Share

บทที่7

7 การพัฒนาด้านโภชนาการของเฮง

หลังจากนั้นสองสามอาทิตย์ของการดื่มแค่เพียงมิลค์เชคเลือดแพะ เฮงเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย เขาได้ลองชิมรสไก่ แต่ไม่ชอบจริง ๆ แม้ว่าเขาจะดื่มมันเพื่อไม่ให้เสียเปล่าเวลาที่พวกเขาเชือดไก่ เขากินมันด้วยรสชาติแบบเดิม ๆ แบบที่เด็ก ๆ กินบรอกโคลีหรือ กระหล่ำปลี เขาคิดว่าเขาจะสูบเลือดสุนัขของเขา แต่ก็ไม่ชอบความคิดนี้เท่าไหร่นัก

ก่อนที่เขา ‘ป่วย’ เขากินงู หนู และกบเป็นประจำ แต่เขาคิดว่าพวกมันจะมีเลือดไม่เพียงพอสำหรับมื้ออาหารที่เหมาะสมนัก เขาพิจารณาว่าจะต้องใช้สัตว์อย่างน้อยสองหรือสามตัวต่อการล่าหนึ่งครั้ง และที่นั่นก็ไม่ได้มีหนูมากนัก มีงูเต็มไปหมด ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่มีหนูอยู่มากนัก

ไม่มีสัตว์ชนิดอื่นในพื้นที่เลย มนุษย์เป็นสัตว์ที่แพร่พันธุ์มากที่สุด และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขากลัว เพราะเขาเริ่มหิวกระหายเลือดของมนุษย์ ครอบครัวของเขาจะปลอดภัยจากเขา เพราะนั่นมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องสำหรับเฮง เทียบเท่ากับการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง แต่เขาคิดถึงคนอื่น และผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ด้วยเหตุผลที่คล้ายกันว่าทำไมเขาถึงไม่แตะต้องครอบครัวของเขา

ทุกคืนหลังจากอาหารเย็นเขาจะบินไปรอบหมู่บ้าน ด้อม ๆ มอง ๆ หญิงสาวที่กำลังอาบน้ำและเพ้อฝันเกี่ยวกับพวกเขา: ‘จะเกิดอะไรขึ้นถ้า

นอกเหนือจากคำถามด้านจริยธรรมเกี่ยวกับคำสัญญาของเขาที่ว่าจะไม่กัดชาวบ้าน แล้วยังมีอีกหนึ่งวิธี เขาไม่ได้แค่ร่อนลงบนบ่าของผู้หญิงเพียงเพราะเขาจะกลายเป็นมนุษย์อีกครั้ง เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองมีเขี้ยวด้วยไหม แน่นอนว่าเขามีฟันที่แหลมคมเล็ก ๆ แต่เขาไม่รู้ว่ามันเหมาะกับอะไรที่สุด เขาไม่ได้ต้องการมันเพื่อกินยุง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับอาหารของเขาในฐานะค้างคาว

เขาคาดว่าเขาจะต้องดื่มเลือดในขณะที่บินฉวัดเฉวียนอยู่ แต่เขาก็ยังไม่เก่งเท่าไหร่เลย ยิ่งไปกว่านั้นเหยื่อจะต้องหลับอยู่ หรือเขาจะต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง และมีโอกาสที่เขาจะชนะนั้น มีน้อยมาก

มันน่าหงุดหงิดมาก เมื่อมองลอดเข้าไปในห้องอาบน้ำจากใต้ชายคาเหมือนเด็กเกเรคนหนึ่งที่เอาจมูกไปกดกับหน้าต่างของร้านอาหารแพง ๆ

ความอยากกินเลือดมนุษย์กลายเป็นสิ่งที่ทนไม่ไหว เขาได้ทำตามคำสัญญาเหล่านั้น ก่อนที่เขาจะตระหนักได้ว่าการรักษามันไว้เป็นเรื่องยากเพียงใด และคนที่ขอให้เขาทำตามก็ไม่ได้บอกเหตุผลที่พวกเขาขอ ไม่มีเขาอีกต่อไปแล้ว

มันเหมือนกับการบอกเด็กว่าอย่าต้องการขนมหวาน อย่าต้องการดื่มแอลกอฮอล์ หรือห้ามลูกวัวไม่ให้อยากกินนมแม่ และมันทำให้เขาแทบบ้า คำถามที่น่าสนใจสำหรับเฮงคือ เขาจะหาได้จากที่ไหน แค่อยากลองดู เลือดมือสองจากยุงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่มันเป็นเพียงแค่ครั้งละหยดเท่านั้น เขาอยากได้สักถ้วย แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าร่างกายเล็ก ๆ ของเขาจะจุได้มากแค่ไหน

เฮงออกไปกับฝูงแพะมาสองสามสัปดาห์แล้ว แต่เขาไม่ได้เดินเล่นรอบ ๆ หมู่บ้าน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาเรื่องแสงแดด แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะเขากลัวถูกถามคำถามเกี่ยวกับดวงตาและผิวหนังของเขา อย่างไรก็ตามเย็นวันนี้จะต่างออกไป เพราะหลังจากการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ภรรยาของเขาได้ตอบรับคำเชิญไปงานเลี้ยงวันเกิดคนในชุมชนที่พวกเขาเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งอยู่

เฮงรู้สึกประหม่า แม้จะกลัวที่จะไป และวรรณเองก็เช่นกัน แต่พวกเขาแต่งตัวอย่างดี กัดฟันและเดินไปที่ฟาร์มซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก งานเลี้ยงเริ่มตอนเจ็ดโมงและจัดในสวน ซึ่งก็เป็นไปตามปกติ มันก็ลงตัวกับเฮง เพราะนั่นหมายความว่าเขาไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อยืดหรือผ้าโพกหัว และสามารถซ่อนผิวที่ซีดไปในแสงไฟสลัวได้ เขาสวมแว่นกันแดดของเขา แม้ว่าวรรณเองก็คิดว่าทำให้พวกเขามองเฮงโดดเด่นมากท่ามกลางแสงจันทร์

พวกเขาเข้าไปทักทายเจ้าของงาน เลนและจอย เมื่อไปถึงและทั้งคู่รู้สึกโล่งใจเมื่อไม่มีใครพูดถึงอาการป่วย หรือการห่างหายไปจากหมู่บ้านของเฮง

“สวัสดีตอนเย็นเฮง สวัสดีวรรณ” เลนทักทาย

“สวัสดีครับ เฮงกล่าวทักทายกลับไป” จอยจ้องมองไปที่เลนส์แว่นตาของเขา “สวัสดีวรรณ เฮงไม่หล่อเลยเหรอ ฉันไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา… มีบางอย่างเปลี่ยนไป มันคืออะไรเหรอ เกี่ยวกับผมของเขาหรือ ผิวของเขาซีดสวย และแว่นกันแดดสีดำก็ทำให้ดูดี แต่ก็มีอย่างอื่นด้วย”

เธอจ้องมองไปที่เฮง ทั้งเจ้าของงานและวรรณก็เริ่มรู้สึกหึงขึ้นมา

เฮงเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาสมบุกสมบันมาโดยตลอด แต่เขาไม่เคยประสบความสำเร็จเรื่องผู้หญิงมากเท่าที่หวังมาก่อนที่เขาจะแต่งงาน ดังนั้นนี่จึงเป็นประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาสำหรับเขา เขาชอบมัน แต่พบว่าความสนใจนั้นทำให้รู้สึกเขินอายต่ออีกสองคนในตรงนั้น

จอยจับมือเฮงไป ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามอยู่ในสังคมไทยในการรักษาความสุภาพและกรอบของธรรมเนียมในพื้นที่นั้น ยกมือนั้นมาใกล้หน้าอกของเธอ ทำให้เขาแทบอยากจะฉกมันไปซะ

“ช่วงนี้เราไม่ได้เจอพวกคุณบ่อยนักในหมู่บ้าน แต่เราสามารถชดเชยได้ถ้าคุณจะเต้นรำกับฉันในภายหลัง จะมีคาราโอเกะและการเต้นรำหลังอาหารค่ำ”

เฮงมองไปที่เจ้าภาพ ยิ้มอย่างสำนึกผิด ตอบตกลงและดึงมือของเขากลับมา วรรณเอามีดพกสั้นให้เขา และเมื่อพวกเขาเดินจากไป เธอก็พูดขึ้นว่า

“เกิดอะไรขึ้นที่นั่น นังแพศยานั่นไม่อาจละสายตาจากเธอได้เลย ฉันละอายใจแทน และเลนผู้น่าสงสารต้องคิดอะไรอยู่แน่ คุณสองคนไม่ได้เป็นชู้กันใช่ไหม”

“ไม่น่ะ ที่รัก ไม่ใช่แน่นอน! ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร บางทีเธออาจจะใช้ยาฮอร์โมนบางตัวอยู่ หรือไวอากร้าสำหรับผู้หญิง หรืออะไรทำนองนั้น เชื่อฉันสิ ฉันรู้สึกแปลกใจมากกว่าใคร ๆ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำตัวแบบนั้นกับฉันมาก่อนอย่างที่เธอรู้ไม่ใช่หรือ ไม่เคยมีมาหลายสิบปี ไม่เคยมี”

“เธอเป็นตัวของตัวเองสิ แค่นั้นเอง ฉันจะคอยจับตาดูเหมือนนกแร้งที่พักผ่อนยามเย็น เธออยู่ให้ห่างจากหล่อนหน่อยนะ เธอได้ยินไหม”

ได้ยินสิ ที่รัก ทุกอย่างที่เธอพูด ที่รัก แต่นั่นมันไม่ง่ายเลยไม่ใช่หรือ มันเป็นงานลี้ยงของเธอ เธอคือเจ้าของงาน และถ้าเธอชวนฉันไปเต้นรำ ฉันไม่อาจปฎิเสธได้ใช่ไหมล่ะ

“ฉันพูดไปทั้งหมดแล้วในสิ่งที่ฉันกำลังจะพูดในตอนนี้ แต่มันเป็นเรื่องน่าขยะแขยง หล่อนแทบจะเอามือเธอไปจับหน้าอกของหล่อนต่อหน้าทุกคนแล้ว!”

“ใช่ ที่รัก แต่นั่นเป็นการพูดเกินจริงไปหน่อยนะ แต่เธอยืนคร่อมฉัน ฉันเห็นด้วย ตอนนี้คุณต้องการจะนั่งลงก่อน หรือไปร่วมวง”

“เธอจะคิดยังไงกับฉัน หากฉันทำตัวแบบนั้นกับผู้ชายทุกคนที่ฉันเจอบ้าง เอ้ย ถ้าฉันดึงมือพวกเขาไปที่หน้าอกของฉัน และใช้สายตาถอดเสื้อผ้าเขาออกบ้างล่ะ”

“ฉันก็ไม่ได้ชอบนะ ที่รัก นั่งหรือไปร่วมวง”

“ร่วมวง ก็เก็บมือของเธอไว้กับตัวเองให้นานที่สุดนับจากนี้ไป นั่นซูและลองอยู่ตรงนั้น… พวกเขากำลังมองมาที่เรา และเราก็สนิมสนมพวกเขาอยู่ ไปทักทายกันเลย

“งานเลี้ยงสนุกไหม ซู” วรรณถาม

เฮงพูดกับลองแบบเดียวกัน และถามเกี่ยวกับสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อการงาน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม เพราะพวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นชาวนา

วรรณ “เฮงของเธอดูหล่อมากเลยนะคืนนี้ ว่าไหม เขาเปลี่ยนไปมากได้อย่างไรเหรอ”

“ฉันคิดว่าเขาหล่อมาตลอด” วรรณตอบแบบขอไปที “เขาไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างไปเลย นอกจากความเจ็บป่วยที่มีเลือดออกตามผิวหนัง และทำให้เขามีดวงตาที่บอบบาง และสีแดงก่ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสวมแว่นกันแดดแม้ในเวลากลางคืน”

“โอ้ ฉันอิจฉาผิวขาว ๆ ของเขา ฉันชอบแบบนั้น ฉันอยากมีสีผิวแบบนั้น แต่ไม่ใช่แบบนั้น… มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา… เขาเป็นเหมือนแม่เหล็ก มันยากที่จะละสายตาจากเขาได้ ฉันหวังว่าคุณจะไม่อ่านเข้าไปข้างในมากเกินไปนะ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และฉันไม่อยากทำให้คุณเสียความรู้สึก! ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นอย่างนั้น เอ่อ ฉันจะพูดยังไงดี วันนี้เซ็กส์ซี่จังงั้นเหรอ เขาดูหนุ่มขึ้นสิบปี และดูเหมือนพระเอกหนังสุดเซ็กส์ซี่ คุณจะปล่อยมือเขาได้อย่างไร คุณเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากจริง ๆ”

วรรณมองไปที่เฮงอีกครั้ง แต่คิดไปว่าในความคุ้นเคยนั้นมีการดูหมิ่นแฝงอยู่

โชคดีที่จอยเรียกให้แขกย้ายมาที่โต๊ะ

“มานี่สิ พ่อเซ็กส์บอมบ์ มานี่และนั่งลงกันก่อนเถอะ เดี๋ยวมานั่งด้วยกันทั้งสองคนเลยนะ”

“เซ็กส์บอมบ์งั้นเหรอ’ มันคืออะไร”

“โอ้ ไม่มีอะไร แค่บางสิ่งที่ซูพูด”

“เกี่ยวกับฉันหรือ”

“ไม่ต้องทำเป็นรู้ดี! ถ้าเขาอยากให้เธอรู้ เขาจะต้องบอกเธอเอง และซึ่งไม่ใช่ฉันใช่ไหม”

ที่นั่งไม่ได้เป็นทางการ แต่เฮงถูกพาไปนั่งตรงข้ามกับภรรยาของเขา และระหว่างผู้หญิงสองคนบนโต๊ะทรงสูงที่พวกเขาเช่ามาจากวัดพุทธในท้องถิ่นที่เรียกว่า วัด ในภาษาไทย

พออาหารเริ่มทยอยออกมา เฮงและวรรณได้แต่มองหน้ากัน ทั้งสองคนก็ไม่ได้คิดเผื่อเรื่องอาหารไว้เลย ไม่น่าเป็นไปได้เลยที่พวกเขาจะเสิร์ฟในสิ่งที่เฮงชอบ และก็กระเทียมได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในอาหารไทย - ลาวในภูมิภาคนี้ พวกเขาแสดงสีหน้าสิ้นหวัง และการยอมรับสภาพซึ่งกันและกัน เฮงจะต้องกินอะไร หรือเสี่ยงจากเจ้าของงานบ้าง แต่อะไรบ้างที่ท้องจะรับได้

มันเป็นงานรื่นเริงทั่วไปที่เรียกว่า โต๊ะจีน ซึ่งหมายถึง แขกจำนวนหกคน: เสริฟด้วยข้าวผัดพิเศษที่เต็มไปด้วยกระเทียมชามใหญ่ มันเทศต้ม ต้มปลานึ่งตัวใหญ่ หรือแกงสามอย่าง และอาหารจานเล็ก ๆ หลายจานเช่น ปีกไก่ กุ้ง ถั่วลิสงทอด และไวท์เบท

มีแขกนั่งสี่โต๊ะ โต๊ะละแปดคน โต๊ะหนึ่งสำหรับเด็ก ๆ อีกโต๊ะสำหรับเด็กสาวเจ้าของวันเกิดและเพื่อน ๆ และสองโต๊ะสำหรับครอบครัว บรรดาเพื่อน ๆ และเพื่อนบ้าน เฮงและวรรณนั่งอยู่โต๊ะหนึ่งในนั้น ทุกคนในงานเลี้ยงเป็นคนในพื้นที่ และทุกคนต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี

“ฉันจะเอาอะไรให้คุณได้ไหมเฮง” ผู้หญิงทางซ้ายมือของเขาถามขึ้น แม้ว่าเขาจะสามารถเข้าถึงอาหารทุกอย่างได้ดีเท่าเธอ

“ยังไม่ครับ ยังไม่เอาตอนนี้ สำหรับผม ชุดที่คุณใส่นั่นเป็นชุดที่สวยมาก ชุดใหม่เหรอครับ”

เธอเขินอายในความลึกซึ้ง และความสนใจที่มีต่อเสื้อผ้าของเธอ และเฮงสังเกตว่าวรรณหรี่ตาลง

“คุณไม่หิวเหรอ”

“ไม่ครับ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมสามารถกินได้บ้าง แต่ผมปวดฟันเล็กน้อย และเจ็บเวลาเคี้ยว”

“โอ้ สงสารจัง! คุณสามารถเคี้ยวอีกข้างหนึ่งสิ”

“เอ่อ ได้นะ แต่มันไม่ได้เป็นเพียงแค่นั้น… ผมยังรู้สึกไม่ดีขึ้น และทานยาซึ่งห้ามทานอาหารหลังจากเก้าโมง”

“แต่มันแค่แปดโมงอยู่เลย…”

“ใช่ไหมล่ะ โอ้ เอ่อ แต่ผมต้องไม่กินอาหารเป็นเวลาสามชั่วโมงก่อนที่ผมจะเข้านอน และผมอาจต้องเข้านอนเร็ว เพราะผมรู้สึกไม่ดีเท่าที่ควร ผมแค่มาอวยพรวันเกิดบุ๋มบิ๋ม”

“คุณก็ดูสบายดีนี่… อันที่จริงฉันไม่เคยเห็นคุณดู เอ่อ น่าดึงดูดมากเท่านี้ เอ่อ ฉันหมายถึงความสดใส… คุณไปทำอะไรมา เข้าคอร์สปรับผิวขาวมาหรือ มีบางอย่างเกี่ยวกับคุณที่ฉันไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน” “ บางทีอาจเป็นเพราะผมไม่ได้เข้ามาในหมู่บ้านบ่อยมากนัก คุณลืมไปแล้วว่าผมหน้าตาเป็นอย่างไร ผิวของผมขาวขึ้น เพราะโรคโลหิตจาง ไม่ใช่ครีมและผมไม่แนะนำให้คุณกระตุ้นให้เกิดโรคโลหิตจางเพื่อทำให้ผิวขาวขึ้นนะ!”

ทั้งคู่หัวเราะ และจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกันผ่านเลนส์แว่นตาของเฮง

วรรณเคี้ยวอาหารอย่างช้า ๆ เฝ้ามองดู

เขาบิดหน้าหนีเพื่อนบ้าน และยิ้มให้ภรรยาของเขาที่ยิ้มกลับมาด้วยรอยยิ้มแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก

“มันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เหรอ วรรณที่รักของฉัน ที่ฉันไม่สามารถทานอาหารที่ดูน่ากินเหล่านี้ได้ เพราะสภาวะอาการของฉัน”

“ใช่ ที่รัก อย่างที่เธอพูดนั่นแหละ แต่บางทีเธออาจจะบีบมันเทศต้มนี้ลงไปสักหน่อยเพื่อพอเป็นพิธี นั่นมันจะไม่ส่งผลกับเธอใช่ไหม มันเป็นสิ่งที่เธอโปรดปรานที่สุด”

เขาตอบว่า “ไม่ล่ะ” พร้อมกับสั่นศีรษะเล็กน้อย

วรรณยิ้มเจื่อน ๆ กลับไปพร้อมกับหยิบมันเทศใส่จานให้เขา แม้รู้ว่ามันน่าจะเป็นผักที่เขาไม่ชอบที่สุดบนโต๊ะสำหรับเขา

“ของเธออยู่นั่นนะ ที่รักของฉัน ของโปรดของเธอ เธอมีเวลากินมันอีกหนึ่งชั่วโมงนะ เหมือนเป็นคำสั่งจากสาวผู้ทรงเสน่ห์ มาถึงตอนนี้ มาดูกันว่าเธอจะลองทานไหม”

เฮงตัดหัวมันออกหนึ่งเซนติเมตร ลอกเปลือกหนา ๆ แล้วแทะอย่างช้า ๆ

“อร่อยจัง” เขาโกหกพร้อมยิ้มอย่างเจื่อน ๆ

หลังจากเค้กวันเกิดถูกนำมา เสียงเพลงก็ดังขึ้น และพวกเขาทั้งหมดก็ร้องเพลงสุขสันต์วันเกิด ซึ่งเป็นสัญญาณการเริ่มต้นของคาราโอเกะ และการเต้นรำ

เฮงไม่เคยไปร่วมงานเลี้ยงใด ๆ เลยที่ผ่านมา เขาไม่ค่อยชอบงานเต้นรำ หรือร้องเพลง แต่เขาร้องเพลงได้แค่เพลงเดียวได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามวรรณยังเพลิดเพลินในร้องเพลง และร้องเพราะเสียด้วยเมื่อร้องกับไมโครโฟน เฮงภูมิใจในตัวเธอเสมอ

เขายังไม่ได้ลองดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่ป่วยมา แต่เขารู้สึกลังเล เพราะเขาไม่เคยชอบเหล้าขาว หรือเหล้าเถื่อนเลย ดูเหมือนรสชาติจะดุเดือดเกินไป แต่เขาคิดว่าเขาชอบไวน์แดง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันมีรสชาติยังไง เพียงแค่รู้ว่ามันเหมือนเลือด มีไวน์ในพื้นที่นี้น้อยมาก และสิ่งเหล่านั้นมีราคาแพงมาก แต่ก็มีเครื่องดื่มสำหรับเทศกาลที่ผู้หญิงบางคนชอบเรียกว่า สปาย ซึ่งเป็นส่วนผสมของไวน์แดงและโซดา เขาถามวรรณว่า เธอจะถามจอยได้ไหมว่าพวกเขาพอมีไหม ไม่กล้าไปเอง วรรณเข้าใจ และลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ ไม่ไว้ใจที่จะให้เขาอยู่ตามลำพังกับผู้หญิงสองคนที่อยู่เคียงข้างเขาเช่นกัน

เขาไม่เคยลองมาก่อน และตั้งหน้าตั้งตารอมัน เมื่อวรรณเดินจากไป ผู้หญิงที่อยู่ด้านขวาของเขา ซึ่งดื่มสปายเรด ก็พูดขึ้นว่า

“นี่ฉันเพิ่งได้ยินเธอขอสปายแดงจากวรรณหรือ คุณไม่เคยลองมันมาก่อนใช่ไหม”

“ใช่ครับ คุณพูดถูก และไม่เลย ผมไม่เคยลองมันมาก่อนเลย”

“นี่ไง เฮง จิบไวน์ของฉันดูสิ ในขณะที่คุณรอภรรยาของคุณกลับมา” แล้วเธอก็บีบหัวเข่าเขา

เขาจับแก้วอย่างลังเล แล้วจิบเล็กน้อย มันใช้ได้ทีเดียว

“รสชาติดีมาก” เขาพูดพร้อมส่งแก้วคืน เธอยื่นมือมารับแก้วกลับไป แล้วยิ้มให้เขาแบบอบอุ่น

“เมื่อไหร่ถ้าต้องการอีก คุณบอกได้นะเฮง”

“สปายของเธออยู่นี่นะ คุณสามี แล้วเธอก็กระแทกขวดลงบนโต๊ะ” “อุปส์ ขอโทษที ฉันขัดจังหวะการสนทนาของเธอหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไรที่รัก เรากำลังพูดกันถึงไวน์แดง ดูนี่สิ สาวคนนี้ก็ดื่มเหมือนกันนะ!”

ใช่ ฉันเห็นแล้ว ฉันเห็นสิ่งที่เธอเพิ่งทำไป แต่ตอนนี้เธอมีเป็นของตัวเองแล้ว และเราไม่ต้องการให้โรคต่าง ๆ แพร่กระจายไปทั่วใช่ไหม” วรรณแสร้งยิ้มเจื่อนให้พวกเขา

ไวน์ส่งผลต่อเฮงอย่างทันที ต่างจากที่เขาเคยสัมผัสจากการดื่มเบียร์ หรือเหล้ามาก่อน มันยากที่จะควบคุมอารมณ์ เพราะมันไม่ได้เป็นเรื่องปกติสำหรับเขา แต่เขาคงรู้สึกถึงความเซ็กส์ซี่เป็นครั้งแรกในชีวิต

ความมั่นใจต่อผู้หญิง และความรู้สึกเซ็กซี่ เขาชอบมัน มันเป็นพลัง มันเป็นความรู้สึกที่เขาแสวงหาเมื่อครั้งยังเยาว์วัย แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ เฮงลุกขึ้นมา กั้นลมจนหน้าอกของเขาพองออก และบ่งชี้ให้วรรณเห็นว่าเขากำลังจะไปห้องน้ำด้านนอกตรงท้ายสวน

ระหว่างทางกลับมา เขาพยักหน้าให้จอยซึ่งอยู่บนทางที่กำลังมุ่งหน้ามาหาเขา เธอดึงเขาไปด้านหลังพุ่มไม้ วางมือข้างหนึ่งไว้ที่เอวของเขา และอีกข้างบนหน้าอกของเขา ลูบและจูบเขาอย่างเคลิบเคลิ้ม

“โอ้ เฮง เฮง! ฉันอยากจะทำแบบนั้นตลอดทั้งคืน คุณ ปีศาจแสนเซ็กส์ซี่! คุณโกนหนวดมาใช่ไหม คุณไม่เคยมีอิทธิพลแบบนี้กับฉันมาก่อน ไม่มีผู้ชายคนใดมีเลย”

“ผมไม่ได้ใส่โลชั่นหลังโกนหนวด จอย ผมไม่รู้ว่าอะไรมันมีผลกับคุณ” เขาจูบที่แก้มของเธออย่างอ่อนโยน แต่ดวงตาของเขาจ้องอยู่ที่คอของเธอ

‘ถ้าเพียงแค่… ’ เขาคิดว่านี่ถือว่าการเข้าใกล้เป้าหมายที่สุดเท่าที่เขาเคยมีมา เขาบีบไหล่ของเธอ มองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอแล้วกลับไปที่โต๊ะ จินตนาการของเขาว่ายวนด้วยความเป็นไปได้

เมื่อเขานั่งลง มีขวดสปายอีกขวดหนึ่งวางถัดไปอยู่ข้าง ๆ ขวดที่หมดไปครึ่งหนึ่งของเขา เขามองไปที่ภรรยาของเขาด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่ฉัน โรมิโอ คู่ดื่มใหม่ของเธอเอามาให้เธอแล้ว เขาพยักหน้าให้วรรณ แล้วมองไปที่เธอ เธอจ้องมองมาที่เขาเหมือนวัยรุ่นที่ตกหลุมรักอย่างหัวปักหัวปำ เธอนั่งท้าวคางที่โต๊ะ และเฮงทำตัวไม่ถูก เขารู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างมาก แต่ก็งงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น

“ขอบคุณมากครับ ใจดีที่สุดเลย ชนแก้ว” เขาพูดขึ้น ชนแก้วของเธอ แล้วเอนตัวไปชนแก้วกับภรรยาของเขาที่ไม่ได้มาร่วมวงด้วย และมันเป็นแก้วเปล่าด้วยสิ เขาเอามือจับเข่าทั้งสองข้างของตัวเองอีกครั้ง ในขณะที่วรรณมองเขาและพูดว่า ‘ใช่ เธอเอาให้คุณขวดนึง แต่ไม่ได้ให้ฉัน’

“คุณอยากดื่มอะไร วรรณ ฉันจะเอามาให้เธอนะ”

“ไม่รบกวนหรอก ฉันสามารถหาดื่มเองได้”

“ไม่สิ จริง ๆ นะ ฉันอยากรู้ว่าเธอจะเอาอะไร เหมือนเดิมหรือเธอต้องการลองแบบนี้ มันดีมาก ๆ ทีเดียวนะ”

“ได้ ก็ได้ ฉันจะได้เหมือนเธอ ล่องเรือไปในความฝันกับสาวคนรัก”

เฮงรู้สึกปลื้มปริ่มกับข้ออ้างที่จะลุกขึ้น และไปที่ถังน้ำแข็งขนาดใหญ่สองร้อยลิตรใต้ถุนบ้านที่มีขวดหลายชนิดแช่เย็นอยู่ ในขณะที่เขาเปิดฝาและก้มลงไปงมท่ามกลางปลาในถังน้ำแข็งเพื่อหาขวดไวน์ เขาก็รู้สึกได้ถึงมือที่มาจับก้นของเขา เขาพลิกตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วเห็นจอยยืนยิ้มให้เขา

“เธอเป็นเด็กดื้อใช่ไหม เธอสัญญากับฉันว่าจะเต้นรำด้วยกัน แต่เธอก็ยังไม่ชวนเลย

“ไม่นะ จอย ขอโทษด้วยฉันรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยเลยนั่งคุยกับวรรณ แต่ฉันสัญญาว่าจะชวนเธอทีหลังเมื่อฉันรู้สึกดีขึ้น”

“เธอน่าจะดีขึ้นแหละ หรือให้ฉันมาชวนเธอเอง เอาสปายไปให้ใครเหรอ”

“เอ่อ โอ้ วรรณ”

ไม่ให้เขามานั่งข้าง ๆ เธอเหรอ ฉันสังเกตเห็นว่าเขาดีกับเธอ และนั่นคือ วรรณ ฉันพนันได้เลย

“เธอไม่ได้ทำอะไรผิด… เธออาจจะเมานิดหน่อย นี่มันค่อนข้างแรงนะ 9 เปอร์เซ็นต์เชียวนะ…”

“ดังนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เธอเอามือมาจับเข่าเธอเพื่อลุกขึ้นใช่ไหม ฉันรู้…”

“เธอพยายามคุยกับฉัน แต่ฉันไม่ได้ยินเพราะเสียงดนตรีกลบเสียงอยู่ เธอเลยเข้ามาใกล้ก็แค่นั้น มันช่างไร้เดียงสาอย่างที่สุด”

“ฉันเชื่อเธอ ถ้าเธอพูดอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นคนอื่นเขาไม่ยอมนะ เอ่อ.. พี่เสือ อย่าลืมการเต้นรำของฉันด้วยนะ”

“ไม่ ไม่ได้” เฮงพูด แล้วเขาก็รีบออกไป

“เครื่องดื่มของเธอ วรรณ ได้โปรดช่วยเอียงเข้ามาใกล้ให้มากกว่านี้หน่อย” จากนั้นเขาก็กระซิบข้างหูเธอว่า “ผู้หญิงทุกคนที่นี่กินยาโป๊ พวกเธอบ้าเซ็กส์กันทั้งหมด! เธอค่อยยังชั่วขึ้นหรือยัง”

ดีขึ้นละ ไม่ว่าพวกเขาจะกินอะไร ไม่มีใครเอาอะไรมาให้ฉันนี่ ทำไมมันเกิดอะไรขึ้น”

“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ” เขาพูดโกหก “สิ่งที่เธอหยิบขึ้นมาก่อนหน้านี้ไง มันเป็นอย่างนั้น ฉันกำลังเริ่มจะรู้สึกมันในตัวฉันเองตอนนี้”

“ฉันบอกเธอเสมอว่าให้ซดช้า ๆ หน่อย”

ลูกสาวของจอย บุ๋มบิ๋ม เดินมาหาพวกเขา

“สวัสดีค่ะ ป้าวรรณ ลุงเฮง ขอบคุณที่มาร่วมงานวันเกิดของหนูนะคะ” พวกเขาไม่ได้เป็นญาติแต่อย่างใด แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้อาวุโส และเป็นเพื่อนกับคนในครอบครัวเธอจึงเรียกพวกเขาว่าป้าและลุงด้วยความเคารพ “

คุณคงไม่รังเกียจใช่ไหม ถ้าหนูจะขอลุงเฮงไปเต้นรำงานวันเกิดหนู” เธอถาม แล้วมองไปที่วรรณ “มันเป็นเวลาพิเศษ อายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ของหนู เพื่อน ๆ ทั้งหมดของหนูคิดว่าลุงหล่อที่สุดในงาน และหนูอยากทำให้พวกเขาอิจฉาน่ะค่ะ โอ้ ขอโทษด้วยค่ะลุงเฮง มันก็เท่านั้นจริง ๆ ค่ะ! ฉันก็อยากจะเต้นกับหนูด้วยเหมือนกันนะ!”

“ไม่มีปัญหา บุ๋มบิ๋ม ไปเถอะค่ะ ที่รัก”

บุ๋มบิ๋มดึงมือเขา และพาเขาออกไป แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ฟังการเตือนจากภรรยาของเขา พวกเขาเต้นรำสองครั้ง จากนั้นบุ๋มบิ๋มก็พาเขาไปยังกลุ่มเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เพื่อดูทุกการยักย้ายของพวกเขา เธอแนะนำเขาให้รู้จักทีละคน และได้รับการตอบกลับด้วยความเคารพด้วยการไหว้ และรอยยิ้มแห่งการพิชิตของแต่ละคนบวกกับความเขินอายเล็กน้อยซึ่งซ่อนอยู่ตามวิถีไทย

เด็ก ๆ จับจ้องอยู่กับทุกคำพูดของเขา และหัวเราะคิกคักกัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้พยายามทำตัวตลกก็ตาม เฮงกำลังใช้ช่วงเวลาของเขา จนกระทั่งเขานึกขึ้นได้จึงมองไปที่วรรณที่จ้องมองเขาเหมือนนางพญางู มันได้ผล เขาเปลี่ยนสีหน้าโดยทันที และเขาปล่อยมือหญิงสาวที่กุมไว้ลง

“ขอโทษนะสาว ๆ แต่ฉันคิดว่าภรรยาฉันต้องการจะพูดกับฉัน”

มีการถอนหายใจด้วยความผิดหวังร่วมกันซึ่งสร้างความประหลาดใจกับอัตตาของเขา และบุ๋มบิ๋มก็จับมือพาเขากลับไปที่โต๊ะ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะนั่งลง แม่ของบุ๋มบิ๋มดักคอพวกเขา

“ขอบคุณมาก บุ๋มบิ๋ม กลับไปหาเพื่อน ๆ เถอะ แม่จะดูแลลุงเฮงเอง เป็นเด็กดีนะ”

เฮงมองวรรณ และยักไหล่ราวกับจะพูดว่า ‘ฉันทำอะไรได้บ้าง’

“ฉันอายุมากจนเธออยากจะได้รุ่นเด็กกว่าฉันใช่ไหม”

“อะไรนะครับ จอย ”

“คุณสัญญากับฉันว่าจะเต้นกับฉันชั่วโมงที่แล้ว แต่เธอก็ไปเต้นกับลูกสาวฉันเสียก่อน! เธอสวยกว่าฉันอย่างนั้นหรือ”

“โอ้เจ้าป้าเอ๊ย ช่วยผมด้วย! เธอเข้ามาหาผม และมาพาผมไปจากโต๊ะ มันไม่ใช่ความคิดของผม แต่เอาจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าเธอดูดีมาจากใครล่ะ แม้ว่าเธอจะไม่เหมือนแม่แบบก็ตาม ไม่เอาน่า ที่รัก มาเต้นกันเถอะ ตอนนี้เราก็เต้นได้นี่

พวกเขาเต้นตามแบบของคนในท้องถิ่น แต่พวกเขาสัมผัสกันทุกครั้งที่มีโอกาส และมองตากันตลอด

แล้วเพลงที่สองก็จบลง วรรณเดินเขาไปแทรกระหว่างพวกเขา

“ขอโทษนะ จอย ตาแก่ของฉันต้องพักผ่อนก่อน ฉันจะพาเขากลับบ้านไปนอน เขาเป็นคนป่วย คุณก็รู้อยู่ และการทานยาส่งผลต่อสมองของเขานะ ฉันต้องเฝ้าดูเขาตลอดเวลา หรือตอนที่เขาอาจจะลุกขึ้นเพื่ออะไรก็ตาม อะไรทำนองนี้แหละ คุณคงรู้ว่าฉันหมายความว่ายังไง

“สำหรับเธอแล้ว เฮง เธอน่าจะรู้ดีกว่านะ เธอไม่ใช่มนุษย์อย่างที่เธอเป็น เธอเป็น… เธอเปลี่ยนไปแล้ว และถึงเวลาแล้วที่เธอจะจำได้ ตอนนี้มานั่งลงก่อนที่เธอจะล้มลง”

วรรณใช้ศอกไถเขาออกจากฟลอร์เต้นรำ

“เธอมันเป็นตาแก่โง่! ทำไมเธอเสนอตัวให้ผู้หญิงทุกคนในงานเลี้ยงแบบนี้ เธอกลายเป็นคนบ้าเซ็กส์ไปแล้วเหรอ! เธอกำลังไล่ตามเด็กสาว!”

“รุนแรงมาก ที่รัก แทบจะไม่ได้ไล่ตามเลย และพวกเขาไม่ใช่เด็กรุ่นนะ ฉันยังไม่ได้ขอให้ใครในงานเต้นรำเลย… ”

“อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับฉัน! เธอกำลังสับสนอยู่นะ แต่ โอ้ไม่นะ ไม่ใช่โรมิโอเฮง ไม่ใช่ความหมายประเทศไทยเรียกว่า คาสโนว่า เธอไม่เคยชวนภรรยาตัวเองไปเต้นรำ แต่เธอออกไปกับทุกคน! เธอคิดว่าฉันจะคิดยังไงและรู้สึกยังไงบ้าง”

“ฉันขอโทษวรรณ คุณอยากเต้นตอนนี้ไหม”

“ไม่ ฉันไม่เด็ดขาด! มันสายเกินไปสำหรับการพูดคุยที่นุ่มนวลของเธอในตอนนี้ ฉันจะพาเธอกลับบ้าน ก่อนที่เธอจะขายหน้าฉันกับคนอื่น และตัวเองไปมากกว่านี้”

เฮงและวรรณวนไปกล่าวลาทุกคนในงาน ลาเจ้าของงานตามปกติ จอย บุ๋มบิ๋ม และเพื่อนสาวของเธอตามไปส่งพวกเขาหน้าประตู โบกมือลาพวกเขา

“แย่จัง ที่คุณต้องกลับบ้านเร็วไปหน่อย หนูขอให้คุณดีขึ้นในวันพรุ่งนี้นะคะ ลุงเฮง หนูจะแวะเวียนไปหาหลังเลิกเรียน และดูว่ามีอะไรที่ลุงต้องการให้หนูทำเพื่อลุงได้บ้าง”

มันคงจะเป็นการไม่สุภาพเกินไปที่จะปฏิเสธความช่วยเหลือ แต่วรรณไม่ได้สนับสนุนเธอ และเฮงรู้ดีกว่าที่จะพูดอะไรออกไป

ในตอนที่พวกเขากำลังเดินออกมากลับบ้าน วรรณพูดขึ้นว่า ฉันไม่รู้อะไรสิงเธอ หรือผู้หญิงที่งานเลี้ยงคืนนี้! เธอมีพฤติกรรมเหมือนกระต่ายเหยียบของร้อน เธอดื่มยาที่ลงคาถาไว้หรือ”

“ไม่หรอก ที่รัก ไม่มีอะไรทั้งนั้น”

“ฉันสามารถถามป้าดาได้ หากเธอไม่บอกความจริงกับฉัน เธอรู้ไหม”

“ได้สิ ที่รัก เธอสามารถถามเขาได้ นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก ฉันไม่เคยทำอะไรอย่างนั้น”

“คุณคิดว่าพฤติกรรมของเธอ และผู้หญิงเหล่านั้นในคืนนี้เป็นอย่างไร”

“ฉันไม่คิดว่าฉันทำอะไรผิดปกติ ที่รักของฉัน ฉันอาจจะเป็นที่สนใจท่วมท้นไปหน่อย แต่ฉันไม่ได้ร้องขอไม่ใช่เหรอ เธออยู่ที่นั่น เธอก็เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น”

เขาไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด และเขารู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาเพียงให้ท่า แต่ไม่ได้ถึงกับกระตุ้นมัน

“ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น แต่เธอก็ไม่ได้พยายามที่จะหยุดมันใช่ไหม ไม่มีไฟ ก็ไม่มีควัน! คนที่อายุขนาดเธอ และเป็นข้ออ้างของคนอย่างเธอ! ฉันไม่เคยเห็น หรือได้ยินอะไรทำนองนี้มาก่อน ดังนั้นมันเป็นเรื่องงี่เง่าในชีวิตของฉัน เธออาจช็อก ถ้ามีใครคนหนึ่งในนั้นมายื้อแย่งตัวเธอ! เธอจะต้องตายภายในสิบนาที! ดูเธอสิ! แค่เดินกลับบ้านเธอยังหอบจนตัวโยน!”

เฮงรู้ว่าเขาจะไม่มีทางชนะคนคนนี้ได้ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร หรือความจริงจะเป็นยังไงก็ตาม ดังนั้นเขาจึงพยายามนิ่งเงียบตลอดเวลาที่เหลือในการเดินกลับบ้าน เขาคิดในใจว่า

และสงสัยว่าทำไมผู้หญิงถึงทำตัวแบบนั้น และเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์เพื่อดูว่ามันเต็มดวงหรือเปล่า แต่เขารู้ว่ามันเต็มดวงมาเกือบสองสัปดาห์แล้ว แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าทำไมมันถึงมีผลต่อสถาณการณ์ในตอนเย็น เขาต้องตะลึงเช่นเดียวกับภรรยาของเขา และได้ข้อสรุปว่ามีบางอย่างอยู่ในน้ำในบ่อน้ำของพวกเขา มีคนวางยาในเครื่องดื่ม หรือว่าผู้หญิงเหล่านั้นมีจุดประสงค์เพื่อให้ปาร์ตี้สุดเหวี่ยง

เขาหวังไว้ว่ามันจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เขาจะซื้อไว้ให้ภรรยาเขาบ้าง เขาอมยิ้มในความคิดของตัวเองเกี่ยวกับวรรณเรื่องยาโป๊

“บางทีมันอาจจะเป็นครีมที่ป้าดาทำให้เธอก็ได้นะ”

“มันคืออะไร” เขาถาม ในขณะฝันสลายไปในทันที

“สิ่งนั้นขับเคลื่อนความเถื่อนของผู้หญิงในงานปาร์ตี้ บางที มันเป็นเพราะครีมทาหน้าของป้าดาก็ได้ อันที่เขาทำให้เธอน่ะ”

“โอ้ ฉันสงสัยอยู่นะที่รัก มันไม่ส่งผลอะไรกับเธอใช่ไหม” ทันทีที่เขาพูดถึงมัน เขารู้ว่าเขาควรจะพูดว่า ‘อาจจะ’ และทิ้งคำพูดไว้แบบนั้น

“เธอต้องการบอกอะไร”

“ไม่มีอะไรที่รัก ไม่มีอะไรเลย”

“เธอกำลังพยายามบอกว่า มันผ่านมาแล้วไม่ใช่หรือ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันฟิตและน่าสนใจพอ ๆ กับผู้หญิงพวกนั้น แต่เธอไม่เคยให้กำลังใจฉันเลย ฉันสาบานได้ว่าเธอสนใจกลิ่นของแพะมากกว่ากลิ่นของฉันเสียอีก เธอไม่เคยเกรงใจฉัน และสนใจอะไรฉันเลย ฉันมันก็แค่คนใช้ที่ไม่มีค่าจ้าง และเมื่อเธอต้องการรู้สึกถึงความเป็นชาย เธอก็ไปหาหญิงอื่นในหมู่บ้าน ฉันรู้จักเธอมาก และมากพอละ และรู้ว่าเธอเป็นคนยังไงบ้างในวันนี้ เฮงลี!”

เฮงได้รับบทเรียน และยอมรับทุกคำพูดตำหนิของเธอทุกประการ เขายอมรับว่าที่เธอพูดมันก็มีส่วนถูกอยู่ และเขารู้ว่าบางครั้งเธอก็เป็นแบบนี้หลังจากดื่ม แต่เธอได้พูดในสิ่งที่อยู่ในใจ และนั่นก็เป็นเรื่องดีที่จะได้รู้ แม้ว่ามันจะทำให้เขาเสียใจที่ได้ยินว่าเธอคิดอย่างนั้นก็ตาม มันทำให้เขารู้สึกเสียใจต่อเธอเป็นอย่างมาก เพราะเขารักเธอ และไม่เคยทรยศเลย แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เขาไม่เคยสนใจเธอเลยมานานมาก ซึ่งเธอสมควรจะได้รับ

เขาตั้งใจที่จะเปลี่ยนการกระทำของเขาแบบที่ผ่านมาหลายครั้ง แต่ยังสงสัยมีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกเขาเดินกลับบ้านด้วยหัวใจอันหนักหน่วงจากสิ่งที่ควรจะได้คติสำหรับงานเลี้ยงนี้ในทุกสิ่งที่พวกเขาได้พบเจอ

เฮงมีความรู้สึกอยากจะกลับไปที่งานเลี้ยงในตอนที่เป็นค้างคาว แต่ไม่แน่ใจว่าจะหนีไปได้หรือไม่ ถ้าเขาบอกว่าเขาอยากจะบินก่อนที่จะเข้านอน วรรณจะรู้ทันทีว่าเขาจะไปที่ไหน และจะต้องสงสัยในเจตนาที่เลวร้ายที่สุดของเขา เนื่องจากเขาทำได้เพียงแค่เปลือยกายร่อนลงไป

เขาไม่สามารถรับได้หากวรรณจะต้องร้องไห้จนหลับไปขณะที่เขาไปเล่นหูเล่นตากับสาว ๆ ในงานเลี้ยง เขาจึงตัดสินใจฝืนใจที่จะไม่ทำ แม้ว่าการบินเที่ยวในเวลากลางคืนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขามากพอ ๆ กับการเดินจูงหมาก่อนเข้านอนของผู้ชายในเมืองส่วนใหญ่

พวกเขาต่างแยกตัวไปอาบน้ำ แล้วก็เข้านอน วรรณนอนหลับไปในทันทีอย่างที่เธอเป็นมาตลอด แม้จะมีอะไรในใจก็ตามแต่ แล้วเขาก็ได้ยินเสียงหายใจของเด็ก ๆ ดังขึ้น มีเพียงเฮงเท่านั้นที่ตื่นขึ้นมาเพ้อฝันว่าจะบินท่ามกลางแสงจันทร์จนหลับไปด้วยความเบื่อหน่าย

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status