หลังจากที่ส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอเสร็จแขกที่มาก็เริ่มทยอยออกจากห้องไป ปล่อยให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองตามพิธี
ภายในห้องนอนที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม บนเตียงนอนมีดอกไม้โรยเอาไว้อย่างสวยงาม ซึ่งเธอกับเขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในห้องนี้ไปอีกหลายคืนตามความเชื่อของการแต่งงาน
โรสรินยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกเธอคิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กมาตลอด แต่พอได้ใส่ชุดแต่งงานแบบนี้เธอก็ดูสวยและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเหมือนกัน
ชุดราตรีสีขาวสะอาดที่ปักด้วยคริสตอลทำให้ดูสวยสง่าและเล่นไฟวิบวับเวลาที่โดนแสงไฟ เธอเป็นคนเลือกชุดนี้ซึ่งก็มีทีมงานอีกหลายคนที่เชียร์และเห็นด้วยว่าเธอเหมาะกับชุดนี้
หากความฝันของผู้หญิงหลายๆ คนคือการได้แต่งงาน ตอนนี้โรสรินคงทำตามฝันได้สำเร็จ ถึงจะไม่ใช่การแต่งงานที่เกิดจากความรักแต่เธอก็พร้อมที่จะทำให้เจ้าบ่าวของเธอเปลี่ยนใจมารักเธอให้ได้ ถึงแม้จะต้องใช้เวลาอีกนาน แต่เธอก็พร้อมที่จะทำตราบใดที่เขายังไม่มีแฟน เธอก็ยังมีสิทธิ์ที่จะดูแลและทำหน้าที่ของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายให้ดีที่สุด
ร่างบางเผลอมองเจ้าบ่าวด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังยิ้มให้เขาอยู่จนกระทั่ง…
“ยิ้มอะไร”
“ปะ เปล่าค่ะ” หญิงสาวสะดุ้งตกใจแล้วรีบปฏิเสธก่อนจะหันมองไปทางอื่น ซึ่งท่าทางของเธอตอนนี้ดูมีพิรุธสุดๆ
“ฉันจะไปอาบน้ำก่อน”
“ได้ค่ะ” โรสรินตอบรับพร้อมกับมองตามหลังของชายหนุ่มที่เดินเข้าไปในห้องน้ำ
ฟู่ววว~
ร่างบางพ่นลมหายใจออกมาด้วยท่าทางโล่งอก เพราะตอนอยู่กับเขามันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก ไม่ว่าจะพูดจะเดินจะทำอะไรก็ไม่มีความเป็นตัวเองเลยสักนิด
โรสรินทิ้งตัวนั่งลงที่ปลายเตียงด้วยความเหนื่อยล้า ชุดก็หนักขาก็ปวดไปหมดจนแทบจะหลุดออกจากกัน ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย
นั่งพักในท่าสบายได้ไม่นานหญิงสาวก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ เธอรีบดีดตัวนั่งตรงทันที ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ถ้าอยู่ในสายตาเขาเธอก็ต้องสวยและดูดีอยู่ตลอด
“ไปอาบน้ำสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” น้ำเสียงและท่าทางนิ่งเรียบของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำตามที่เขาบอก
“ค่ะ” ใบหน้าสวยพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
โรสรินมองตัวเองที่อยู่ในชุดเจ้าสาวอีกครั้งและเธอก็รู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้มอง อย่างน้อยการแต่งงานของเธอในครั้งนี้ก็ทำให้เธอสามารถรักษาบริษัทของคุณพ่อต่อไปได้
แขนเรียวพยายามเอื้อมไปรูดซิปที่อยู่ด้านหลัง แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงเธอก็เอื้อมไม่ถึงอยู่ดี พอนึกย้อนไปตอนที่ใส่ชุดนี้ก็ยังต้องมีคนช่วยถึงสามคน พอถึงตอนจะถอดเธอจะถอดคนเดียวได้ยังไง
“ช่วยรูดซิปข้างหลังให้หน่อยได้ไหมคะ” ร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่ม เพราะในห้องมีกันอยู่แค่สองคนและถ้าหากว่าเขาไม่ช่วยวันนี้เธอคงไม่ได้อาบน้ำอย่างแน่นอน
ฟาร์ริกซ์มองหญิงสาวด้วยสายตาสุดปลง เรื่องง่ายๆ แค่นี้เธอยังขอให้เขาช่วย แล้วต่อไปเธอจะทำอะไรเองได้บ้าง ไม่ใช่เอะอะจะเรียกให้เขาช่วยอยู่ตลอดนะ
สุดท้ายชายหนุ่มก็เป็นคนช่วยรูดซิปให้ มือหนาค่อยๆ รูดซิปลงเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียนแถมยังนุ่มเหมือนผิวเด็กอีกด้วย
“ขอบคุณค่ะ” โรสรินขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหอบชุดเข้าไปถอดในห้องน้ำอีกครั้ง
ฟาร์ริกซ์มองตามแผ่นหลังขาวเนียนด้วยความหลงใหล ก่อนที่เขาจะตั้งสติเพื่อที่จะปรับความคิดตัวเองใหม่ ให้เลิกคิดเลิกมองอะไรที่ทำให้เขาเสียสมาธิ
ใช้เวลาไม่นานโรสรินก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างบางอยู่ในชุดนอนแขนยาวบวกกับกางเกงขายาวลายเจ้าหญิง ใบหน้าสวยที่ไร้เครื่องสำอางแต่กลับดูมีเสน่ห์และดึงดูความสนใจจากเพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดี
เขาจะไม่โดนคดีพรากผู้เยาว์ใช่ไหม? ทำไมยิ่งมองเธอก็ยิ่งเหมือนเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แค่คิดฟาร์ริกซ์ก็ปวดหัวแล้ว ไม่ใช่ว่าแต่งงานแล้วจะเอาตำรวจมาจับเขาคดีพรากผู้เยาว์เพื่อเรียกเงินค่าเสียหายหรอกนะ
“มีอะไรติดหน้าโรสหรือเปล่าคะ” หญิงสาวขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าเธอ จนทำให้เธอรู้สึกเสียความมั่นใจ
“เปล่า”
“พี่ฟาร์มีเรื่องอะไรจะคุยกับโรสเหรอคะ” หญิงสาวถามเข้าประเด็นทันทีจะได้ไม่เสียเวลา เพราะตอนนี้เธอก็เริ่มง่วงนอนแล้ว
“เธอรู้ใช่ไหมที่ฉันยอมแต่งงานด้วยก็เพราะคำสัญญาของคุณพ่อ” ฟาร์ริกซ์ถามออกมาตรงๆ ระหว่างเธอกับเขาไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องปิดบัง
“โรสรู้ค่ะ” โรสรินก้มหน้าตอบเสียงเบา
“ดี! จะได้คุยกันง่ายๆ หน่อย”
“….” หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจว่าเขาต้องการที่จะคุยเรื่องอะไรกับเธอกันแน่
“ฉันกับเธอไม่ได้รักกันและไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันนอกจากทะเบียนสมรสแผ่นเดียว ซึ่งพอครบสามเดือนเราจะหย่ากันทันทีและแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเองอย่างอิสระ” ฟาร์ริกซ์อธิบายยาวเพื่อให้หญิงสาวเข้าใจตรงกันเพราะเขาไม่ได้รักเธอ
“….” โรสรินนั่งฟังด้วยความตั้งใจ โดยที่เธอไม่ได้ตอบโต้อะไร
“ระหว่างนี้ฉันกับเธอก็จะเป็นแค่คนรู้จักที่อยู่ด้วยกัน แต่ก็ใช้ชีวิตต่างคนต่างอยู่ จะไปไหน จะทำอะไรก็ไม่ต้องมาสนใจกัน เข้าใจไหม?”
เมื่อต้องใช้ชีวิตร่วมกันก็ต้องพูดกันให้เข้าใจอย่างตรงไปตรงมา จะได้ไม่สับสนหรือเสียเวลามานั่งอธิบายเรื่องเดิมซ้ำๆ อีก
“เข้าใจค่ะ” ใบหน้าสวยพยักหน้าตอบรับเป็นเชิงเข้าใจ
“อ้อ! มีอีกเรื่อง! เธอไม่จำเป็นต้องทำดีอะไรให้ฉันเห็น เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่มีวันรักผู้หญิงเห็นแก่เงิน!” ฟาร์ริกซ์พูดออกมาตรงๆ เพื่อตัดบทสนทนานี้ให้จบลงทันที จะได้ไม่ต้องมาคอยพูดคอยถามกันอีก
โรสรินมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกน้อยใจ เพียงแค่เริ่มต้นเขากลับไม่ยอมเปิดโอกาสให้เธอเลย สงสัยว่างานนี้เธอคงจะหมดหวังแล้วจริงๆ
“พี่ฟาร์จะไปไหนคะ” ร่างบางเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้องนอน
“ฉันจะไปนอนที่โซฟาข้างนอก”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ฟาร์นอนบนเตียงเลยค่ะ เดี๋ยวโรสจะออกไปนอนที่โซฟาเอง” โรสรินยอมเสียสละเพื่อความสบายของผู้ชายเธอยอมได้ทุกอย่าง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เธอก็ต้องใส่ใจและดูแลเขาให้ดีที่สุด
“ก็ดีเหมือนกัน” ฟาร์ริกซ์กระตุกยิ้มด้วยความพอใจก่อนจะเดินไปนอนบนเตียงกว้าง
โรสรินหอบผ้าห่มเดินออกมาที่ห้องรับแขกที่มีโซฟาขนาดใหญ่ ขนาดอยู่ด้วยกันวันแรกเขายังพูดตัดความหวังเธอขนาดนี้ แล้วเธอจะทำให้เขาเปลี่ยนใจมารักเธอได้ยังไง
แต่คนสู้ชีวิตอย่างโรสรินจะหมดหวังได้ยังไง อย่างน้อยเธอก็ยังมีเวลาอีกตั้งสามเดือนที่จะอยู่ใกล้ชิดกับเขา ถึงจะไม่รักแต่ก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง เพราะเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไร้เสน่ห์
มาดูกันสิว่าภายในเวลาสามเดือนโรสรินจะเปลี่ยนใจฟาร์ริกซ์ให้มารักเธอได้หรือเปล่า…
..
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ตอนเย็นของวันหลังจากที่พาลูกๆ เที่ยวสวนสัตว์ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย เด็กๆ ก็เริ่มที่จะหมดแรงกันแล้ว เนื่องจากใช้พลังงานกันไปเยอะ ทั้งพูดคุยกันไม่หยุดแถมยังชวนกันวิ่งไปดูสัตว์โดยที่ไม่กลัวอะไรกันเลยสักนิด“สนุกกันไหมครับ?”ฟาร์ริกซ์ถามลูกๆ พร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นเด็กๆ มีความสุขและสนุกสนานเป็นพิเศษถึงแม้อากาศจะร้อนแค่ไหน แต่ก็สู้แดดกันทั้งวันไม่บ่นว่าเหนื่อยเลยสักคำ“กลับบ้านกันค่ะ” โรสรินที่เห็นลูกๆ หมดแรงจึงชวนกลับบ้านทันที เพราะถ้าขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังคงจะกลับถึงบ้านมืดค่ำกันพอดี“ครับ / ค่ะ” เด็กๆ ตอบรับพร้อมกันอย่างว่าง่ายสงสัยคงจะหมดแรงกันแล้วจริงๆโรสรินพาลูกๆ ขึ้นรถและนั่งประจำที่ของตัวเอง เพื่อที่จะพาลูกๆ กลับบ้าน ซึ่งน่าจะถึงบ้านตอนเย็นพอดีฟาร์ริกซ์ทำหน้าที่ขับรถเช่นเคยพอขับรถออกจากสวนสัตว์มาได้ไม่ไกลเท่าไหร่ เด็กๆ ก็นอนหลับกันตามระเบียบกว่าจะมาถึงบ้านก็เกือบจะสองทุ่ม เพราะช่วงเย็นรถติดมากทำให้ใช้เวลานานกว่าปกติ เมื่อถึงบ้านเด็กๆ ก็ตื่นนอน แถมยังรีบไปคุยให้ทุกคนในบ้านฟังว่าที่สวนสัตว์มีตัวอะไรบ้าง“ไปทานข้าวกันครับ” เมื่อขึ้นมาบนบ้านฟาร์ริกซ์ก็รีบถามขึ้นมาก่อนที่โรสรินจะเข้าห้
เช้าวันต่อมาวันนี้เป็นอีกวันที่น้องเฟิร์สกับน้องไฟท์ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวที่จะไปเที่ยว เรียกได้ว่าเด็กๆ ดีใจและตื่นเต้นจนแทบจะนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนถึงแม้ว่าการไปเที่ยวสวนสัตว์วันนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกของน้องเฟิร์ส แต่น้องเฟิร์สก็ตื่นเต้นมากกว่าทุกครั้ง เพราะวันนี้จะมีน้องชายไปเที่ยวสวนสัตว์ด้วยกัน แถมยังมีคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยกันอีกส่วนน้องไฟท์ก็ตื่นเต้นไม่น้อยเพราะเป็นการไปเที่ยวสวนสัตว์ครั้งแรกในชีวิต แถมพี่สาวก็คอยเล่าให้ฟังอยู่ตลอดพอวันนี้จะได้ไปเที่ยวสวนสัตว์จริงๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก“ทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ยังไม่ลงมาอีกนะ” น้องเฟิร์สพูดขึ้นหลังจากที่มานั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกได้ไม่นาน“สงสัยคุณแม่จะยังแต่งตัวไม่เสร็จแน่เลยครับ” น้องไฟท์รีบพูดขึ้นมาอีกเสียง“นั่งรออะไรกันอยู่ครับ?” ฟาร์ริกซ์เดินลงมาเห็นลูกๆ นั่งพูดคุยกันอยู่จึงเอ่ยถาม“นั่งรอคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ค่ะ” ลูกสาวคนสวยตอบคุณพ่อ“แล้วคุณแม่อยู่ไหนครับ?” น้องไฟท์รีบถามถึงคุณแม่ทันทีเมื่อไม่เห็นแม่ลงมาพร้อมกับคุณพ่อ“คุณแม่กำลังจะลงมาครับ” ฟาร์ริกซ์ตอบลูกชายพร้อมรอยยิ้ม“งั้นเราไปรอคุณแม่ที่รถดีไหมครับ” น้อ
ห้าเดือนต่อมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโรสรินใช้ชีวิตเป็นอย่างดีและมีความสุข นอกจากชีวิตของเธอจะมีลูกๆ ที่น่ารักแล้วเธอยังมีสามีที่รักและเอาใจใส่เธอมากเป็นพิเศษอีกด้วยไม่ว่าเธอจะไปไหนจะทำอะไรก็จะมีฟาร์ริกซ์คอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอด เขาทำทุกอย่างได้ตามที่พูดเอาไว้ทุกอย่าง ซึ่งก็ทำให้เธอเห็นแล้วว่าเขาเป็นคนดีขึ้นมากแล้วจริงๆส่วนเรื่องผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นคนเก่าหรือคนใหม่ก็ไม่มีเรื่องนี้เข้ามาให้โรสรินได้ปวดหัวหรือปวดใจอีก ซึ่งตอนแรกเธอก็สงสัยในความสัมพันธ์ของฟาร์ริกซ์กับอิงรักที่เป็นพี่เลี้ยงของน้องเฟิร์สแต่เธอก็เกิดความสงสัยไม่นานเธอก็ได้รู้ความจริงในทันทีว่าระหว่างฟาร์ริกซ์กับอิงรักเป็นเพียงแค่เจ้านายกับลูกจ้างกันเท่านั้น ทั้งสองไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกจ้างเลยสักนิดซึ่งโรสรินก็คิดว่าอีกไม่นานอิงรักคงจะได้เปลี่ยนสถานะจากพี่เลี้ยงมาเป็นคุณป้าของเด็กๆ แทน เพราะดูๆ แล้วฟินนิคซ์จะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับอิงรัก ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ทุกคนในบ้านก็คิดว่าเป็นเรื่องดีและทั้งสองคนก็ดูเหมาะสมกันมาก“ทำอะไรอยู่ครับ?” ฟาร์ริกซ์เดินเข้าไปสวมกอดภรรยาที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานด้วยใจ
หนึ่งเดือนต่อมาระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนที่น้องเฟิร์สกับน้องไฟท์ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ทำให้เด็กทั้งสองคนรู้จักและสนิทกันมากขึ้นได้ภายในระยะเวลาไม่นานน้องเฟิร์สก็เป็นพี่สาวที่แสนดีคอยแบ่งของเล่นให้น้องชายถึงแม้ว่าของเล่นจะมีแต่ของเล่นผู้หญิงก็ตาม ส่วนน้องไฟท์ก็เป็นน้องที่น่ารักคอยเล่นกับพี่สาวได้ทุกอย่าง ไม่ว่าพี่สาวจะชวนเล่นอะไรน้องชายก็จะเล่นด้วยทุกอย่าง เพราะแบบนี้จึงทำให้ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องรักใคร่กันและอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขมากขึ้นโรสรินก็มีความสุขมากขึ้นที่ได้เห็นลูกสาวและลูกชายอยู่ด้วยกันในทุกวัน แต่อีกไม่นานบ้านหลังใหญ่ก็คงจะเงียบมากขึ้นเพราะเด็กๆ ทั้งสองจะต้องไปโรงเรียนกันแล้วโดยที่ฟาร์ริกซ์จัดการเรื่องสมัครเรียนให้ลูกๆ ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังที่อยู่ใกล้บ้าน ส่วนค่าเทอมก็คงไม่ต้องพูดถึงเพราะคุณพ่อเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้กับลูกๆ อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าโรสรินจะไม่เห็นด้วยแต่เธอก็ต้องยอมเพื่อชีวิตที่ดีของลูก หากลูกๆ ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เธอก็เชื่อว่าจะทำให้คุณภาพชีวิตของลูกๆ ดีขึ้นไปด้วย“คุณพ่อกับคุณแม่จะไปทำงานแล้วเหรอคะ?” น้องเฟิร์สถามขึ้นมาก่อนใครเมื่อเห็นคุณพ่อกั
หลังจากที่น้องไฟท์เล่นบ้านบอลเสร็จโรสรินก็พาลูกชายกลับห้องพักทันที ในใจก็ว้าวุ่นคิดหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับชีวิต แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางให้เลือกเยอะสักเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วคนเป็นแม่ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกเสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานถึงสามปีแต่ความรู้สึกเจ็บปวดในใจของโรสรินก็ยังคงฝังลึกอยู่ในใจไม่มีวันจางหาย หลายครั้งที่เธอคิดว่าตัวเองจะกลับไปใช้ชีวิตในบ้านสามีอีกครั้ง เธอก็จะคิดถึงความเจ็บปวดที่เธอเคยรู้สึก หากครั้งนี้เธอจะต้องเจ็บปวดแบบเดิมอีกความรู้สึกของเธอก็ไม่ต่างอะไรจากการตายทั้งเป็นแต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงโรสรินก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกอยู่ดี เพราะเธอจะไม่มีวันยอมให้ลูกของเธอทั้งสองคนอยู่คนละที่หรือต่างคนต่างอยู่เด็ดขาด ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องกันก็ต้องถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาด้วยกันถึงจะถูก“เพื่อลูกท่องไว้สิโรส” หญิงสาวมองหน้าลูกชายและพูดกับตัวเองเสียงเบาเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทุกอย่างที่เธอทำก็เพื่อลูกทั้งนั้นยิ่งรอเวลาทุกอย่างก็จะยิ่งช้าและทำให้เธอเสียเวลาเปล่า เธอต้องตัดสินใจและสู้ให้ถึงที่สุด เธอเชื่อว่าทางเลือกนี้คงจะเป็นทางเ
หลังจากวันนั้นไม่นานโรสรินก็ได้เข้ามาทำงานอยู่ที่โรงแรมของภูมิพัฒน์ที่อยู่สาขาใกล้ๆ กับบ้านของน้องเฟิร์ส ซึ่งเธอก็ได้ไปหาน้องเฟิร์สที่บ้านอยู่บ้าง แต่น้องเฟิร์สก็ยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ กับเธออยู่บ้างในตอนที่น้องเฟิร์สได้เจอโรสรินครั้งแรกก็ทำเอาคนเป็นแม่แทบน้ำตาไหล แต่เธอก็ต้องอดทนและกลั้นเอาไว้ก่อนเพื่อที่จะไม่ให้น้องเฟิร์สเห็นน้ำตาของเธอ ถึงน้องเฟิร์สจะยังไม่คุ้นชินกับเธอแต่เธอก็จะหาเวลาไปหาน้องเฟิร์สที่บ้านอยู่บ่อยๆ เพราะเธอเชื่อว่าการเจอหน้าและการพูดคุยกันทุกวันจะทำให้น้องเฟิร์สสนิทกับเธอมากขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งตอนนี้โรสรินก็ต้องใจเย็นและรอเวลาที่น้องเฟิร์สจะปรับตัวให้เข้ากับเธอและยอมรับว่าเธอเป็นแม่จริงๆ ให้ได้ก่อน“วันนี้คุณแม่ไม่ไปทำงานเหรอครับ?” เด็กชายวัยสองขวบเศษๆ เอ่ยถามคุณแม่“วันนี้วันหยุดครับ” โรสรินตอบลูกชายพร้อมรอยยิ้ม“น้องไฟท์อยากไปเที่ยวครับ”เด็กชายตัวน้อยรีบบอกความต้องการของตัวเองทันที ถ้าเป็นตอนที่อยู่ภูเก็ตวันหยุดคุณแม่จะชอบพาลูกชายไปนั่งเล่นที่ชายหาดและพาเล่นน้ำทะเล แต่ก็นานๆ คุณแม่ถึงจะมีวันหยุด“ไปเที่ยวเหรอครับ?” ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่โรสรินก็ลืมนึกถึงเรื่องนี