“เธอก็รู้สถานการณ์ของครอบครัวเราดีใช่ไหมช้องนาง”
“เอ่อ... นางทราบดีค่ะ”
“เงินจะจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าคนรับใช้ก็แทบจะไม่พอในแต่ละเดือน พ่อของเธอก็เอาแต่ดื่มเหล้า ไม่เคยคิดจะช่วยอะไรเลย”
สิ่งที่เกสราพูดมันคือความเป็นจริงที่หล่อนจำต้องก้มหน้ายอมรับอย่างปฏิเสธไม่ได้
“ตอนนี้ทุกอย่างกำลังแย่ไปหมด ธุรกิจสุดท้ายของตระกูลเรากำลังจะเจ๊ง และถ้ามันล่มลงล่ะก็ ชื่อเสียงของตระกูลเราที่บรรพบุรุษอุตส่าห์รักษามาอย่างดีก็จะต้องย่อยยับ ตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน”
หล่อนรู้ดีว่าสิ่งที่เกสราพูดออกมานั้นมันไม่ได้เกินความจริงที่เป็นอยู่เลย
“แต่เราคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะอาเกส เราคงต้องยอมรับ”
“ไม่ได้เด็ดขาด อาไม่มีทางยอมอับอายขายหน้านังผู้รากมากดีในวงสังคมหรอก”
“แล้วอาเกสจะทำยังไงล่ะคะ ในเมื่อเราไม่มีเงิน”
เกสรามองหล่อนอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวังเต็มเปี่ยม
“อาเจอทางออกแล้วล่ะ”
“ทางออกเหรอคะ” ช้องนางยอมรับว่าตัวเองก็อดที่จะดีใจและโล่งใจไม่ได้
“ถูกต้อง ทางออกที่จะทำให้เราทุกคนในตระกูลกินดีอยู่ดี และไม่ต้องลำบากอีก”
“อาเกสจะขายบ้านหลังนี้ และพาพวกเราย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่เล็กกว่าแต่อบอุ่นกว่าใช่ไหมคะ” หล่อนหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างที่เกสราวางแผนเอาไว้
“ไม่ใช่หรอก”
หล่อนเต็มไปด้วยความแปลกใจ จ้องหน้าน้องสาวคนเล็กของบิดานิ่ง
“ถ้าไม่ได้จะขายบ้านหลังนี้ แล้วอาเกสจะทำยังไงเหรอคะ”
เกสราระบายยิ้มออกมา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดสองสามครั้ง และยื่นมาตรงหน้าหล่อน
ช้องนางมองใบหน้าของเกสราสลับกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือตรงหน้าอย่างแปลกใจ
“อะไรเหรอคะอาเกส”
“ลองอ่านดูสิ”
หล่อนต้องก้มหน้าลงอ่านตัวอักษรที่ปรากฏอยู่ในหน้าข่าวดังจากต่างประเทศอย่างไม่มีทางเลือก
หล่อนอ่านไปจนจบก็เงยหน้าขึ้นมองเกสรา เพราะยังไม่เข้าใจความหมายของอาตัวเอง
“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่คะอาเกส ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งลงประกาศเชิญชวนให้ผู้หญิงไปคัดเลือกเป็นเจ้าสาว”
“ก็นั่นแหละคือสิ่งที่น่าสนใจ”
“คะ?”
“นี่ช้องนาง ลองคิดดูสิ ผู้ชายคนนี้ร่ำรวยระดับแสนแสนล้านเลยนะ เป็นทายาทเจ้าของธนาคารชื่อดังก้องโลก ถ้าเกิดจับพลัดจับผลูแล้วเธอถูกเลือกเป็นเจ้าสาว พวกเราทุกคนในวัฒนาดิลกจะสบายกันไปทั้งชาติ”
“อาเกส...”
นี่หล่อนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเกสราจะคิดเรื่องน่ารังเกียจแบบนี้ออกมาได้
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เท่าที่อารู้ เธอยังไม่มีคนรักนี่”
“ค่ะ นางยังไม่มีแฟน แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาบังคับฝืนใจให้นางไปเป็นตัวเลือกของผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้นะคะ” หล่อนอดไม่ได้ที่จะตัดพ้อเกสรา
“ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนนะ แต่เป็นพระญาติของกษัตริย์
เลแวนต้าเลยล่ะ ประเทศที่เธอเคยไปเที่ยวกับพี่ชัชตอนเด็กๆ ไง จำได้ไหม”“เลแวนต้า...”
ช้องนางพึมพำออกมา ก่อนจะนึกถึงภาพหมู่บ้านชนบทบนภูเขาสีเขียวขจี
ที่นั่นสวยมาก และก็ยังจำได้ไม่ลืมว่าหลงใหลในความงดงามของเลแวนต้าแค่ไหน
“แต่ถึงนางจะชอบเลแวนต้ามาก แต่นางก็ไม่เคยคิดจะไปอยู่ที่นั่นนะคะ และที่สำคัญนางมีค่ามากกว่าจะไปเป็นตัวเลือกของผู้ชายคนไหนคะ”
“อย่าดื้อสิช้องนาง”
“นางไม่ได้ดื้อนะอาเกส แต่นางไม่ต้องการเป็นตัวเลือกของใครค่ะ”
“ก็คิดเสียว่าทำเพื่อวัฒนาดิลก ทำเพื่อเราทุกคน”
เกสราจงใจใช้คำว่าบุญคุณเป็นกับดักเพื่อให้หล่อนไม่มีทางเลือก
“ถ้าเธอยอมไปคัดเลือกเป็นเจ้าสาวของมหาเศรษฐีคนนั้น ฉันสัญญาว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อพาพี่ชัชไปบำบัดอาการติดสุราเรื้อรังตามที่เธอต้องการมาตลอด”
“ถ้าอาเกสทำแบบนั้น ข่าวก็จะต้องเล็ดลอดออกไป ชื่อเสียงของตระกูลก็จะต้องเสื่อมเสีย อาเกสยอมรับมันได้เหรอคะ”
หล่อนย้อนถามเพราะรู้ดีว่าเกสรารักชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลมากขนาดไหน
“อาจะใช้เงินส่วนตัวที่อามีเหลืออยู่ปิดข่าว”
หล่อนมองหน้าเกสรา มองหาความจริงใจของอาแท้ๆ ในใจเต็มไปด้วยความสับสนลังเล
“พ่อของเธอจะหายจากอาการติดสุราเรื้อรังหรือไม่นั้น มันอยู่ที่การตัดสินใจของเธอแล้วนะ ช้องนาง”
ช้องนางยังคงสับสนเหมือนเดิม หล่อนหรี่ตาแคบมองจอโทรศัพท์มือถือของเกสราอีกครั้ง นิ้วเรียวขาวสะอาดเลื่อนลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีรูปผู้ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้น
หล่อนรับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงระรัวคร่อมจังหวะ และก็ไม่อาจจะละสายตาจากภาพของผู้ชายที่กำลังฉีกยิ้มกว้างให้กับเด็กน้อยสองคนได้เลย
เกสราเห็นหลานสาวจ้องรูปของชาร์ลีอย่างตกตะลึง ก็ระบายยิ้มพึงพอใจออกมา
“นั่นแหละผู้ชายคนที่อาอยากให้เธอไปร่วมคัดเลือกเป็นเจ้าสาวของเขาน่ะ หล่อใช่ไหมล่ะ”
“เอ่อ... ค่ะ...”
“ผู้หญิงทั่วทั้งโลกต่างต้องการเป็นเจ้าสาวของผู้ชายคนนี้ แต่จะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะได้แต่งงานกับเขา ซึ่งอาก็หวังว่าจะเป็นเธอนะ ช้องนาง...”
“นางไม่ได้เพียบพร้อมขนาดที่ผู้ชายจะเลือกหยิบขึ้นมาไว้ข้างกายหรอกค่ะ”
“อย่าตีค่าตัวเองต่ำอย่างนั้นสิ เธอเกิดในตระกูลผู้ดี ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เรียนโรงเรียนที่ดี และไม่เคยมีเรื่องผู้ชายให้ด่างพร้อยมาก่อน นี่แหละคืออาวุธสำคัญของเธอ”
แม้เกสราจะพูดแบบนี้ และถึงแม้ว่าหล่อนจะตกหลุมรักผู้ชายในรูปอย่างคาดไม่ถึงตั้งแต่เห็นครั้งแรก แต่หล่อนก็ยังลังเลกับทางเลือกตรงหน้าเหลือเกิน
“นาง... ขอเวลาตัดสินใจก่อนได้ไหมคะอาเกส”
“ได้สิ อาจะรอฟังคำตอบจากเธอในวันพรุ่งนี้นะ”
หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง รู้สึกสับสนไปหมดทั้งหัวใจ แต่กระนั้นก็ตอบรับเกสราออกไป
“ค่ะ”
อาแท้ๆ ของหล่อนระบายยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะยื่นมือมาดึงโทรศัพท์มือถือของตนเองคืนไป
“หวังว่าเธอจะไม่ทำให้อา และทุกคนที่นี่ผิดหวังนะ อ้อ... แล้วอย่าลืมล่ะว่าพ่อของเธอจะได้รับการบำบัดและกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้งหากเธอตอบตกลง”
“แล้วถ้าเขาไม่เลือกนางล่ะคะ อาเกสยังจะรักษาคำสัญญาที่ให้เอาไว้กับนางหรือเปล่า”
เกสรามองหน้าหลานสาวนิ่ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
“หน้าที่ของเธอ คือทำยังไงก็ได้ให้เขาเลือกเธอ”
“แต่นาง...”
“และอาก็มั่นใจว่าเด็กฉลาดๆ อย่างเธอจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”
หล่อนทำได้แค่นั่งงงอยู่ในดงป่าท้อ ในขณะที่เกสราลุกขึ้นยืน และเอ่ยขึ้น
“อาออกไปสมาคมก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้อาจะมาเอาคำตอบจากเธอ ช้องนาง”
เกสราเดินจากไปแล้ว ในขณะที่หล่อนนั่งนิ่งเงียบ ในหัวเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
หลังจากนั่งคิดทบทวนข้อเสนอของเกสราอยู่พักใหญ่ ช้องนางก็ตัดสินใจที่จะเดินกลับห้องพักของตนเองเพื่อนำเสื้อผ้าในกระเป๋าออกมาใส่ตู้ให้เรียบร้อย แต่ในระหว่างที่เดินอยู่นั้น เสียงของตกแตกในห้องของบิดาก็ดังขึ้น
เพล้งงงง!
หล่อนหันขวับไปมองบานประตูไม้ ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปภายในห้องของบิดาโดยไม่รั้งรอ
“พ่อ...!”
เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องของบิดาก็พบว่าท่านนั่งอยู่กับพื้นที่เต็มไปด้วยเศษขวดเหล้าที่แตกละเอียด มือของท่านหยิบเศษขวดที่แหลมคมชิ้นหนึ่งขึ้นมาถือเอาไว้ และพึมพำอะไรบางอย่างไม่ต่างจากคนเสียสติ
“พ่อคะ... พ่อ...”
หล่อนพยายามรวบรวมสติของตนเองโดยเร็ว ก่อนจะค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งคุกเข่าใกล้ๆ ท่าน
พ่อช้อนตามองหล่อน ดวงตาของท่านมีน้ำตาและเลื่อนลอยไร้จุดหมาย หล่อนรู้ทันทีเลยว่าควรจะตอบเช่นไรกับเกสรา
พ่อต้องได้รับการบำบัดรักษาอย่างเร่งด่วน!
“พ่อคะ... ส่งเศษแก้วให้นางนะคะ”
พ่อของหล่อนทำท่าจะส่งให้ แต่สักพักก็ดึงกลับไปใหม่ และกำเศษขวดแก้วนั้นแน่นขึ้นจนหล่อนเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากอุ้งมือของท่าน
ช้องนางที่ยืนทอดสายตามองออกไปยังสวนสวยผ่านระเบียงห้องนอนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกอ้อมแขนอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยสวมกอดเข้ามาทางด้านหลัง“อุ้ยยย คุณชาร์ล...”คนตัวโตที่เพิ่งกลับจากทำงานระดมจูบซอกคอระหง “คิดถึงจังเลยครับที่รัก...”“แหม เราเพิ่งห่างกันแค่แปดชั่วโมงเองนะคะ”“แค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะขาดใจตายอยู่แล้วล่ะ”ร่างของหล่อนถูกจับให้หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อ เขาโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนเลยลงมาจูบปากอิ่ม สาวน้อยเผยอปากรับจูบตอบ“แอบไปกินน้ำผึ้งมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมปากหวานจัง”“คุณชาร์ลน่ะ...”หล่อนระบายยิ้มเอียงอาย สองพวงแก้มแดงระเรื่อ หัวใจพองฟูคับแน่นอก ตั้งแต่กลับมาเลแวนต้าอีกครั้ง ชีวิตของหล่อนก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวชาร์ลีรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับหล่อนตอนที่ตามไปง้อที่เมืองไทยเป็นอย่างดี เขาปฎิบัติตัวกับหล่อนด้วยความรัก เอาใจใส่ และทำหน้าที่ของสามีที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมคำว่ารักจากปากของเขาก็ยังกระซิบพร่ำบอกข้างหูทุกค่ำคืนหล่อนมีความสุข... จนไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังได้รับอยู่มันคือความจริง“คิดถึงผมไหม...” เขาก้มหน้าหล่อๆ ล
บนเตียงนอนของหล่อนยุ่งเหยิงยับเยิน เมื่อสองร่างเปลือยเปล่ากำลังคลุกเคล้าโรมรันกันอย่างดุเดือด กายสาวบิดเร่าๆ เมื่อถูกชาร์ลีปลุกเร้าจนร้อนราวกับเปลวเพลิงเขาจูบ เขาดูดปาก ล้วงลิ้นร้อนๆ เข้ามาหา รัดรึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ส่วนฝ่ามือก็ลูบไล้บีบเคล้นเต้านมหนักหน่วง กายสาวดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียดเสียวทรมาน เสี้ยวสติหนึ่งพยายามจะต่อต้าน แต่ก็ถูกปัดเป่าจนจางหาย ตอนนี้ในหัวของหล่อนมีแต่ความว่างเปล่า“อา... อ๊า...”หล่อนหยัดหน้าอกอวบขึ้นสูงตอบรับนิ้วยาวที่กำลังบี้บดอยู่กับปลายถัน เขาเอาทั้งสองมือดึงยอดทรวงเอาไว้ สนุกสนานกับการเห็นมันค่อยๆ แข็งเป็นไตสู้นิ้วมือ“อา... อา... คุณชาร์ลขา... อ๊า...”รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งเห็นหล่อนดิ้นพล่านด้วยความกระสัน เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักนิ้วและฝ่ามือที่คุกคามเต้าอวบยิ่งขึ้น“ได้โปรด... คุณชาร์ลขา... อา...” หล่อนวิงวอนเขาทั้งทางร่างกายและสายตา“รู้ไหม... เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเสพสุขด้วยเหลือเกิน ช้องนาง...”หล่อนไม่เข้าใจความหมายของเขานัก เพราะตอนนี้สมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ก็คือสัมผัสสวาทจากผู้ชายบนร่างเท่านั้น“ได้โปรด... นางร้อน..
“พ่อรอนางนานไหม...” หางเสียงของหล่อนจางหายวับไปทันตา เมื่อสายตามองเห็นว่าบิดาไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาร์ลีอย่างออกรสออกชาติหล่อนหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้ากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากกัน“พ่อคะ อย่าไปคุยกับเขาค่ะ”“อ้าว ทำไมพูดถึงสามีตัวเองแบบนี้ล่ะนาง”คำถามของบิดา ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หล่อนจ้องมองชาร์ลีที่นั่งกอดอกยิ้มร่าด้วยความไม่พอใจเขาไม่ควรดึงพ่อของหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ เขาควรจะกลับไปเลแวนต้าได้แล้ว“คุณชาร์ลไม่ใช่สามีของนางหรอกค่ะพ่อ เราเป็นแค่...”ชาร์ลีไม่คิดจะรอให้หล่อนพูดจบ เขาลุกขึ้น และเดินเข้ามารั้งร่างสาวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหล่อนต่อต้านไม่ทันร่างสาวถลาเข้าสู่อ้อมแขนอบอุ่นไม่ต่างจากลูกนกโผเข้าสู่อ้อมอกของมารดาเลย“ฉันรู้หรอกว่าทำให้เธอเข้าใจผิด แต่ก็อธิบายไปแล้วนี่ว่าฉันมีแต่เธอคนเดียว ไม่มีใครทั้งนั้น ทำไมยังไม่เลิกงอนอีกล่ะ”แล้วเขาก็ก้มลงจูบกระหม่อมของหล่อน โดยที่หล่อนทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ“ก็อย่างที่ผมเล่าให้คุณพ่อฟังนั่นแหละครับ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะรักลูกสาวของคุณพ่อหรอกครับ แต่พ
“อ้าว คุณชาร์ลี มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เกสราได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ออกมาดู แล้วก็เห็นชาร์ลียืนอยู่กลางห้องโถงของบ้าน สีหน้ากำลังบูดบึ้งได้ทีเลยทีเดียว“สักพักแล้วล่ะครับ”“แล้วนี่ช้องนางไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปยกน้ำมาให้คะ”ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องวิ่งตามหลังผู้หญิงคนไหน แต่ช้องนางทำให้เขาเป็นบ้า“วิ่งหนีผมไปแล้วครับ”“ตายจริง ปกติช้องนางเป็นเด็กมีเหตุผลนี่นา ไม่น่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้นะคะ”“เธอทำครับ ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงงี่เง่าเจ้าน้ำตาคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว และผมก็บ้ามากที่อดทนง้อได้นานถึงขนาดนี้”เกสราอมยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้ชาร์ลีนั่งลงบนโซฟา “ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะคะ ช้องนางน่ะ เป็นเด็กจิตใจดี และมีเหตุผลเสมอค่ะ ถ้าบอกให้เธอเข้าใจ ฉันว่าเธอจะอ่อนลงค่ะ”“แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าผมมาตามกลับเลแวนต้า แต่เธอก็ยังงี่เง่าไม่ยอมท่าเดียว”“งั้นคุณชาร์ลีก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรช้องนางแล้วล่ะค่ะ ก็หย่าๆ กันไปเลยตามที่เธอต้องการเถอะค่ะ”“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ”เกสราจ้องหน้าของชายหนุ่มสูงศักดิ์ มองอย่างรอคอยคำตอบ และก็เ
หลังจากร้องไห้มาตลอดทางจนคนขับรถแท็กซี่ต้องหยิบกระดาษทิชชูยื่นมาให้ซับน้ำตา หล่อนก็ก้าวลงจากรถด้วยความอ่อนแรงหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จแล้ว“คุณชาร์ลยังต้องการอะไรจากนางอีก... แค่นี้นางยังเจ็บไม่พอหรือไง...”หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาออกจากแก้มนวลหลายครั้งเพราะต้องการให้มันแห้งเหือด หล่อนไม่ต้องการให้คนในบ้านเห็นความอ่อนแอของตนเองช้องนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน แต่แล้วเสียงแตรรถยนต์ก็แผดเสียงดังลั่น หล่อนสะดุ้งตกใจจนต้องหันกลับไปมอง และก็เห็นชาร์ลีก้าวลงมาจากรถคนนั้นหล่อนช็อกค้าง สองขาอ่อนเปลี้ยจนก้าวหนีไปไหนไม่ได้ หล่อนเห็นเขาหยิบเงินหลายใบยื่นให้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับนำหน้ามา ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อนหนีสิ...หล่อนสั่งตัวเอง แต่ขาไม่ยอมขยับ จนกระทั่งเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า กลิ่นอายอันตรายของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก หน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด“คุณชาร์ล...”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา และกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหูของหล่อน“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ช้องนาง”หล่อนตัวสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนใจร้าย มองอย่างอยากรู้ว่าเขาจะทำร้ายกันไม่พอหรือไง ถึงไม่สนใจตอบค
“พอนางมีรายได้แล้ว นางจะ... ผ่อนใช้หนี้คุณชาร์ลค่ะ”“ฉันไม่ได้ต้องการเงินขี้ปะติ๋วของเธอหรอก เพราะกว่าเธอจะใช้หนี้สินที่อาของเธอเอาจากท่านแม่ของฉันครบ ฉันก็ขึ้นไปนอนเล่นบนสวรรค์ไม่รู้กี่ปีแล้วมั้ง” เขาประชดประชันด้วยน้ำเสียงดุกระด้างน่าหวาดกลัว“งั้นนางจะหัดซื้อลอตเตอรี่ก็แล้วกันค่ะ”คนที่ขับรถอยู่หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องซื้อลอตเตอรี่ด้วย ชอบเสี่ยงโชคด้วยหรือเธอน่ะ”“เปล่าค่ะ นางไม่ได้ชอบเสี่ยงโชค แต่นางต้องการถูกรางวัลที่หนึ่ง เพื่อที่จะได้มีเงินไปใช้หนี้คุณชาร์ลไงคะ”นี่เขาหัวเราะทำไมกันนะ หล่อนพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอหล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก็พบว่าเขาหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว ก่อนจะละสายตาจากท้องถนนมามองหล่อน“ทำไมเธอละโมบแบบนี้ล่ะ เธอถูกรางวัลที่หนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ควรจะให้คนอื่นเขาบ้าง อย่าใจแคบนักเลย”“นางไม่เคยซื้อลอตเตอรี่มาก่อนเลยในชีวิต แล้วนางจะถูกรางวัลที่หนึ่งได้ยังไงกันคะ”“ก็ฉันไงล่ะ ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของเธอ”เขาอมยิ้มแพรวพราว และเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของหล่อนจึงอธิบายต่อ“การที่เธอได้ฉันเป็นสามีก็ไม่ต่างจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หน