Share

บทที่ 703

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
อู๋ต้าปั้นก้มหน้าลง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ยังตอบด้วยความเคารพ "ข้าน้อยได้ยินมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ เป่ยหมิงอ๋องไปที่สนามรบเขตหนานเจียงจากคำสั่งของฝ่าบาท และในที่สุดก็ยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมาตามความคาดหวังของฝ่าบาท ได้สร้างผลงานไว้จริงๆ ฝ่าบาทได้ให้รางวัลตอบแทนและได้ประกาศให้คนทั่วประเทศได้รับรู้ ข้าน้อยคิดว่าเป่ยหมิงอ๋องสร้างผลงานในฐานะขุนนางเป็นเรื่องจริง แต่หากบันทึกความสำเร็จที่เป็นผลดีนับพันปี ย่อมเป็นผลงานของฝ่าบาทเอง"

จักรพรรดิ์ซูชิงยิ้ม "เจ้าเนี่ย เวลาพูดกับข้าก็มาเล่นไม้ด้วย อู๋ต้าปั้น ข้าไม่ใช่คนใจแคบนัก ระมัดระวังคนที่สร้างผลงานยิ่งใหญ่ ข้าแค่สงสัยนิดนึง หากประชาชนต้องการสร้างวิหารเทพแห่งสงครามให้เขา ทำไมไม่เสนอข้อเสนอนี้ออกมาตอนที่เขาเพิ่งกลับเมืองหลวงหลังยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมาล่ะ นั่นเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนมีอารมณ์ตื่นเต้นที่สุดต่างหาก"

จักรพรรดิ์ซูชิงหยิบถ้วยขึ้นมาด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง "นอกจากนี้ ข้าจำได้ว่าในเวลานั้นมีนักปราชญ์จากทั่วประเทศได้เขียนบทความสรรเสริญเขาแล้ว ทำไมตอนนี้ถึงกลับมาสรรเสริญอีก? ใช่คนกลุ่มเกียวกันอยู่หรือไม่?"

อู๋ต้าปั้นถอนห
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 704

    องค์หญิงใหญ่รู้ว่าพวกนางมาที่นี่เพื่อเอาใจไทเฮา แม้ว่านางจะโกรธแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะในปกติแล้วนางได้สุงสิงกับฮูหยินเหล่านั้นด้วย จึงไม่ควรมีเรื่องได้ โดยเฉพาะเสด็จพี่เพิ่งกลับมาเมืองหลวงอีกอย่าง เมื่อถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ตุลาคม แผนการของซ่งซีซีจะเริ่มลงมือนั้นก็ต้องใช้พวกนางเป็นประโยชน์ด้วย เพราะนางจึงแทบไม่ได้ลังเลก็เชิญพวกนางมาฮูหยินหยานไท่ฟู่มาถึงก่อนโดยนำหยานหรูอวี้ หลานสาวนางมาด้วย องค์หญิงใหญ่อธิบายสถานการณ์ไปคร่าวๆ เนื่องจากไทเฮาได้ส่งอาหารเจและเครื่องสังเวยมาด้วย พระสนมในวังหลังก็ได้ส่งมาด้วย ส่งผลทำให้ฮูหยินคนอื่นๆ ก็อยากมาด้วยฮูหยินไทฟู่กล่าวว่า "ไม่เป็นไรหรอก หากอยากทำบุญก็มาได้หมด"ฮูหยินไทฟู่นับถือศาสนาพุทธมาหลายปีแล้ว และมีจิตใจเมตตา แม้ว่านางจะเข้าร่วมงานเลี้ยงเหมือนกับฮูหยินเสนาบดีมู่เป็นครั้งคราว แต่สิ่งเดียวที่ทำให้นางกระตือรือร้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็คือเทศกาลหันอี้ประจำปีหนึ่งคือนางมาที่นี่เพื่อช่วยทำบุญให้วิญญาณของผู้ตายพวกนั้น สองคือนางต้องการเรียนรู้พุทธศาสนาจากพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วย ในปีก่อนๆ นางไม่ได้พาหยานหรูอวี้มาด้วย แต่ในปีนี้ หยานหรูอวี้เสนอตัวว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 705

    องค์หญิงใหญ่เข้าไปช่วยไกล่เกลี่ย จากนั้นจ้องมองชายารองจินด้วยสายตาเย็นชา และให้นางดูแลนางเสิ่นเอาไว้ชายารองจินก็รู้สึกรำคาญเช่นกัน แต่เนื่องจากสถานะของนางเป็ฯแค่ชายารอง เมื่อกี้ที่นางเสิ่นดึงคนอื่นมาถามสารทุกข์สุขดิบนั้น นางจึงไม่กล้าเข้าไปยุ่งโดยตรงได้ก่อนมาที่นี่ก็บอกนางว่าคืนนี้จะเคร่งขรึม ไม่ใช่เพื่อไปตีสนิทกับผู้ใด ต้องอยู่เงียบๆ คัดลอกพระคัมภีร์ สวดมนต์ แสดงความเมตตาของตนเองจะถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าสังคมแต่แล้วทันทีที่นางมาถึง ก็เอาแต่ดึงทุกคนมาพูดคุย เห็นทุกคนเป็นคนกันเอง ทำเหมือนตนเองมาชเข้าร่วมงานเลี้ยงอย่างไรอย่างนั้น ไม่เห็นว่าสีหน้าของคุณนายใหญ่เหล่านั้นได้เปลี่ยนไปหรือ?นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อคารวะจากนั้นก็พูดเบาๆ "พระชายา มาคัดลอกพระคัมภีร์ด้วยกันเถอะนะ"นางได้นำหนังสือ "พระสูตรดั้งเดิมของพระกษิติครภโพธิสัตว์" และ "พระสูตรพระไทซ่านช่วยความทุกข์" มาด้วย ส่วนนางได้คัดลอกมาแล้วหลายรอบตอนที่ดูแลเสด็จแม่ในวังนางเสิ่นนั่งคัดลอกพระคัมภีร์บนเบาะนั่งอย่างไม่เต็มใจ พระคัมภีร์นั้นเข้าใจยากและเขียนยากด้วย แค่ไม่นานนักนางก็รู้สึกเจ็บข้อมือ อยากจะวางปากกาลงแต่กลับโด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 706

    เรื่องแผนการองค์หญิงใหญ่คืนนี้ พวกเขาไม่ได้กังวลเท่าไร ในเมื่อมือสังหารลงมือแล้วก็ย่อมจะบุกเข้าไปในคุกใต้ดินอย่างแน่นอนเนื่องจากพิธีทำบุญในคืนนี้ จวนองค์หญิงใหญ่จึงมีพระสงฆ์หลายองค์ ค่ายลาดตระเวนและกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงจะลาดตระเวนสถานที่นั้นเป็นพิเศษอย่างแน่นอน หากมีมือสังหารปรากฏตัว ผู้คนที่จัดโดยอาจารย์หยูจะตะโกนเสียงดังเพื่อดึงดูดพวกเขาเมื่อเข้าไปในจวนองค์หญิง จะเข้าสู่คุกใต้ดิน มือสังหารรู้โครงสร้างของจวนองค์หญิง และรู้ทางเข้าคุกใต้ดิน ดังนั้นจะนำพวกเขาเข้าไปซ่งซีซีรู้สึกว่าสงสัยเล็กน้อย ไทเฮามอบอาหารเจและผลไม้สดมาสนับสนุนองค์หญิงใหญ่ ซึ่งดึงดูดผู้คนมากมายไปเข้าร่วมด้วยเป็นไปไม่ได้ที่ไทเฮาจะทำเช่นนี้โดยไม่มีเหตุผล ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นนางทำเช่นนี้เลย มีความเป็นไปได้ก็คือมันจัดโดยฮ่องเต้เนื่องจากจิ้งซินถูกส่งกลับไปยังสำนักกิจการภายใน หลังจากการสอบสวนต้องเปิดโปงองค์หญิงใหญ่แน่ๆเพราะด้วยเหตุนี้ ฮ่องเต้จึงให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับพิธีทำบุญในคืนนี้?แต่ประเด็นของความสนใจดังกล่าวเพื่ออะไรล่ะ? มันทำได้แต่ดึงดูดผู้คนให้เข้าร่วมมากขึ้นเท่านั้นหลังจากที่ทุกค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 707

    ยามซวี มือสังหารเริ่มลงมือแล้วมือสังหารกลุ่มหนึ่งอยู่ในชุดดำกลางคืนถือดาบอยู่ในมือ ร่อนลงอย่างเงียบๆ ที่จวนองค์หญิงใหญ่ในเวลานี้ ณ ลานหลักจวนองค์หญิง พระสงฆ์กำลังสวดมนต์ ส่วนพระคัมภีร์ที่พวกฮูหยินคัดลอกมานั้นก็ถูกเผาไปหมดแล้ว ขณะนี้บางคนกำลังคัดลอกอยู่ และบางคนกำลังท่องเมื่อมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น การสวดมนต์ของพวกฮูหยินก็หยุดลงอย่างกะทันหัน"มีมือสังหาร!"เสียงกรีดร้องนี้ทะลุท้องฟ้ายามค่ำคืนและกระทบใจองค์หญิงใหญ่อย่างแรงนางกำลังอยู่ในลานหลัก แต่กลับไม่เห็นมือสังหาร งั้นมือสังหารได้บุกเข้าไปในลานกลางและลานด้านหลังแล้วนางกำลังจะวิ่งออกไป ทว่าหยานหรูอวี้ลุกขึ้นและคว้านางเอาไว้ "องค์หญิงใหญ่ มีมือสังหารอยู่ข้างนอก และมันอันตรายนะ""ปล่อยข้าไป" องค์หญิงใหญ่หันกลับมาด้วยสีหน้าดุร้าย ซึ่งทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจหมดทุกคนตกอยู่สภาพวุ่นวายมาก มีเพียงพวกพระสงฆ์และคุณนายใหญ่ไม่กี่คนนั้นยังคงสงบนิ่งอาจารย์จื้อหยวนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "มือสังหารจะมีทหารประจำจวนและองครักษ์ไปจัดการ องค์หญิงใหญ่อย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเลย มาสวดมนต์ต่อเถอะ"องค์หญิงใหญ่มองไปยังอาจารย์จื้อหยวนที่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 708

    จ้านเป่ยว่างเห็นว่ามีคนมากมายอยู่ที่นี่ และมีพระสงฆ์ที่เป็นผู้อาวุโสด้วย หากเกิดอะไรขึ้นมาเขาก็รับผิดชอบไม่ไหว เขาจึงเข้าไปถามพระสงฆ์ว่า "ท่านอาจารย์ พวกท่านกลับห้องเพื่อซ่อนตัวสักหน่อย รอจับกุมมือสังหารแล้วค่อยสวดมนต์ต่อก็ไม่สายไปนะ"อาจารย์จื้อหยวนส่ายหัว "ไม่จำเป็น โยมไปทำธุระเถิด ในเมื่อพิธีในคืนนี้ก็เริ่มแล้วหากสวดมนต์ไม่เสร็จข้าจะไม่ไปไหน""มีมือสังหาร มันอันตราย" จ้านเป่ยว่างร้อนใจขึ้นมาอาจารย์จื้อหยวนยังพนมมือและกล่าวว่า "มือสังหารไม่ได้มุ่งเป้ามาที่ข้า หากข้าได้รับบาดเจ็บหรือถูกฆ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ มันจะเป็นชะตากรรมของข้า"เมื่อเห็นว่าตนเองไม่สามารถโน้มน้าวอีกฝ่ายได้ จ้านเป่ยว่างจึงพูดกับคนที่เหลือว่า "ปกป้องพวกเขาไว้ให้ดี"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็รีบวิ่งเข้าไปข้างในด้วยดาบในมือองค์หญิงใหญ่ถึงลานด้านตะวันตก นางกำลังเฝ้าอยู่ที่นี่ คนที่อยู่ต่อหน้านางคือองครักษ์สามสิบกว่าคน และทางเข้าคุกใต้ดินสี่ทาง มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่สำคัญที่สุดนางคิดว่าเป้าหมายของซ่งซีซีคือแม่ของกู้ชิงหลาน หากต้องการช่วยนังนั่นก็ช่วยให้ออกไปเลย เพราะนางก็เป็นคนที่ใกล้จะตายอยู่แล้ว ต่อให้ช่วยนางออ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 709

    มีลูกธนูอยู่บนพื้นเป็นชุดๆ รวมเครื่องยิงหลายเครื่อง มีด ดาบ คันธนูและลูกธนูที่จัดวางเป็นแถวๆ และถังขนาดใหญ่หลายถังซ้อนกันอยู่ที่มุมห้อง เมื่อเข้าไปใกล้ก็จะได้กลิ่นดินปืนถังถูกผนึกและปิดด้วยสิ่งของหลายชั้น แต่ยังคงมีกลิ่นของดินปืนอยู่ที่ที่ถังวางอยู่นั้นไม่มีแสงสว่าง มีเพียงทางเข้าคุกใต้ดินมีแสงไฟเท่านั้นเขาหันกลับมา และเห็นว่าองครักษ์มาถึงแล้ว และเห็นว่ามีแสงไฟส่องสว่างในคุกใต้ดิน หลายคนตกใจมากจนลืมก้าวไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้กับมือสังหารเซี่ยหลูโม่ก้าวไปข้างหน้าด้วยดาบของเขา แล้วทำให้หลายๆ คนล้มลงกับพื้น จากนั้นเขาก็เห็นจ้านเป่ยว่างเข้ามาพร้อมกับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงหลายคน ก่อนที่จ้านเป่ยว่างจะมองเห็นทุกสิ่งที่นี่ เขาก็ยกดาบขึ้นและฟาดไปที่มือสังหารเซี่ยหลูโม่ต่อสู้กับเขาเล็กน้อย ท่ามกลางแสงสลัว จ้านเป่ยว่างสบตาเข้ากับดวงตาของเขา และอาวุธในมือของเขาก็แข็งตัวอยู่ครู่หนึ่งเซี่ยหลูโม่ใช้ประโยชน์จากเขาใจลอย และวิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เดินออกไปจากคุกใต้ดินโดยเร็วหลังจากที่จ้านเป่ยว่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็มองดูทุกสิ่งในคุกใต้ดิน ชั่วขณะนั้น ดวงต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 710

    พบสมาชิกสี่คนในครอบครัวซ่งจืออันที่คุกใต้ดิน ทั้งยังมีผู้หญิงที่บ้าหรือป่วยเจ็ดแปดคนทันทีที่ปี้หมิงเห็นสมาชิกทั้งสี่คนของตระกูลซ่ง ดวงตาของเขาก็มืดลง และสั่งทันทีว่า "พาพวกเขาออกไปเดี๋ยวนี้ ไปอยู่กับพวกฮูหยินเหล่านั้น ที่นั่นมีกองกำลังเมืองหลวงและทหารประจำจวนคอยเฝ้าอยู่ปลอดภัยดี"ห้องขังขนาดใหญ่ข้างๆ ก็ขังผู้หญิงไว้ด้วย แต่ผู้หญิงทุกคนที่ถูกจับกุมอยู่ที่นี่มีความพิการทางร่างกาย ขาดแขนบ้าง หรือขาหักบ้าง เสียโฉมบ้าง หรือถูกตัดลิ้นบ้าง ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากดูแลบาดแผลไม่ดี อาการบาดเจ็บจึงไม่หาย และคนหนึ่งที่ขาหักนั้นก็เกิดหนอนขึ้นมาเมื่อสมาชิกกองกำลังเมืองหลวงเข้ามาเห็นฉากนี้ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือจวนองค์หญิง หากกล่าว่ามันคือนรกยังไม่เกินจริงเลยอดทนกลิ่นเหม็นจากร่างกายของพวกนางและช่วยยายออกไปทีละคนในลานหลัก อาจารย์จื้อหยวนและพระสงฆ์อื่นๆ ยังคงสวดมนต์ต่อ เนื่องจากมีสมาชิกกองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนจึงคาดเดาว่าเพราะมีมือสังหารมากขึ้นเรื่อยๆ หรือเปล่าฮูหยินหลายคนที่มีนางเสิ่นเป็นผู้นำล้วนอยากจะออกไป แต่อาจารย์จื้อหยวนหยุดพวกนางไว้อาจารย์จ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 711

    คนที่ถูกส่งมาในเวลานี้มีกลิ่นเหม็นมาก และสองคนในนั้นก็เป็นคนบ้า หลังจากเดินเข้ามาก็วิ่งออกไปหยิบผลไม้สดบนโต๊ะบูชามากิน เหมือนกับอดอาหารมานานแล้วบางคนในบรรดานั้นได้แต่นอนอยู่บนพื้น ดูท่าว่าเหมือนป่วยมานานแล้ว และใบหน้าก็ซีดเมื่อทุกคนยังไม่ทราบตัวตนของคนเหล่านี้นั้น มีคนอีกกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาก่อนจะเข้ามาก็ได้กลิ่นเหม็นอยู่แล้วกลิ่นเหม็นนั้นทำเอาคนอยากอาเจียนเหมือนกับกลิ่นเนื้อเน่าเปื่อย นางเสิ่นเอาผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกแล้วซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งให้ห่างๆพวกพระสงฆ์ลืมตาเมื่อเห็นสตรีผู้มีมือหรือเท้าพิการถูกส่งมาทีละคน ก็สวดมนต์ไม่หยุดผุ้เป็นพระสงฆ์ย่อมมีความเมตตากรุณา เมื่อเห็นสถานการณ์อันน่าสังเวชนี้ ไม่ว่าจะเป็นอาวุโสแค่ไหนก็อดโกรธไม่ได้เมื่อพวกฮูหยินเห็นสตรีที่ถูกอุ้มเข้ามานั้นต่างก็หายใจเข้าลึกๆ และหลีกเลี่ยงโดยสัญชาตญาณหยานหรูอวี้กางผ้าเช็ดหน้าออกเพื่อปิดปากและจมูกของตนเอง และเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพวกคุณนายใหญ่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ เมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชบนบาดแผลเหล่านั้น ใบหน้าที่แต่เดิมเป็นสีชมพูนั้นก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา และหยานหรูอวี้ก็พูดอย่างเร่งรีบว่า "หาคนมาเร็วๆ ส่งพว

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status