Share

บทที่ 1092

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ใบหน้าของพวกฉีซี่หลี่แข็งทื่อด้วยเสียงหัวเราะ พวกนางจะถูกรังแกแบบนี้มาก่อนที่ไหนกัน ตอนนี้ ถูกเฟินหวานบังคับให้หัวเราะอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม ถือเป็นความคับข้องใจและความอัปยศอย่างยิ่งสำหรับพวกนาง จากนั้นก็ไปฟ้องกั๋วไท่ฮูหยิน(ตำแหน่งยศของผู้หญิง)

กั๋วไท่ฮูหยินมักจะเป็นคนใจดี ในตอนแรก นางสอนเรื่องมารยาท ดื่มชา ดูแลบัญชี จัดการคนใช้ ฯลฯ ในตอนนี้ยังไม่ได้สอนความรู้อื่นใดเลย เพราะได้คำนึงถึงฐานะของพวกนาง ไม่ว่าต่อไปจะแต่งงานกับผู้คนที่มีฐานะสูงกว่าหรือต่ำกว่า ล้วนต้องดูแลบ้าน

เรื่องมารยาท พวกนางเคยเรียนมาแล้ว แค่สอนเล็กๆ น้อยๆ เพิ่ม จะทำให้พวกนางไม่เสียมารยาทหรือทำตัวไม่งามเวลาจัดงานเลี้ยงหรือต้อนรับแขก

ในส่วนการดูแลบัญชี นี่เป็นความสามารถของผู้หญิงในการดูแลบ้าน และยังเป็นความรู้ประเภทหนึ่งอีกด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้หญิงในโลกนี้ก็ยังคงต้องดูแลฝ่ายใน เรื่องพื้นฐานแบบนี้จึงต้องเรียน พอเรียนเรื่องนี้ให้รู้เรื่องก่อนค่อยเรียนเรื่องอื่นๆ ก็ไม่สายไป

ผู้หญิงมักจะต้องทุ่มเทความพยายามมากกว่าผู้ชาย ถึงมีโอกาสให้พวกเขายอมฟังเสียงของผู้หญิงบ้าง แต่ยังไม่มีสิทธิ์มาขอร้องให้เท่าเทียมกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1093

    ก่อนที่อ๋องเยี่ยนจะออกจากเมืองหลวง เขาได้เข้าไปในพระราชวังเพื่อกล่าวคำอำลากับพระสนมหรง พระสนมหรงกล่าวทั้งน้ำตาว่า "หากเจ้ากตัญญู ก็ไปขอให้ฝ่าบาทอนุญาติให้ข้าไปกับเจ้าไปที่เยี่ยนโจวเถอะ จะได้ไม่ต้องให้แมลูกจากกัน ไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหนถึงได้เจอหน้าอีก"อ๋องเยี่ยนคุกเข่าลงกับพื้น เสียงของเขาสะอื้นสะอื้น "ลูกก็ไม่อยากทิ้งเสด็จแม่ด้วย แต่เยี่ยนโจวนั้นเทียบกับวังมิได้ และร่างกายของท่านก็ทนต่อความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมิได้"พระสนมหรงปาดน้ำตาแล้วพูดว่า "ปกติมีน้องของเจ้าเข้ามาดูแลข้า บัดนี้น้องสาวของเจ้าได้เข้าไปในสำนักกิจการราชวงศ์ และเจ้าก็จะกลับเยี่ยนโจว เสด็จแม่จะมีความหวังอะไรอีก อีกอย่างเสด็จแม่ก็หายดีแล้ว ไม่กลัวการเดินทางนี้หรอก หากเจ้าไม่ไปขอร้อง งั้นเสด็จแม่จะไปขอเอง ฝ่าบาทมีเมตตา จะอนุญาตให้เราอยู่ด้วยกันแน่ๆ""เสด็จแม่ เราแม่ลูกจะต้องได้กลับมาพบกันอีกครั้งอย่างแน่นอน โปรดรอลูกสักพัก"ไทเฟยหรงจับมือเขาไว้ หลังจากป่วยมานาน นางก็บางเหมือนกิ่งไม้ที่ตายแล้ว แต่กลับกำมือแน่นมาก "ลูกเอ๋ย บ้านเมืองตอนนี้สงบสุขแล้ว ชาวบ้านก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขตหนานเจียงได้รับการยึดกลับมา สงคร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1094

    อ๋องเยี่ยนรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็หลุดหลิดด้วย "ทำไมเสด็จแม่ถึงพูดแบบนี้ ลูกไม่สามารถอยู่ห่างไกลดูแลท่านไม่ได้ แน่นอนว่าจะหวังว่าไทเฮาใจดีและดูแลท่านอย่างดี แบบนี้ลูกก็ไม่ต้องเป็นห่วง""เอาล่ะ หยุดพูดได้แล้ว เจ้าไปเถอะ เดินทางปลอดภัยด้วย" ไทเฟยหรงโบกมือ บุตรชายที่ตนเองเลี้ยงกับมือ นางจะไม่รู้นิสัยใจคอของเขาได้อย่างไร จะมองสีหน้าจองเขาไม่ออกได้อย่างไร"ลูกอกตัญญู เดือนกรกฎาคมร้อนมากจริงๆ เลยไม่สามารถพาท่านไปด้วย หากลูกพาท่านไป แล้วฝ่าบาทจะคิดอย่างไร ต่อให้ลูกจะบริสุทธิ์ ฝ่าบาทก็จะเกิดความสงสัย กลัวว่าลูกจะต้องถูกหาว่าด้วย"ไทเฟยหรงพยักหน้าและไม่พูดอะไรมากความ "เข้าใจแล้ว จงไปเถอะ"อ๋องเยี่ยนคำนับ จากนั้นก็ให้นางเสิ่น ชายารองจิน และลูกสี่คนเข้ามาและกล่าวคำอำลาไม่ว่าจะเป็นลูกสะใภ้หรือหลานตนเอง ไทเฟยหรงก็ไม่ได้แสดงความรักต่อพวกเขามากนัก มีสีหน้าเฉยเมยหลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว ไทเฟยหรงก็ไอสองสามครั้งขันทีเกาซึ่งอยู่ข้างๆ นางรู้ว่าไทเฟยกำลังเสียใจอยู่ เขาจึงชักชวนสองสามคำว่า "อากาศมันร้อนมากจริงๆ ให้ท่านเดินทางไปด้วยก็ไม่สะดวก ไม่ดีต่อสุขภาพของท่านนะ ท่านอ๋องก็ห่วงใยท่านนะ ท่าน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1095

    อ๋องเยี่ยนพาครอบครัวไปเยี่ยมไทเฮาเพื่อกล่าวคำอำลา จักรพรรดิ์ซูชิงก็อยู่ที่นั่นด้วยอาหลานสองคนต่างมีความคิดของตนเอง ไทเฮาทำตัวไม่รู้อะไร และคุยเล่นกับพวกเขา เล่าเรื่องในอดีตไทเฮาอุทานว่า ตอนที่อดีตฮ่องเต้มีชีวิตอยู่นั้น มักจะพูดถึงเรื่องพี่น้องกับอ๋องเยี่ยน"มีอยู่หนึ่งปี พวเจ้าพี่น้องทั้งหลายติดตามอดีตฮ่องเต้ไปล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วง เจ้ายังเด็กและมีพลัง และยืนกรานที่จะขี่ม้าที่แข็งแรงสูงพอๆ กับเจ้า แต่ไม่คาดคิดว่าม้าตัวนั้นเป็นบ้าขึ้นมา เกือบทำให้เจ้าต้องล้มกับพื้น เขาขี่มาเข้ามา แล้วใช้แสม้ามัดเจ้าไว้ แต่สุดท้ายพวกเจ้าสองคนก็ถูกโยนออกไปพร้อมกัน โชคดีที่อดีตฮ่องเต้ช่วยเหลือเจ้า เจ้าจึงไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป แต่หลังของเขาเองกลับมีเลือดไหลเยอะ โดนหินทำให้บาดเจ็บมีแผลหลายที่ด้วย""พระองค์ตรัสว่าในบรรดาน้องชายทั้งหลายนั้น พระองค์เอ็นดูเจ้ามากที่สุด เจ้าฉลาดรู้ความ เป็นเด็กดีว่าง่ายสอนง่าย มีของดีอะไรก็มักจะแบ่งแยกให้เจ้าชุดหนึ่ง ตอนที่พระราชทานที่ดิน พระองค์เลยพระองค์เยี่ยนโจวแก่เจ้า คิดว่าอยากจะให้เจ้ามีชีวิตที่ดี และอยู่อย่างสงบสุข"ไทเฮากล่าวด้วยรอยยิ้ม อันที่จริงนางก็รู้ว่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1096

    ก่อนออกจากเมืองหลวง นางเสิ่นไปที่จวนอ๋องตามหาเสิ่นว่านจือด้วยตนเอง และให้นางมอบจดหมายที่จะส่งให้ตระกูลเสิ่นเนื่องจากเสิ่นว่านจือได้รับคำเตือนจากซ่งซีซี นางจึงไม่มีอะไรจะพูดกับนางเสิ่น และจะไม่ให้จดหมายด้วย ดังนั้นจึงให้นางกลับไปเลยนางเสิ่นหาเรื่องหาตนเองอีกแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้นางกลับไม่ได้โกรธ แต่น้ำตาคลอเบ้า "น้อง ข้ารู้ว่าเจ้าดูถูกข้า แต่ข้าเห็นเจ้าเป็นน้องสาวจริงๆ เราซื้อของมากมายในเมืองหลวง บัดนี้ก็ใช้ไม่ได้แล้ว หากโรงงานปักเย็บซู่เจินต้องการมัน ข้าจะเอาของทั้งหมดไปให้กับเจ้า"เสิ่นว่านจือกอดอกด้วยความสงสัยเล็กน้อย "เจ้าใจดีจริงๆ เหรอ?"นางเสิ่นรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย "ข้าก็เป็นผู้หญิง แน่นอนว่าข้าอยากทำอะไรให้ผู้หญิงด้วย อีกอย่างข้าวของเหล่านั้นก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเราแล้ว มีข้าวสาร เสื้อผ้า ผ้า ดอกไม้และของต่างๆ มากมาย จะให้มันำพวกมันทั้งหมดกลับไปที่เยี่ยนโจวก็ไม่ได้หรอก หากเจ้าไม่เชื่อ ไปจับตาดูเองข้าจะจัดคนไปส่งให้"ถ้านางไม่โกรธ เสิ่นว่านจือก็ต้องคิดว่านางมีเจตนาไม่ดีอย่างแน่นอน และตอนนี้นางเองก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใจดีจริงๆ แค่อยากจะซื้อนางเป็นพวกเท่านั้นเพียงแต่ว่าของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1097

    ต้องใช้รถห้าคันในการจัดส่ง ส่วนดอกไม้และต้นไม้ก็ถูกขนด้วยเกวียน คนของทั้งจวนอ๋องก็ช่วยกันจัดการเมื่อจากไปนั้น อ๋องเยี่ยนก็เดินออกมา เขาทักทายกับเสิ่นว่านจือ ด้วยเสน่ห์แบบผู้ชายและดูน่าสงสารมาก "หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อ โรงงาน มีเส้นไหมหลายสีในจวน สามารถเย็บปักถักร้อยดีๆ หากเจ้าสนใจ คุณหนูเสิ่นเข้าไปดูข้างในได้นะ"เสิ่นว่านจือตื่นตัวขึ้นมา "ไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูหรอก แค่ขนมันออกมาพร้อมกันก็ได้แล้ว"อ๋องเยี่ยนไม่ได้บังคับ เขาเพียงสั่งคนใช้ว่า "นำเส้นไหมทั้งหมดออกมาใส่รถ หากยังไม่เพียงพอก็ส่งคนไปจ้างรถด้วย"พวกคนรับใช้ก็เข้าไปขนทันทีอ๋องเยี่ยนมองไปที่เสิ่นว่านจือ และเห็นนางสวมเสื้อคลุมตัวกลางสีชมพูอ่อนและกระโปรงจีบสีเขียวอ่อนในวันนี้ ทำให้นางดูสดชื่นและน่ารัก เขาก็ทำหน้าอ่อนโยนลง "จือจือคงหิวน้ำแล้วนะ ให้ข้าจัดน้ำและขนมให้ไหม"ด้วยคำว่าจือจือ ทำให้เสิ่นว่านจืออยากอาเจียนเลย มันไม่ง่ายที่จะกลั้นมันไว้"ข้าไม่หิวน้ำหรือหิวข้าว" เสิ่นว่านจือปฏิเสธและพูดอย่างสุภาพว่า "ขอบคุณน้ำใจของท่านอ๋อง"ดวงตาของอ๋องเยี่ยนจับจ้องใบหน้าของนางอยู่นาน "ก็ได้ ข้าไม่บังคับเลย พวกเจ้าขนของไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1098

    ซ่งซีซีรู้ว่าทั้งครอบครัวอ๋องเยี่ยนจะออกจากเมืองหลวงในวันนี้ ดังนั้นนางจึงออกคำสั่งเป็นพิเศษให้ค่ายลาดตระเวนจับตาดูพวกเขาเอาไว้ และรให้พวกเขาออกจากเมืองค่อยรายงานอีกทีลู่เจินพาผู้คนไปจัดการเอง มองดูรถม้าหลายคันของจวนอ๋องเยี่ยนขับออกจากประตูเมืองอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องจากสถานะของอ๋องเยี่ยน เขาจึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเวลาออกจากเมืองหลวง แต่อ๋องเยี่ยนยังคงเปิดม่านรถให้พร้อมพยักหน้าทักทายเล็กน้อย เซียวเฉิน ผู้เฝ้าประตูเมืองก็ยกมือเพื่อทักทายให้หากไม่มีคำสั่งให้สอบสวน ย่อมไม่กล้าสอบสวน และท่านอ๋องแค่ออกป้ายให้เมื่อออกจากเมือง โดยไม่ต้องให้เห็นหน้าก็สามารถให้ผ่านได้หลังจากที่ลู่เจินมองเห็นพวกเขาจากนั้น เขาก็กลับไปที่สำนักกองกำลังเมืองหลวงเพื่อรายงานให้ซ่งซีซีซ่งซีซี รู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินว่าพวกเขาจากไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ค่ายลาดตระเวนกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบสมรรถภาพทางกาย หลังจากจัดการคนกลุ่มหนึ่งออกไปแล้ว ค่ายลาดตระเวนยังไม่ถือว่ามีแต่ทหารแข็งแกร่ง อย่างน้อยมันไม่มากพอที่พวกเขาเป็นคนจากกองทัพซวนเจียหลังจากปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปหลายปี คนที่ทำตัวไม่ดีนั้นทำเอาคนที่มีวินัยเสียคนไปเลย แต่และ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1099

    ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา คนที่ถูกส่งไปถามนั้นก็กลับมาและรายงานว่า "คุณหนูเสิ่นไม่ได้อยู่ในจวน ได้ถามคนในจวนอ๋องแล้ว แต่บอกว่านางไปโรงงานปักเย็บซู่เจิน ข้าน้อยจึงไปโรงงานปักเย็บซู่เจินด้วย แต่คนของโรงงานปักเย็บซู่เจินก็บอกว่าไม่ได้เจอนาง แต่บอกว่าวันนี้มีข้าวของจากทางจวนอ๋องเยี่ยนมาส่ง คุณหนูเสิ่นยังไม่ได้รับเอง บัดนี้มีข้าวของกองอยู่ข้างนอก ไม่ได้ตรวจสอบเลยไม่กล้ารับ"ซ่งซีซีรู้สึกอึ้งไป ทางจวนอ๋องเยี่ยนส่งข้าวของให้กับโรงงานปักเย็บซู่เจินงั้นเหรอแล้วหงเซียวและคนอื่นๆ ล่ะ? ได้ติดตามเสิ่นว่านจือไปหรือไม่นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปเรียกเฟินหวาน หลังจากรออยู่สักพักก็ไม่เห็นเฟินหวาน วันนี้เฟินหวานก็ติดตามนางตลอดนี่ ทำไมหายตัวไปแปลก มันแปลกมาก"ใต้เท้าซ่ง เกิดอะไรขึ้น?" ลู่เจินวิ่งออกไปพลางถามว่า "ท่านกำลังตามหาเฟินหวานหรือ ตอนที่ข้ากลับมาได้เจอกับแม่นางเฟินหวาน ดูท่านางรีบร้อนที่จะออกไป""พบกันที่ไหน" ซ่งซีซีถามอย่างรวดเร็ว"ถนนด้านนอกสำนักกองกำลังเมืองหลวง ตอนที่ข้ากลับจากประตูเมือง""นั่นก็เวลาที่อ๋องเยี่ยนออกจากเมืองหลวงนี่?" ซ่งซีซีใจเต้นแรงขึ้น นางรีบไปที่คอกม้า ขณะที่วิ่งนั้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1100

    ซ่งซีซีคิดตามคำพูดของนางและรีบรวบรวมทุกอย่าง ตอนนี้นางสับสนมากแต่ก็ต้องบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์และถามอีกครั้ง "ตอนนี้มีหงเซียวคนเดียวที่ไล่ล่าพวกเขาอยู่หรือ""หงเซียวและเฟิยอวิ๋นกำลังไล่ตามอยู่ แต่ถ้าคุณหนูเสิ่นถูกอ๋องเยี่ยนพาตัวไปจริงๆ มีนักรบแข็งแกร่งอยู่รอบตัวอ๋องเยี่ยน พวกนางสองคนย่อมสู้ไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงกลับมาเพื่อนำกำลังเสริมไปช่วย แต่ตอนนี้ก็ไม่มีสามารถรู้ได้ว่าคุณหนูเสิ่นถูกพวกเขาพาตัวไปจริงๆ หรือเปล่า"ซ่งซีซีรู้ว่าจะรอช้าไม่ได้ สายฟ้าน่าจะตามทันได้ หากเสิ่นว่านจืออยู่ในเมืองหลวง นางคงไม่ตกอยู่ในอันตราย จะอันตรายก็ต่อเมื่อนาถูกอ๋องเยี่ยนพาตัวไปนางบอกกับชิงเหลิงว่า "เจ้ารีบกลับไปบอกปี้หมิง ให้ค้นหาในเมืองหลวง จากนั้นกลับจวนเป่ยหมิงอ๋องเพื่อตามหาหัวหน้าเหมิง และให้เขาพาคนตามข้ามา ข้าจะทิ้งรอยไว้ให้เขาในระหว่างทาง"หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็ยกแส้ขึ้นแล้ววิ่งออกไปหงเซียวติดตามเสิ่นว่านจือโดยตลอด แต่เสิ่นว่านจือมาหายตัวต่อหน้านาง นี่ย่อมไม่ธรรมดา นางจะประมาทไม่ได้ ต้องไล่ตามอ๋องเยี่ยนให้ทันชิงเหลิงขี่ม้ากลับเมืองหลวง ทั้งกองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนกำลังตามหาอยู่ ห

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status