ยงจะโกรธเอานะคะ”“แต่หนูเป็นห่วงพ่อเลี้ยง... หนูอยากรอดูให้มั่นใจก่อนว่าพ่อเลี้ยงจะปลอดภัย...”“ทำแผลที่หัวนิดเดียวค่ะ และก็แป๊บเดียวด้วย ยังไงก็เสร็จก่อนที่พ่อเลี้ยงจะผ่าตัดเสร็จอยู่แล้วค่ะ”เฌอปรางลังเลอยู่เล็กน้อย“นะคะ เชื่อป้าเถอะ ถ้าหนูปรางไม่สบายไปจะทำยังไงคะ อย่าลืมสิคะว่าตอนนี้ในท้องหนูปรางมีลูกของพ่อเลี้ยงอยู่ด้วยนะคะ”“ลูก...”มือเล
ณิชาหัวเราะราวกับคนบ้า จากนั้นก็จิกหัวของเฌอปรางแรงๆ ลากลงมาจากรถ ซึ่งก็ทำให้คนที่สลบไสลอยู่ได้สติ“มึงฟื้นแล้วเหรอ อีเด็กบ้า”“คุณณิชา...” เฌอปรางตกใจมาก หน้าตาซีดเผือด และก็พยายามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหล่อนกับเคลวินกำลังขับรถกลับไร่ แต่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนนั้นวิ่งตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ทำให้รถเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ และหล่อนก็สลบไปหล่อนไม่ตาย แล้วเคลวินล่ะ...?“พ่อเลี้ยง... พ่อเลี้ยงอยู่ไหนคะ พ่อเลี้ยงไม่เป็นอะไรใช่ไหม พ่อเลี้ยง”“ฉันอยู่นี่เฌอปราง”เฌอปรางหันไปเห็นว่าเคลวินปลอดภัยหล่อนก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“หนูดีใจที่พ่อเลี้ยงปลอดภัย”เคลวินได้ยินได้เห็นความห่วงใยที่เฌอปรางมีให้ตนเอง เขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจยิ่งนัก ที่ปกป้องหล่อนไม่ได้“ณิชา... ปล่อยเฌอปรางไป แล้วคุณมาจัดการผมนี่ ผมจะไม่ต่อสู้คุณเด็ดขาด ผมสัญญา...”“ไม่นะคะพ่อเลี้ยง... อย่าพูดแบบนี้นะคะ” เฌอปรางร้องไห้ออกมา และพยายามวิงวอนคนที่เอามีดจี้คอของตนเองอยู่ “คุณณิชา... หนูผิดเองค่ะ ผิดเองทุกอย่าง หนูรักพ่อเลี้ยง แอบรักพ่อเลี้ยงมานาน ก็เลย... ใช้โอกาสที่พ่อเลี้ยงเลิกกับคุณณิชา เข้าหาพ่อเลี้ยงค่ะ ดังนั้นถ้าเรื่องนี้จะมีคนผ
หลังจากเลือกซื้อข้าวของเด็กอ่อนเสร็จแล้ว เคลวินก็พาหล่อนเข้าร้านเพชรร้านเดิม แต่หนนี้ทุกอย่างแตกต่างไปจากเดิม เพราะเขาบังคับให้หล่อนรับแหวนเพชรเม็ดโต พอหล่อนอึกอักปฏิเสธ เขาก็ดึงนิ้วนางข้างซ้ายขึ้นมาและสวมแหวนให้ทันที“ห้ามถอดออกเด็ดขาดนะเด็กน้อย” เขาพูดเสียงนุ่มแต่เต็มไปด้วยความเผด็จการหล่อนอมยิ้มหวาน และก็ตอบรับเขาด้วยการผงกศีรษะขึ้นลงเล็กน้อยหลังจากนั้นเขาก็พาหล่อนกินข้าวกลางวัน สั่งให้หล่อนกินยาบำรุงครรภ์ที่หมอจ่ายมาให้ และก่อนกลับบ้านก็แวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้ออาหารบำรุงสำหรับคนท้องมาจนเต็มรถ“ทีนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”เขาอมยิ้ม ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดทับลำตัว จากนั้นก็เคลื่อนรถกลับขึ้นไปวิ่งบนท้องถนนอีกครั้งเฌอปรางนั่งอยู่ในแอ่งแห่งความสุข แต่กระนั้นก็ยังมีคำถามค้างคาใจติดอยู่“พ่อเลี้ยงคะ”“ว่าไง” คนที่ขับรถอยู่เอ่ยถาม“คือ...”“มีอะไรก็ว่ามาสิ” เขาเห็นหล่อนอึกอักก็เร่งเร้าให้พูด“หนู... หนูอยากรู้ว่า...”“อยากรู้อะไรก็ถามมาสิ”“พ่อเลี้ยงรู้ใช่ไหมคะว่าหนู... เอ่อ... รักพ่อเลี้ยง”หล่อนเห็นเขาอมยิ้ม และก็หันมามองหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปจ้องถนนเช่นเดิม“รู้สิ ฉันไม่ได้ตาบอดสั
“แล้วถ้าพ่อเลี้ยงรักหนูไม่ได้ล่ะคะ”“มันไม่มีวันนั้นหรอก”“ทำไมพ่อเลี้ยงถึงมั่นใจนักล่ะคะว่าจะรักหนูได้”เคลวินอยากจะกระชากแม่เด็กสาวช่างถามเข้ามาจูบปิดปากเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่หล่อนต้องการให้เขาสารภาพออกไปเลยหรือไงว่าตอนนี้เขารักหล่อนเรียบร้อยแล้วบ้าจริง...เขาไม่กล้าสารภาพออกไปหรอก ให้เฌอปรางรับรู้ถึงความรักของเขาผ่านการกระทำดีกว่า“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาซักไซ้ผู้ใหญ่นักเลย นั่งอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนนะ ฉันไปจ่ายเงินก่อน” คนตัวโตได้จังหวะหลบเลี่ยงในที่สุด“ถึงพ่อเลี้ยงจะใจดีกับหนูมากกว่าเมื่อก่อน แต่หนูก็ยังต้องการให้พ่อเลี้ยงรักหนู... เหมือนที่หนูรักพ่อเลี้ยง...” เฌอปรางมองตามร่างสูงใหญ่ของเคลวินที่เดินไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจหล่อนนั่งเศร้าอยู่สักพักเคลวินก็เดินกลับมา พร้อมกับถุงใส่ยาที่คุณหมอจ่ายให้สำหรับหญิงตั้งครรภ์“กลับกันเถอะ”รอยยิ้มอบอุ่นของเขาทำให้หล่อนตัดสินใจวางมือเล็กลงในอุ้งมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าอุ้งมือของเขาอบอุ่นเหลือเกิน และมันก็ทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก“ค่อยๆ เดินนะ มาฉันประคอง”“หนูเดินได้ค่ะพ่อเลี้ยง”“ก็บอกแล้วไงอย่าดื้อ... เดินดีๆ ค่อ