Share

บทที่ 806

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เสิ่นว่านจือเดินออกมาและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"

ซ่งซีซีเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ ด้วยน้ำเสียงไม่ดีเท่าไร "เจ้ากรมฉีเคยบอกว่าข้างกายเขามีเด็กไม่ได้ ตอนนี้จะส่งเด็กมาที่นี่ การเป็นเจ้ากรมกลับกลับคำพูด ไม่สามารถจัดที่อยุ่ให้เด็กของตนเองด้วยซ้ำ ทำไมให้เด็กมาโลกนี้ล่ะ เด็กไม่รู้เรื่องอะไรเลย"

เสิ่นว่านจือก็โมโหกับคนแบบนี้เช่นกัน "คาดว่าที่บอกว่าตนเองจะจัดการเองคงพูดด้วยอารมณ์ หลังจากกลับไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วถึงพบวว่ามันใช้ไม่ได้ ดังนั้นจึงมาขอเจ้าถึงสำนักแม่ชี แต่ส่งมาให้แล้วกลับให้แม่ลูกอยู่ด้วยกันไม่ได้ ใช้ตัวตนเป็นเด็กกำพร้าให้เจ้าอาวาสเลี้ยงดู บ้าจริงๆ มีพ่อแม่ชัดๆ กลับให้เป็นเด็กกำพร้า เจ้ากรมฉีนี่กำลังแช่งตัวเองเหรอ?"

ซ่งซีซีกล่าวว่า "ช่างเถอะ เราแค่ทำหน้าที่ให้จัดการกับคนที่ต้องจัดการให้ดี หากตระกูลฉีไม่อยากเลี้ยงเด็กคนนั้น งั้นก็เลี้ยงไว้ที่สำนักแม่ชีแทน จริงๆ แล้วสำหรับฮูหยินเจ้ากรม ไม่ว่าจะเป็นกู้ชิงเมี่ยวหรือเด็กคนนี้ พวกเขาทั้งคู่มันอย่างกับสิ่งแทงใจ"

"จริงด้วย ความสุขที่พังไปแล้วยังเรียกว่ามีความสุขอยู่หรือเปล่า นางไม่รู้อะไรเลยจริงๆ เหรอ?"

"มีแต่นางเองที่รู้"

"จริงสิ" เ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 807

    ในขณะนี้ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือต่างก็รู้สึกอึดอัดใจมาก"หยงโน่ เราจะไปอยู่ที่อื่นแล้ว หนูจะไปกับน้าหรือเปล่า" เสิ่นว่านจือสงบลงและถามเด็กหญิงตัวเล็กๆ เบาๆเด็กหญิงวัยหนึ่งขวบยังพูดไม่คล่องนัก เอาแต่พูดว่าจะตามหาแม่เสิ่นว่านจือตอบด้วยรอยยิ้ม "ได้ ไปหาแม่นะ"นางและซ่งซีซีมองหน้ากัน ทั้งคู่หนักใจเล็กน้อย เพราะแม้ว่าจะไป นางก็จะอยู่กับเจ้าอาวาสหรือมีคนอื่นดูแลนาง และไม่สามารถอยู่ข้างกายกู้ชิงเมี่ยวได้พี่เลี้ยงเด็กหาสายรัดมาให้เด็กขี่หลังเสิ่นว่านจือไว้ พี่เลี้ยงเด็กไม่ได้ไปด้วย หยงโน่ร้องไห้อยู่นาง หลังจากถูกเสิ่นว่านจือกล่อมให้หยุด จากนั้นเสิ่นว่านจือถึงนำม้าออกมาทันทีที่มาถึงด้านนอกหมู่บ้านจาว ก็เห็นรถม้าจอดอยู่ข้างนอก ซ่งซีซีเหลือบมองตราสัญลักษณ์บนรถม้าซึ่งเป็นของจวนเจ้ากรมฉีนางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นั่นคือเจ้ากรมฉีหรือฉีหลิงซี? หรือว่าจะเป็น?เสิ่นว่านจือก็เห็นมันเช่นกัน นางทำกำลังจูงม้า ฝีเท้าหยุดลง จากนั้นเอื้อมมือไปตบก้นของหยงโน่เพื่อไม่ให้นางเคลื่อนไหวตลอดม่านรถม้าเปิดออกในเวลาต่อมา เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่ซีดเซียวนางสวมชุดผ้าสีฟ้า และมวยของนางก็ตกแต่งด้วยไข่มุกอย่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 808

    ซ่งซีซีตกตะลึงและแทบไม่น่าเชื่อ "เอากลับไป ฮูหยิน เด็กคนนี้ไม่ใช่... ทำไมเจ้าถึงอยากพาเด็กกลับไป?"นางอยากจะบอกว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กของเจ้ากรมฉี แต่โกหกไม่ลงคอจริงๆ และฉีฮูหยินใหญ่สามารถมาที่นี่ได้คงจะรู้หมดแล้วไม่มีประโยชน์ที่จะพูดโกหกนาง"แน่นอนว่าพานางกลับไปเลี้ยงดู เด็กน้อยเช่นนี้ถูกส่งไปสำนักแม่ชีจะทนความยากลำบากเช่นนี้ได้อย่างไร" นางยิ้มอย่างน่าสมเพช "เด็กไม่ได้ทำผิดอะไร นางเลือกพ่อแม่ไม่ได้ เลือกตัวต้นไม่ได้ คนที่ทำผิดคือผู้ใหญ่ เป็นคนทำผิดก็ต้องรับผิดชอบผที่ตามมา"ซ่งซีซีเห็นด้วยกับคำพูดของนางและชื่นชมนางมาก "เจ้ากรมฉีรู้ไหมว่าเจ้ามาที่นี่ เขา... รู้ว่าเจ้าได้รู้เรื่องนี้ไหม"ฉีฮูหยินใหญ่น้ำตาคลอเบ้า แต่ก็ไม่ได้ไหลออกมา "เขาคิดว่าเขาหลอกข้าได้สำเร็จ และตอนแรกๆ ข้าก็เชื่อเขา แต่หลังจากคิดเรื่องนี้อย่างดีๆ แล้ว ก็เข้าใจทุกอย่าง เข้าใจได้ไม่ยากเลยหรอก ใช่ไหม""ถ้าเจ้าเอาเด็กกลับไป เขาอาจจะไม่รู้สึกซาบซึ้งใจก็ได้นะ พานางกลับบ้านหมายความว่าเรื่องนี้ไม่สามารถปกปิดได้อีก""ข้าได้เตรียมตัวมาอย่างดีแล้วถึงมา ถ้าอยากจะซ่อนก็มีวิธีซ่อนได้แหละ ก็บอกว่าเป็นลูกของอนุเฉินแล้วกัน ถึงย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 809

    ในเวลาพลบค่ำ พระอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับขอบฟ้า ทำให้ท้องฟ้ามีสีสันซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือขี่ม้าลงมาจากภูเขา แม้ว่าคดีจะยังไม่จบ แต่ก็ถือยุติลงในชั่วคราวและสามารถผ่อนคลายได้เล็กน้อย"ฝู้หม่ากู้จะถูกประหารชีวิตในวันพรุ่งนี้ เจ้าคิดว่าตระกูลกู้จะมาเก็บศพของเขาหรือไม่" เสิ่นว่านจือถาม"ก็ไม่รู้นี่" ซ่งซีซีกำลังคิดถึงเรื่องที่ฉีฮูหยินใหญ่จะพาเด็กกลับบ้านเสิ่นว่านจือรู้จักนางเป็นอย่างดี "ฉีฮูหยินใหญ่คนนั้นต้องการรับเด็กกลับจริงๆ หรือ?""นางพูดไปอย่างนั้น แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดจะอารมณ์ชั่ววูบหรือไม่"เสิ่นว่านจือกล่าวว่า "แม้ว่าเด็กๆ จะเป็นเหยื่อที่ถูกเซี่ยอวี้นทำร้าย และไม่ใช่ฝ่ายผิด แต่ทำไมต้องให้ฉีฮูหยินใหญ่ทนกับผลที่ตามมาทั้งหมดนี้ สำหรับฉีฮูหยินใหญ่ การปรากฏตัวของเด็กคนนี้ทำให้ชีวิตของนางตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดใจมาก ความงดงามแห่งอดีตกลายเป็นภาพหลอนอันน่าเศร้ายิ่งนัก""นางถามในรถม้าว่าหากข้าเป็นนางข้าจะทำอย่างไร" ซ่งซีซีปล่อยให้ม้าเดินต่อไปอย่างสบายๆ สายฟ้าเดินบนถนนบนภูเขาค่อนข้างคงที่ "เจ้าคิดว่าถ้าศิษย์น้องมีบ้านเล็กอยู่ข้างนอกแล้วมีลูกด้วย ข้าจะทำอย่างไร?"เสิ่นว่านจือพูดโดยไม่ต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 810

    นางนั่งลงก่อนแล้วจึงสั่งอย่างใจเย็น "หลิงซีปิดประตู เราสามคนนั่งลง มีเรื่องจะคุยด้วย"ฉีหลิงซีก็มองออกว่ามีอะไรผิดปกติ เขามองไปที่ท่านพ่ออย่างสงสัย และเห็นว่าท่านพ่อเม้มริมฝีปากแน่นด้วย ดูสับสนและวุ่นวายใจเขาปิดประตูแล้วเดินกลับด้วยฝีเท้าหนักอึ้งฉีฮูหยินใหญ่วางมือข้างหนึ่งไว้บนที่วางแขนและอีกข้างหนึ่งอยู่ข้างหน้า หลายปีมานี้นางใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่ง สามีภรรยารักใคร่กัน ดังนั้นนางจึงดูอ่อนกว่าวัยกว่าคนรอบข้าง มีรูปร่างอวบอิ่ม แค่มองดูก็รู้ว่าเป็นผู้ดี เพียงแต่ช่วงนี้จะดูซีดเซียวนิดหน่อยนางมองไปที่เจ้ากรมฉี ราวกับกำลังเล่าถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ "วันนี้ข้าได้พบกับพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง"เจ้ากรมฉีดูเหมือนถูกงูพิษกัดอย่างแรง เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจและพูดว่า "นางไปหาเจ้าหรือ นางได้บอกข่าวลืออะไรกับเจ้า ไม่ว่านางจะพูดอะไร ฮูหยินอย่าไปเชื่อใจนางเลย นางไว้ใจไม่ได้"ฉีฮูหยินใหญ่มองดูเขา ดวงตาที่ไม่มืดทะมึนอีกแต่กลับสง่างามเป็นพิเศษ "แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยรู้จักกับพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง แต่ข้ารู้ว่านางไม่ใช่คนแบบนั้น นอกจากนี้ ไม่ใช่นางมาหาข้า แต่เป็นข้าไปบ้านพักจ่าวจวงแล้วพบนางไปรับเด็ก"ริมฝีปา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 811

    วันรุ่งขึ้น ฉีหลิงซีไปที่สำนักแม่ชีหลี่ซุยเพื่อรับฉีหยงโน่ซ่งซีซีอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงขอคุยกับซ่งซีซีตามลำพัง "ใต้เท้าซ่งวางใจได้ ท่านแม่ของข้าจะปฏิบัติต่อนางอย่างดีแน่นอน และจะไม่ทำให้นางลำบากใจ ข้ามีน้องต่างแม่ด้วย ท่านแม่ใจดีกับพวกเขาตลอด"ซ่งซีซีพูดตรงๆ "ข้าได้พูดคุยกับแม่ของเจ้ามา ไม่ได้กังวลว่าแม่ของเจ้าจะปฏิบัติต่อเด็กไม่ดี มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้าอยากจะบอกเจ้าให้ชัดเจน เมื่อวาน แม่ของเจ้าถามข้าว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไร ข้าบอกนางว่าเด็กคนนี้ชื่อเสี่ยวเฉา ส่วนจะให้เด็กชื่ออะไร หลังกลับไปพวกเจ้าจะใช้ชื่อฉีหยงโน่อีกหรือไม่ก็ตัดสินใจเองแล้วกัน"ฉีหลิงซีถอนหายใจเล็กน้อย "ขอบคุณใต้เท้าซ่ง""ถึงยังไงพวกเจ้าจะพาเด็กกลับไป จะให้นางพบกับกู้ชิงเมี่ยวสักครั้งหรือไม่"ฉีหลิงซีพยักหน้า "ได้ จริงๆ แล้วเมื่อวานนี้ท่านแม่ก็พูดด้วยว่าถ้าท่านพ่อต้องการนำนางกลับบ้าง ท่านแม่ก็ยินยอม"ซ่งซีซีมองเขาด้วยความประหลาดใจ "ใต้เท้าฉีไม่ใช่คนเรียบง่ายขนาดนั้น นั่นคือแม่ของเจ้า โปรดเห็นใจนางบ้างเถอะ คำนึงถึงความรู้สึกของนางด้วย"ฉีหลิงซีรีบอธิบายขึ้นมา "ใต้เท้าซ่งอย่าเข้าใจข้าผิด ท่านแม่ของข้ามิได้ตระหนี่ขนา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 812

    กู้ชิงเมี่ยวส่ายหัว "ไม่ยินยอม ข้าอยากอยู่ที่นี่""ลูกสาวของเจ้าอยู่ในจวนตระกูลฉี" ซ่งซีซีกล่าวกู้ชิงเมี่ยวเอียงศีรษะ ผมยาวของนางหลวม "ข้ารู้ นางจะมีชีวิตที่ดี นางจะเติบโตเหมือนเด็กทั่วไปทุกคน"ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความปรารถนา นั่นคือสิ่งที่นางต้องการแต่ไม่ได้มา แต่ลูกสาวของนางได้มันแล้ว นางก็มีความสุขด้วยน้ำเสียงของซ่งซีซีอบอุ่น "ได้ ถ้าเจ้าไม่อยากกลับไป ไม่มีใครบังคับเจ้าได้ เจ้าไม่ได้มีสถานะใดๆ ในตระกูลฉี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถบังคับให้เจ้ากลับไปได้"กู้ชิงเมี่ยวลุกจากเตียงด้วยเท้าเปล่า คุกเข่าคำนับให้ซ่งซีซี เสียงของนางสะอื้น "ขอบคุณ ท่านไม่รู้ว่าสิ่งนี้มีความหมายกับเราอย่างไร มีดคมๆ ที่ห้อยอยู่บนหัวของเราหายไปแล้ว ในฝันของข้าจะไม่ใช่มีแต่ฝันร้ายอีกเลย"ซ่งซีซีช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้น "เมื่อคดีจบลง เจ้าสามารถไปได้ทุกที่ที่เจ้าต้องการ ตอนนี้ยังไม่นับว่าได้อิสระอย่างแท้จริง""ตอนนี้ข้าสบายดี จะไม่มีใครทำร้ายข้าอีก" นางนั่งลงบนเตียงแล้วยิ้มอย่างเศร้าๆ น้ำตาไหลอาบหน้า "ข้าไม่ชอบเจ้ากรมฉี ทุกครั้งที่เขามาข้าก็กลัวมาก ข้าไม่ขอเขาจะสงสารข้า เขาชอบใช้กำลัง"นางปลดกระดุมเสื้อผ้าเผ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 813

    วันรุ่งขึ้น ฝู้หม่ากู้ถูกประหารชีวิต เซี่ยหลูโม่เป็นเจ้าหน้าที่กำกับดูแล และกองกำลังเมืองหลวงมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดตั้งขอบเขตทำงานเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยแต่เดิมเซี่ยหลูโม่ไม่ต้องการให้นางไป แม้ว่า ฝู้หม่ากู้จะน่าเกลียดชัง แต่เขาไม่ใช่ผู้บงการ นอกจากนี้ เซี่ยหลูโม่ก็ไม่อยากให้ซ่งซีซีเห็นฉากนองเลือดของการตัดศีรษะแต่สถานการณ์ที่โหดร้ายแบบไหนที่ซ่งซีซีไม่เคยเห็นบ้าง? แม้ว่าฝู้หม่ากู้จะไม่ใช่ผู้บงการ แต่เขาก็ช่วยผู้บงการทำสิ่งชั่วร้ายเพื่อลัทธิเอาประโยชน์และทำร้ายผู้คนมากมายเพราะความอ่อนแอของเขา เขามีความผิดร้ายแรงอย่างแท้จริงดังนั้นนางจะไปในตอนเช้า บริเวณด้านนอกของพื้นที่ประหารชีวิตเต็มไปด้วยผู้คน เนื่องจากมีการประหารชีวิตตอนเที่ยง กองกำลังเมืองหลวง จึงไม่ได้มาแต่เช้าเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งทำให้บริเวณรอบๆ สถานที่ประหารชีวิตก่อความวุ่นวาย ถึงขนาดมีพ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงขายของริมถนนภายนอกด้วยคนที่ขี้กลัวจะไม่มาดูและไม่อนุญาตให้เด็กเข้ามา แต่ถึงแม้จะไม่ห้าม ผู้ปกครองก็ไม่ยอมให้เด็กมาอยู่แล้วแต่โลกนี้ก็ไม่เคยขาดแคลนผู้ชม โดยเฉพาะตัวตนของฝู้หม่าที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 814

    เขาเริ่มพูดพล่าม "ทุกสิ่งไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการจะทำ หากให้ข้ามีโอกาสได้เลือกอีกครั้ง ข้าจะไม่แต่งงานกับองค์หญิงเลย แม้ว่าจวนโหวกู้จะตกอับ แต่ก็ยังคงเป็นจวนโหวกู้ รากฐานยังคงอยู่ มันจะตกอับมากขนาดไหนกัน?""ข้าผู้สอบผ่านขุนนาง ได้คุณวุฒิ "จวี่เหริน" ข้าสามารถสอบต่อได้อีก ข้าไม่ใช่มีทางเดียวนี่เอง ทำไมตอนแรกๆ ข้าถึงโง่เช่นนั้น ข้าโง่จริงๆ ควรจะมีอนาคตที่สดใส และแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีๆ คนหนึ่งเป็นภรรยาเอก รับอนุภรรยาสักสองสามคน มีลูกชายสามสีคนและลูกสาวหลายๆ คน แค่เกี่ยวดองกับตระกูลที่แข็งแกร่งกว่าจะทำให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ข้าคิดว่ามันเป็นทางลัด แต่กลับไม่รู้ว่ามันเป็นทางตัน"ตะเกียบในมือของเขาร่วงลงอีกครั้ง และไหล่ก็สั่นในขณะที่เขาร้องไห้สวีผิงอันช่วยเขาหยิบมันขึ้นมาแล้วพูดว่า "แค่นึกเสียใจก็ไร้ประโยชน์ การกระทำนั้นมีประโยชน์มากที่สุด เจ้าสามารถบอกสิ่งที่เจ้ารู้ แล้วทุกอย่างก็มีโอกาสได้พลิกผัน ถ้าไม่บอกงั้นก็มีทางตายเท่านั้น"ฝู้หม่ากู้ปิดหน้าร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นปล่อยมือออก เช็ดน้ำตาและน้ำมูกด้วยแขนเสื้อ หลังจากถูกทรมาน การเคลื่อนไหวของเขาช้าลงและงุ่มง่าม หลังของเขาก็โค้ง

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status