หัวใจเต้นระริก
(หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป)
สัปดาห์ที่ผ่านมางานของฉันหนักหนาสาหัสมาก แทบไม่ได้ออกไปไหนแม้แต่กับยัยแพรวก็ไม่ได้เจอหน้า ทำเอาล้าไปจนเข้ากระดูกปวดร้าวไปทั้งตัว เหนื่อยจนแทบบ้า...กว่าจะเคลียร์คิวจองทำฟันให้เบาบางก็เล่นเอาแทบอยากหนีไปพักสักระยะ
ในขณะที่ฉันกำลังนั่งพักในห้องพักแพทย์ นอนเหยียดตรงบนเตียงทั้งแบบนั้นก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาไถ่เล่น ๆ จนสะดุดตาชื่อน้องเขาในไลน์
“ตั้งแต่วันนั้นที่ขอไลน์กับเบอร์ไป น้องเขาไม่เห็นจะติดต่อมาบ้างแฮะ หรือว่าฉันควรเป็นฝ่ายทักไปก่อนดี” ฉันพิมพ์ ๆ ลบ ๆ อยู่นาน แต่สุดท้ายดันมือลั่นไปกดส่งอิโมจิหัวใจซะอย่างนั้นโอ๊ย จังหวะนรกสุด ๆ
“ลบทันมั้ยนะ แต่ช่างมันเถอะ แค่อิโมจิหัวใจเอง”
ฉันวางมือถือลงข้างเตียงพยายามเลิกสนใจมือถือ ก่อนจะหลับตาลงเพียบงีบสักพัก
‘Line!!!’ เสียงข้อความตอบกลับดังขึ้น
“ไม่จริงมั้ง ฉันเพิ่งจะส่งข้อความไปเอง” ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูและพบว่าเสียงข้อความที่ดังมาจากน้องเวย์จริง ๆ
WAY : [อิโมจิ ?]
Oi : ขอโทษทีส่งผิด
WAY : อ่อ...
ฉันนิ่งมองจอสักพัก และมองอยู่แบบนั้น
“อะไรกัน ตอบแค่ ‘อ่อ’ จริง ๆ เหรอเนี่ยทำไมน้องเขาไม่พิมพ์อะไรอีกหน่อยชิส์ น่าหงุดหงิดชะมัด” ฉันปิดเสียงมือถือพร้อมโยนลงข้างตัวไปอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะงีบหลับนอนไปทั้งอย่างนั้น ตื่นมาอีกทีก็จวบค่ำมืดฉันจึงถอดเสื้อกาวน์แขวนไว้ก่อนจะเดินออกจากโรงพยาบาล
ตอนแรกก็ว่าอยากจะนัดยัยแพรวให้ออกไปทานมื้อค่ำด้วยกัน แต่เจ้าตัวดันปลีกตัวมาไม่ได้เพราะพี่เจเดนไม่ยอมให้มันออกมา สงสัยเพราะโดนจับได้ว่าไปบาร์โฮสต์กับฉันคราวก่อนจึงโดนคาดโทษจากคนที่มันรัก
ความสัมพันธ์ของยัยแพรวกับพี่เจเดนมันดูอิรุงตุงนังดีนะ ปากยัยแพรวบอกจะทำเป็นไม่สนใจเขา แต่พอพี่เขาพูดอะไรนิดหน่อยก็ยอมหมด แล้วที่ผ่านมาตั้งใจจะทำเมินเอาคืนพี่เขาที่เคยทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของมันเสียใจ ดูท่าคงล้มเหลวไม่นานนี้แล้วล่ะ
ส่วนฉันนะเหรอ ชีวิตโสดสบายไม่มีใครจะมาคอยห้าม หรือคอยเอาใจอยู่แล้ว พูดไปเหมือนจะดี แต่พอมาคิด ๆ พอเอาแต่ทำงานไปวัน ๆ อย่างเหนื่อยล้า มันก็แอบเหงามาก ๆ อยู่เหมือนกันนะ
“สงสัยคืนนี้ต้องฉายเดี่ยว หาหนุ่มน้อยมาเอาอกเอาใจอีกสักวัน” แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางคือบาร์โฮสต์ของพี่กาน ไป ๆ มา ๆ ตอนแรกโดนลากไป แต่ตอนนี้ดันติดใจเองซะแล้วสิ
ฉันกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดของตัวเองก่อนจะขับรถมุ่งหน้ามายังบาร์โฮตของพี่กาน ไม่นานนักฉันก็ยืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
ชายหนุ่มยืนต้อนรับตั้งแต่ทางเข้าดุจเจ้าหญิง และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่บรรดาหญิงสาวที่ต้องการถูกเอาอกเอาใจมาใช้บริการกันเนื่องแน่น รวมไปถึงฉันด้วย หนุ่ม ๆ หลายคนพยายามที่จะเข้ามาส่งยิ้ม พรีเซนต์ตัวเองให้ฉันเลือก แต่ไม่ล่ะฉันมีเป้าหมายเดียวเท่านั้น นั่นคือน้องเวย์
พีอาร์ของร้านเดินเข้ามาต้อนรับฉัน ก่อนจะพาฉันไปนั่งโต๊ะ VIP โต๊ะหนึ่ง (บัตรคราวก่อนที่ยัยแพรวยังทิ้งไว้ให้อีก 1 ใบไงล่ะ) จากนั้นพีอาร์จึงได้สอบถามว่าฉันมีหนุ่มที่สนใจเป็นพิเศษรึเปล่า แน่นอนว่าฉันมี
“น้องเวย์ เรียกน้องเวย์ให้หน่อยได้รึเปล่าคะ” ฉันพูดแบบนั้นไป แต่พีอาร์ตรงหน้ากลับเงียบก่อนจะเอ่ยถามฉันอีกครั้ง
“น้องเวย์เหรอครับทางร้านไม่มีชื่อน้องคนนี้นะครับ”
“เอ๋ แต่คราวก่อนฉันเลือกน้องคนนี้จริง ๆ นะ ถามพี่กานได้เลย”
“คุณผู้หญิงรอสักครู่นะครับ” พีอาร์เดินลับตาไปสักพักก่อนจะมาพร้อมกับพี่กานที่เดินมาพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร
“ว่าไงน้องออย วันนี้มาร้านพี่คนเดียวเหรอคะ น้องแพรวล่ะ”
“รายนั้นแฟนดุคะพี่ ว่าแต่น้องเวย์ไม่อยู่เหรอคะ ทำไมพีอาร์ถึงเรียกให้ไม่ได้ หรือว่าน้องเขาติดลูกค้าคนอื่นอยู่”
“หืม...น้องออยต้องการเวย์เหรอ”
“ค่ะ...รอบก่อนบริการดีมาก ๆ เลย”
“วันนี้น้องเวย์ ไม่ได้มาร้านพี่น่ะ น้องออยสนใจคนอื่นแทนมั้ยคะ” ฉันที่พอรู้ว่าน้องเวย์ไม่อยู่ก็พลอยทำเอาเซ็ง ๆ และดูเหมือนพี่กานก็คงดูออก
“วันนี้ให้น้องคนอื่น ๆ บริการก่อนดีมั้ย ไว้ถ้าน้องเวย์มาไว้พี่ค่อยแจ้งน้องออยไป”
“ก็ได้ค่ะ ขอเด็ด ๆ ไม่แพ้น้องเวย์นะคะ”
“ได้เลยค่ะ” พี่กานยิ้มให้ฉันก่อนจะให้พี่อาร์จัดการต่อ คราวนี้พี่อาร์เรียกหนุ่ม ๆ ในร้านที่ขึ้นชื่อว่าดาวเด่นมายืนเรียกเป็นตับให้เลือก อื้อหื้อ ก็หล่อสมคำว่าดาวเด่นแหละ แต่ว่า....ทำไมหัวใจจึงไม่เต้นตึกตักเอาซะเลย
ฉันเลือกหนุ่ม ๆ มาสองคน แน่นอนว่าทั้งคู่คอยเอาอกเอาใจ เอนเตอร์เทนดีมาก บอกให้นวดไหล่ก็นวดให้ บอกให้ร้องเพลงก็ร้องไห้ฟัง ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส่ พูดจาเสนาะหูสุด ๆ ชงเหล้าให้กันไม่หยุด มันก็สบายใจอยู่หรอกแต่ทำไมกันกลับนึกถึงใบหน้าบึ้งตึกนั้นมากกว่า
ดื่มเยอะความเมาเริ่มคืบคลาน แต่ฉันก็ยังพอยั้งตัวเองให้ไม่เมาจนสติเลอะเลือนมากกว่านี้ แต่ไม่นานนักพี่กานก็เดินเข้ามาเรียกหนุ่ม ๆ ทั้งสองคนออกไป
“น้องออย พี่ขอตัวเด็กทั้งสองคนนี้ก่อนนะ ไม่งั้นจะเกิดเรื่องใหญ่”
“ทำไมคะ หรือว่าลูกค้าประจำต้องการตัวน้อง ๆ ” ฉันเอนหลังพิงพนักพิงโซฟานั่งไขว้ห้างพาดแขนไปตามพนักพิงก่อนจะมองพี่กานด้วยความไม่เข้าใจ มันมีด้วยเหรอที่เรียกเด็กโฮสต์คืนจากลูกค้า
“...” พี่ออยเอาแต่ยิ้ม แต่ไม่พูดอะไรให้ฉันเข้าใจเลยสักนิด แถมยังพาออกไปดื้อ ๆ ปล่อยให้ลูกค้าอย่างฉันงงฉ่ำ เออเอาเข้าไป
ฉันปล่อยตัวทิ้งร่างบนโซฟา ความเหนื่อยล้ายังมี ความรู้สึกโดดเดี่ยวคืบคลานเข้ามาภายในความนึกคิด และหนาวเย็นไปจนขั้วหัวใจ เพราะเมาเหรอฉันถึงมีความรู้สึกอ่อนไหวขนาดนี้ เมนส์ก็ไม่ได้มานิหว่า
ฉันแหงนหน้าหลับตาสักพัก จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังเดินเข้ามา ก็คงพี่กานแหง ๆ ฉันเลยพูดทั้งที่ยังหลับตาแหงนหน้าไปแบบนั้น เพราะเริ่มหนักหัวหน่อยๆ ก่อนจะรับรู้ได้ว่าคนที่เข้ามานั้นนั่งลงโซฟาข้าง ๆ ฉัน
“ว่าไงคะพี่กาน จะพาหนุ่มมาให้เลือกใหม่เหรอคะ ออยว่าออยกลับดีกว่ายังไงก็คงไม่มีคนที่ถูกใจแล้ว”
“แน่ใจว่าจะกลับ” นั่นคือเสียงที่ตอบฉันกลับมา เดี๋ยวนะนี่ไม่ใช่เสียงพี่ออย ฉันเงยหน้ามองไปยังคนต้นเสียง
“นี่..น้องมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ฉันดีดขึ้นนั่งตัวตรง ก่อนจะมองตาโตไปที่คนข้าง ๆ
“ทำไมเสียใจเหรอที่เป็นผม”
“เปล่า ก็พี่กานบอกว่าน้องไม่ได้เข้าร้านวันนี้นินา”
“แล้วไง พอผมไม่มาพี่ก็เลยเรียกเด็กคนอื่น”
“ก็มันช่วยไม่ได้ เข้ามานั่งเสียเงินไปแล้ว”
“เหอะ...เป็นใครก็ได้สินะ”
“แต่พี่มาถึงร้าน พี่ก็เรียกหาน้องเวย์คนแรกเลยนะคะ แต่พีอาร์ที่นี่เหมือนจะไม่รู้จัก ทำไมเหรอไม่ค่อยมีลูกค้าเรียกน้องเวย์เหรอ”
“คงงั้น ทำไมอยากให้ผมรับแขกเยอะ ๆ” น้องเวย์ยื่นหน้ามาใกล้ฉัน เพียงแค่นี้หัวใจฉันมันก็ระริกแล้วแกเอ่ย สมแล้วที่เขาบอกว่า คนที่ใช่แค่นั่งเฉย ๆ มันก็ใช่
“ไม่ใช่ซะหน่อย คนหล่อ แถมหยิ่ง ๆ ดุ ๆ แบบนี้พี่จองได้คนเดียวก็พอ หมดตัวก็ย่อมได้”
“เหอะ นี่ก็จะอวดรวยไปไหน”
“ก็รวยจริง ทำงานมาเหนื่อย ๆ อยากมีเวลาใช้เงินบ้างนะสิ” พอพูดเรื่องงานที่ไรฉันก็พานเหนื่อยอ่อนทุกที
“คราวหน้าไม่ต้องมาร้านนี่อีก”
“อ้าว...ไม่มาแล้วจะเจอน้องเวย์สุดหล่อได้ยังไงคะ”
“อีกอย่างเบอร์ก็ได้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ ไลน์ก็มี”
“ชิส์ ถามคำตอบคำนะเหรอ”
“ดูมือถือตัวเองก่อนจะพูด” เสียงเข้มของน้องเขาดูจริงจังจนฉันหยิบมือถือตัวเองขึ้นมา โอ้โห...ของจริง ทั้งไลน์มา ทั้งโทรมา แต่เพราะฉันปิดเสียงมือถือไปก็เลยไม่ได้ดูเลย
“ขอโทษพี่ลืมเปิดเสียงมือถือ”
“เหอะ...”
“งอนเหรอ เดี๋ยวพี่ง้อ”
“เมาแล้วเรื้อนจังฟ่ะ กลับเถอะผมไปส่ง”
“คอนโดพี่ หรือคอนโดน้องดีคะ”
“พูดมาก ระวังตัวหน่อยเป็นผู้หญิง”
“ค่ะ ผู้หญิงอายุ 27 ปีแล้วค่ะ มีเงิน มีความรับผิดชอบ พร้อมแต่ง”
น้องเวย์ทำหน้าเอือมพลางส่ายหน้าไปมา ทำเอาฉันหลุดอดยิ้มไม่ได้ นี่แหละสเปกที่หามานาน ก็แค่อยากแหย่ให้กระชุ่มกระชวย
Sparkตอนแรกฉันก็กะจะดื่มต่ออีกสักหน่อย แต่สุดท้ายก็โดนน้องเขาลากออกจากร้านอยู่ดี แถมพี่กานยังบอกว่ารอบนี้พี่เลี้ยงเองอีกต่างหากสรุปแล้วมีความสุขแบบไม่เสียเงินสักบาทจริง ๆ“เอากุญแจมา ผมขับให้” เสียงของน้องเวย์เอ่ยมาพลางยื่นมือมาตรงหน้าและฉันก็มอบกุญแจรถให้แต่โดยดี เพราะฉันเมาขนาดนี้คงไม่ขับรถหรอก“คอนโดพี่ อยู่ที่ไหนผมจะไปส่ง” ฉันหันไปยิ้มให้คนขับก่อนจะแชร์โลเคชั่นเข้าไปที่จอมอนิเตอร์ของรถทันที จากนั้นน้องเขาก็ตั้งใจขับรถไม่ได้หันมาสนใจฉันอีก แต่ท่าทีแบบนี้แหละที่ทำให้ฉันอดมองน้องเขาไม่ได้มันกร้าวใจสุด ๆขับรถมาได้สักพักก็ถึงคอนโดของฉันตอนแรกน้องเขาจะเดินกลับ แต่เป็นฉันเองที่รั้งแขนของน้องเขาไว้ พลางทำใบหน้าออดอ้อนเท่าที่คนอายุ 27 ปีจะทำได้“ไปส่งพี่ถึงห้องหน่อยสิ พี่เมาอยู่นะ” น้องเวย์ทำหน้าถมึงทึงใส่ แต่สุดท้ายก็มาส่งถึงห้องอยู่ดี เพียงฉันเปิดประตู ฉันเขามีท่าทีจะหันหลังกลับ แต่ฉันไม่ยอมหรอกเพราะจู่ ๆ หัวใจฉันมันก็เต้นระริกยิ่งกว่าเดิมจนทำเรื่องที่ถ้าไม่เมาก็จะไม่ทำเด็ดขาด อย่างเช่นกระชากดึงตัวน้องเวย์เข้าห้องก่อนจะปิดประตูห้องดัง‘ปัง!!!!’“ทำแบบนี้คือ.....”“อยู่เป็นเพื่อนพี่คืนห
หัวใจเต้นระริก(หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป)สัปดาห์ที่ผ่านมางานของฉันหนักหนาสาหัสมาก แทบไม่ได้ออกไปไหนแม้แต่กับยัยแพรวก็ไม่ได้เจอหน้า ทำเอาล้าไปจนเข้ากระดูกปวดร้าวไปทั้งตัว เหนื่อยจนแทบบ้า...กว่าจะเคลียร์คิวจองทำฟันให้เบาบางก็เล่นเอาแทบอยากหนีไปพักสักระยะในขณะที่ฉันกำลังนั่งพักในห้องพักแพทย์ นอนเหยียดตรงบนเตียงทั้งแบบนั้นก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาไถ่เล่น ๆ จนสะดุดตาชื่อน้องเขาในไลน์“ตั้งแต่วันนั้นที่ขอไลน์กับเบอร์ไป น้องเขาไม่เห็นจะติดต่อมาบ้างแฮะ หรือว่าฉันควรเป็นฝ่ายทักไปก่อนดี” ฉันพิมพ์ ๆ ลบ ๆ อยู่นาน แต่สุดท้ายดันมือลั่นไปกดส่งอิโมจิหัวใจซะอย่างนั้นโอ๊ย จังหวะนรกสุด ๆ“ลบทันมั้ยนะ แต่ช่างมันเถอะ แค่อิโมจิหัวใจเอง”ฉันวางมือถือลงข้างเตียงพยายามเลิกสนใจมือถือ ก่อนจะหลับตาลงเพียบงีบสักพัก‘Line!!!’ เสียงข้อความตอบกลับดังขึ้น“ไม่จริงมั้ง ฉันเพิ่งจะส่งข้อความไปเอง” ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูและพบว่าเสียงข้อความที่ดังมาจากน้องเวย์จริง ๆWAY : [อิโมจิ ?]Oi : ขอโทษทีส่งผิดWAY : อ่อ...ฉันนิ่งมองจอสักพัก และมองอยู่แบบนั้น“อะไรกัน ตอบแค่ ‘อ่อ’ จริง ๆ เหรอเนี่ยทำไมน้องเขาไม่พิมพ์อะไรอีกหน่อยชิส์ น่าห
ตรวจสุขภาพวันนี้ทางโรงพยาบาลที่ฉันประจำการอยู่ได้รับเชิญให้ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ล่ะอย่างเข้าไปเป็นวิทยากรให้คำปรึกษากับนักศึกษาแพทย์ที่กำลังจัดโครงการสวัสดิการตรวจสุขภาพประจำปีของมหาลัยแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าน้อง ๆ นักศึกษาแพทย์จะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ ส่วนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเข้าไปให้คำแนะนำ และตรวจสอบเบื้องต้นให้ว่า เคสไหนสามารถให้นักศึกษาแพทย์ทำได้ หรือเคสไหนควรส่งต่อให้กับทางโรงพยาบาลแน่นอนว่าทั้งฉัน และ แพรวต่างก็เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้ร่วมกับแพทย์คนอื่น ๆ อีก 6 คน รวมเป็น 8 คนพวกเรามาถึงมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก ก็ที่มาคาเฟ่แมวนั่นแหละนะเมื่อยังไม่ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปอบรมนักเรียนแพทย์ ทั้งฉันกับแพรวก็ของปลีกตัวไปหาอะไรทานกันก่อน แน่นอนว่าสายตานักศึกษาหลาย ๆ คนต่างจับจ้องมาที่พวกเรา ไม่รู้มองเพราะอะไร แต่ที่แน่ ๆ รอยยิ้มของนักศึกษาตามรายทางก็ทำให้ฉันและแพรวกระชุ่มกระชวยกันพอควร“ไหน ๆ ก็มาถึงมหาลัยแล้วก็หาซะเลยสิ” ยัยแพรวหันมากระซิบก่อนจะเบือนหน้าไปยิ้มให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ฉันเองก็เช่นกัน อิอิ“เป็นความคิดที่ดี เด็กเอ๊าะ ๆ
ถูกใจก็จัดพี่กานไปได้ไม่นาน ก็เดินกลับมาคนเดียวดูท่าจะไม่เป็นผลสำเร็จแฮะ เห็นจ้องมองกันขนาดนี้นึกว่าจะยอมมาให้เปย์สักหน่อย ดูท่าฉันคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ“พี่กานทำหน้านิ่งขนาดนี้ ดูท่าไม่เป็นผลสินะคะ ไม่เป็นไรคะ ออยแค่ลองถามดูเฉย ๆ”“ไม่เป็นไรนะแก น้อง ๆ คนอื่น ๆ ก็บริการดี” ยัยแพรวหันมาปลอบใจก่อนที่ เด็ก ๆ คนอื่น ๆ จะเอาใจฉันต่อเหมือนเดิม“ป่าวหรอกน้องออย น้องเขาตกลงนะ เพียงแต่....”“แต่อะไรคะ ฉันวางแก้วลงก่อนจะจ้องมองพี่กานฟังอย่างตั้งใจ”“เด็กคนนี้ไม่เคยรับใคร เลยบอกว่าถ้าเป็นน้องออยเขายอมแต่ขอนั่งโต๊ะแยกไปสองคน”ฉันถึงกับเลิกคิ้ว ก่อนจะหันไปมอง ผู้ชายคนนั้นบนเวที ซึ่งตอนนี้กำลังกอดอกยืนพิงผนังมองมาที่ฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่ฉันกลับชอบมันดูนิ่ง แบดหลบในดี แถมหล่อถูกใจ“โห...เด็กมันแรงนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เคยรับใครจริง ๆ พี่กานโกหกเพื่อเรียกค่าตัวรึเปล่าคะ” ยัยแพรวถึงขนาดเบิกตาโต พลางหยอกล้อ พี่กาน“พี่สาบานเลย มันไม่เคยรับใคร หมายถึงน้องคนนั้นนะ นาน ๆ ทีถึงจะโผล่มาร้านนี้ด้วยซ้ำ ว่าไงล่ะคะน้องออยยังสนใจไหม” พี่กานหันมามองฉันเพื่อยืนยันอีกครั้ง“แน่นอนสิคะ เรียกกี่ดื่มก็จัดม
หนีเที่ยวตกเย็นหลังจากที่ฉันกับแพรว กลับคอนโดเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว ก็ขับรถมุ่งไปคาเฟ่แมวที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่ไกลจากคอนโดมากนักสองสาววัยทำงานที่มานั่งอยู่ในร้านคาเฟ่น่ารัก แต่รอบข้างกลับเต็มไปด้วยนักศึกษาสาวเอ๊าะ ๆ ไปทั่วร้าน พอมองไปมองมาก็ชักเขินแปลก ๆ“แพรว แกว่าพวกเรามาร้านนี้มันเหมาะเหรอ ดูสภาพเราแล้วจะไม่ค่อยเข้ากับร้านนี้เท่าไหร่นะ”“ทำไมล่ะ หน้าตาเราออกจะกลมกลืนกับเด็กมหาลัยจะตายไป”“ที่พูดนี่ปลอบใจตัวเองงั้นเหรอ”“บ้า....ฉันพูดไปตามความจริงย่ะ ดูไปนอกกระจกนั่นดิ สาวมหาลัยในร้านมีตั้งมากมาย ทำไมน้อง ๆ ผู้ชายกลุ่มนั้นถึงมองมาที่เราเป็นจุดเดียว” ยัยแพรวพูดพลางยิ้มโบกมือให้หนุ่มน้อย“ก็คงมองว่าทำไมป้าแก่ ๆ สองคนถึงมานั่งในดงวัยรุ่นล่ะมั้ง”“โอ๊ย...สวยแบบเราหัวกระไดไม่เคยแห้งมาก่อนขนาดนี้ แกดูดี ๆ หล่อ ๆ ทั้งนั้นเลย ไม่สนหาบ่าวน้อยสักคนเหรอ”“ยังไม่อยากมีใครจริง ๆ ตอนนี้ แค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายแล้ว”“แก่ตัวไปมากกว่านี้มันจะหายากเอานะเว้ย ถามจริงแกไม่อยากมีใครมาอ้อน หรือ อยากอ้อนใครบ้างเหรอ” ฉันมองหน้ายัยแพรว สีหน้ามันตอนนี้จริงจังมากจริง ๆ เข้าใจได้ว่ายิ่งแก่ตัวเ
ยังโสด [OI PART] ณ.บ้านอันแสนอบอุ่นหลังหนึ่ง “ยัยออยมากินข้าวได้แล้วลูก” เสียงของผู้เป็นแม่เรียกฉันที่นอนกลิ้งไปมาบนเตียงพลางไถ่มือถือเล่น ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง“ค่ะแม่ จะลงไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” ฉันเอ่ยตอบผู้เป็นแม่ออกไปก่อนจะลงไปด้านล่างทั้งชุดนอนแบบนี้พอมาถึงโต๊ะอาหารทั้งพ่อและแม่ก็นั่งรอฉันอยู่แล้ว“ยัยออย ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยลงมาก่อนละลูก”“ไม่เห็นเป็นไรเลยแม่ เดี๋ยวออยก็ขึ้นไปนอนต่ออยู่ดี”“คุณดูลูกเราสิ ไม่มีความเป็นกุลสตรีสักนิดกระโตก กระตากเหมือนคุณไม่มีผิด” แม่ฉันบ่นอีกแล้ว...“ก็ลูกผมไงล่ะ ฮ่า...”“ฮ่า...” ฉันหัวเราะไปกับพ่อฉันในขณะที่แม่ทำหน้าบึ้งวางจานกับข้าวดังปัง“คุณก็เอาแต่ให้ท้ายลูก คุณดูสิ ลูกเราจะเข้าวัยเลขสาม ยังไม่มีแม้แต่แฟน ทำแต่งาน แล้วเมื่อไหร่ลูกเราจะมีคนมาดูแล”“แม่คะ ออยเป็นหมอนะ ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ไม่ต้องให้ใครมาดูแลขนาดนั้นหรอก”“ใช่ ถ้าลูกเราหาสามีไม่ได้ ผมกับคุณก็เลี้ยงลูกไปจนแก่จนเฒ่าไง” ทำไมฉันฟังพูดเหมือนพลังบวกเชิงลบสุด ๆ“พ่อ หนูแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ ไม่ใช่ว่าชาตินี้จะไม่มีแฟนซะหน่อยแค่ไม่ใช่ตอนนี้แค่นั้นค่