Share

บทที่ 5

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
คนของตระกูลจ้านต่างมองหน้ากัน คิดไม่ถึงว่าซ่งซีซีมักจะที่อ่อนแอนั้น ยามนี้จะเด็ดขาดเช่นนี้

ยิ่งกว่านั้นนางไม่ยอมเชื่อฟังท่านแม่ด้วยซ้ำ

ฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างเย็นชา "นางต้องยอมแน่นอน นางไม่มีทางเลือกอื่น"

ใช่ไง บัดนี้นางไม่มีครอบครัวที่ให้พึ่งพา นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ในตระกูลจ้าน ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลจ้านไม่ได้ปฏิบัติไม่ดีต่อนาง นางยังเป็นภรรยาเอก

เช้าวันรุ่งขึ้น ซ่งซีซีนำเป่าจูกลับจวนโหวเจิ้นเป่ย

ภายในจวนก็รกร้าง ใบไม้ร่วงหล่นกองอยู่

อย่างไรก็ตาม ไม่มีคนดูแลมาครึ่งปีแล้ว และลานบ้านของจวนโหวมีวัชพืชที่สูงพอๆ กับผู้ใหญ่ได้

เมื่อเหยียบเข้าไปในจวนโหวอีกครั้ง ซ่งซีซีก็รู้สึกเจ็บใจจนเหมือนโดนมีดแทงใจ

เมื่อหกเดือนก่อน นางตกใจเมื่อได้ยินว่าครอบครัวของนางถูกสังหารไปหมด นางทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าศพของท่านย่าและท่านแม่ พวกนางหนาวมากจนไม่มีความอบอุ่นแม้แต่นิดเลย และทุกที่ของจวนก็เปื้อนไปด้วยเลือดหมด

มีห้องโถงของบรรพบุรุษอยู่ในจวนโหว และป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษของตระกูลซ่งและท่านแม่ของนางล้วนอยู่ในห้องโถงของบรรพบุรุษ

นางและเป่าจูกำลังเตรียมเครื่องบูชา และน้ำตาของพวกนางก็ไม่เคยหยุดไหล

หลังจากจุดธูปแล้ว นางก็คุกเข่าลงกับพื้นและก้มลงกราบป้ายวิญญาณของพ่อแม่ ดวงตาของนางดูหนักแน่นมากหลังจากร้องไห้ "ท่านพ่อ ท่านแม่ ถ้าพวกท่านอยู่บนสวรรค์เห็นข้าอยู่ โปรดยกโทษให้กับการตัดสินใจที่ลูกกำลังจะทำด้วย ไม่ใช่ว่าลูกไม่อยากแต่งงานมีลูกใช้ชีวิตอย่างสงบสุข แต่จ้านเป่ยว่างไม่ใช่คนดี ไม่เพียงพอที่ลูกจะใช้ชีวิตกับเขา แต่พวกท่านวางใจ ลูกกับเป่าจูจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างดี"

ส่วนเป่าจูก็คุกเข่าลงและร้องไห้ไม่หยุด

หลังจากไหว้เสร็จแล้ว พวกนางก็ขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าตรงไปยังพระราชวัง

ในตอนเที่ยง พระอาทิตย์ในฤดูใบไม้ร่วงกำลังแผดเผา ส่วนซ่งซีซีและเป่าจูก็ยืนอยู่หน้าประตูพระราชวัง โดยไม่ขยับตัวเหมือนท่อนไม้

หลังจากรออยู่หนึ่งชั่วยามเต็มๆ ก็ไม่มีใครออกมาเรียกนางเข้าไป

เป่าจูพูดอย่างเศร้าๆ ว่า "คุณหนู เกรงว่าฝ่าบาทจะไม่ยอมพบท่าน คิดว่าท่านมาขัดขวางการแต่งงาน เมื่อคืนท่านยังไม่ได้กินข้าว และเช้านี้ก็ไม่ได้กินด้วย ท่านยังไหวอยู่หรือไม่ ไม่งั้นให้ข้าน้อยไปซื้ออะไรให้กินดีไหม"

"ข้าไม่หิว!" ซ่งซีซีไม่รู้สึกหิวเลย นางมีเพียงความเชื่อมั่นในใจที่สนับสนุนนางซึ่งก็คือการหย่า จากนั้นก็กลับบ้าน

"หยุดทรมานตัวเองได้เลย ถ้าหิวจนทำร้ายร่างกายเข้า มันไม่คุ้มเลย"

"ไม่งั้นก็แล้วไปนะ ยังไงท่านเป็นภรรยาเอก เป็นจ้านฮูหยิง แม้ว่านางจะเป็นภรรยาเท่าเทียมกันมากสุดก็เป็นแค่อนุภรรยา คุณหนู ไม่งั้นเราอดทนสักหน่อยดีไหม"

ดวงตาของซ่งซีซีเย็นชา "เป่าจู คำพูดที่ไม่มีความทะเยอทะยานเช่นนี้ ต่อไปอย่าพูดอีกเลย"

เป่าจูถอนหายใจ ดวงตาของนางดูจนใจมาก งั้นจะทำอย่างไรดีเล่า?

เดิมทีคิดว่ารอแม่ทัพกลับมา คุณหนูก็จะสบายหน่อย ไม่คิดว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

ในห้องอ่านหนังสือของฮ่องเต้ อู๋ต้าปั้นมารายงานทูลแล้วสามครั้ง "ฝ่าบาท จ้านฮูหยิงยังคงรออยู่นอกประตูพระราชวังพะย่ะค่ะ"

จักรพรรดิ์ซูชิงวางหนังสือลงแล้วขมวดคิ้ว "ข้าไม่สามารถพบนางได้ ข้าออกพระราชโองการไปแล้ว ข้ากลับคำไม่ได้ ให้นางกลับเถอะ"

"องครักษ์เฝ้าประตูพยายามเกลี้ยกล่อมนางแล้ว แต่นางปฏิเสธที่จะออกไป นางยืนแบบนั้นนานกว่าหนึ่งชั่วยามโดยไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียวเลย"

จักรพรรดิ์ซูชิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง "จ้านเป่ยว่างใช้ผลงานทางการทำศึกมาขอ เดิมทีข้าก็ไม่ยอมเช่นกัน แต่หากไม่ตอบตกลงไป ทั้งเขาและแม่ทัพยี่ต่างก็ขายหน้าด้วย เพราะไม่ว่ายังไงพวกเขาเอาชนะศึกแล้ว"

อู๋ต้าปั้นกล่าวว่า "ฝ่าบาท เมื่อพูดถึงผลงานออกศึก ทางจวนโหวเจิ้นเป่ยและผู้บัญชาเซียวคงไม่มีใครเทียบได้นะ"

จักรพรรดิ์ซูชิง นึกถึงเจิ้นเป่ยโหวซ่งฮวยอัน ตอนที่เขายังเป็นรัชทายาท เพิ่งเข้ากองทัพใหม่ๆ เจิ้นเป่ยโหวเป็นคนที่สอนงานเขา และเขารู้จักกับซ่งซีซีมานานแล้ว แต่ตอนนั้นนางยังเด็ก เป็นเด็กน่ารักมีอายุประมาณหกหรือเจ็ดขวบเอง นางขาวมากและน่ารักด้วย

จักรพรรดิ์อย่างเขาก็โตมาจากกองศพและทะเลเลือด เขารู้ถึงความยากลำบากที่เป็นแม่ทัพต้องเผชิญ ดังนั้น เมื่อจ้านเป่ยว่างขอพระราชทานสมรสด้วยผลงานของการทำศึก เขาลังเลแค่ครู่หนึ่งก็ตอบตกลงในที่สุด

เว้นแต่น้องชาย เป่ยหมิงอ๋อง ก็ไม่มีขุนนางฝ่ายทหารที่มีความสามรถในราชสำนักแล้ว สงครามระหว่างเมืองซีจิงในครั้งนี้ แม่ทัพน้อยคนที่สามของผู้บัญชาเซียว แขนหักข้างหนึ่ง ส่วนแม่ทัพน้อยคนที่เจ็ดเสียชีวิตไป เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ถูกปกปิดไว้ทั้งหมด

แต่อู๋ต้าปั้นพูดถูก ในแง่ของผลงานทางทหาร จ้านเป่ยว่างกับยี่ฝางนั้นเทียบไม่ติดเจิ้นเป่ยโหวเลย

"ช่างเถอะ ให้นางเข้ามาเถอะ ถ้าหากนางเห็นด้วยกับการแต่งงานคนั้งนี้ นางต้องการอะไร ข้าจะตามใจนางทั้งหมด ต่อให้ต้องการตำแหน่งอะไร ข้าก็ยอม"

อู๋ต้าปั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ฝ่าบาททรงมีเหตุผลพะย่ะค่ะ!"
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (14)
goodnovel comment avatar
Kantitat
ดีมาก รอลุ้น
goodnovel comment avatar
มล กมลวิช
ชอบๆสนุกดี
goodnovel comment avatar
ไม่บอก อย่าหลอกถาม
อ่านต่อไม่ได้
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1663

    เนื่องจากเสิ่นว่านจือกับพวกพักอยู่ที่จวน ฮูหยินซ่งจึงไม่ได้ลงโทษลูกสาวหนักนัก ยอมให้นางพาเหล่าสหายออกไปเที่ยวชมเมืองหลวงปีนี้ พอใกล้ถึงสิ้นปี ทุกบ้านต่างก็ออกมาจับจ่ายของปีใหม่ ม้าศึกตัวหนึ่งวิ่งตรงจากประตูเมืองเข้าสู่เขตพระราชวัง พลทหารป่าวร้องเสียงดังลั่น“ข่าวดี! เป่ยหมิงอ๋องยึดหนานเจียงคืนได้แล้ว! เป่ยหมิงอ๋องยึดหนานเจียงคืนได้แล้ว!”ซ่งซีซีอุ้มม้วนผ้าไหมสองพับ ยืนอยู่หน้าร้านผ้า ได้ยินเสียงร้องตะโกนกับหูตัวเองนางจำได้ว่าหลังจากศิษย์น้องออกไปรบที่หนานเจียง ก็ตีเมืองได้อย่างต่อเนื่องสิบกว่าหัวเมือง ทว่าติดพันอยู่ที่เมืองอีลี่และซีเมิ่งอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งซีจิงเข้ามาแทรกแซง สถานการณ์จึงล่าช้าตามลำดับเวลา ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายน่าจะยังรบกันอยู่ เหตุใดยึดคืนได้หมดแล้ว?นางเชื่อว่าเขาจะชนะ และจะยึดหนานเจียงกลับคืนมาได้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้จริงดังคาด หากไม่มีซีจิงเข้ามาแทรกแซง การยึดหนานเจียงคืนก็เป็นไปอย่างราบรื่นนางกลับไปแจ้งข่าวให้มารดาทราบ พร้อมจัดสำรับสุราอาหารเซ่นไหว้บิดาและพี่ชาย การยึดหนานเจียงครั้งนี้ ก็มีบุญคุณของพวกเขาร่วมอยู่ด้วย พวกเขาเคยถ่ายทอดประสบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1662

    กลับถึงชายแดนเฉิงหลิง จ้านเป่ยว่างก็มีไข้สูง ตั้งแต่ระหว่างทางเขาก็แทบจะฝืนตัวไม่ไหว ความเจ็บปวดกัดกินจิตใจเขาจนถึงขั้นยามรู้สึกตัวก็ยังร้องขอให้หมั่นโถวใช้มีดปลิดชีพเสีย จะได้ไม่ต้องทนทรมานอีกหมอทหารเข้ามารับช่วงรักษา ล้างแผล ขูดเนื้อเน่าออก แน่นอนว่าเป็นความเจ็บปวดที่ยากจะทนไหวอีกครั้งต่อจากนั้นเขาก็ซมไปหลายวัน กินได้แค่น้ำข้าวเล็กน้อย ร่างกายซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัดศพของยี่ฝางไม่ได้ส่งกลับเมืองหลวง แต่ถูกฝังไว้ที่ชายแดนเฉิงหลิง เรื่องคุณความดีหรือความผิดของนาง ผู้บัญชาการเซียวจะเป็นผู้เขียนกราบทูลฝ่าบาทซีจิงในที่สุดก็ถอยทัพไป เพราะไร้ซึ่งเสบียงสนับสนุน กองทัพที่ซูลันซือนำมาก็ถึงจะอยากรบ ก็รบต่อไม่ได้ตามรายงานของสายสืบ ซูลันจีก็กลับเข้ากองทัพแล้ว เดิมทีเขาทราบว่าองค์รัชทายาทซีจิงเสด็จมาชายแดน ระหว่างทางที่มุ่งไปตามหา กลับถูกซุ่มโจมตีจนบาดเจ็บ ซูลันซือจึงฉวยโอกาสลงมือและนี่ก็เป็นแผนของพรรคพวกซูลันซือมาแต่แรก หากไม่มีแผนรองรับอย่างแน่นหนา พวกเขาคงไม่ส่งกำลังพลมายังชายแดนเฉิงหลิงมากเพียงนี้ รวมถึงลักลอบส่งเสบียงสนับสนุนด้วยในครานี้ ซูลันซือบุกโจมตีอย่างรุนแรง ละเมิดดินแดนแค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1661

    ยี่ฝางบาดเจ็บสาหัส ขณะกุ้นเอ่อร์แบกนางอยู่ก็รู้สึกได้ว่านางแทบสิ้นลม พูดได้เพียงประโยคขาดห้วงอย่างยากเย็น “ช่วย…ข้า ข้าไม่อยากตาย…”เมื่อพวกเขากลับถึงกระท่อมร้าง ก็เร่งช่วยห้ามเลือดให้จ้านเป่ยว่างก่อน เพราะเขายังมีโอกาสรอดชีวิตทว่าสภาพของยี่ฝางนั้นย่ำแย่ เลือดไหลมากเกินไป แถมยังบาดเจ็บถึงอวัยวะภายใน การฝืนมาถึงตอนนี้นับเป็นปาฏิหาริย์ในดวงตานางเต็มไปด้วยแววสิ้นหวัง มือข้างหนึ่งยังคงพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายยึดแขนเสื้อของซ่งซีซีไว้แน่น ปากอยากจะร้องขอให้ช่วย ทว่ากลับไม่มีเสียงเอื้อนเอ่ย มีเพียงเลือดที่ไหลทะลักจากปากดวงตานางพร่าเลือนแล้ว แต่ยังคงพยายามมองหาใครบางคน ทุกคนต่างนึกว่านางกำลังมองหาจ้านเป่ยว่าง ทว่าในตอนนั้นหมั่นโถวกำลังช่วยจ้านเป่ยว่างห้ามเลือด เย็บบาดแผล และกดจุดบนบ่าซ้ายเพื่อไม่ให้เลือดไหลออกอีกซ่งซีซีตรวจดูบาดแผลของนาง พร้อมทั้งใช้ผงห้ามเลือด ทว่าก็ไร้ผลในที่สุดดวงตานางก็จับโฟกัสได้ มองไปที่เสิ่นว่านจือ ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและไม่ยินยอม ทว่าลมหายใจรวยรินจนเอ่ยคำใดไม่ออกซ่งซีซีรู้ว่านางอยากจะพูดอะไร จึงกล่าวขึ้นว่า “ข้าเคยบอกแล้ว ไม่มีใครมาช่วย มีเพียงพวกเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1660

    เฉินเฉินกับหมั่นโถวพาพวกเขาออกไปได้แล้ว ก็กลับมาช่วยซ่งซีซีหลบหนียี่ฝางหามิได้อยากมีชีวิต อยู่ดีๆ ยังจะลอบกลับมา หากไม่เกรงว่านางจะทำให้ซ่งซีซีหลบหนีไม่สำเร็จ พวกเขาก็คงไม่ย้อนกลับมาจ้านเป่ยว่างแบกยี่ฝางไว้ พลางวิ่งสะเปะสะปะดั่งแมลงวันไร้หัว ไร้ซึ่งท่วงท่าในการต่อสู้ ยี่ฝางร่วงลงกับพื้น ยังไม่ทันตั้งหลักดี ดาบของทหารก็ฟันลงมาที่ขาของนางเสียงกรีดร้องโหยหวนสะท้านทั่วฟ้าเหนือคลังเสบียง จ้านเป่ยว่างที่รับมืออย่างยากลำบากหันกลับไปมอง เพียงแวบเดียวใบหน้าก็ซีดเผือด ยี่ฝางถูกฟันเข้าที่ขาซ้าย เลือดทะลักไม่หยุด“พี่จ้าน ช่วยข้าด้วย…” ยี่ฝางร้องเรียกเสียงแหลม หน้าซีดขาวจนไร้สีเลือด ไม่รู้ว่าเพราะเจ็บหรือเพราะกลัว ทั้งร่างสั่นระริกทหารเหล่านั้นดูท่าจะตั้งใจไว้ชีวิต จึงไม่ลงมือฆ่านางทันทีดาบเล่มหนึ่งจ่ออยู่ที่ลำคอของนาง มีคนลากนางลุกขึ้น ทหารที่โกรธเกรี้ยวพูดอะไรบางอย่างไม่ชัดถ้อย ก่อนจะมีคนถือเชือกเข้ามาจะมัดตัวนางในยามนั้นเอง พลทหารคนหนึ่งนำเหล่าทหารไม่กี่นายเดินตรงเข้ามา ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม แม้จะดูอ่อนล้าเพราะเดินทางมาไกล แต่ก็ยังไม่อาจบดบังอากัปกิริยาอันสูงศักดิ์ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1659

    ซ่งซีซีเห็นว่าทุกคนล้วนหลบหนีออกไปได้แล้ว จึงรอให้เพลิงลุกไหม้อีกครู่ ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาบินไปยังคลังเสบียงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไปร่วมดับไฟ แต่คลังเสบียงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง จึงยังมีทหารเฝ้าอยู่สิบกว่าคน พวกเขาเห็นซ่งซีซีในคราบชาวเขาก็จะเข้ามาตรวจสอบซ่งซีซีรีบยกถังน้ำมันขึ้น ร้องตะโกนเป็นภาษาซีจิงว่า “ดับไฟ ดับไฟ…”นางร้องตะโกนพลางวิ่งไปยังกองเพลิงด้านตะวันออก ทำทีว่ากำลังจะไปช่วยดับไฟขณะเดียวกัน ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงต่างก็รีบมาช่วยดับไฟ ซ่งซีซีที่วิ่งนำหน้ากลุ่มจึงดูไม่ผิดสังเกตนักบริเวณเพลิงไหม้วุ่นวายไปหมด บ้างใช้ผ้าหนาโบกดับไฟ บ้างหิ้วถังตักน้ำ บ้างใช้พลั่วตักทราย เรียกว่าทุกวิถีทางถูกนำมาใช้แต่เมื่อไม้ติดไฟแล้ว เพลิงก็รุนแรงเกินไป หากจะสกัดไม่ให้ไฟลามไปยังคลังเสบียง คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักซ่งซีซีถือถังน้ำมันวิ่งวนอยู่รอบหนึ่ง แล้วฉวยจังหวะหลบพวกทหาร แอบเข้าไปในคลังเสบียงข้าวสารถูกบรรจุใส่กระสอบป่านวางซ้อนกันจนเต็มเกือบล้นคลัง เห็นได้ชัดว่าซูลันซือตั้งใจจะบุกตีด่านเฉิงหลิงให้แตกซ่งซีซีสาดน้ำมันใส่ แล้วจุดไฟโยนไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง มีคนตะโกนว่า “

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1658

    ยี่ฝางไม่กล้ารับคำของซ่งซีซี ได้แต่กลืนความไม่พอใจลงคอ แล้วหันไปพูดกับจ้านเป่ยว่างว่า “พี่จ้าน ข้าไปกับท่านก็แล้วกัน”จ้านเป่ยว่างเหลือบตามองซ่งซีซีแวบหนึ่ง สีหน้าเรียบเฉย แล้วกล่าวว่า “เราฟังคำสั่งก็พอ จะได้ผลงานหรือไม่ก็ไม่สำคัญ สำคัญคือต้องทำภารกิจให้สำเร็จ แล้วกลับไปให้รอด”เขาย่อมไม่เชื่อว่าซ่งซีซีจะเข้าไปในคลังเสบียงเพียงคนเดียว เพราะเมื่อไม้รอบคลังถูกจุดไฟเผา คลังเสบียงย่อมกลายเป็นสถานที่อันตรายที่สุด แล้วยังจะต้องจุดไฟข้างในอีก ท่ามกลางเปลวเพลิง นางจะหนีออกมาได้อย่างไร?ฉะนั้นเขาคาดว่า ขณะที่พวกเขากำลังจุดไฟอยู่ด้านนอก ก็ต้องมีคนที่แอบซ่อนตัวอยู่ในคลังเสบียงจุดไฟไว้แล้ว ซ่งซีซีเพียงแค่ทำทีเป็นคนลงมือเท่านั้นแรกเริ่ม จ้านเป่ยว่างรู้สึกไม่ยุติธรรมในใจนัก ยิ่งรู้สึกว่าระบบขุนนางเป็นสิ่งน่าเศร้า ตระกูลขุนนางใหญ่ผลัดกันส่งต่ออำนาจ รุ่นแล้วรุ่นเล่า ขอเพียงบรรพชนมีผลงาน ก็สามารถไต่เต้าขึ้นไปได้โดยง่าย หรือมีโอกาสสร้างชื่อเสียง สืบทอดเกียรติภูมิของตระกูลต่อไปแต่คิดอีกที บิดาของเขาเองก็ไม่มีความสามารถนัก หากไม่ใช่เพราะท่านปู่มีผลงานในสนามรบ บิดาก็คงไม่ได้เป็นขุนนางด้วยซ้ำ อย่าว่า

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status