Share

บทที่ 1537

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เรื่องราวที่อยู่ในพระทัยนั้นใหญ่หลวงและมากมายเกินไป พระสนมเต๋อเฟยจึงมิอาจข่มพระบรรทมได้เลย

นางลุกขึ้นคลุมเสื้อ ก่อนจะพาชิงหลันไปยังตำหนักบรรทมขององค์ชายรอง

นางให้ข้าราชบริพารที่อยู่เวรยามออกไปอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะนั่งลงข้างเตียง มองดูพระพักตร์ของพระโอรสที่ยังคงเยาว์วัย ทว่าแม้จะหลับตาอยู่ ก็ยังสามารถรับรู้ถึงความหวาดกลัวที่แผ่ออกมาจากตัวเขา

พระสนมเต๋อเฟยทอดถอนใจเบาๆ ความขุ่นเคืองแล่นขึ้นมาในพระทัย ชื่อรองจ้งข่ายที่ท่านไท่ฟู่มอบให้นั้น หมายให้เขาเป็นคนมีเมตตา แต่แท้จริงแล้ว กลับเป็นการสอนให้เขาไม่แย่งชิง ไม่ต่อสู้ และต้องพึงพอใจกับการเป็นขุนนางที่อยู่ใต้คนอื่น

เหตุใดกัน?

พระโอรสของนาง นอกจากมิได้เป็นองค์รัชทายาทแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเหนือกว่าพระโอรสของฮองเฮาทั้งสิ้น

มิใช่ว่านางต้องการแย่งชิง แต่หากไม่แย่งชิง ก็ไม่มีหนทางรอด

ฮองเฮานั้นใจแคบและเห็นแก่ตัวโดยแท้ มิอาจทนให้ผู้ใดเป็นภัยต่อตำแหน่งของนางได้ หากพระโอรสของนางโง่เขลาเสียหน่อย ไม่แย่งชิงก็คงไม่เป็นไร ทว่ากลับเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งสาม

บนเตียงของตน จะให้ผู้อื่นมาหลับนอนได้อย่างไร?

องค์ชายใ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1538

    รุ่งเช้าวันใหม่ องค์ชายใหญ่และรุ่ยเอ่อร์ลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความกระปรี้กระเปร่า เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ตรงกันข้าม องค์ชายรองกลับซูบเซา อิดโรย รอยคล้ำใต้ตาชัดเจน เมื่อคืนเขาฝันร้ายไม่หยุด ไม่ใช่ฝันว่าตัวเองถูกตัดหัว เลือดสาดกระเซ็น ก็เป็นฝันว่าพระเชษฐาของเขาถูกตัดขาทั้งสองข้าง ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสะพรึงกลัว แม้แต่คำพูดของขันทีที่ถูกแขวนคอเมื่อคืน ก็ยังคงดังก้องในความฝันของเขาซ้ำไปซ้ำมา ไม่ว่าจะในฝันหรือตอนตื่น เขาก็ยังคงหวาดกลัวไปทั้งร่าง จนตัวสั่นไม่หยุด พระสนมเต๋อเฟยพาชิงหลันมาแต่งตัวให้เขาด้วยตนเอง พลางกระซิบเตือนสติว่า วันนี้ต้องทำอะไรบ้าง และปลอบใจให้คลายความวิตกกังวล ให้เขาไม่ต้องห่วง ไม่ได้จะเอาชีวิตองค์ชายใหญ่เมื่อเห็นว่าเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางจึงเริ่มกล่าวถึงข้อดีของอำนาจ ว่าหากมีอำนาจอยู่ในมือ เขาจะสามารถปกครองแคว้นซางให้สงบสุขรุ่งเรือง กลายเป็นจักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับการจารึกในประวัติศาสตร์ กล่าวได้ว่า พระสนมเต๋อเฟยย่อมรู้จักพระโอรสของตนดีที่สุด เขามิใช่คนไร้ความทะเยอทะยาน เพียงแต่เมื่อไม่นานมานี้ ไทเฮาตั้งใจให้พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกัน ทั้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1539

    ในโรงม้า ม้าทุกตัวได้รับการตรวจสอบและให้อาหารเรียบร้อยแล้ว เด็กทั้งสี่คนส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ขณะที่ลูบไล้ม้าของตนไปด้วย พลางพูดคุยถึงเรื่องราวอันคึกคักของวันนี้ องค์ชายสามดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากการที่เสด็จแม่สูญเสียความโปรดปราน พระพักตร์ของพระองค์ยังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มสดใสร่าเริง วันนี้ ซูเฟยย่อมเสด็จมาเช่นกัน ไม่ว่าในตำหนักฝ่ายในจะทรงถูกปฏิบัติอย่างไร แต่ต่อหน้าผู้อื่น นางยังคงเป็นเสด็จแม่ขององค์ชายสาม เป็นพระนางซูเฟยผู้ทรงเกียรติ ส่วนฝูเจาอี๋นั้น ด้วยพระวรกายที่ยังไม่ฟื้นตัวดี จึงไม่ได้เสด็จมาด้วย พวกเขาจูงม้าออกไปตั้งใจจะเดินเล่นสักหน่อย เดิมทีองค์ชายสามไม่สามารถปีนขึ้นหลังม้าได้เอง ทว่าเมื่อทดลองดูครั้งนี้ กลับปีนขึ้นไปได้สำเร็จ ทำเอาพระองค์ทรงปลื้มปีติยิ่งนัก พระองค์ทรงร้องเรียกเสียงดัง “เสด็จพี่ใหญ่ เสด็จพี่รอง พี่รุ่ยเอ่อร์ ดูข้าสิ เร็วเข้า ข้าขึ้นมาเองได้แล้ว!” ทุกคนเห็นท่าทีภาคภูมิใจของพระองค์แล้วต่างหัวเราะจนตัวงอ พร้อมกันเอ่ยชมว่าเก่งยิ่งนัก องค์ชายรองกำแขนเสื้อพลางหัวเราะแล้วตรัสว่า “ก็เพราะม้าของเจ้าเตี้ยกว่าน่ะสิ ถ้าเจ้าขึ้นหลังม้าของพวกเราทุ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1540

    ซ่งซีซีในวันนี้ยุ่งวุ่นวายเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม ต่างสามารถมองเห็นเงาของนางที่ก้าวเดินเร่งรีบไปมา ตอนนี้นางพาผู้คนมาปรากฏตัวที่ลานแข่งม้าอีกครั้ง กำลังจัดวางกำลังป้องกันโดยรอบ การแข่งขันขี่ม้ากำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ขุนนางฝ่ายบู๊และบุตรหลานของตระกูลขุนนางจำนวนมากต่างจูงม้าของตนยืนรออยู่หน้าลาน การแข่งขันขี่ม้าในครั้งนี้ไม่ได้ซับซ้อนนัก เพียงแค่ควบม้าวิ่งรอบสนามสามรอบ ในแต่ละรอบจะมีรั้วสูงหกสิบหกเซ็นติเมตร ผู้เข้าแข่งขันจะต้องบังคับม้ากระโดดข้ามรั้วเหล่านั้น โดยต้องไม่ทำให้รั้วล้มลง และผู้ที่เข้าเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ ที่จริงแล้วสิ่งนี้แทบไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันขี่ม้า เพราะอุปสรรคที่สูงเพียงหกสิบหกเซ็นติเมตรนั้น สำหรับม้าศึกที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี และผู้ขี่ที่มีฝีมือชำนาญแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งนัก อย่างไรก็ตาม การกำหนดความสูงของรั้วไว้ที่สองฉื่อนั้น ก็เพื่อองค์ชายทั้งสามพระองค์ หรือให้พูดให้ถูกก็คือเพื่อองค์ชายใหญ่และองค์ชายรอง เพราะองค์ชายสามอาจไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ต่อให้เข้าร่วม ซ่งซีซีก็จะจัดคนให้คอยจูงม้าพระองค์ ตามตารางการแข่งขัน องค์ชา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1541

    ฝุ่นทรายเต็มปากซ่งซีซี ลานทรายนี้ย่อมเทียบไม่ได้กับทุ่งหญ้า นอกจากฝุ่นทรายที่ฟุ้งกระจายเต็มฟ้าแล้ว แทบไม่มีความน่าดูชมใดๆ เลย แม้ว่านางจะยืนอยู่ในสนาม ก็ยังไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจนว่าใครอยู่ในอันดับแรก แต่ดูแล้วน่าจะเป็นเฉินเจา บุตรชายคนเล็กของแม่ทัพเฉิน เมื่อตอนที่ม้ากระโจนข้ามรั้ว นางจึงมั่นใจว่าเป็นเฉินเจาจริงๆ เพราะขณะนี้ ม้าของเขานำหน้าม้าตัวอื่นไปไกลถึงหนึ่งช่วงตัวแล้ว และยังคงขยายระยะห่างออกไปเรื่อยๆ การแข่งขันขี่ม้าในวันนี้แท้จริงแล้วไม่ใช่การแข่งขันอย่างเป็นทางการ เพียงแค่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมบรรดาองค์ชาย การได้ที่หนึ่งก็ไม่มีความหมายอะไร อีกทั้งหากแสดงฝีมือดีเกินไป ก็จะยิ่งทำให้องค์ชายเหล่านั้นรู้สึกกดดันมากขึ้น ดังนั้นคนอื่นๆ จึงมิได้เร่งฝีเท้าตามหลังไป แต่กระนั้น ความเร็วที่พวกเขาใช้ก็ไม่นับว่าช้า เพียงแต่ยังมิใช่ความเร็วที่ดีที่สุดของพวกเขาเท่านั้น เมื่อเข้าสู่รอบที่สาม รุ่ยเอ่อร์และองค์ชายทั้งสามพระองค์ก็เตรียมตัวขึ้นม้ารออยู่ในเขตรอแข่งขัน เมื่อการแข่งขันในสนามสิ้นสุดลง พวกเขาก็สามารถทะยานเข้าสู่สนามได้ องค์ชายสามกระโดดขึ้นหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว เด็กชายตัว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1542

    ฮองเฮามิได้ถูกขัดขวาง นางพุ่งเข้าไปภายในฉากไม้ไผ่ เพียงแค่เห็นพระโอรสที่ชุ่มโชกไปด้วยโลหิต นางก็กรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น ก่อนจะเป็นลมล้มลงในทันที โชคยังดีที่หมอหลวงอยู่ในที่นั้น นางกำนัลรีบพยุงนางออกไปด้านนอกเพื่อให้หมอหลวงช่วยรักษา หลังจากฟื้นคืนสติแล้ว ฮองเฮาทรงร่ำไห้อย่างสุดกำลัง เซี่ยหลูโม่พาผู้คนเข้าควบคุมสถานการณ์ และสกัดจับม้าบ้าคลั่งตัวนั้น พร้อมกับเริ่มต้นสืบสวนเหตุการณ์ทันที ภายในฉากไม้ไผ่ จักรพรรดิ์ซูชิงทรงคุกเข่าลง พระหัตถ์ที่สั่นระริกลูบใบหน้าขององค์ชายใหญ่ พระหัตถ์เปื้อนไปด้วยโลหิตสด หมอมหัศจรรย์ดันรีบปักเข็มลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตรัสให้ฮ่องเต้หลบไปด้านข้าง เขาต้องทำให้เลือดที่ศีรษะหยุดไหลก่อน การฝังเข็มในครั้งนี้ เป็นเพียงการรั้งลมหายใจสุดท้ายเอาไว้เท่านั้น ยาเม็ดที่เตรียมมาไม่สามารถให้กลืนลงไปได้ เขาจึงยื่นขวดยาห้ามเลือดให้ซ่งซีซี “ให้เขากลืนลงไป ถ้าเขากลืนได้ จะช่วยชะลอการตกเลือดภายใน” หมอมหัศจรรย์ดันมองออกอย่างชัดเจนว่า ฝีเท้าม้าที่เหยียบลงไปย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรง น้ำหนักของม้ารวมกับความเร็วเช่นนั้น แน่นอนว่าทำให้อวัยวะภายในเสียหายและตกเลือด หา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1543

    องค์ชายใหญ่ถูกส่งกลับไปยังตำหนักภายในอุทยานบุปผาหลวง บัดนี้ไม่มีหนทางที่จะส่งเขากลับวังหลวงได้ จำต้องทำการรักษา ณ ที่ใกล้ที่สุด ส่วนอาการของเขาเป็นเช่นไร ทุกคนเพียงแค่มองสีหน้าของหมอมหัศจรรย์ดัน ก็คาดเดาได้ไม่ยาก เกรงว่า… คงไม่รอดแล้ว เซี่ยหลูโม่สั่งให้กระจายผู้คนออกไป ส่วนผลการสอบสวน เขาไม่ได้เร่งส่งขึ้นไปทันที แต่สั่งให้คนสืบต่อไป บรรดาสนมทั้งหมดถูกส่งกลับคืนสู่พระตำหนัก รวมถึงฮองเฮาด้วย เดิมทีนางไม่ยอมกลับ ไม่ว่าเป็นหรือตายก็ยังคงยืนกรานจะอยู่ข้างกายโอรส แต่เมื่อเข้าไปพบองค์ชายใหญ่ นางกลับหมดสติไปอีกครั้ง จักรพรรดิ์ซูชิงจึงมีรับสั่งให้นำตัวนางกลับไป รุ่ยเอ่อร์ไม่ยอมจากไป ยืนกรานจะอยู่เคียงข้างองค์ชายใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร เซี่ยหลูโม่จึงอนุญาตให้เขาอยู่ต่อ คืนนั้น จักรพรรดิ์ซูชิงประทับอยู่ ณ อุทยานบุปผาหลวง ไทเฮาเสด็จมาในยามเย็น ข่าวคราวที่เกิดขึ้นมีคนกราบทูลนางแล้ว ทันทีที่ไทเฮามาถึง นางก็รับช่วงต่อจากซ่งซีซี นางเป็นผู้คอยดูแลองค์ชายใหญ่ด้วยพระองค์เอง เมื่อนำองค์ชายใหญ่มายังตำหนักฉือหนิงในครั้งแรก ไทเฮาไม่มีทางเลือกอื่น ความเย็นชาของนางที่มีต่อองค์ชายใหญ่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1544

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงถามเช่นนั้น หมอมหัศจรรย์ดันนิ่งเงียบไปเนิ่นนาน เขากำลังครุ่นคิด กำลังไตร่ตรอง ในห้องมีเพียงเสียงหายใจหนักหน่วงและเสียงหัวใจเต้นเงียบสงัดราวกับความตาย ความเงียบที่แฝงไปด้วยความสิ้นหวัง กดดันจนแทบหายใจไม่ออก "มิอาจเรียกว่ามีหนทาง เพียงแต่เป็นการลองเสี่ยงดู" หมอมหัศจรรย์ดันเอ่ยขึ้นช้าๆ "อีกทั้งโอกาสสำเร็จนั้นต่ำมาก ต่ำยิ่งนัก" "ท่านว่ามาเถิด" ไทเฮาร้อนพระทัยยิ่งกว่าจักรพรรดิ์ซูชิง "บอกมาให้ฟังเสีย" หมอมหัศจรรย์ดันถอนหายใจหนักหน่วง "ถึงแม้จะเป็นหนทางที่เสี่ยง แต่ต้องให้เขาผ่านสามวันแรกไปได้เสียก่อน หากรอดพ้นสามวันนี้ ข้าจะนำเขาไปยังสำนักเทพโอสถ ให้เขาแช่ร่างในน้ำยาต้มจากหญ้าต้วนซวี่ ซึ่งเติบโตในสำนักเทพโอสถทุกวัน อาจพอรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ว่าความหวังริบหรี่นัก เกรงว่าเขาอาจทนไม่ไหวจนไปไม่ถึงสำนักเทพโอสถ" ซ่งซีซีถามขึ้น "มิอาจเก็บหญ้าต้วนซวี่มาได้หรือ? บัดนี้เขาบาดเจ็บสาหัสเพียงนี้ จะเคลื่อนย้ายได้อย่างไร?" หมอมหัศจรรย์ดันส่ายหน้า "มิอาจ แม้ว่าหญ้าต้วนซวี่ที่แห้งแล้วจะยังมีสรรพคุณอยู่ แต่หากต้องการใช้ให้เกิดผลสูงสุด ต้องนำไปต้มภายในครึ่งชั่วโมงหลังจากเก็บเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1545

    จักรพรรดิซูชิงทรงประกาศพระดำริแล้ว จึงทรงถามเซี่ยหลูโม่ถึงผลการสอบสวน พระองค์ทรงทราบดีว่า ม้าหนุ่มไม่อาจคลุ้มคลั่งขึ้นมาโดยไร้เหตุผล ม้าทุกตัวล้วนผ่านการฝึกฝนมาแล้ว แม้จะมีนิสัยดื้อรั้นเล็กน้อย แต่ก็เชื่องภายใต้การดูแลของเหล่าองค์ชาย เซี่ยหลูโม่มิได้ปิดบัง หยิบเอาดอกหนามเหล็กออกมาถวาย "มีผู้วางดอกหนามเหล็กนี้ไว้ใต้อานม้า หากไม่มีผู้ใดนั่งบนอาน ดอกหนามเหล็กเพียงแค่สร้างความรำคาญให้กับม้าเล็กน้อย แต่เมื่อองค์ชายใหญ่ขึ้นขี่ ดอกหนามเหล็กที่แหลมคมจะทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อ ทำให้ม้าเจ็บปวดจนคลุ้มคลั่ง" สายพระเนตรของจักรพรรดิซูชิงฉายแววเย็นเยียบ ทรงหันไปมองซ่งซีซี "ก่อนหน้านี้มิได้ตรวจสอบเลยหรือ?" ซ่งซีซีรีบตอบ "กราบทูลฝ่าบาท ได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งมีองครักษ์เฝ้าอยู่ตลอดเวลา นอกจากองค์ชายทั้งสามพระองค์กับรุ่ยเอ่อร์แล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใกล้ม้าเหล่านั้นได้ อีกทั้งตลอดทางมา พวกเขาต่างจูงม้าของตนเอง ไม่มีผู้ใดผ่านมือคนอื่น" ไทเฮาทรงมีพระพักตร์เคร่งขรึม "ข้าได้สั่งกำชับไปแล้ว องค์ชายทั้งสามพระองค์กับซ่งรุ่ย รวมถึงม้าทุกตัว จะต้องอยู่ในสายตาของพวกเขาเสมอ เว้นเสียแต่ว่ามีคนของ

Pinakabagong kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1614

    สนมฮุ่ยไทเฟยย่อมมีฐานะมั่นคงเช่นนี้ หลายปีมานี้ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่าย รายรับกลับมากไม่น้อยเบี้ยหวัดจากในวัง ของกำนัลจากทุกบ้าน อีกทั้งบรรดาลูกหลานที่โตแล้วต่างก็สามารถตัดสินใจเองได้ บรรดาผู้ที่กตัญญูต่อท่านมีไม่น้อย โดยเฉพาะเสิ่นว่านจื่อ ยิ่งกตัญญูไม่ยั้งมือสำหรับหลานสาวคนเดียวนี้ ท่านไม่มีสิ่งใดที่เสียดายเลย คำพูดที่มักติดปากคือ เมื่อท่านสิ้นไป สมบัติทั้งปวงย่อมตกเป็นของหลานสาวบัดนี้เมื่อแม่ลูกสองคนไปถึงที่อยู่ของท่าน ท่านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่เซี่ยเจิงจะไปภูเขาเหม่ยชานฝึกวรยุทธ์อีกครา"ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นดีเห็นงาม เพียงแต่การไปนานถึงเพียงนั้น ปีหนึ่งกลับมาได้ไม่กี่ครั้ง อนาคตยังบอกว่าจะออกไปผจญภัยอีก เด็กหญิงน้อยๆ เช่นนี้ จะไปฝ่าโลกภายนอกได้อย่างไร? ข้าขัดท่านพ่อของเจ้าไม่ไหว เขาเป็นคนไม่เข้าใจโลก พูดอะไรก็ไม่เคยพูดให้เข้าใจได้ ข้าก็ไม่มีทาง""ท่านยาย หลานไม่ใช่เด็กสาวบอบบางหรอกเจ้าค่ะ ท่านลองดูหมัดของหลานเถิด" เซี่ยเจิงชูหมัดขึ้น โบกไปมาอยู่ตรงหน้าสนมฮุ่ยไทเฟย กล่าวอย่างภาคภูมิว่า "หมัดนี้ของหลาน แม้แต่หมูป่ายังต้องสลบเหมือด"สนมฮุ่ยไทเฟยทอดถอนใจ "บุตรีบ้านอื่น มือเอา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1613

    สองสามีภรรยาเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกอบอุ่นในใจ โดยเฉพาะซ่งซีซี ที่แต่เดิมรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนั้นเป็นการถูกบังคับ แต่ใครจะคาดคิดว่าจะได้พบกับความสุขเช่นวันนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดานักทันใดนั้นก็มีคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาทางประตู ยังไม่ทันเห็นหน้าชัด ก็โผเข้ากอดเซี่ยหลูโม่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดี "ท่านพ่อ ของขวัญพิธีปักปิ่นที่ท่านมอบให้ข้านั้น ข้าชอบมากนัก ขอบคุณท่านพ่อ ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ยังคงซุกซนเช่นเดิมหรือ? โตเป็นสาวแล้ว ต้องสุขุมให้มากหน่อย"แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนั้น ทว่าดวงตากลับเปี่ยมด้วยความเอ็นดู มือช่วยจัดปิ่นที่นางสวมในพิธีปักปิ่นให้เรียบร้อย แล้วเอ่ยต่อว่า "เครื่องประดับหัวทับทิมแดงนั่นเจ้าไม่ชอบหรือ? ท่านแม่ของเจ้าตั้งใจเลือกให้นัก""ชอบเจ้าค่ะ ชอบทุกอย่างเลย" เซี่ยเจิงยิ้มจนตาหยี รักทุกสิ่งที่พ่อแม่มอบให้เซี่ยหลูโม่มองรอยยิ้มของบุตรสาวแล้วพลันรู้สึกเคลิ้มใจบุตรสาวยิ่งโต ยิ่งเหมือนซ่งซีซี ในวันแรกที่พบซ่งซีซีที่ภูเขาเหม่ยชาน นางก็ยิ้มเช่นนี้แต่หลังจากนั้น นางก็แทบไม่เคยยิ้มแบบนี้อีก ต่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status