@ มหาวิทยาลัย HW
"วันนี้เรียนเสร็จไว ไปหาอะไรกินกันมั้ย" แอลลี่เอ่ยชวนน้ำชากับแองจี้เพื่อนสนิทของเธอ
"เออ ไปดิ อยากกินบุฟเฟต์อะแก" น้ำชาตอบ
"เออๆ เอาดิ อยากกินเหมือนกัน" แองจี้สนับสนุน เพราะเกือบสามอาทิตย์แล้วที่ทุกคนสุมหัวกันทำแต่รายงานและหมกมุ่นอยู่กับการเรียน เพราะปีนี้เป็นปีสุดท้ายของพวกเธอจึงต้องเร่งรีบเก็บงานและตามงานที่ยังคั่งค้าง เพราะเหลืออีกแค่เทอมเดียวพวกเธอก็จะเรียนจบกันแล้ว
"เรื่องของแกกะเฮียฟาเป็นไงมั่งอะแอลลี่ เมื่อไหร่แกจะสารภาพรักกับเฮียเขาสักที ฉันรอลุ้นอยู่นะ" น้ำชาเอ่ยถามในขณะที่คีบเนื้อขึ้นเตาย่าง
"ก็กะว่าเรียนจบแล้วค่อยบอกอะ เฮียฟาจะได้ไม่เห็นฉันเป็นเด็กอีก ทุกวันนี้เหมือนเฮียฟาเขาจะไม่เคยเห็นฉันโตสักที" แอลลี่กินไปบ่นไป
"แต่ฉันว่าไม่ต้องรอแล้วไหม นี่แกก็อายุยี่สิบสองแล้วนะ โตจนมีผัวได้แล้วป่ะวะ" แองจี้ออกความเห็น
"เออ ฉันห็นด้วยกับแองจี้มันนะ อีกแค่เทอมเดียวก็จะเรียนจบแล้ว บอกตอนนี้กับบอกตอนนั้นมันก็แทบจะไม่ต่างอะไรกันเลยนะแอลลี่ ถ้าแกมัวแต่ชักช้าระวังเฮียฟาจะถูกสาวอื่นงาบไปกินซะก่อนนะ" คำพูดของน้ำชาทำให้แอลลี่ถึงกับต้องเก็บมาคิดมากจนแทบจะนอนไม่หลับกันเลยทีเดียว หรือเธอควรจะสารภาพความในใจให้เขารู้ไปเลยดีนะ
ตลอดเวลาเท่าที่จำความได้ ฟาเบียนคือฮีโร่ในชีวิตของเธอมาโดยตลอด เขาเป็นผู้ชายที่น่ารัก อบอุ่น และดูแลเธอเป็นอย่างดี จนเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารักเขาตอนไหน แต่พอรู้ตัวอีกทีก็รักเฮียฟาไปแล้วเต็มหัวใจ แต่ติดที่ยังไม่กล้าบอกความรู้สึกกับเขาตรงๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะมองว่าเธอยังเด็ก ทั้งๆ ที่เธอกับฟาเบียนก็ห่างกันไม่ถึงสามปีเลยด้วยซ้ำไป แต่คงเป็นเพราะฟาเบียนเติบโตและดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กๆ ในสายตาของเขาจึงไม่เคยมองว่าเธอโตขึ้นเลย
แอลลี่คิดวกไปวนมาถึงเรื่องที่คุยกับน้ำชาและแองจี้ตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายจนถึงตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ...และในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้สักที
"เอาวะ.. บอกก็บอก ถ้าช้าถูกงาบไปกินล่ะแย่แน่เลย" แอลลี่บอกกับตัวเองก่อนที่จะล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปในที่สุด
เช้าวันใหม่อากาศสดใส แอลลี่รีบตื่นขึ้นมาแต่เช้า วันนี้เธอเตรียมตัวเตรียมใจเป็นอย่างดีแล้วว่าจะต้องสารภาพความในใจกับฟาเบียนเสียที หลังจากที่แอบรักเขามานานถึงยี่สิบปี เธอตัดสินใจโทรหาน้ำชาเพื่อบอกเรื่องนี้ทันที เผื่อว่าเพื่อนเธอจะมีคำแนะนำดีๆ หรือให้กำลังใจเธอบ้าง
"ฮัลโหลวววว... ว่าไงคะเพื่อนสาว" เสียงน้ำชาเอ่ยทักทันทีเมื่อรับสาย
"น้ำชา ฉันตัดสินใจแล้วนะ ว่าวันนี้จะไปสารภาพความในใจกับเฮียฟา"
"จริงเหรอแก เออๆ ดีๆ ฉันเห็นด้วย ขอให้แกสมหวังนะ"
"แกว่าเฮียฟาจะรักฉันเหมือนกับที่ฉันรักเขาไหมอะ" แอลลี่เริ่มจะกังวลใจ
"อย่าคาดเดาค่ะเพื่อน ของแบบนี้อยากรู้ก็ต้องถามเองไปเลย อย่างน้อยแกก็ไม่เคยเห็นเฮียเขาควงสาวที่ไหนหนิ ไม่แน่นะ เขาอาจจะมีใจให้แกแต่ไม่กล้าพูดเหมือนแกก็ได้"
"ขอบใจนะแก งั้นเดี๋ยวฉันจะรีบไปบริษัทเฮียฟาแต่เช้า เห็นว่าช่วงสายๆ เฮียเขามีประชุม เดี๋ยวจะไม่ทัน"
"เออๆ โอเคๆ ได้ความยังไงโทรบอกฉันด้วยล่ะ" น้ำชาพูดก่อนที่จะวางสายไป
...
@มาร์ตินกรุ๊ป ประเทศไทย
แอลลี่เดินเข้ามาในบริษัทด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงเช้า ป่านนี้ฟาเบียนคงมาถึงบริษัทเรียบร้อยแล้วเพราะปกติเขาเป็นคนตรงต่อเวลามาก ร่างเล็กเดินตรงไปยังประตูห้องแล้วเปิดเข้าไปทันทีโดยที่เลขาสาวหน้าห้องยังไม่ทันได้เอ่ยปากบอกอะไรเลยด้วยซ้ำ
"บอส คุณฟาบริซ คุณแอลลี่เป็นพี่น้องกัน คงไม่เป็นไรมั้ง เราจะโดนตำหนิไหมเนี่ย" เลขาสาวหน้าห้องบ่นพึมพำเพราะห้ามเธอเอาไว้ไม่ทัน
"เฮียฟาขาาาา" เสียงเรียกชื่อแว่วหวานมาแต่ไกล เจ้าของชื่อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารสำหรับการประชุม พลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"อ้าว..แอลลี่ มาหาเฮียแต่เช้าเลย มีอะไรหรือเปล่า?" ฟาเบียนเอ่ยถาม
"เอ่อ.. ก็มีค่ะ แอลลี่มีเรื่องสำคัญอยากบอกเฮียฟาค่ะ" แอลลี่เดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม ทำท่าจะนั่งลงบนตักแกร่งของเขา แต่ดูเหมือนเขาจะรู้ทันความคิดของเธอเลยทำหน้าดุใส่ แอลลี่จึงจำใจต้องเลื่อนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แล้วเข้ามานั่งใกล้ๆ กับเขาแทน
"มีอะไรเหรอ ธุระสำคัญใช่ไหมถึงต้องมาหาเฮียถึงที่นี่ ไปก่อเรื่องอะไรมา หรือจะมาขอตังค์ไปเที่ยวอีกล่ะ" ฟาเบียนเอ่ยถามยิ้มๆ
"เฮียฟาพูดเหมือนแอลลี่ยังไม่โตเลยนะคะ ปีนี้แอลลี่อายุยี่สิบสองแล้ว โตเป็นสาวแล้วนะคะ" เธอพูดพร้อมกับทำหน้ายู่ใส่ จนชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
"ถ้างั้นมีอะไรจะบอกเฮียว่ามาเลย เฮียรอฟังอยู่"
"เอ่อ..เฮียฟาว่าแอลลี่โตพอจะมีความรักได้หรือยังคะ"
"หือ.. อย่าบอกนะว่าแอลลี่แอบมีแฟนน่ะ" ฟาเบียนจ้องหน้าเธอเขม็ง
"เปล่าค่ะ แอลลี่แค่ลองถามเฉยๆ อยากรู้ว่าเฮียฟาจะว่ายังไง"
"จริงๆ ถ้าแอลลี่จะมีคนรักมันก็ไม่ผิดหรอก อายุยี่สิบสองก็โตพอที่จะมีแฟนได้ อีกแค่เทอมเดียวแอลลี่ก็จะเรียนจบแล้วน้าแอลตันคงจะไม่ว่าหรอก" ฟาเบียนบอกกับเด็กสาวตรงหน้า ซึ่งตอนนี้เธอกำลังจ้องมองเขาตาแป๋ว
"แอลลี่ก็คิดว่าอย่างนั้นแหละค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนกันกับแอลลี่หรือเปล่า"
"แอลลี่ยังไม่ได้บอกผู้ชายคนนั้นเหรอว่ารู้สึกยังไงกับเขา ถ้าเราอยากรู้ก็ควรจะบอกความรู้สึกของเราให้เขารู้ก่อนนะ" ฟาเบียนให้คำแนะนำกับเด็กสาว
"จริงเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นแอลลี่บอกได้เลยใช่ไหมคะ?" เธอพูดกับชายหนุ่มพร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นอย่างชั่งใจ แอลลี่สูดลมหายใจเข้าปอดพร้อมกับพูดออกมาทันที
"แอลลี่รักเฮียฟาค่ะ รักเฮียคนเดียวมาตลอด แล้วก็รักมานานมากแล้วด้วยค่ะ แล้วเฮียฟาล่ะคะ รักแอลลี่บ้างไหม?" แอลลี่ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกเมื่อพูดจบประโยค หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมานอกอกในขณะที่ฟาเบียนได้แต่นิ่งเงียบ
"เฮียฟาคะ ทำไมเงียบไปล่ะคะ เงียบแบบนี้แอลลี่ใจเสียนะ" แอลลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ในใจเริ่มมีความวูบไหวแปลกๆ เมื่อเห็นอากัปกิริยาของชายหนุ่มตรงหน้า
"คือ..เฮีย .. เฮียขอโทษที่รับรักแอลลี่ไม่ได้ เฮียไม่ได้คิดกับแอลลี่แบบนั้น" ฟาเบียนตอบ เขาเห็นน้ำตาของเธอไหลร่วงลงมาจากดวงตาคู่สวยที่แสดงให้เห็นถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน จนเขาเองก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน
...
Write Talk: งื้อ..สงสารยัยน้อง อกหักซะแล้ว
ฉันตัดสินใจว่าจะกลับไปที่บ้านพักตากอากาศเพราะอยากแน่ใจในบางสิ่งบางอย่างก่อนที่จะกลับไปทำงานในอีกสองวันข้างหน้า จริงๆ แล้วฉันชอบบรรยากาศที่รีสอร์ตของน้ามิกกี้มากนะ เพราะมันสวยงามเหมือนโลกแห่งความฝัน มีความสงบและเป็นส่วนตัวสูง มัมเคยเล่าว่าสมัยก่อนตอนที่มีปัญหากับแด๊ดเคยหนีมาพักที่นี่ แต่แด๊ดก็มาตามง้อกลับไปจนได้ฉันโทรหาน้ามิกกี้เพื่อบอกว่าวันนี้ฉันจะกลับแล้ว น้ามิกกี้คงจะรู้คร่าวๆ จากมัมว่าฉันมีปัญหาชีวิตนิดหน่อย ท่านบอกว่าถ้าอยากกลับจะให้เรือของรีสอร์ตไปส่งให้ไม่ต้องรอเรือจากท่าเรือให้เสียเวลา ดูความน่ารักของน้ามิกกี้สิคะ ทั้งหล่อทั้งใจดี อบอุ่นขนาดนี้แต่ทำไมถึงยังโสดอยู่นะติ๊งงงงฉันก้มลงมองที่มือถือ พบว่ามีข้อความจากฟาบริซส่งมาให้ ตั้งแต่เกิดเรื่องฉันก็ไม่รับโทรศัพท์ของเขาเลย แต่พ่อเจ้าประคุณก็ขยันส่งข้อความมาให้บ่อยๆ คงจะรู้ว่าถึงโทรมาฉันก็ไม่รับเลยส่งเป็นข้อความมาแทน ซึ่งฉันก็อ่านนะ แต่ไม่ได้ตอบกลับไปหรอก LINE / FABRIZFabriz: แอลลี่ครับ พี่คิดถึงหนูที่สุด พี่ไม่เคยนอกกายและไม่เคยนอกใจหนู ไม่เคยแม้แต่จะคิด พี่รักหนูคนเดียวนะฉันถอนหายใจเมื่ออ่านข้อความจบลง จริงๆ แล้วฉันก็แปลกใจ
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะเปิดดูข้อความที่แอลลี่ส่งให้ แต่เธอรีบเดินกลับไปที่รถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านแล้วขึ้นรถขับตามออกมาทันทีโดยไม่ได้สนใจถุงแป้งที่ตะโกนร้องเรียกตามหลังมาเลยสักนิดผมพยายามขับรถไล่ตามเธอแต่เธอขับเร็วมากแถมยังเลี้ยวเข้าซอยเล็กซอยน้อย จนผมไล่ตามไปไม่ทัน แล้วในที่สุดเราก็คลาดกันจนได้ ผมขับรถมาจอดบนถนนเลียบชายหาด พยายามโทรหาเธอเป็นสิบสายแต่เธอไม่ยอมรับสาย ผมจึงทำได้แต่นั่งกุมขมับตัวเอง"ปวดหัวชิบ!!" ผมสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย หยิบโทรศัพท์มากดดูไลน์ที่แอลลี่ส่งมาให้ คิ้วหนาขมวดมุ่น เพ่งมองด้วยความแปลกใจ ภาพที่ส่งมาดูจากชื่อแล้วคงเป็นไอจีของไอ้กองทัพที่ถูกแท็กโดยไอจีของถุงแป้ง ภาพถ่ายพร้อมแคปชั่นทำให้ผมส่ายหัว ไม่แปลกเลยที่แอลลี่จะเข้าใจผิดแบบนี้ ส่วนโลเคชั่นและภาพถ่ายในห้องที่ถุงแป้งส่งไปมันยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นว่าเธอตั้งใจเขย่าเสาเรือนผมกับแอลลี่แน่นอนผมกดโทรศัพท์ถึงป้าแม่บ้านทันที ไม่นานป้าก็รับสาย"คุณฟาบริซอยู่ไหนคะเนี่ย คุณถุงแป้งเธอร้องห่มร้องไห้โวยวายว่าคุณทิ้งเธอจนป้าปวดหูไปหมดแล้วค่ะ"ป้าไม่ได้พูดเกินจริงหรอก เพราะในขณะที่ผมคุยสายอย
(Ally)ฉันวางมือถือลงแล้วละสายตาจากแอพพลิเคชั่นไลน์ที่ถูกส่งมาให้แล้วมองไปยังถนนด้านหน้าพยายามตั้งสติขับรถไปยังจุดหมายซึ่งใกล้จะถึงอยู่รอมร่อ แต่หัวใจของฉันกำลังเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้เห็นและรับรู้ ยัยถุงแป้งส่งโลเคชั่นบ้านพักตากอากาศพร้อมกับเสื้อผ้าที่ฟาบริซซื้อให้ฉันเมื่อครั้งก่อนมาเย้ยกันแบบนี้เธอคงจะประกาศสงครามกับฉันอย่างเป็นทางการแล้วสินะฉันกระพริบตาถี่ๆ ไล่หยดน้ำตาที่ตอนนี้มันเอ่อเต็มจนทำให้มองอะไรพร่าลือนไปหมด ไม่รู้ว่าเรื่องราวแบบนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็เลือกที่จะมาเห็นด้วยสองตาของตัวเองมากกว่า ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บแค่ไหนก็ช่างมัน เพราะอย่างมากมันก็แค่เจ็บ หรือเจ็บปางตาย แต่มันคงไม่ถึงตายฉันจอดรถที่หน้าประตูรั้วของบ้านพัก ซึ่งมองเห็นรถหรูของฟาบริซจอดอยู่คันเดียว แต่ไม่มีรถยัยถุงแป้งแสดงว่าที่ยัยถุงแป้งโพสต์ขอบคุณที่เขาไปรับ มันก็คงเป็นเรื่องจริงสินะ ฉันเหยียดยิ้มเย้ยหยันให้กับความเจ็บปวดในหัวใจของตัวเอง เอามือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วก้าวเท้าลงไปจากรถ สูดหายใจเข้าให้เต็มปอด "พร้อมเผชิญกับความจริงเถอะนะแอลลี่" ฉันกลั้นใจบอกกับตัวเองพร้อมกับก้าวเดินเข้าไ
ถุงแป้งนั่งอมยิ้มอย่างมีความสุขหลังจากที่เธอลงรูปภาพพร้อมแคปชั่นเด็ดในไอจีโดยตั้งใจแท็กไปที่กองทัพ เพราะเธอรู้ว่าแอลลี่กับกองทัพตามไอจีของกันและกันอยู่"ป่านนี้อกแตกตายไปหรือยังล่ะนังแอลลี่" ถุงแป้งยิ้มเยาะอยู่ในใจ ตอนนี้เธอกำลังนั่งเชิดหน้าชูคออยู่บนรถหรูราคาเกือบสามร้อยล้าน โดยมีชายหนุ่มรูปหล่อฐานะอภิมหึมามหาเศรษฐีเป็นคนขับให้นั่ง มันช่างมีความสุขเสียนี่กระไร"ผมย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้คุณตรวจดูเอกสารให้เรียบร้อย ทำไมถึงพลาดได้" ฟาบริซพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่ถุงแป้งก็หาได้แคร์ไม่ ปล่อยให้หงุดหงิดไปก่อนเถอะ เพราะเดี๋ยวคืนนี้เธอจะปลดปล่อยให้เขาหายหงุดหงิดเองนั่นแหละ"ถุงแป้งขอโทษด้วยนะคะที่พลาดไป แต่พอรู้ถุงแป้งก็รีบขับรถตามมาให้ทันทีเลยค่ะ" หล่อนทำหน้าเศร้าสุดชีวิตใส่ฟาบริซ เขาส่ายหน้าไปมาแล้วถอนหายใจยาว"แล้วที่ว่ารถเสีย มันเป็นอะไร" ฟาบริซเอ่ยถามในขณะที่ยังมองตรงไปด้านหน้า ไม่หันหน้ามามองเธอเลยตลอดเส้นทาง แต่ถุงแป้งก็ไม่ใส่ใจอีกนั่นแหละ เพราะคืนนี้เธอจะให้เขามองทุกส่วนยิ่งกว่าให้มองหน้าอีก"ถุงแป้งก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ขับมาอยู่ดีๆ มันก็ดับไปแล้วก็สตาร์ทไม่ติดอีกเลย"ฟาบริซพยายามข่มใจไม
"อ๊ะ อื้ออออ พะ..พี่ฟาบริซ อ๊าาาา"ฉันร้องครางอย่างไม่อาย เพราะตอนนี้ลิ้นอุ่น ๆ ของเขากำลังเล่นงานฉันอย่างหนัก แถมเขายังใช้นิ้วหัวแม่มือบดคลึงเป็นวงกลมเบา ๆ ที่เกสรสาวของฉันไม่หยุด ฉันเสียวจนไม่รู้จะบรรยายยังไง รู้แต่ว่าตอนนี้ร่างเล็กรุ่มร้อนไปหมด แถมความเสียวซ่านยังวิ่งวนไปทั่วร่าง"อื้มมมมมม"เสียงพี่ฟาบริซครางงึมงำในลำคอ แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากหว่างขาขาวของฉันเลย ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าร่างกายมันเบาโหวงเหวงเหมือนล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ขนอ่อนลุกเกรียว ความเสียววิ่งมากระจุกตัวรวมกันอยู่ที่ส่วนยอดของเกสรสาวจนใกล้จะประทุเต็มทนแล้ว ฉันกัดริมฝีปากแล้วเชิดหน้าขึ้น"อ๊าาาา พี่ฟาบริซ แอลลี่เสียว อร๊ายยยย"ร่างเล็กเกร็งกระตุกพร้อมกับปลดปล่อยน้ำหวานออกมามากมาย แต่เขาก็ดูดดื่มมันจนหมด ฉันหอบหายใจถี่รัว รู้สึกเรี่ยวแรงหดหายเหมือนไปวิ่งรอบสนามสักสิบรอบทั้ง ๆ ที่เรื่องจริงแค่นอนรับเสียวอยู่บนโต๊ะนี้เท่านั้น พี่ฟาบริซเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบทิชชูเปียกมาเช็ดเนินเนื้อสาวอย่างทะนุถนอม ฉันแอบมองเห็นเขาจ้องแอลลี่น้อยแล้วยิ้มให้อย่างมีความสุขเหลือเกิน เขาค่อย ๆ แยกกลีบกุหลาบออกจากกันแล้วซับเบา ๆ จนฉันอดเ
ฉันแวะเอาอาหารที่ซื้อมาฝากเฮียฟาไปให้ที่ห้องทำงานและอยู่คุยด้วยอีกนิดหน่อยก่อนที่จะขอตัวมาหาพี่ฟาบริซที่ห้องก๊อก ก๊อก ก๊อกมือเล็กเคาะประตูตามมารยาทก่อนที่จะเปิดเข้าไป พี่ฟาบริซเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะทำงานแล้วส่งยิ้มหวานให้ ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาพลางหยิบถุงอาหารที่อยู่ในมือไปถือไว้แทน"ซื้ออะไรมาฝากพี่เหรอครับ" เขาเอ่ยถามพร้อมกับจูบที่แก้มเนียนฟอดใหญ่"พอดีแอลลี่แวะไปหาซื้อเสื้อผ้าใส่ทำงานที่ห้างใกล้ๆ นี่แหละค่ะ ซื้อเสร็จแล้วหิว ก็เลยแวะทานอาหารแล้วร้านนี้อร่อยมาก แอลลี่เลยซื้อมาฝาก" ฟาบริซจูงมือฉันมานั่งที่โต๊ะเล็กที่โซนใกล้ๆ กัน เป็นโต๊ะที่ไว้นั่งทานของเบรคและดื่มกาแฟเพื่อพักผ่อนระหว่างการทำงาน"หิวไหมคะ แอลลี่ซื้อสลัดโรลดอกไม้มาฝากด้วยนะ น้ำสลัดงาญี่ปุ่นอร่อยมากเลย มีเครื่องดื่มแบบฟิวชั่นด้วย เดี๋ยวเอาไปจัดใส่จานให้นะ" ฉันเอ่ยพลางหยิบถุงอาหารแล้วเดินเข้าไปยังเคาท์เตอร์เล็ก ๆ ที่มีจานและช้อนแยกไว้อยู่ ฉันจัดสลัดดอกไม้ใส่จาน พร้อมกับหยิบขวด Watermelon Rosemary Flavered Water เป็นน้ำฟิวชั่นที่ใช้แตงโมและโรสแมรี่เป็นส่วนประกอบ รสชาติหอมหวานละมุนละไม หลังจากนั้นก็เดินไปเสริฟให