공유

บทที่ 816

작가: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ซ่งซีซีรู้สึกว่านางเป็นผู้หญิงที่พิเศษมากจริงๆ เมื่อเติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ สิ่งที่นางอยากทำคือใช้ชีวิตให้ดีทุกวัน และพยายามไม่ทำให้ตัวเองคับข้องใจเท่าที่จะทำได้

สำหรับพ่อคนนี้ นางไม่ได้รักหรือแค้นใจ นางแค่ไม่ชอบเขา

นางถามซ่งซีซี ว่า "ใต้เท้าซ่ง ถ้าไม่มีใครช่วยเก็บศพหลังจากการตัดศีรษะ ศพจะถูกทิ้งที่ไหน หรือจะถูกแขวนไว้แสดงต่อสาธารณะไหม?"

ซ่งซีซีกล่าวว่า "หากไม่มีสมาชิกในครอบครัวมาเก็บ จะถูกฝังอย่างส่งๆ เว้นแต่เขาเป็นผู้บงการกบฏ ถึงถูกแขวนคอเพื่อแสดงต่อสาธารณะ"

นางตอบว่าโอ้แล้วหยุดถามอีกเลย เมื่อกลับไปหาท่านอ๋องฮุย นางพูดว่า "ตอนที่ออกมา ข้ายังมีขนมพุทราที่ยังไม่ได้กิน รีบกลับไปกินกันเถอะ ถ้าปล่อยไว้นานๆ คงไม่อร่อยเลย"

"ไม่ดูแล้วเหรอ?" ท่านอ๋องฮุยถาม

"ข้ากลัวเลือด ดังนั้นอย่าดูจะดีกว่า" กู้ชิงหยิงกล่าว

ท่านอ๋องฮุยยังคงจ้องมองนาง และพูดว่า "ไปกันเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวทะเลสาบ"

นางคลุมตัวเองด้วยเสื้อคลุม "ทำไมไปเที่ยวทะเลสาบทั้งๆ ที่อากาศหนาวขนาดนี้ ต้มชาข้างเตาไฟที่บ้านและย่างเนื้อแกะสักสองสามชิ้นได้ไม่ดีกว่าหรือ?"

"ข้าอยากพาเจ้าไปเดินเล่น เจ้าตัวแสบกลับไม่รู้จะขอบ
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

관련 챕터

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 817

    กู้ชิงหลานไม่ได้ตั้งแผงขายหมูตุ๋น แต่นางเลือกไปอยู่สำนักแม่ชีหลี่ซุย รับผิดชอบในการจัดซื้อของสำนักแม่ชีหลี่ซุยเนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่ในสำนักแม่ชีหลี่ซุยอ่อนแอและไม่สามารถกินเจไปตลอด ดังนั้นจึงสร้างบ้านพักหลังใหม่ให้แยกออกจากสำนักแม่ชีหลี่ซุย ซึ่งสามารถต้มแกงต่างๆ ให้บำรุงสุขภาพของพวกนางได้สรุปคือใครอยากกินเนื้อก็ไปที่นั่นเลยอย่างไรก็ตาม เจ้าอาวาสได้กำหนดว่าไม่ว่าจะอยู่สำนักแม่ชีหลี่ซุยหรือบ้านพักหลังใหม่นั้นล้วนห้ามไม่ให้ฆ่าสัตว์โดยตรงังนั้นกู้ชิงหลานจะต้องลงจากภูเขาเพื่อซื้อเนื้อสัตว์แล้วขนมันขึ้นไปบนภูเขาทุกวันหลังจากซื้อมันมาได้เพียงสองสามวันก็ไม่มีใครกินเนื้อสัตว์อีกเลย บางทีอาจเป็นเพราะสำนักแม่ชีทำให้พวกเขาสงบจิตใจ พวกนางมีความเชื่อในใจก็จะทำตามโดยยินยอม ไม่ต้องให้ใครมาโน้มน้าว ยอมหยุดกินเนื้อสัตว์โดยสมัครใจโชคดีที่มีอาหารจากภูเขามากมายในสำนักแม่ชีหลี่ซุย และสามารถเก็บวัตถุดิบมีคุณค่าทางโภชนาการมาทำแกงให้พวกนางด้วย และมีสมาชิกจากตระกูลขุนนางได้ส่งวัสดุยาพวกโสมเหล่านั้นมาให้ แม้ว่าจะไม่ใช่แบบราคาแพงมากแต่มีประโยชน์ในการบำรุงร่างกายทุกคนในจวนองค์หญิง ได้รับการจัดการตามควา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 818

    หลังจากที่จ้านเป่ยว่างหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว เขาก็เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเช่นกันเขาขอบพระทัยพระองค์ก่อน จักรพรรดิ์ซูชิงก็ให้เขาอยู่ต่อไปอีกครึ่งชั่วยามเพื่อพูดคุยอะไรกัน นอกเหนือจากการตักเตือนเขาแล้ว ยังแสดงความไว้วางใจในตัวเขา สุดท้ายเมื่อจ้านเป่ยว่างออกมาจากห้องหนังสือหลวงด้วยดวงตาสีแดงพระราชวังได้จัดตั้งสำนักองครักษ์ไว้ และบัดนี้ซ่งซีซีเป็นผู้บัญชาการของสำนักองครักษ์ นางมีความเป็นไปได้สูงจะไปที่สำนักองครักษ์ ดังนั้นจ้านเป่ยว่างจึงไปพบหัวหน้าด้วยพวกเขาเคยเป็นสามีภรรยากัน และตอนนี้ จ้านเป่ยว่างคุกเข่าข้างหนึ่งลงเพื่อแสดงความเคารพปี้หมิง รองหัวหน้ากองกำลังเมืองหลวง ลู่เจินจากค่ายลาดตระเวน หวังเจิง รองหัวหน้าทหารรักษาพระราชวัง และจ้านเป่ยว่าง หัวหน้าองครักษ์รักษาพระองค์ ตอนนี้ถือว่าอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วจ้านเป่ยว่างรู้สึกซับซ้อนมาก เขาคิดว่าซ่งซีซีจะทำหาเรื่องกับเขาสักหน่อย ใครจะไปรู้ว่าหลังจากทำการไหว้ให้ซ่งซีซีแล้ว นางเพียงพูดว่า "ลุกขึ้นเถอะ และตั้งใจทำงาน"เขายืนขึ้น ลดตาลงแล้วพูดว่า "ขอบคุณใต้เท้าซ่งขอรับ"ปี้หมิงเดินเข้าไปและตบไหล่เขา "ยินดีด้วย ใต้เท้าจ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 819

    ปี้หมิงพูดด้วยเสียงเย็นชา "ข้าไม่สนหรอกว่านางจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? ตราบใดที่มีความสามารถมากกว่าข้า ข้าก็ไม่มีอะไรไม่ยอมหรอก อีกอย่างนางได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาท เจ้าต่อต้านนาง เจ้าต้องการฝ่าฝืนพระราชกฤษฎีกาของฝ่าบาทหรือไง เป็นทหารรักษาพระราชวังมาหลายปี กลับทำให้เจ้าหยิ่งผยองขึ้นมา และดูถูกผู้หญิงงั้นเหรอ? เจ้าเป็นผู้ชายและเจ้ามีความสามารถในการเอาชนะนาง และทำให้นางไม่สามารถลืมตาอ้าปากต่อหน้าเจ้าได้ นี่ไม่ดีกว่าที่เจ้าจะพูดอะไรมากมายหรือ"หวังเจิงกล่าวว่า "ดูเหมือนว่าเจ้าจะโกรธข้าจริงๆ""มิใช่ว่ามีแต่เจ้าอารมณ์ร้อน ข้าก็ไม่ยอมให้ใครมารังแกด้วย" ปี้หมิงสะบัดเขาออกแล้วหันหลังออกไปหวังเจิงกลับมาที่ห้องโถงด้านในของสำนักองครักษ์อย่างหมดความรู้สึก เมื่อเห็นว่าลู่เจินและจ้านเป่ยว่างยังอยู่ที่นั่น เขาจึงนั่งลงบนเก้าอี้แล้วถามพวกเขาทั้งสองว่า "พวกเจ้าก็เชื่อฟังนางด้วยเหรอ ลู่เจิน ข้ารู้ว่าเจ้าทำตามที่นางสั่ง แต่จ้านเป่ยว่างเจ้าเองก็ยอมให้เช่นกันหรือ นางเคยหย่ากับเจ้ามาก่อน นางเป็นคนทิ้งเจ้าไปนะ"ลู่เจินส่ายหัวใส่เขา "หวังเจิง ถ้าเจ้าไม่พูดอะไรน่าแย่ๆ จากปากเจ้า เจ้าจะตายได้หรือไง""ข้าเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 820

    จ้านเป่ยว่างเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง และมักจะทำงานล่วงเวลาอยู่เสมอ บางครั้งเขาจะออกลาดตระเวนตำหนักต่างๆ ด้วยตัวเอง ยกเว้นวังหลังเมื่อไม่ได้ออกลาดตระเวนเขาจะไปอยู่ทางเข้าห้องหนังสือหลวงหรือกลับไปที่สำนักองครักษ์ รอให้พวกเขาส่งบันทึกงานเมื่อส่งมอบกะผู้เข้าเวรควรบันทึกสถานการณ์การออกลาดตระเวนหลังจากส่งมอบกะ หากมีความผิดปกติใดๆ ต้องบันทึกไว้ หากไม่มีความผิดปกติกก็ควรจดบันทึกด้วยเขาสามารถออกจากวังได้ในยามโย แต่เขารอจนกว่าปลายยามโยแล้วถึงจากไปเมื่อเขาออกจากวังก็บังเอิญไปเจอกับอ๋องเยี่ยนเข้า จ้านเป่ยว่างรู้ว่าเขาเข้าไปในวังตั้งแต่เช้าตรู่และออกจากวังในกลางคืน แต่ในปกติเขามักจะออกจากวังก่อนที่ประตูพระราชวังจะปิด ทำไมวันนี้มันเร็วจัง?เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำการไหว้ "จ้านเป่ยว่างคารวะท่านอ๋องขอรับ"อ๋องเยี่ยนมองเขาด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า "ไม่ได้แสดงความยินดีกับแม่ทัพจ้านที่คุณเลื่อนตำแหน่งนะ ข้าเชื่อเสมอว่าเจ้าเป็นคนที่มีความสามารถ ก่อนหน้านี้ให้เจ้าเจอกับความไม่เป็นธรรมจริงๆ ขอให้เจ้ามีอาชีพที่ดีขึ้นในอนาคต"จ้านเป่ยว่างรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "ขอบคุณท่านอ๋องที่ชื่นชมขอรับ"อ๋องเยี่ยนวางม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 821

    ในวันประเมิน ซ่งซีซีออกคำสั่งให้ผู้นำทุกคนของกองทัพซวนเจียมา แม้จะเป็นเพียงนายทหาร ตราบใดที่ไม่ได้เข้าเวรก็ต้องเข้าร่วมตอนแรกหวังเจิงคิดในว่านางหมายหัวเขา เขาจึงด่าทอซ่งซีซีที่บ้านยกใหญ่พร้อมกับภรรยาก่อนจะออกไปข้างนอกผู้หญิงใจแคบ หากให้กองทัพซวนเจียตกอยู่ในมือของผู้หญิงที่ใจแคบแบบนั้น ต่อไปไม่รู้ว่าเกิดปัญหามากมายในอนาคตเมื่อเขามาถึงสำนักกองกำลังเมืองหลวงก็ตระหนักได้ว่าการประเมินในวันนี้ ไม่ใช่มีเฉพาะเขาคนเดียว และการประเมินนั้นเกี่ยวข้องกับผลการประเมินของกระทรวงขุนนาง และเขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเขาทำให้ซ่งซีซีไม่พอใจ หากวันนี้เขาแพ้อย่างไม่น่าดูเกินไปและล้มเหลวในการประเมิน เขาอาจถูกหักเงินเดือนหรือถูกลดตำแหน่งและโอนย้ายก็เป็นไปได้หมดหากรู้เป็นเช่นนี้ เขาต้อวถวายธูปเพิ่มอีกดอกหนึ่งก่อนออกจากบ้าน ขออวยพรจระพระจ้านเป่ยว่างก็มาด้วย แต่เขาจะไม่เข้าร่วมการประเมิน เขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งและยังไม่จำเป็นต้องมีการประเมินจ้านเป่ยว่างเคยเห็นศิลปะการต่อสู้ของซ่งซีซีในสนามรบเขตหนานเจียง เขารู้ว่าหวังเจิงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางแน่ๆ เพียงดูว่าเขาสามารถทนกับกี่ท่าจากนางวันนี้ซ่งซีซีไม่ได้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 822

    จากนั้นทยอยไปทีละคน นายทหารทั้งสิบสองคนต่างก็สู้ไม่ครบยี่สิบท่าจากน้ำมือของซ่งซีซี พวกเขาทั้งหมดพ่ายแพ้ภายในสิบห้าหรือสิบหกท่าลู่เจินพ่ายแพ้ลงหลังจากรับไปสี่สิบท่า เขาลุกขึ้นยืนและยกมือไหว้ พอใจกับผลลัพธ์นี้มากสุดท้ายก็คือหวังเจิงหวังเจิงเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของซ่งซีซีอย่างตั้งใจ เขารู้สึกว่าตนเองพอเข้าใจฝีมือของนางได้ เขาคาดเดาอยู่ว่าห้าสิบท่าน่าจะไม่ใช่ปัญหาทักษะการเตะของเขานั้นดีที่สุด เห็นได้ชัดว่าทักษะการเตะของซ่งซีซีไม่แข็งแกร่งพอ ในทางกลับกัน นางชกหมัดเร็วมากจริงๆ ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะแข่งขันการต่อสู้ด้านร่างกายส่วนล่าง ถ้าอย่างนั้นเขาจะชนะแน่ๆเขาโค้งคำนับเล็กน้อย กำหมัด เด้งสองสามครั้ง ยืดเอ็นร้อยหวายแล้วพูดว่า "ถึงตาข้าแล้ว"ซ่งซีซีมีรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยบนใบหน้าของนาง "ใช่ ถึงตาเจ้าแล้ว"ไม่รู้ทำไม เมื่อหวังเจิงเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูกในใจของเขา และรู้สึกอยู่เสมอว่านางกำลังมีท่าพิเศษอะไรเพื่อลงมาที่เขา"ท่าแรก ข้าออมมือให้" ซ่งซีซีกล่าว หลังจากต่อสู้ไปหนึ่งรอบ ดูเหมือนนางจะไม่เหนื่อยเลยและยังคงมีชีวิตชีวาหวังเจิงเห็นว่าเท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 823

    เสิ่นว่านจือยิ้มเล็กน้อยและบินไปหาซ่งซีซี ซ่งซีซีเอียงตัวหลบเลี่ยง คว้าแขนของนางแล้วลากนางไปด้านหลัง เสิ่นว่านจือหมุมตัวและกระโดดบินขึ้นไปพวกเขาทั้งสองต่อสู้กันเกือบร้อยท่า และมันก็ยังยากที่จะบอกผู้ชนะคือผู้ใด การเคลื่อนไหวนั้นเร็วมากจนผู้คนไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน แต่หมัดและเท้าของพวกนางส่งเสียงดังก้องในสายลม หลายครั้งที่พวกนางแตะหินที่อยู่ข้างๆ จากนั้นมันก็พังทลายเป็นชิ้นๆ ทำให้ทุกคนตกตะลึงการแข่งขันระหว่างพวกนางทั้งสองทำให้ทุกคนรู้สึกว่าการทดสอบที่พวกเขาเพิ่งทำนั้นเป็นเพลงมวยที่สวยแต่กระบวนท่าแต่ใช้การไม่ได้เลย ตามการต่อสู้นี้ ใต้เท้าซ่งสามารถทำให้พวกเขาล้มลงได้ภายในสองสามท่าหลังจากต่อสู้กันมากกว่าร้อยท่าแล้ว ทั้งสองก็หยุดมือ และถอยกลับไปข้างๆ หลังจากต่อสู้กันมานาน ก็แค่ผมผมยุ่งเหยิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจ้านเป่ยว่างกำลังเฝ้าดูอยู่ และในใจของเขาก็ซับซ้อนจนไม่อาจบรรยายได้ เขาได้เห็นความแขงแกร่งของซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือในสนามรบเขตหนานเจียง แต่ในเวลานั้นพวกนางกำลังออกศึก ล้วนแต่ใช้พลังงานและ การเคลื่อนไหว และความเร็ว แต่นางสู้กับเสิ่นว่านจือนั้นล้วนเอาจริงเอาจังเลย อีกอย่างมีท่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 824

    สองวันต่อมา พวกของลู่เจินทั้งสามคนได้เตรียมงานเลี้ยงไหว้ครู ชวนเสิ่นว่านจือไปที่ตึกว่างเจียง ยังชวนท่านอ๋องและพระชายาไปเป็นพยานด้วยเสิ่นว่านจือรู้สึกเสียใจเล็กน้อยหลังจากกลับบ้านในวันนั้น ด้วยนิสัยใจคอของนางจะรับลูกศิษย์ได้อย่างไร มันจะรู้สึกไม่เป็นอิสระเมื่อถูกอะไรผูกมัด และนางก็อายุน้อยกว่าพวกเขาเสียอีก ไม่ใช่ว่าไม่สามารถแสดงอำนาจของอาจารย์ไม่ได้ แต่เพราะมันไม่จำเป็นต้องรับลูกศิษย์จริงๆ แค่สอนฝีมืให้ การเป็นอาจารย์เสิ่นก็ดีแล้วแหละ?เมื่อนางพยายามหาทางปฏิเสธ พวกเขาบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงไหว้ครู และจะจัดขึ้นที่ตึกว่างเจียงด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสำคัญกับเรื่องนี้มาก นี่มันทำให้นางเกิดความรู้สึกภูมิใจในตัวอย่างเหลือเชื่อเลยหลังจากคิดดูเรื่องนี้ให้ดีๆ แล้ว นางรู้สึกว่าถึงยังไงสถาบันชื่อเยียนจะถูกส่งมอบให้กับนางในอนาคต ดังนั้นก็รับไปเถอะหลังจากคิดตกแล้ว นางก็เลือกอาวุธที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา และพาเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีไปที่ตึกว่างเจียง หลังจากที่เสิ่นว่านจือยอมรับการกราบไหว้และถวายชาแล้ว นางก็พูดว่า "ให้ข้าขอชี้แจงข้อหนึ่งก่อน ที่พวกเจ้าทั้งสามไหว้ข้าเป็นอาจารย์ก็อย่าไปพูดข้างนอกท

최신 챕터

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status