공유

บทที่ 2 เจ้าเป็นใครกันแน่

last update 최신 업데이트: 2025-09-26 11:28:14

บทที่ 2

เจ้าเป็นใครกันแน่

เหมยซิงผู้เป็นนางคณิกาของหอหลันฮวายืนนิ่งราวกับหินผา แม้ว่านางจะยืนอยู่ต่อหน้าของเว่ยสือหยาง ผู้เป็นชินอ๋องที่บ้าเลือดและน่าหวั่นเกรงผู้นั้น ทว่านางกลับมิได้รู้สึกหวาดกลัวเขาเลย กลับกัน... นางอยากจะรู้ว่าเขามีค่ามากพอที่นางจะใช้เป็นตัวหมากได้หรือไม่!

"เจ้าร่ายรำได้หรือไม่"

"เพคะ หม่อมฉันถนัดร่ายรำและการเล่นผีผาเพคะ"

"ดี! เช่นนั้นเจ้าก็ร่ายรำให้ข้าดู"

"เพคะ"

แม้จะแปลกใจกับการกระทำของเขา แต่เหมยซิงก็หาได้รู้สึกตกใจไม่ นางขยับตัวออกไปยืนตรงกลางโดยที่ผีผาได้ถูกนางคณิกาคนอื่นนำออกไปแล้ว ทันทีที่เสียงดนตรีขึ้น ร่างอรชรที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งภายใต้ชุดนางระบำที่เปิดเผยเนื้อหนังมังสาอย่างชัดเจน ก็ได้หมุนตัวไปตามจังหวะของเสียงดนตรีนั้น

ร่างกายของนางสอดประสานไปกับเสียงของดนตรีที่ดังก้องกังวานอย่างดงาม ท่วงท่าการร่ายรำมีทั้งความอ่อนช้อยและแข็งแรง พลิ้วไหวดั่งใบไผ่ที่ลู่ไปกับสายลมที่พัดโหมกระหน่ำดั่งพายุคลั่ง เห็นได้ชัดว่านางได้ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

เว่ยสือหยางพลันกระตุกยิ้มเย็น ก่อนจะแกล้งโยนผลผิงกั่ว (แอปเปิล) ไปให้นาง หากเป็นสตรีธรรมดาจะตกใจและรีบหลบผลผิงกั่วทันที ทว่าสตรีผู้นี้กลับรับผลผิงกั่วได้อย่างง่ายดาย ทั้งการร่ายรำของนางก็ไม่ได้หยุดชะงักลงเลย แต่ยังกล้ายั่วเย้าเขาอีกด้วย โดยการกัดผิงกั่วไปหนึ่งคำ ก่อนจะใช้สายตาหวานเยิ้มทอดมองมาทางเขาอย่างยั่วยวน

ช่างใจกล้าดีนัก!

บรรดาบุรุษที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างมองเรือนร่างของเหมยซิงด้วยน้ำลายสอ ด้วยนางนั้นมีรูปร่างที่เย้ายวนใจชายยิ่งนาง ยิ่งขยับเคลื่อนไหวร่างกายไปมาตามเสียงของดนตรีที่บรรเลงอย่างรัวเร็ว ยิ่งทำให้นางดูงดงามยั่วยวนราวกับปีศาจสาวที่ลงมายั่วยวนพวกเขาอย่างนั้นแหละ

อยากครอบครองนางเหลือเกิน!

แปะ แปะ แปะ!

เหมยซิงโค้งคำนับเว่ยสือหยางเมื่อการแสดงร่ายรำของนางจบลง ผลผิงกั่วในมือของนางก็ถืออยู่เช่นนั้น ไม่ได้คิดจะนำไปคืนเขาแต่อย่างใด ในตอนนั้นเองบุตรชายเพียงคนเดียวของอี้ไฉ ผู้มีนามว่า 'อี้ไห่หง' ได้เดินออกมาจากที่นั่งของตนเอง ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไป

"ฮ่าฮ่าฮ่า คนงาม เจ้าช่างร่ายรำได้ถูกใจข้ายิ่งนัก คืนนี้ก็จงมาร่ายรำบนตัวข้าด้วยสิ"

ฝ่ามือหนาเอื้อมมาจะคว้าร่างของเหมยซิงเข้าไปกอด ทว่าตัวนางกลับหมุนตัวหลบหลีกมือของเขาอย่างว่องไว และในจังหวะนั้นเองที่ไม่มีใครสังเกตเห็น นางได้ลอบใช้ปลายเท้าตวัดไปเตะข้อเท้าของเขา เป็นผลให้ร่างกายสูงใหญ่พลันล้มลงอย่างน่าอาย

โครม!

สติที่เริ่มลืมเลือนพลันเด่นชัดเมื่อเจ็บตัว อี้ไห่หงจ้องหน้าเหมยซิงด้วยสายตาวาววับ

"ขออภัยคุณชายอี้ ข้าเป็นนางคณิกาขายศิลป์ไม่ได้ขายเรือนร่างเจ้าค่ะ"

เหมยซิงเอ่ยตอบเขาด้วยท่าทางนอบน้อม ทว่าแววตากลับตวัดมองเขาอย่างเย็นชาด้วยความไม่พอใจ

"หึ! เจ้าเป็นนางคณิกาที่ท่านพ่อของข้าซื้อตัวมา เหตุใดถึงได้เรื่องมากนักเล่า หากข้าต้องการเจ้าผู้ใดกล้าขวางกัน"

"พอได้แล้วอาหง นี่อยู่ต่อหน้าชินอ๋องเชียวนะ"

อี้ไฉรีบลุกมาจูงแขนบุตรชายให้กลับไปนั่งที่ อยู่ต่อหน้าของชินอ๋องจะมาเสียมารยาทเช่นนี้ไม่ได้เป็นอันขาด ทว่าเพราะเขาตามใจบุตรชายจนเคยตัว อะไรที่เขาอยากได้ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะไม่ได้ ในเมื่อครั้งนี้เขาต้องการตัวเหมยซิง เขาก็ต้องได้!

"ท่านพ่อ ข้าต้องการตัวนางขอรับ" เขามองบิดาด้วยสีหน้าเว้าวอน

"นี่เจ้า..."

เว่ยสือหยางที่นิ่งเงียบมานานพลันหัวเราะออกมาดังลั่น เป็นผลให้ทุกคนต่างลอบมองมาด้วยความสนใจและหวั่นเกรงในคราวเดียวกัน การหัวเราะของชินอ๋องเหตุใดจึงฟังแล้วขนลุกนักเล่า

"พวกเจ้าสองคนพ่อลูกช่างทำให้ข้าเปิดหูเปิดตานัก ในเมื่อเจ้าเอ่ยถามว่าผู้ใดกล้าขวาง แล้วถ้าข้าบอกว่าข้าเองก็อยากได้นางไปร่ายรำในห้องของข้าคืนนี้ด้วย เจ้าจะว่าอย่างไร"

เว่ยสือหยางลอบสบตากับหลิ่งเอ้อร์อย่างรู้กัน การกระทำของนางคณิกาผู้นี้พวกเขาทั้งสองล้วนเห็นได้อย่างชัดเจน นางเป็นวรยุทธ์! แม้จะไม่เก่งกาจเทียบเท่ากับเขาทว่าก็มีฝีมือไม่น้อยเลย

อี้ไฉกับอี้ไห่หงได้ยินเช่นนั้นพลันตัวแข็งค้าง พวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดาจะกล้าแข็งข้อกับชินอ๋องผู้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นได้อย่างไรกันเล่า

"กระหม่อมเลอะเลือนไปชั่วครู่ ขอท่านอ๋องอย่าได้ถือสาไปเลยพ่ะย่ะค่ะ"

อี้ไห่หงพลันสร่างเมาทันที ตัวเขารีบเดินกลับไปนั่งที่พร้อมกับบิดาที่มีสีหน้าขาวซีด

"เหอะ! ข้ายังคิดว่าจะได้ประลองดาบกับเจ้าเพื่อแย่งชินนางอยู่เลย ช่างน่าเสียดายนัก"

เว่ยสือหยางยกจอกสุราขึ้นมาดื่มด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ทว่าคำพูดของเขานั้นกลับทำให้คนฟังเย็นเยียบไปทั่วแผ่นหลังกว้าง รีบก้มหน้าก้มตาดื่มสุราราวกับเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้อยากได้นางคณิกาผู้นั้นเลย

"ขออภัยท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันได้ถูกจ้างวานให้มาเล่นผีผาเท่านั้น หากท่านอ๋องอยากจะให้หม่อมฉันไปร่ายรำเป็นการส่วนตัวก็ต้องจ่ายเพิ่มนะเพคะ" เหมยซิงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"ค่าตัวเจ้าเท่าใดเล่า"

"10 ตำลึงทองเพคะ"

"น้อยนัก! หลิ่งเอ้อร์มอบเงินให้นางสามเท่า และถ้าเจ้าทำให้ข้าพอใจย่อมต้องได้รับมากกว่านี้"

"ขอบพระทัยเพคะ"

เหมยซิงยอบกายคารวะ ก่อนที่นางจะเดินตามหลิ่งเอ้อร์ออกไปเพื่อไปยังรถม้าของชินอ๋อง ด้วยเว่ยสือหยางไม่ประสงค์จะพักที่จวนเจ้าเมือง เขาจึงได้ซื้อจวนหลังใหญ่ในเมืองเป่ยซีชั่วคราว ด้วยตอนนี้เขามีภารกิจที่จะต้องจัดการที่เมืองแห่งนี้ หากแล้วเสร็จก็จะเดินทางไปยังค่ายทหารที่ตั้งอยู่ตรงรอยต่อของชายแดนอันอยู่ติดกับแคว้นจ้าว

จวนชินอ๋อง

รถม้าเคลื่อนไปยังถนนที่เงียบเชียบของเมืองเป่ยซีอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานรถม้าก็จอดลงตรงหน้าจวนหลังใหญ่ของเว่ยสือหยาง เหมยซิงก้าวลงมาจากรถม้าด้วยท่าทางตึงเครียดเล็กน้อย แม้ในใจจะพยายามนิ่งสงบแต่นางก็ยังแอบกังวลอยู่เล็กน้อย

"ตามข้ามา"

หลิ่งเอ้อร์พาเหมยซิงไปรอยังเรือนหลักของชินอ๋อง ก่อนจะปลีกตัวแยกจากมาโดยบังเอิญพบกับหลิ่งอี้ผู้เป็นแฝดพี่ที่ทันเห็นว่ามีสตรีเข้ามายังห้องของชินอ๋อง

"อาเอ้อร์ สตรีผู้นั้นเป็นใครกัน" เขาลากแขนน้องชายให้ไปคุยตรงมุมมืดที่ปลอดผู้คน

"นางคณิกาที่ท่านอ๋องจ้างให้มาร่ายรำเป็นการส่วนตัว" สายตาของหลิ่งเอ้อร์มองผู้เป็นพี่อย่างรู้กัน

"เข้าใจแล้ว เช่นนั้นเจ้าไปพักเถอะ ทางนี้ข้าจะดูแลเอง"

"ขอรับท่านพี่"

หลิ่งเอ้อร์เดินกลับไปยังเรือนพักของตนเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผิดกับหลิ่งอี้ที่รู้สึกไม่ไว้วางใจสตรีผู้นั้นนัก ทำไมตาของเขาถึงกระตุกไม่หยุดเลยล่ะ หรือว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ในตอนนั้นเว่ยสือหยางที่ควบม้ากลับมาเองก็เดินเข้ามาตบไหล่ของหลิ่งอี้

"นางเล่า"

"อยู่ในห้องพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องจะให้กระหม่อมจัดการเค้นคอนางเลยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"

"ไม่ล่ะ ข้าจะจัดการนางด้วยตนเอง เจ้ารออยู่ข้างนอกนี่ก็พอ ไม่ต้องตามเข้ามาหากข้าไม่ได้เรียก"

"พ่ะย่ะค่ะ"

เว่ยสือหยางเปิดประตูเข้าไปยังในห้องของตน รอยยิ้มมุมปากพลันแสยะยิ้มเหี้ยมเมื่อจะได้เค้นความลับจากสตรีผู้นั้น เขาอยากรู้นักว่านางที่เป็นถึงสายลับเหตุใดถึงพลาดท่าให้เขาจับได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ หรือว่านางจงใจ!

"รอข้านานหรือไม่"

"ไม่เพคะ"

เว่ยสือหยางเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงกลางห้อง โดยมีเหมยซิงเข้ามารินสุราให้กับเขา ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของร่างกายกำยำลอบมองสตรีที่นั่งตรงข้ามอย่างสังเกต

"เจ้าชื่ออะไร"

"หม่อมฉันมีนามว่าเหมยซิงเพคะ"

"แซ่ของเจ้าเล่า"

"หม่อมฉันไม่มีแซ่เพคะ เป็นสตรีกำพร้าที่ถูกนายหญิงแห่งหอหลันฮวารับเลี้ยงเอาไว้เพคะ"

"อย่างนั้นเองหรือ... ไม่ใช่ว่าที่เจ้าไม่มีแซ่เพราะต้องปิดบังตนเองใช่หรือไม่เหมยซิง เจ้าเป็นใครกันแน่!"

เพล้ง!!

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   บทที่ 3 พูดออกมา

    บทที่ 3พูดออกมาจอกสุราถูกเขวี้ยงไปทางเหมยซิงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังแฝงไปด้วยลมปราณอันเข้มข้นเสียด้วย เหมยซิงเบี่ยงตัวหลบได้ทันอย่างว่องไว ทว่าตัวนางกลับถูกบุรุษตรงหน้าคว้าตัวเข้ามากักขังในอ้อมกอด กายสูงแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาอย่างเข้มข้น นางเป็นวรยุทธ์จริงด้วย เพราะหากเป็นคนธรรมดาทั่วไปย่อมหลบจอกสุราของเขาไม่พ้นอย่างแน่นอน!"หญิงคณิกาเช่นเจ้าเหตุใดถึงได้มีวรยุทธ์ พูด!"เหมยซิงแสร้งทำหน้าตาเลิ่กลั่ก เขาฉลาดยิ่งนัก "ท่านอ๋องพูดเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันเป็นเพียงนางระบำในหอคณิกาที่ขายศิลป์เท่านั้น สตรีเช่นหม่อมฉันจะมีวรยุทธ์ได้อย่างไร"เว่ยสือหยางพลันขบกรามแน่นเมื่อสตรีตรงหน้ายังกล้าปากแข็ง ท่าทางของนางดูหวาดกลัวเขาเหลือเกิน ทว่าดวงตาคู่นี้กลับแย้มยิ้มราวกับดีใจเสียอย่างนั้น"ในเมื่อเจ้าปากแข็งบอกว่าตัวเองเป็นเพียงสตรีที่มาจากหอคณิกา เช่นนั้นราตรีนี้เจ้าก็จงทำหน้าที่ของเจ้าซะ ปรนนิบัติข้าทั้งคืนจนกว่าข้าจะพอใจ!" เขาเอ่ยขู่เสียงเข้ม"หม่อมฉันไม่ขายเรือนร่างเพคะ ต่อให้เป็นท่านอ๋องหม่อมฉันก็ไม่ขาย" แววตาของเหมยซิงพลันแข็งกร้าวขึ้นมาทันที สร้างความสนุกสนานให้กับเว่ยสือหยางอย่างน่าประหลาด ด้วยท

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   บทที่ 2 เจ้าเป็นใครกันแน่

    บทที่ 2เจ้าเป็นใครกันแน่เหมยซิงผู้เป็นนางคณิกาของหอหลันฮวายืนนิ่งราวกับหินผา แม้ว่านางจะยืนอยู่ต่อหน้าของเว่ยสือหยาง ผู้เป็นชินอ๋องที่บ้าเลือดและน่าหวั่นเกรงผู้นั้น ทว่านางกลับมิได้รู้สึกหวาดกลัวเขาเลย กลับกัน... นางอยากจะรู้ว่าเขามีค่ามากพอที่นางจะใช้เป็นตัวหมากได้หรือไม่!"เจ้าร่ายรำได้หรือไม่""เพคะ หม่อมฉันถนัดร่ายรำและการเล่นผีผาเพคะ""ดี! เช่นนั้นเจ้าก็ร่ายรำให้ข้าดู""เพคะ"แม้จะแปลกใจกับการกระทำของเขา แต่เหมยซิงก็หาได้รู้สึกตกใจไม่ นางขยับตัวออกไปยืนตรงกลางโดยที่ผีผาได้ถูกนางคณิกาคนอื่นนำออกไปแล้ว ทันทีที่เสียงดนตรีขึ้น ร่างอรชรที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งภายใต้ชุดนางระบำที่เปิดเผยเนื้อหนังมังสาอย่างชัดเจน ก็ได้หมุนตัวไปตามจังหวะของเสียงดนตรีนั้นร่างกายของนางสอดประสานไปกับเสียงของดนตรีที่ดังก้องกังวานอย่างดงาม ท่วงท่าการร่ายรำมีทั้งความอ่อนช้อยและแข็งแรง พลิ้วไหวดั่งใบไผ่ที่ลู่ไปกับสายลมที่พัดโหมกระหน่ำดั่งพายุคลั่ง เห็นได้ชัดว่านางได้ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเว่ยสือหยางพลันกระตุกยิ้มเย็น ก่อนจะแกล้งโยนผลผิงกั่ว (แอปเปิล) ไปให้นาง หากเป็นสตรีธรรมดาจะตกใจและรีบหลบผลผิงกั่วทันที ทว่าสต

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   บทที่ 1 นางคณิกาจากหอหลันฮวา

    บทที่ 1นางคณิกาจากหอหลันฮวาจวนเจ้าเมืองเป่ยซีได้มีการจัดงานเลี้ยงรื่นเริงเพื่อต้อนรับชินอ๋องเว่ยสือหยาง แขกผู้สูงศักดิ์ที่จะมาประจำการยังแดนเหนือของพวกเขา ถึงแม้ว่าจะรู้สึกหวั่นเกรงกับชื่อเสียงของชินอ๋องมากเพียงใด ทว่าตัวเขากลับรู้สึกอุ่นใจมากกว่าเสียอีก ด้วยตั้งแต่ชินอ๋องมาที่นี่ พวกโจรป่าและชาวนอกด่านก็ไม่กล้าบุกเข้ามาทำร้ายชาวเมืองเป่ยซีอีกเลย"คารวะชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นเกียรติมากที่ได้มีโอกาสรับใช้ชินอ๋องผู้ห้าวหาญของแคว้นเว่ยของเรา วันนี้กระหม่อมจึงบังอาจขออนุญาตจัดงานเลี้ยงต้อนรับชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ" 'อี้ไฉ' ท่านเจ้าเมืองผู้อยู่ในวัย 40 กว่าปี ใบหน้าอวบอิ่มยิ้มแก้มปริด้วยความยินดียิ่ง ในตอนที่เขาขยับกายไปมาดูคล้ายกับก้อนซาลาเปาเดินได้ด้วยรูปร่างที่อ้วนท้วนอุ้ยอ้าย ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเคยเป็นถึงนายกองคนสำคัญก่อนจะได้ถูกแต่งตั้งมาเป็นท่านเจ้าเมืองที่นี่ ผิดกับชาวบ้านในเมืองเป่ยซีที่ดูซูบผอมและใบหน้าอมทุกข์ มิรู้ว่าอี้ไฉผู้นี้ปกครองเมืองเป่ยซีอย่างไรกันแน่ เห็นทีเขาคงจะต้องลองสืบดูเสียหน่อยแล้ว"จัดงานได้ดี แต่ครั้งหน้าหากจะทำอะไรก็มาแจ้งข้าเสียก่อน ข้าไม่ชอบความวุ่นวายและไม

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   บทนำ

    บทนำเด็กน้อยในวันเพียง 7 ปีเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักของผู้เป็นมารดา ตั้งแต่นางจำความได้ไม่มีวันไหนที่ท่านแม่จะดุด่าหรือทุบตีนางเลยสักครั้งเดียว มีเพียงรอยยิ้มและน้ำเสียงอันอบอุ่นอ่อนโยนที่ดังก้องไปในจิตใจของเด็กน้อย ทว่าในทางกลับกันนางกลับเห็นท่านแม่แอบมานั่งร้องไห้คนเดียวอยู่บ่อยครั้ง สาเหตุก็เป็นเพราะบิดาผู้ให้กำเนิดนางนั้นเอง จนกระทั่งในวันที่อากาศสดชื่นแจ่มใส ท้องฟ้าปลอดโปร่งภายใต้แสงอาทิตย์อันอบอุ่นที่สาดแสงลงมา ตัวนางกลับต้องแยกจากอกของมารดา เพียงเพราะผู้เป็นใหญ่แห่งแว่นแคว้นเล็งเห็นว่าจะใช้นางให้เป็นประโยชน์ได้ เขาส่งนางไปฝึกให้เป็นสายลับที่พร้อมจะพลีชีพเพื่อแคว้นจ้าว! นับจากวันนั้นชีวิตอันเรียบง่ายของนางก็จบสิ้นลง มีเพียงต้องตื่นมาฝึกหนักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ หากนางทำไม่ดีหรือไม่เป็นที่น่าพอใจก็จะถูกลงโทษอย่างหนัก ซ้ำร้ายมารดาที่อยู่ไกลออกไปยังถูกลงโทษเสียด้วย ชีวิตของนางราวกับตกอยู่ในขุมนรก มีวันคืนที่แสนเลวร้ายจนอยากจะปลิดชีพของตัวเองในวัยที่ 10 แต่เพราะการได้พบหน้ามารดาอีกครั้งทำให้ความคิดของนางเปลี่ยนไป..."ซิงเอ๋อร์... อดทนไว้นะลูก อย่าได้ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของเรา แม่เชื่อว

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status