Share

บทที่ 754

Auteur: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
นับตั้งแต่คืนเทศกาลหันอี้ เมื่อนางเสิ่นและชายารองจินกลับจวนตอนดึกได้พูดคุยเหตุการณ์ที่จวนองค์หญิงใหญ่แล้ว อ๋องเยี่ยน ก็วุ่นวายใจ ต่อมาก็ตกอยู่ภาวะที่ตื่นกลัวอย่างง่าย

ไม้ต้องให้คุณชายอู๋เซี่ยงโน้มน้าว เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถออกจากเมืองหลวงและกลับไปที่เยี่ยนโจวได้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับยอมรับความจริงไปแล้ว

อู๋เซี่ยงให้เขาไม่ต้องไปสนใจเรื่องอะไรทั้งนั้น แต่ยังเข้าวังทุกวันเพื่อดูแลผู้ป่วย โดยแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้น

สำหรับคนที่เขาพาเข้ามาในเมืองหลวง ไม่มีใครสามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้

อ๋องเยี่ยนแสร้งทำเป็นสงบภายนอก แต่จริงๆ แล้ว ในใจของเขาได้เกิดพยุงรุนแรงแล้ว เขาต้องการสอบถามเกี่ยวกับข่าวนี้ แต่หาแหล่งสืบสวนไม่ได้

เขารู้ว่าผู้ที่ใกล้ชิดกับทางจวนองค์หญิงใหญ่กำลังตกอยู่ในอันตรายในขณะนี้ และตัวตนที่เขาในฐานะท่านอ๋องยิ่งอ่อนไหวมากขึ้น

หลังจากการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว คนเดียวที่สามารถสืบสวนข้อมูลออกมาได้ก็คือนางเสิ่น เสิ่นว่านจือ ลูกพี่ลูกน้องของนางเสิ่นอาศัยอยู่ในจวนเป่ยหมิงอ๋อง และเป็นเพื่อนสนิทกับซ่งซีซี พระชายาเป่ยหมิงอ๋อง

ดังนั้น ก่อนเข้าว
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application
Chapitre verrouillé

Related chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 755

    นางเสิ่นพูดอย่างเย็นชา "ข้ากับท่านอ๋องเป็นสามีภรรยากัน ระหว่างสามีและภรรยาจะตำหนิกันได้อย่างไร แต่ถ้าท่านอ๋องเร่งรีบกับเรื่องนี้ข้าก็ต้องให้ความสำคัญ เจ้าออกไปให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"เมื่อชายารองจินเห็นว่านางยอมออกไปแล้ว โดยไม่สนใจสายตานางเต็มไปด้วยความดูถูกมากเพียงใด จากนั้นก็ออกไปให้คนใช้เตรียมรถม้าแต่แล้ว ทันทีที่นางเสิ่นออกจากบ้านก็เห็นซ่งซีซีกำลังมาพร้อมกับกองกำลังเมืองหลวงจำนวนมาก เมื่อมองแวบแรก นางยังมองไม่ออกว่าคือซ่งซีซี หลังจากมองดูอย่างละเอียดถึงจำนางออกซ่งซีซีนำปี้หมิงและกองกำลังเมืองหลวงอีกหลายสิบคน และมาที่นี่พร้อมกับกระบวนยิ่งใหญ่ขนาดนี้เพื่อสอบปากคำสตรีจากตระกูลขุนนางหรือฮูหยินมียศ นางจงใจจัดฉากใหญ่เพื่อให้ตระกูลขุนนางอื่นๆ เห็นว่าขนาดปฏิบัติต่อจวนอ๋องเยี่ยนก็เป็นเช่นนี้ หากไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างก่อเสียงดังแบบนี้ถือว่าไว้หน้ามากแล้วที่ทำแบบนี้ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้พวกเขาไม่พอใจ ในทางหลับกัน กลับให้คนอื่นๆ ซาบซึ้งใจด้วยเมื่อนางเสิ่นเห็นว่าพวกเขากำลังจะเข้าไปจวนอ๋องก็ตะโกนด้วยความโกรธทันทีว่า "พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ช่างบังอาจจัง ที่นี่คือจวนอ๋องเยี่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 756

    ซ่งซีซีไม่ได้โกรธกับน้ำเสียงของนาง แค่พูดกับเจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิงอย่างใจเย็นว่า "จดไว้ เขียนว่าเสี้ยนจู่อวี้ชิงมีท่าทีหงุดหงิด ดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ สงสัยว่าคัดค้านพระราชกฤษฎีกา"เจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิงเปิดสมุด ปี้หมิงรีบเทหมึกให้ก่อนพูดว่า "ขอรับ ผู้บัญชาการซ่ง"อวี้ชิงสะดุ้ง ใบหน้าชมพูของนางยิ่งเย็นยาขึ้น "ซ่งซีซี อย่าพูดอะไรมั่วซั่ว ข้าจะคัดค้านพระราชกฤษฎีกาตั้งแต่เมื่อไหร่?"ซ่งซีซีนั่งนิ่งและพูดต่อ "จดต่อว่าเสี้ยนจู่อวี้ชิงดุข้าด้วยความโกรธ มีท่าทางแย่มาก"เจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิงเริ่มเขียนอย่างรวดเร็ว "ขอรับ ข้าจดไว้แล้ว"เสี้ยนจู่อวี้ชิงเดินเข้าไปและเห็นว่าเขาได้เขียนอย่างที่ซ่งซีซีพูดไว้จริงๆ จึงเอื้อมมือออกไปเพื่อฉีกมันออก ปี้หมิงสกัดกั้นมันด้วยดาบของเขา และพูดอย่างเย็นชา "จดไว้ว่าเสี้ยนจู่อวี้ชิงพยายามจะฉีกข้อมูลปากคำออก"อวี้ชิงถูกดาบขวางไว้และถอยหลังไปสองก้าว แต่นางไม่กล้าที่จะเอาแต่ใจอีกเมื่อเห็นซ่งซีซีไม่คำนึงถึงความเป็นพี่น้องกัน ชายารองจินจึงรีบลุกขึ้นยืนเพื่อไกล่เกลี่ย "ผู้บัญชาการซ่งอย่าไปถือสาอวี้ชิงเลย นางอายุยังน้อยไม่รู้ความ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 757

    เมื่อซ่งซีซีถามคำถามนี้ออกมา ไม่มีใครตอบเพราะคำตอบของพวกนางจะถูกบันทึกไว้การอกตัญญูถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง แม้ว่าจะไม่ได้รับการลงโทษ แต่หากคำพูดนี้ถูกแพร่กระจายออกไปก็จะไม่ดีต่อการหาคู่ครองของพวกนาง ตระกูลขุนนางชั้นสูงมีผู้ใดบ้างอยากมีสะใภ้ที่อกตัญญูล่ะ?ในบรรดาคนทั้งหมด มีเพียงเซี่ยหรูหลิงที่ทำหน้าสำนึกผิด แต่เขาไม่ได้พูดอะไรซ่งซีซีเหลือบมองพวกเขาแล้วพูดกับเจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิง "จดไว้ ลูกๆ ของอดีตพระชายาอ๋องเยี่ยนล้วนให้คำตอบไม่ได้ ไม่รู้ว่าพวกเขาละอายใจหรือไม่แยแส"อวี้ชิงรีบพูดขึ้นว่า "เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไง ทำไมเราไม่อยากไปดูแลเสด็จแม่ล่ะ เป็นเพราะเสด็จพ่อสุขภาพไม่ดีในเวลานั้นด้วย และเราก็ต้องดูแลเขา นอกจากนี้ เรายังเด็กและยังไม่ได้ออกเรือนก็ไม่เหมาะที่จะไปสำนักแม่ชีชิงมู่"มีการเสียดสีในสายตาของซ่งซีซี "เสด็จพ่อของเจ้ามีสุขภาพไม่ดี ดังนั้นพวกเจ้าทุกคนจึงอยู่ในจวนเพื่อรับใช้เขา แต่เสด็จแม่ของเจ้าป่วยหนักกลับต้องไปที่สำนักแม่ชีชิงมู่ ทำไมนางไม่สามารถพักฟื้นที่จวนอ๋องเยี่ยน เป็นเพราะพวกเจ้าปฏิบัติต่อนางไม่ดี หรือว่านางได้พบกับความลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้ของจวนอ๋องเยี่ยนล่ะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 758

    หลังจากที่นางพูดจบ จู่ๆ นางก็ปิดปากอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองซ่งซีซีด้วยความตกตะลึง "เมื่อกี้ผู้บัญชาการซ่งบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตเมื่อสามปีหลังจากแต่งเข้าจวนงั้นเหรอ? ยังถูกตัดนิ้วมือและนิ้วเท้าออกด้วยเหรอ? คุณพระช่วย จะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร นางทำผิดอะไรไป ข้าเห็นว่านางมาจากครอบครัวที่เรียบง่าย มีนิสัยใจคอที่ดี เลยส่งให้กับองค์หญิงใหญ่ นางทำอะไรผิดไป ทำไมองค์หญิงใหญ่ถึงทำเช่นนี้กับนางเล่า?""นางผิดที่โดนเจ้าเห็นเข้า""นี่…" ชายารองจินทำท่าไร้เดียงสา "ข้าไม่ได้คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ข้าก็หวังดีกับนาง โดยคิดว่าจวนโหวกู้ก็เป็นตระกูลใหญ่ ต่อให้นางเป็นแค่อนุภรรยา ก็ยังดีกว่าแต่งงานกับสามัญชนข้างนอก"ซ่งซีซีพูดอย่างเย็นชา "ชายารองจินพูดแบบนี้ คือไม่รู้เหรอว่านางจะอยู่ในจวนองค์หญิง ทำเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับตนเองเลย"ชายารองจินรีบอธิบายว่า "ข้าไม่รู้จริงๆ เพราะฝู้หม่าไม่ได้อาศัยอยู่ในจวนองค์หญิง ข้าคิดว่าในเมื่อฝู้หม่าอาศัยอยู่ในจวนโหวกู้ งั้นอนุภรรยาของเขาก็ต้องอยู่ในจวนโหวกู้ และข้าก็ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมองค์หญิงใหญ่ถึงทำกับนางเช่นนี้"โดยปกติแล้ว นางเสิ่นจะไม่พูดแทนชายารองจิน แต่คราวนี้ซ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 759

    ตระกูลฉีรับข้าราชการมานานมาก และตอนนี้ถือว่าอยู่ในช่วงรุ่งเรือง เจ้ากรมฉีได้รับการยกย่องอย่างสูงในราชวงศ์ของจักรพรรดิองค์ก่อน เขาบอกได้ว่าตนเองสามารถเข้าใจความคิดของจักรพรรดิองค์ก่อนไปหมดแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจความคิดของฮ่องเต้ปัจจุบันได้เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฮ่องเต้จึงให้ซ่งซีซีเป็นผู้บัญชาการ ตำแหน่งนี้มีความสำคัญมาก หากทางจวนเป่ยหมิงอ๋องมีใจไม่ซื่อ งั้นใช้งานตำแหน่งนี้สามารถทำสิ่งหลายอย่างได้ดังนั้น ตอนที่เขาจัดการประชุมครอบครัว นอกจะให้ทุกคนยับยั้งชั่งใจอย่างเข้มงวด ก็แสดงความไม่พอใจกับซ่งซีซีด้วย"หากปล่อยนางทำเช่นนี้ต่อไป งั้นจะทำให้ตระกูลขุนนางในเมืองหลวงเกิดโกลาหล เกรงว่าจะมีคดีไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น ในปกติกลับไม่ได้มองออกว่านางเป็นคนรีบร้อนที่อยากสร้างผลงานแบบนี้ โดยจัดการกับจวนอ๋องเยี่ยนก่อนเพื่อวางอำนาจ งั้นสำหรับตระกูลอื่นๆ นางจะออมมือให้ไหมล่ะ ไร้สาระจริงๆ"ฉีฟางและฉีลิ่วก็อยู่ด้วย หลังจากฟังคำพูดของเจ้ากรมฉี พวกเขาก็อยากจะช่วยพูดแทนซ่งซีซีสักหน่อย แต่ก่อนที่เขาจะอ้าปาก เจ้ากรมฉีก็เหลือบมองอย่างเย็นชา "บ้านสามของพวกเจ้าก็ต้องระมัดระวังด้วย เจ้าหก โดยเฉพาะตอนนี้เจ้าแต่งงานกับอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 760

    ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ และนางจะชอบคิดมากและละเอียดอ่อนในระหว่างตั้งครรภ์ นางมีความสุขเมื่อรู้ว่าจ้านเป่ยว่างได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่นางก็เศร้ามากจนร้องไห้เมื่อรู้ว่าซ่งซีซีเป็นหัวหน้าของจ้านเป่ยว่างนางพิงแขนของจ้านเป่ยว่าง และสำลัก "ข้าไม่อิจฉานาง แต่นางมีสิทธิ์อะไรมาอยู่เหนือกว่าเจ้า เป็นเจ้าที่พบหลักฐานของการกบฏองค์หญิงใหญ่ หากไม่มีเจ้า เกรงว่าจนถึงขณะนี้ก็จะไม่มีใครค้นพบเจตนากบฏขององค์หญิงใหญ่""ข้าแค่ไม่ยอม เหตุใดเจ้าถึงถูกนางปราบปรามตลอด? ในด้านผลงาน เรื่องงาน เจ้าสู้นางไม่ได้หรือ ทำไมฮ่องเต้จะผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นผู้บัญชาการได้อย่างไร ปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งไปดูแลกองทัพซวนเจีย รวมถึงทหารรักษาพระราชวังและองครักษ์รักษาพระองค์ด้วย นี่มันล้อเล่นหรือเปล่า ทำให้พวกผู้ชายต้องเสียหน้าไปหมดแล้ว"จ้านเป่ยว่างรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงสำลักของนางเขานึกถึงมือสังหารที่ต่อสู้กับเขาในคืนนั้น เขารู้ว่าคนนั้นคือใครเพราะงั้นผลงานนี้เป็นเขาที่ทำจริงๆ หรือ ไม่ คือคนนั้นส่งให้เขาคงรู้ว่าองค์หญิงใหญ่กำลังวางแผนกบฏและต้องการเปิดเผยแผนการสมรู้ร่วมคิดขององค์หญิงใหญ่ให้คนอื่นรู้ในช่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 761

    ในฐานะภรรยาไม่มีเหตุผลที่จะตบหน้าสามีของตนเอง อย่าว่าแต่จวนแม่ทัพที่เป็นตระกูลใหญ่ แม้แต่คนธรรมดาก็จะไม่สามารถตบหน้าโดยตรง โกรธมากสุดก็แค่ต่อยที่ร่างกายสักหน่อย เพราะหมัดของผู้หญิงก็มีแรงไม่มากนักการตบหน้าคือการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายมีคนรับใช้อยู่ข้างนอกด้วย งั้นจ้านเป่ยว่างยังจะมีเกียรติในจวนแห่งนี้ได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าองครักษ์รักษาพระองค์ การตบครั้งนี้ทำให้ความสุขที่หลงเหลืออยู่ในใจของจ้านเป่ยว่างหายไปจริงๆหวังชิงหลูกัดริมฝีปากและหลั่งน้ำตา นางรู้ดีว่าตนเองทำมากเกินไป แต่นางก็ไม่สามารถก้มหน้ากล่าวขอโทษให้"ช่างเถอะ เจ้าออกไปได้แล้ว" จ้านเป่ยว่างระงับความโกรธของเขาและไม่ต้องการโต้เถียงกับเขา ความทุกข์ใจจากความขัดแย้งระหว่างสามีภรรยาเขาทนมามากพอแล้ว มันกินพลังงานมากเกินไปหวังชิงหลูรู้สึกผิดเล็กน้อยหลังจากตบหน้าเขา แต่เมื่อได้ยินคำพูดเย็นชาของเขา ก็รู้สึกอึดอัดใจ "ข้ากำลังท้องอยู่ยังมาดูแลเจ้า อยากให้เจ้าพักฟื้นดีๆ จะได้หายไวๆ ไปขอบพระทัยฮ่องเต้เพื่อรับตำแหน่ง แต่ท่าทางของเจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก"จ้านเป่ยว่างหลับตา ไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 762

    ฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีไม่ใช่คนไมเธอรู้่รู้ความ นางรู้ดีว่าลูกสาวตนเองมีนิสัยอย่างไร แต่เมื่อเห็นนางกลับมาพลางร้องไห้ในขณะตั้งท้องอย่างนั้นก็อดใจอ่อนลงไม่ได้เพราะช่วงนี้นาง ชไม่ก่อปัญหาใดๆ เลย เรื่องในอดีตก็ถือว่าผ่านไปแล้ว ผู้เป็นแม่จะคิดเล็กคิดน้อยกับลูกตนเองได้อย่างไรดังนั้น หลังจากได้ยินหวังชิงหลูพูดว่าจ้านเป่ยว่างละเลยนาง และนางกลับบ้านพ่อแม่ทั้งๆ ที่ยังตั้งท้องอยู่กลับไม่สนใจใยดี นางเลยส่งคนไปตามหาลูกสะใภ้มา เพื่อให้ช่วยหาทางออกมาจัดการเรื่องระหว่างนางกับสามีนางเมื่อนางจีมาถึง นางหลานจากห้องสองก็นั่งอยู่ในห้องของฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว"พี่สะใภ้มาแล้ว!" นางหลานยืนขึ้นและแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้าพี่สะใภ้ยังไม่มา นางก็ต้องหาทางหลบหนีแล้วนางจีพยักหน้าให้นาง แล้วคารวะต่อฮูหยินผู้เฒ่า "คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ""อืม เจ้ามาพอดีเลย" ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่บนที่นั่งหลักด้วยสีหน้าจริงจัง ข้างๆ นางคือหวังชิงหลู ซึ่งยังคงร้องไห้อยู่ เนื่องจากหวังชิงหลูกำลังตั้งครรภ์ นางแค่เรียก "พี่สะใภ้" แล้วไม่ได้ยืนขึ้นไหว้นางนางจีนั่งลง เงยหน้าขึ้นมองหวังชิงหลู แล้วถามโดยแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย "คุณหน

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1614

    สนมฮุ่ยไทเฟยย่อมมีฐานะมั่นคงเช่นนี้ หลายปีมานี้ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่าย รายรับกลับมากไม่น้อยเบี้ยหวัดจากในวัง ของกำนัลจากทุกบ้าน อีกทั้งบรรดาลูกหลานที่โตแล้วต่างก็สามารถตัดสินใจเองได้ บรรดาผู้ที่กตัญญูต่อท่านมีไม่น้อย โดยเฉพาะเสิ่นว่านจื่อ ยิ่งกตัญญูไม่ยั้งมือสำหรับหลานสาวคนเดียวนี้ ท่านไม่มีสิ่งใดที่เสียดายเลย คำพูดที่มักติดปากคือ เมื่อท่านสิ้นไป สมบัติทั้งปวงย่อมตกเป็นของหลานสาวบัดนี้เมื่อแม่ลูกสองคนไปถึงที่อยู่ของท่าน ท่านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่เซี่ยเจิงจะไปภูเขาเหม่ยชานฝึกวรยุทธ์อีกครา"ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นดีเห็นงาม เพียงแต่การไปนานถึงเพียงนั้น ปีหนึ่งกลับมาได้ไม่กี่ครั้ง อนาคตยังบอกว่าจะออกไปผจญภัยอีก เด็กหญิงน้อยๆ เช่นนี้ จะไปฝ่าโลกภายนอกได้อย่างไร? ข้าขัดท่านพ่อของเจ้าไม่ไหว เขาเป็นคนไม่เข้าใจโลก พูดอะไรก็ไม่เคยพูดให้เข้าใจได้ ข้าก็ไม่มีทาง""ท่านยาย หลานไม่ใช่เด็กสาวบอบบางหรอกเจ้าค่ะ ท่านลองดูหมัดของหลานเถิด" เซี่ยเจิงชูหมัดขึ้น โบกไปมาอยู่ตรงหน้าสนมฮุ่ยไทเฟย กล่าวอย่างภาคภูมิว่า "หมัดนี้ของหลาน แม้แต่หมูป่ายังต้องสลบเหมือด"สนมฮุ่ยไทเฟยทอดถอนใจ "บุตรีบ้านอื่น มือเอา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1613

    สองสามีภรรยาเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกอบอุ่นในใจ โดยเฉพาะซ่งซีซี ที่แต่เดิมรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนั้นเป็นการถูกบังคับ แต่ใครจะคาดคิดว่าจะได้พบกับความสุขเช่นวันนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดานักทันใดนั้นก็มีคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาทางประตู ยังไม่ทันเห็นหน้าชัด ก็โผเข้ากอดเซี่ยหลูโม่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดี "ท่านพ่อ ของขวัญพิธีปักปิ่นที่ท่านมอบให้ข้านั้น ข้าชอบมากนัก ขอบคุณท่านพ่อ ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ยังคงซุกซนเช่นเดิมหรือ? โตเป็นสาวแล้ว ต้องสุขุมให้มากหน่อย"แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนั้น ทว่าดวงตากลับเปี่ยมด้วยความเอ็นดู มือช่วยจัดปิ่นที่นางสวมในพิธีปักปิ่นให้เรียบร้อย แล้วเอ่ยต่อว่า "เครื่องประดับหัวทับทิมแดงนั่นเจ้าไม่ชอบหรือ? ท่านแม่ของเจ้าตั้งใจเลือกให้นัก""ชอบเจ้าค่ะ ชอบทุกอย่างเลย" เซี่ยเจิงยิ้มจนตาหยี รักทุกสิ่งที่พ่อแม่มอบให้เซี่ยหลูโม่มองรอยยิ้มของบุตรสาวแล้วพลันรู้สึกเคลิ้มใจบุตรสาวยิ่งโต ยิ่งเหมือนซ่งซีซี ในวันแรกที่พบซ่งซีซีที่ภูเขาเหม่ยชาน นางก็ยิ้มเช่นนี้แต่หลังจากนั้น นางก็แทบไม่เคยยิ้มแบบนี้อีก ต่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status