Spark
ตอนแรกฉันก็กะจะดื่มต่ออีกสักหน่อย แต่สุดท้ายก็โดนน้องเขาลากออกจากร้านอยู่ดี แถมพี่กานยังบอกว่ารอบนี้พี่เลี้ยงเองอีกต่างหากสรุปแล้วมีความสุขแบบไม่เสียเงินสักบาทจริง ๆ
“เอากุญแจมา ผมขับให้” เสียงของน้องเวย์เอ่ยมาพลางยื่นมือมาตรงหน้าและฉันก็มอบกุญแจรถให้แต่โดยดี เพราะฉันเมาขนาดนี้คงไม่ขับรถหรอก
“คอนโดพี่ อยู่ที่ไหนผมจะไปส่ง” ฉันหันไปยิ้มให้คนขับก่อนจะแชร์โลเคชั่นเข้าไปที่จอมอนิเตอร์ของรถทันที จากนั้นน้องเขาก็ตั้งใจขับรถไม่ได้หันมาสนใจฉันอีก แต่ท่าทีแบบนี้แหละที่ทำให้ฉันอดมองน้องเขาไม่ได้มันกร้าวใจสุด ๆ
ขับรถมาได้สักพักก็ถึงคอนโดของฉันตอนแรกน้องเขาจะเดินกลับ แต่เป็นฉันเองที่รั้งแขนของน้องเขาไว้ พลางทำใบหน้าออดอ้อนเท่าที่คนอายุ 27 ปีจะทำได้
“ไปส่งพี่ถึงห้องหน่อยสิ พี่เมาอยู่นะ” น้องเวย์ทำหน้าถมึงทึงใส่ แต่สุดท้ายก็มาส่งถึงห้องอยู่ดี เพียงฉันเปิดประตู ฉันเขามีท่าทีจะหันหลังกลับ แต่ฉันไม่ยอมหรอกเพราะจู่ ๆ หัวใจฉันมันก็เต้นระริกยิ่งกว่าเดิมจนทำเรื่องที่ถ้าไม่เมาก็จะไม่ทำเด็ดขาด อย่างเช่นกระชากดึงตัวน้องเวย์เข้าห้องก่อนจะปิดประตูห้องดัง
‘ปัง!!!!’
“ทำแบบนี้คือ.....”
“อยู่เป็นเพื่อนพี่คืนหนึ่งสิ นะ นะ” ฉันคล้องคอน้องเวย์พลางแหงนหน้ามองด้วยนัยน์ตาเว้าวอนกับคนสูงโปร่งตรงหน้า
“ในฐานะ...???” น้องเวย์หันหน้ามาตั้งคำถามกับฉัน
“อะไรก็ได้ จะให้พี่เป็นพี่สาวก็เป็นให้ได้ จะให้เป็นคู่นอนก็เป็นให้ได้ แค่อยู่กับพี่ พี่เหนื่อยนะ ไม่อยากอยู่คนเดียว”
ฉันคล้ายวงแขนลงก่อนจะเดินเป๋ไปทิ้งตัวที่โซฟาห้องรับนั่งเล่น
“นั่งดี ๆ” น้องเวย์ไม่พูดเปล่า เขาลงมานั่งข้าง ๆ ฉันก่อนจะดึงเดรสที่ถกขึ้นจนเห็นชั้นในตัวบางให้เข้าที
“ดื่มน้ำหน่อยมั้ย เห็นสภาพแล้วดูไม่ได้”
“ชิส์ ทำไมพี่มันไม่น่ากินเหรอ ใช่สิไม่ใช่สาวเอ๊าะ ๆ จะกลับก็ได้นะพี่จะไปส่ง” ฉันเริ่มหงุดหงิด อ่อนไหวหนักทำท่าจะลุกจากโซฟาเพื่อไปเปิดประตูให้น้องเขากลับ แต่จู่ ๆ ก็ถูกคนที่นั่งอยู่รั้งดึงข้อมือจนเซถลาไปหาน้องเขา แถมจัดท่าให้ฉันนั่งบนตักเขาอีก
“งอนอะไร...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทำเอาใจฉันที่กำลังครุกรุ่นเหลวเป็นน้ำ
“ไม่ได้งอน”
“แต่ตอนนี้ ท่าทีมันบอกว่างอนหรือจะเถียง” น้องเวย์ก้มหน้าเข้าใกล้หน้าฉันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รดหน้ากันถี่ ๆ ทำเอาเห่อร้อนไปทั้งตัว
“ก็น้องเวย์ชอบทำตัวเหมือนรังเกียจตัวพี่”
“ถ้ารังเกียจจะมานั่งถึงในห้องนี้มั้ยล่ะ พี่ก็ออกจะฉลาดแค่นี้คิดไม่ได้”
“โหยยยยย แรงมว๊ากกกกก”
“จะไปนอนมั้ยผมพาไป”
“ไม่นอน!!!” ฉันตอบเสียงแข็งพลางมองหน้าน้องเวย์
“แล้วจะให้ผมอยู่ทำมะเขืออะไร”
“จูบพี่หน่อย” ฉันเอามือคล้องคอน้องเวย์พลางทำหน้าจริงจัง
“เอาจริง???” น้องเขาเลิกคิ้วมองหน้าฉันอีกครั้ง
“อื้อ...ยิ่งกว่าจริง อ่อยจนท้อแล้วเนี่ย” และฉันก็ทำหน้าจริงจังตอบไป
สิ้นคำตอบฉัน มือหนาของน้องเขาข้างหนึ่งที่กำลังจับสะโพกฉันอยู่ก็เคลื่อนย้ายมากุมที่ท้ายทอยก่อนจะกดใบหน้าของฉันให้เข้าใกล้เขา ริมฝีปากเราเริ่มสัมผัสกัน พูดตามตรงนี้เป็นจูบครั้งแรกของฉันเลย
ตอนแรกฉันเป็นคนเว้าวอนต้องการจูบก็จริง ๆ แต่ไป ๆ มา ๆ คนตรงหน้ากลับหนักหน่วงกว่าที่คิด ภาพที่วาดไว้คือ จูบแสนละมุนหอมหวาน แต่เปล่าเลย นี่มันจูบดูดวิญญาณชัด ๆ ริมฝีปากบางของฉันทั้งถูกขบ ดูด ดึงจนแดง เรียวลิ้นร้อนของน้องเขาก็ดุนเข้าไปในโพรงปากฉันอย่างตั้งใจ มันร้อนแรงชนิดที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะทำให้เสียวซ่านได้ขนาดนั้น ในหัวสมองมีแต่รักใส ๆ หัวใจสี่ดวง แต่ตอนนี้มันกลายเป็นรักร้อนแรงดังไฟแผดเผาของจริง
น้องเวย์ผละจูบออกเพราะเห็นว่าฉันเริ่มใช้มือดันหน้าอกน้องเขาพลางครางในลำคอ ‘อื้อ..อื้อ’ เป็นระยะ
‘แฮ่ก...แฮ่ก’ แน่นอนว่าฉันหายใจไม่ทันก็มันเป็นจูบครั้งแรกนินา
แขนแกร่งข้างหนึ่งของน้องเขารัดเอวฉันแน่น ใช้นัยน์ตาคมเข้มมองมาที่นัยน์ตาฉันอย่างตั้งใจ มุมปากยกยิ้มพลางเลียลิ้นไปตามเรียวปากของตน
‘โอ๊ย อกอิแป้นจะแตก โดนเด็กอ่อยมันรู้สึกแบบนี้นิเอง’
“พอใจรึยัง” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามแต่ดวงตาก็ยังฉ่ำกว่าปกติ
“พอใจค่ะ” ฉันยิ้ม ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างบีบแก้มทั้งสองข้างของน้องเวย์ ก่อนที่จะพยายามลุกออกจากตักน้องเขาเพราะกลัวน้องเวย์จะหนัก แต่สุดท้ายก็ถูกแขนแกร่งรั้งให้ให้อยู่ตามเดิม ฉันหันไปเลิกคิ้วมองคนตรงหน้า
“ไม่หนักเหรอ พี่จะลุกให้ไงคะ”
“ทำให้อยากแล้วจะหนีไปได้ไง” แขนแกร่งที่โอบเอวฉันเลื่อนขึ้นไปจับใต้ราวนมอย่างจงใจจนฉันต้องหันไปมอง
“อยาก?? แบบไหนล่ะ”
“ก็แบบนี้ไง” น้องเวย์ไม่พูดเปล่าแต่ใช้มืออีกข้างลูบไล้ไปตามขาขาวเนียนของฉันอย่างตั้งใจทำเอาสองมือของฉันที่คล้องคออยู่ก็ยิ่งรัดน้องเขาแน่น ยิ่งตอนที่มือหนาเลื่อนมือขึ้นมาจนสัมผัสกึ่งกลางกายของฉันที่ยังมีชั้นในตัวบางกั้นอยู่
“อ่ะ...เดี๋ยวสิ” ฉันสะดุ้งจนรัดน้องเขาแน่นมากขึ้น แต่แทนที่น้องเวย์จะหยุด ดันขยับมือสัมผัสตรงนั้นถี่ขึ้นจนฉันหายใจแรงไปตามสัมผัสวาบหวามนั่น
“แกล้งพี่ทำไม”
“ไม่ชอบรึไง”
“มันก็.....”
“อยากต่อมั้ยล่ะ หรือพอแค่นี้” พอน้องเวย์พูดให้เป็นทางเลือกว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ ตัวฉันก็คิดหนักว่าถ้าฉันไปต่อมันจะทำให้ความสัมพันธ์ถลำลึกไปมากกว่าที่เป็นรึเปล่า ฉันค่อนข้างกลัวความผิดหวัง แต่ถ้าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งก็อยากไปต่ออยู่แล้ว
“แล้วเต็มใจทำให้มั้ยพี่ไม่บังคับ” ฉันพูดเสียงกระเส่า กระซิบข้างหูก่อนจะงับใบหูน้องเขาไปหนึ่งที
น้องเวย์ไม่ตอบอะไรกลับมา แต่สัมผัสส่วนล่วงกลับเป็นคำตอบได้อย่างดี สองมือของน้องเวย์ขยับต่างหน้าที่กันไป มือหนึ่งแหวกชั้นในตัวบางสัมผัสกลีบหวานที่เริ่มมีน้ำรักชุ่มฉ่ำ ส่วนอีกมือบีบเฟ้นหน้าอกฉันอย่างร้อนแรง พลางดึงสายชุดเดรสและสายชั้นในละออกจากไหล่ฉันทำให้หน้าอกคู่สวยปรากฏต่อหน้าน้องเวย์เต็มตา
ฉันเบือนหน้าหนีอย่างเขินอาย นิ้วมือเขาที่แทรกตัวในโพรงอ่อนนุ่มเข้าออกยิ่งทำให้ฉันขยับสะโพกหนี แอ่นหน้าอกด้วยความซ่าน คนตรงหน้าที่ตอนแรกพรมจูบไปทั่วลำคอระหงส์ พอฉันซ่านจนแอ่นอกขึ้นก็เปลี่ยนไปโลมเลียเนินนมไปมาก่อนจะใช้อุ้งปากครอบงำยอดถันอย่างเอาแต่ใจ
“อ่า...น้องเวย์พี่....”
“ทำไม เสียวเหรอครับน้ำเต็มมือผมเนี่ยเห็นมั้ย” น้องเขาไม่พูดเปล่ากลับโชว์นิ้วของตัวเองที่เต็มไปด้วยน้ำหวานของฉัน ทำเอาฉันอายจนมุดหน้าเข้าอกแกร่งของเขา
“แกล้งพี่อ่ะ”
“หึ...นี่ยังแค่เริ่มต้นผมจะแกล้งพี่อีกเยอะ” น้องเขาวางตัวฉันนอนราบไปกับโซฟา ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของฉันให้เหลือแค่ร่างเปลือยเปล่า แน่นอนว่าแม้แต่ชั้นในตัวบางกับบราก็ไม่เหลือให้ฉันได้บดบัง น้องเวย์นั่งแทรกกลางระหว่างขาของฉันก่อนจะแยกมันกว้าง อาย ฉันอายมาก นอกจากกลีบหวานจะอ้าซ่าแล้วเมื่อลมแอร์พาดผ่านทำเอาจนกระตุกตัวขนลุกซู่ชูชัน
“ดะ..เดี๋ยวเวย์.... ตรงนั้นมัน....อ่าห์..” ฉันไม่ได้เตรียมใจมาก่อน ว่าจะมาเห็นภาพนี้ตรงหน้า ใบหน้าหล่อเหล่าที่ทำให้ใจเต้นระริกนี้ กำลังก้มลงไปกึ่งกลางกายของฉัน สันจมูกโด่งแตะเข้ากับจุดคริตอริส ทำให้ฉันต้องยกสะโพกหนี แต่เพราะแขนแกร่งทั้งสองข้างของเขาล็อกขาทั้งสองข้างของฉันไว้มีเหรอที่จะขยับหนีได้
เรียวลิ้นร้อนสากของน้องเวย์ลากผ่านไปตามร่องกลีบฉ่ำทำเอาฉันแทบคลั่งหลั่งน้ำรักออกมาไม่ขาด เสียงที่พยายามกลั้นมันไว้ตอนนี้กลับครางออกมาระงมอย่างไม่อาย
‘ใช่แล้ว นี่คือประสบการณ์เซ็กซ์ครั้งแรกในรอบ 27 ปีของฉันตั้งแต่เกิดมามันเกินคำบรรยายไปมาก ทำให้รู้ว่า ทฤษฎีหรือจะสู้ลงมือปฏิบัติ อ่านฉากอิโรติกในนิยายยังไม่รู้สึกเสียวซ่านเท่าสัมผัสจริงจังที่โดนกระทำอยู่ตรงนี้’
นิยายเรื่องนี้อัปจบแน่นอน ฝากด้วยนะคะ หมาเด็กคลั่งรักพี่สาวคนสวย
Sparkตอนแรกฉันก็กะจะดื่มต่ออีกสักหน่อย แต่สุดท้ายก็โดนน้องเขาลากออกจากร้านอยู่ดี แถมพี่กานยังบอกว่ารอบนี้พี่เลี้ยงเองอีกต่างหากสรุปแล้วมีความสุขแบบไม่เสียเงินสักบาทจริง ๆ“เอากุญแจมา ผมขับให้” เสียงของน้องเวย์เอ่ยมาพลางยื่นมือมาตรงหน้าและฉันก็มอบกุญแจรถให้แต่โดยดี เพราะฉันเมาขนาดนี้คงไม่ขับรถหรอก“คอนโดพี่ อยู่ที่ไหนผมจะไปส่ง” ฉันหันไปยิ้มให้คนขับก่อนจะแชร์โลเคชั่นเข้าไปที่จอมอนิเตอร์ของรถทันที จากนั้นน้องเขาก็ตั้งใจขับรถไม่ได้หันมาสนใจฉันอีก แต่ท่าทีแบบนี้แหละที่ทำให้ฉันอดมองน้องเขาไม่ได้มันกร้าวใจสุด ๆขับรถมาได้สักพักก็ถึงคอนโดของฉันตอนแรกน้องเขาจะเดินกลับ แต่เป็นฉันเองที่รั้งแขนของน้องเขาไว้ พลางทำใบหน้าออดอ้อนเท่าที่คนอายุ 27 ปีจะทำได้“ไปส่งพี่ถึงห้องหน่อยสิ พี่เมาอยู่นะ” น้องเวย์ทำหน้าถมึงทึงใส่ แต่สุดท้ายก็มาส่งถึงห้องอยู่ดี เพียงฉันเปิดประตู ฉันเขามีท่าทีจะหันหลังกลับ แต่ฉันไม่ยอมหรอกเพราะจู่ ๆ หัวใจฉันมันก็เต้นระริกยิ่งกว่าเดิมจนทำเรื่องที่ถ้าไม่เมาก็จะไม่ทำเด็ดขาด อย่างเช่นกระชากดึงตัวน้องเวย์เข้าห้องก่อนจะปิดประตูห้องดัง‘ปัง!!!!’“ทำแบบนี้คือ.....”“อยู่เป็นเพื่อนพี่คืนห
หัวใจเต้นระริก(หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป)สัปดาห์ที่ผ่านมางานของฉันหนักหนาสาหัสมาก แทบไม่ได้ออกไปไหนแม้แต่กับยัยแพรวก็ไม่ได้เจอหน้า ทำเอาล้าไปจนเข้ากระดูกปวดร้าวไปทั้งตัว เหนื่อยจนแทบบ้า...กว่าจะเคลียร์คิวจองทำฟันให้เบาบางก็เล่นเอาแทบอยากหนีไปพักสักระยะในขณะที่ฉันกำลังนั่งพักในห้องพักแพทย์ นอนเหยียดตรงบนเตียงทั้งแบบนั้นก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาไถ่เล่น ๆ จนสะดุดตาชื่อน้องเขาในไลน์“ตั้งแต่วันนั้นที่ขอไลน์กับเบอร์ไป น้องเขาไม่เห็นจะติดต่อมาบ้างแฮะ หรือว่าฉันควรเป็นฝ่ายทักไปก่อนดี” ฉันพิมพ์ ๆ ลบ ๆ อยู่นาน แต่สุดท้ายดันมือลั่นไปกดส่งอิโมจิหัวใจซะอย่างนั้นโอ๊ย จังหวะนรกสุด ๆ“ลบทันมั้ยนะ แต่ช่างมันเถอะ แค่อิโมจิหัวใจเอง”ฉันวางมือถือลงข้างเตียงพยายามเลิกสนใจมือถือ ก่อนจะหลับตาลงเพียบงีบสักพัก‘Line!!!’ เสียงข้อความตอบกลับดังขึ้น“ไม่จริงมั้ง ฉันเพิ่งจะส่งข้อความไปเอง” ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูและพบว่าเสียงข้อความที่ดังมาจากน้องเวย์จริง ๆWAY : [อิโมจิ ?]Oi : ขอโทษทีส่งผิดWAY : อ่อ...ฉันนิ่งมองจอสักพัก และมองอยู่แบบนั้น“อะไรกัน ตอบแค่ ‘อ่อ’ จริง ๆ เหรอเนี่ยทำไมน้องเขาไม่พิมพ์อะไรอีกหน่อยชิส์ น่าห
ตรวจสุขภาพวันนี้ทางโรงพยาบาลที่ฉันประจำการอยู่ได้รับเชิญให้ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ล่ะอย่างเข้าไปเป็นวิทยากรให้คำปรึกษากับนักศึกษาแพทย์ที่กำลังจัดโครงการสวัสดิการตรวจสุขภาพประจำปีของมหาลัยแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าน้อง ๆ นักศึกษาแพทย์จะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ ส่วนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเข้าไปให้คำแนะนำ และตรวจสอบเบื้องต้นให้ว่า เคสไหนสามารถให้นักศึกษาแพทย์ทำได้ หรือเคสไหนควรส่งต่อให้กับทางโรงพยาบาลแน่นอนว่าทั้งฉัน และ แพรวต่างก็เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้ร่วมกับแพทย์คนอื่น ๆ อีก 6 คน รวมเป็น 8 คนพวกเรามาถึงมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก ก็ที่มาคาเฟ่แมวนั่นแหละนะเมื่อยังไม่ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปอบรมนักเรียนแพทย์ ทั้งฉันกับแพรวก็ของปลีกตัวไปหาอะไรทานกันก่อน แน่นอนว่าสายตานักศึกษาหลาย ๆ คนต่างจับจ้องมาที่พวกเรา ไม่รู้มองเพราะอะไร แต่ที่แน่ ๆ รอยยิ้มของนักศึกษาตามรายทางก็ทำให้ฉันและแพรวกระชุ่มกระชวยกันพอควร“ไหน ๆ ก็มาถึงมหาลัยแล้วก็หาซะเลยสิ” ยัยแพรวหันมากระซิบก่อนจะเบือนหน้าไปยิ้มให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ฉันเองก็เช่นกัน อิอิ“เป็นความคิดที่ดี เด็กเอ๊าะ ๆ
ถูกใจก็จัดพี่กานไปได้ไม่นาน ก็เดินกลับมาคนเดียวดูท่าจะไม่เป็นผลสำเร็จแฮะ เห็นจ้องมองกันขนาดนี้นึกว่าจะยอมมาให้เปย์สักหน่อย ดูท่าฉันคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ“พี่กานทำหน้านิ่งขนาดนี้ ดูท่าไม่เป็นผลสินะคะ ไม่เป็นไรคะ ออยแค่ลองถามดูเฉย ๆ”“ไม่เป็นไรนะแก น้อง ๆ คนอื่น ๆ ก็บริการดี” ยัยแพรวหันมาปลอบใจก่อนที่ เด็ก ๆ คนอื่น ๆ จะเอาใจฉันต่อเหมือนเดิม“ป่าวหรอกน้องออย น้องเขาตกลงนะ เพียงแต่....”“แต่อะไรคะ ฉันวางแก้วลงก่อนจะจ้องมองพี่กานฟังอย่างตั้งใจ”“เด็กคนนี้ไม่เคยรับใคร เลยบอกว่าถ้าเป็นน้องออยเขายอมแต่ขอนั่งโต๊ะแยกไปสองคน”ฉันถึงกับเลิกคิ้ว ก่อนจะหันไปมอง ผู้ชายคนนั้นบนเวที ซึ่งตอนนี้กำลังกอดอกยืนพิงผนังมองมาที่ฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่ฉันกลับชอบมันดูนิ่ง แบดหลบในดี แถมหล่อถูกใจ“โห...เด็กมันแรงนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เคยรับใครจริง ๆ พี่กานโกหกเพื่อเรียกค่าตัวรึเปล่าคะ” ยัยแพรวถึงขนาดเบิกตาโต พลางหยอกล้อ พี่กาน“พี่สาบานเลย มันไม่เคยรับใคร หมายถึงน้องคนนั้นนะ นาน ๆ ทีถึงจะโผล่มาร้านนี้ด้วยซ้ำ ว่าไงล่ะคะน้องออยยังสนใจไหม” พี่กานหันมามองฉันเพื่อยืนยันอีกครั้ง“แน่นอนสิคะ เรียกกี่ดื่มก็จัดม
หนีเที่ยวตกเย็นหลังจากที่ฉันกับแพรว กลับคอนโดเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว ก็ขับรถมุ่งไปคาเฟ่แมวที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่ไกลจากคอนโดมากนักสองสาววัยทำงานที่มานั่งอยู่ในร้านคาเฟ่น่ารัก แต่รอบข้างกลับเต็มไปด้วยนักศึกษาสาวเอ๊าะ ๆ ไปทั่วร้าน พอมองไปมองมาก็ชักเขินแปลก ๆ“แพรว แกว่าพวกเรามาร้านนี้มันเหมาะเหรอ ดูสภาพเราแล้วจะไม่ค่อยเข้ากับร้านนี้เท่าไหร่นะ”“ทำไมล่ะ หน้าตาเราออกจะกลมกลืนกับเด็กมหาลัยจะตายไป”“ที่พูดนี่ปลอบใจตัวเองงั้นเหรอ”“บ้า....ฉันพูดไปตามความจริงย่ะ ดูไปนอกกระจกนั่นดิ สาวมหาลัยในร้านมีตั้งมากมาย ทำไมน้อง ๆ ผู้ชายกลุ่มนั้นถึงมองมาที่เราเป็นจุดเดียว” ยัยแพรวพูดพลางยิ้มโบกมือให้หนุ่มน้อย“ก็คงมองว่าทำไมป้าแก่ ๆ สองคนถึงมานั่งในดงวัยรุ่นล่ะมั้ง”“โอ๊ย...สวยแบบเราหัวกระไดไม่เคยแห้งมาก่อนขนาดนี้ แกดูดี ๆ หล่อ ๆ ทั้งนั้นเลย ไม่สนหาบ่าวน้อยสักคนเหรอ”“ยังไม่อยากมีใครจริง ๆ ตอนนี้ แค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายแล้ว”“แก่ตัวไปมากกว่านี้มันจะหายากเอานะเว้ย ถามจริงแกไม่อยากมีใครมาอ้อน หรือ อยากอ้อนใครบ้างเหรอ” ฉันมองหน้ายัยแพรว สีหน้ามันตอนนี้จริงจังมากจริง ๆ เข้าใจได้ว่ายิ่งแก่ตัวเ
ยังโสด [OI PART] ณ.บ้านอันแสนอบอุ่นหลังหนึ่ง “ยัยออยมากินข้าวได้แล้วลูก” เสียงของผู้เป็นแม่เรียกฉันที่นอนกลิ้งไปมาบนเตียงพลางไถ่มือถือเล่น ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง“ค่ะแม่ จะลงไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” ฉันเอ่ยตอบผู้เป็นแม่ออกไปก่อนจะลงไปด้านล่างทั้งชุดนอนแบบนี้พอมาถึงโต๊ะอาหารทั้งพ่อและแม่ก็นั่งรอฉันอยู่แล้ว“ยัยออย ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยลงมาก่อนละลูก”“ไม่เห็นเป็นไรเลยแม่ เดี๋ยวออยก็ขึ้นไปนอนต่ออยู่ดี”“คุณดูลูกเราสิ ไม่มีความเป็นกุลสตรีสักนิดกระโตก กระตากเหมือนคุณไม่มีผิด” แม่ฉันบ่นอีกแล้ว...“ก็ลูกผมไงล่ะ ฮ่า...”“ฮ่า...” ฉันหัวเราะไปกับพ่อฉันในขณะที่แม่ทำหน้าบึ้งวางจานกับข้าวดังปัง“คุณก็เอาแต่ให้ท้ายลูก คุณดูสิ ลูกเราจะเข้าวัยเลขสาม ยังไม่มีแม้แต่แฟน ทำแต่งาน แล้วเมื่อไหร่ลูกเราจะมีคนมาดูแล”“แม่คะ ออยเป็นหมอนะ ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ไม่ต้องให้ใครมาดูแลขนาดนั้นหรอก”“ใช่ ถ้าลูกเราหาสามีไม่ได้ ผมกับคุณก็เลี้ยงลูกไปจนแก่จนเฒ่าไง” ทำไมฉันฟังพูดเหมือนพลังบวกเชิงลบสุด ๆ“พ่อ หนูแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ ไม่ใช่ว่าชาตินี้จะไม่มีแฟนซะหน่อยแค่ไม่ใช่ตอนนี้แค่นั้นค่