공유

บทที่ 3 พูดออกมา

last update 최신 업데이트: 2025-09-26 11:28:26

บทที่ 3

พูดออกมา

จอกสุราถูกเขวี้ยงไปทางเหมยซิงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังแฝงไปด้วยลมปราณอันเข้มข้นเสียด้วย เหมยซิงเบี่ยงตัวหลบได้ทันอย่างว่องไว ทว่าตัวนางกลับถูกบุรุษตรงหน้าคว้าตัวเข้ามากักขังในอ้อมกอด กายสูงแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาอย่างเข้มข้น

นางเป็นวรยุทธ์จริงด้วย เพราะหากเป็นคนธรรมดาทั่วไปย่อมหลบจอกสุราของเขาไม่พ้นอย่างแน่นอน!

"หญิงคณิกาเช่นเจ้าเหตุใดถึงได้มีวรยุทธ์ พูด!"

เหมยซิงแสร้งทำหน้าตาเลิ่กลั่ก เขาฉลาดยิ่งนัก "ท่านอ๋องพูดเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันเป็นเพียงนางระบำในหอคณิกาที่ขายศิลป์เท่านั้น สตรีเช่นหม่อมฉันจะมีวรยุทธ์ได้อย่างไร"

เว่ยสือหยางพลันขบกรามแน่นเมื่อสตรีตรงหน้ายังกล้าปากแข็ง ท่าทางของนางดูหวาดกลัวเขาเหลือเกิน ทว่าดวงตาคู่นี้กลับแย้มยิ้มราวกับดีใจเสียอย่างนั้น

"ในเมื่อเจ้าปากแข็งบอกว่าตัวเองเป็นเพียงสตรีที่มาจากหอคณิกา เช่นนั้นราตรีนี้เจ้าก็จงทำหน้าที่ของเจ้าซะ ปรนนิบัติข้าทั้งคืนจนกว่าข้าจะพอใจ!" เขาเอ่ยขู่เสียงเข้ม

"หม่อมฉันไม่ขายเรือนร่างเพคะ ต่อให้เป็นท่านอ๋องหม่อมฉันก็ไม่ขาย"

แววตาของเหมยซิงพลันแข็งกร้าวขึ้นมาทันที สร้างความสนุกสนานให้กับเว่ยสือหยางอย่างน่าประหลาด ด้วยทุกคราเขาจะพบเจอแต่สตรีที่ยอมพลีกายให้กับเขา เมื่อได้พบนางที่ไม่ยอมเช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกสนุกยิ่งนัก ราวกับว่านางได้ปลุกสัญชาตญาณแห่งสัตว์ป่าที่เคยหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา!

"หากข้าต้องการเจ้าจะทำอะไรได้เล่า เจ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้นเช่นนั้นหรือ"

"หม่อมฉันย่อมหนีท่านอ๋องไม่พ้นอยู่แล้ว ทว่าท่านอ๋องผู้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่คุมกำลังทหารเรือนแสน กลับคิดจะข่มเหงสตรีตัวเล็ก ๆ อย่างหม่อมฉันหรือเพคะ หากทหารผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาทราบเข้าจะไม่ถือเป็นการเสียเกียรติท่านอ๋องหรืออย่างไร" ริมฝีปากเล็กภายใต้ผ้าคลุมหน้าโต้เถียงอย่างไม่ลดละ

"หึ! ปากกล้าไม่น้อยเลย กล้าพูดจาแดกดันข้าเช่นนั้นหรือ"

"หม่อมฉันมิกล้าเพคะ"

"ผิดแล้ว... เจ้ากล้ามากเลยต่างหากเล่า"

เว่ยสือหยางปล่อยตัวของเหมยซิงออกจากอ้อมแขน ก่อนจะไปนั่งบนเก้าอี้แล้วหยิบกาสุราขึ้นมารินใส่จอกใบใหม่ สร้างความมึนงงให้กับเหมยซิงเป็นอย่างมาก นางตามอารมณ์เขาไม่ถูกเสียแล้ว...

ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงการเคลื่อนไหวของเว่ยสือหยาง ในที่สุดเหมยซิงก็เอ่ยปากกับเขาก่อน เขาใช้ความเงียบเพื่อทำให้คนอื่นรู้สึกกดดันสินะ

"หม่อมฉันมีบางอย่างที่อยากจะเสนอท่านอ๋องเพคะ"

"ว่ามาสิ... สายลับจากแคว้นจ้าว"

"ทรงรู้ว่าหม่อมฉันมาจากแคว้นจ้าวด้วยหรือเพคะ การข่าวของท่านอ๋องช่างฉับไวยิ่งนัก"

เหมยซิงเอ่ยชื่นชมจากใจจริง เช่นนี้นางก็มีหวังแล้วใช่หรือไม่

"เจ้าดีใจที่ข้ารู้ว่าเจ้ามาจากแคว้นจ้าวอย่างนั้นหรือ" เว่ยสือหยางมองสตรีตรงหน้าด้วยความสงสัย

"ก็ไม่เชิงเพคะ หม่อมฉันเองก็ไม่คิดว่าจะถูกท่านอ๋องรู้ตัวตนรวดเร็วถึงเพียงนี้" เหมยซิงคลี่ยิ้มบาง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ รินสุราใส่จอกของตนเองแล้วดื่มรวดเดียวจนหมดจอก "หม่อมฉันไม่ได้อยากจะมาเป็นสายลับเพคะ เพียงแต่เพราะความจำเป็นจึงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ การก่อสงครามไม่ใช่เรื่องดี หม่อมฉันมีเพียงความปรารถนาเดียวคือขอให้ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตคนแคว้นจ้าวที่ไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเพคะ"

"แล้วข้าจะได้อะไร ในเมื่อข้ารู้ตัวตนของเจ้าแล้ว ข้าจะใช้ทัณฑ์ทรมานเจ้าให้พูดความจริงออกมาก็ย่อมได้ ข้าไม่เห็นจำเป็นต้องขอให้เจ้าร่วมมือด้วยเลยนี่" เขาเอ่ยตอบอย่างไม่แยแส นางมีอะไรคู่ควรที่จะร่วมมือกับเขาอย่างนั้นหรือ

"ท่านอ๋องแน่ใจหรือเพคะว่าไม่อยากร่วมมือกับหม่อมฉัน ถ้าหม่อมฉันเดาไม่ผิดการที่ท่านอ๋องยังไว้ชีวิตหม่อมฉันมาจนถึงตอนนี้ก็เพราะอยากสืบข่าวจากแคว้นจ้าวโดยใช้หม่อมฉันไม่ใช่หรือเพคะ จะไม่ดีกว่าหรือถ้าได้คนของแคว้นจ้าวมาเป็นสายลับให้กับตนเอง"

เหมยซิงแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ นางรู้ดีว่าตัวเองนั้นยังมีประโยชน์ต่อเขาไม่มากก็น้อยเลยล่ะ

"หึ! คิดว่าเจ้ามีค่ามากถึงเพียงนั้นเลยหรือ สำคัญตัวเองผิดไปหรือไม่"

เว่ยสือหยางคว้ามีดสั้นขึ้นมาจู่โจมเหมยซิงอีกครั้ง เขาประชิดตัวนางอย่างรวดเร็ว ทว่าเหมยซิงก็ไม่ได้คิดจะยอมอยู่เฉย หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบฉากกับการจู่โจมนี้ ก่อนจะใช้ผงยาสลบที่ซ่อนเอาไว้ซัดเข้าไปใส่ใบหน้าคมของเว่ยสือหยางทั้งหมด เพราะความไม่ระวังตัวให้ดีทำให้เว่ยสือหยางเผลอสูดดมผงยาสลบเข้าไปเต็มปอด

"ขอท่านอ๋องหลับสักหนึ่งชั่วยามนะเพคะ"

"จะ เจ้า!" เขาประมาทนางเกินไป

เหมยซิงยืนยิ้มหวานมองดูร่างสูงที่ซวนเซก่อนจะสลบไปในทันที... อย่าคิดว่านางจะยอมให้เขาไล่ต้อนได้คนเดียวเล่า!

หนึ่งชั่วยามต่อมา

เว่ยสือหยางค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกได้ว่าตอนนี้เขาได้มานอนอยู่บนเตียงของตน ทว่าแขนและขากลับถูกมัดเอาไว้ด้วยผ้าอย่างแน่นหนา เขาใช้แรงเพียงนิดก็สามารถหลุดจากพันธนาการนี้ได้ แต่เพราะอยากรู้ว่าสตรีที่นอนอยู่ด้านข้างนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่จึงได้นอนเฉยเสีย

“ทรงตื่นแล้วหรือเพคะ”

เหมยซิงเอ่ยถามคนข้างกาย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นางจะแบกเขาขึ้นมานอนบนเตียงและมัดเอาไว้เช่นนี้

“เจ้าคิดจะทำอะไร”

“หม่อมฉันแค่อยากจะคุยกับท่านอ๋องอย่างสันติวิธี โดยไม่ถูกจู่โจมอีกครั้งก็เท่านั้นเองเพคะ"

เหมยซิงลุกขึ้นนั่งบนเตียง สบตากับนัยน์ตาคมดุที่ทอดมองมาทางอย่างเอาเรื่อง ก็รู้หรอกว่าเขาเป็นคนใจร้อนและหุนหันพลันแล่นไปบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะรุนแรงไม่ให้โอกาสนางได้อธิบายอะไรเลย

ช่างดื้อด้านมิน้อยเลย!

"เช่นนั้นก็พูดมาสิว่าเจ้ามีค่าอันใดที่ข้าควรจะไว้ชีวิต ทั้งที่เจ้าเป็นสายลับของแคว้นจ้าวที่ถูกส่งตัวมาที่นี่"

"หม่อมฉันไม่ใช่สายลับธรรมดาแต่ยังรู้เรื่องภายในของแคว้นจ้าวมิน้อยเลย ขอเพียงท่านอ๋องยอมช่วยหม่อมฉันเรื่องหนึ่ง หม่อมฉันก็จะยอมช่วยงานท่านอ๋องอย่างถวายหัวเลยเพคะ"

"แล้วข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าจะไม่หลอกข้า คนแคว้นจ้าวเชื่อถือได้หรือ"

ใบหน้าคมแสยะยิ้มอย่างขำขัน คิดว่าเขาดูโง่เขลามากเลยหรือที่จะเชื่อคำพูดของนางที่เพิ่งพบกันครั้งแรก

เหมยซิงได้ยินเช่นนั้นก็ทอดถอนใจออกมา เขายังคงระแวงนางไม่เลิกรา แต่ก็พอเข้าใจได้ ถ้าเป็นนางก็คงคิดไม่ต่างจากเขา

"หม่อมฉันจะบอกเส้นทางลับเข้าสู่แคว้นจ้าว ครานี้ท่านอ๋องก็จะสามารถส่งคนเข้าไปสอดแนมยังแคว้นจ้าวได้โดยง่าย ทั้งหม่อมฉันยังจะเล่าเรื่องของคนในแคว้นจ้าวอย่างละเอียด รวมถึงนิสัยใจคอของผู้คนและการทำการค้า หากคนของท่านอ๋องแฝงตัวเข้าไปโดยอ้างว่าเป็นพ่อค้าก็จะง่ายขึ้น ท่านอ๋องคิดเช่นนั้นหรือไม่เพคะ"

เว่ยสือหยางพลันนัยน์ตาลุกวาวเมื่อได้ยิน การเข้าไปสอดแนมยังแคว้นจ้าวถือว่ายากเย็นนัก ถ้านี่ไม่ใช่กลวงก็นับว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยง

"เจ้าลองเขียนแผนที่มาก่อน ถ้าคนของข้าสามารถเข้าไปได้และกลับออกมาได้โดยที่ไม่ถูกสังหารเสียก่อน ข้าถึงจะเชื่อเจ้า"

"เพคะ"

เหมยซิงพลันยิ้มกว้างเมื่อคิดว่าข้อเสนอของนางใกล้จะบรรลุผล นางเดินไปยังโต๊ะหนังสือข้างริมหน้าต่าง ก่อนจะฝนหมึกแล้วจรดปลายพู่กันวาดแผนที่ออกมาอย่างชำนาญ เวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปแผนที่ของนางก็เสร็จสิ้น หญิงสาวเดินถือกระดาษให้คนที่นอนบนเตียงได้ตรวจทานดู

"ซับซ้อนยิ่งนัก!" เว่ยสือหยางอุทานออกมาด้วยความอึ้ง ไม่น่าเล่าพวกเขาถึงแอบเข้าไปยังแคว้นจ้าวไม่ได้เลย

"นี่เป็นเพียงหนึ่งเส้นทางของแคว้นจ้าวที่ทางเข้าไม่สลับซับซ้อนนัก ใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็ถึง หม่อมฉันขอแนะนำให้คนของท่านอ๋องใช้หญ้าหยดน้ำค้างที่หาได้ง่ายในที่สูงของแคว้นเว่ยมาทาที่ตัวเพื่อต้านแมลงพิษเพคะ นี่ถือเป็นความจริงใจของหม่อมฉันเพคะ"

เว่ยสือหยางยกยิ้มออกมาด้วยความยินดี สตรีผู้นี้ถือว่ารู้ความไม่น้อยเลย หากเก็บเอาไว้ข้างกายคงดีมิใช่น้อย เช่นนั้นเขาจะไว้ชีวิตของนางเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน

ถ้านางพูดผิดแม้แต่คำเดียวเขาค่อยสังหารนางทิ้งก็ยังไม่สาย!

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   บทที่ 3 พูดออกมา

    บทที่ 3พูดออกมาจอกสุราถูกเขวี้ยงไปทางเหมยซิงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังแฝงไปด้วยลมปราณอันเข้มข้นเสียด้วย เหมยซิงเบี่ยงตัวหลบได้ทันอย่างว่องไว ทว่าตัวนางกลับถูกบุรุษตรงหน้าคว้าตัวเข้ามากักขังในอ้อมกอด กายสูงแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาอย่างเข้มข้น นางเป็นวรยุทธ์จริงด้วย เพราะหากเป็นคนธรรมดาทั่วไปย่อมหลบจอกสุราของเขาไม่พ้นอย่างแน่นอน!"หญิงคณิกาเช่นเจ้าเหตุใดถึงได้มีวรยุทธ์ พูด!"เหมยซิงแสร้งทำหน้าตาเลิ่กลั่ก เขาฉลาดยิ่งนัก "ท่านอ๋องพูดเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันเป็นเพียงนางระบำในหอคณิกาที่ขายศิลป์เท่านั้น สตรีเช่นหม่อมฉันจะมีวรยุทธ์ได้อย่างไร"เว่ยสือหยางพลันขบกรามแน่นเมื่อสตรีตรงหน้ายังกล้าปากแข็ง ท่าทางของนางดูหวาดกลัวเขาเหลือเกิน ทว่าดวงตาคู่นี้กลับแย้มยิ้มราวกับดีใจเสียอย่างนั้น"ในเมื่อเจ้าปากแข็งบอกว่าตัวเองเป็นเพียงสตรีที่มาจากหอคณิกา เช่นนั้นราตรีนี้เจ้าก็จงทำหน้าที่ของเจ้าซะ ปรนนิบัติข้าทั้งคืนจนกว่าข้าจะพอใจ!" เขาเอ่ยขู่เสียงเข้ม"หม่อมฉันไม่ขายเรือนร่างเพคะ ต่อให้เป็นท่านอ๋องหม่อมฉันก็ไม่ขาย" แววตาของเหมยซิงพลันแข็งกร้าวขึ้นมาทันที สร้างความสนุกสนานให้กับเว่ยสือหยางอย่างน่าประหลาด ด้วยท

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   บทที่ 2 เจ้าเป็นใครกันแน่

    บทที่ 2เจ้าเป็นใครกันแน่เหมยซิงผู้เป็นนางคณิกาของหอหลันฮวายืนนิ่งราวกับหินผา แม้ว่านางจะยืนอยู่ต่อหน้าของเว่ยสือหยาง ผู้เป็นชินอ๋องที่บ้าเลือดและน่าหวั่นเกรงผู้นั้น ทว่านางกลับมิได้รู้สึกหวาดกลัวเขาเลย กลับกัน... นางอยากจะรู้ว่าเขามีค่ามากพอที่นางจะใช้เป็นตัวหมากได้หรือไม่!"เจ้าร่ายรำได้หรือไม่""เพคะ หม่อมฉันถนัดร่ายรำและการเล่นผีผาเพคะ""ดี! เช่นนั้นเจ้าก็ร่ายรำให้ข้าดู""เพคะ"แม้จะแปลกใจกับการกระทำของเขา แต่เหมยซิงก็หาได้รู้สึกตกใจไม่ นางขยับตัวออกไปยืนตรงกลางโดยที่ผีผาได้ถูกนางคณิกาคนอื่นนำออกไปแล้ว ทันทีที่เสียงดนตรีขึ้น ร่างอรชรที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งภายใต้ชุดนางระบำที่เปิดเผยเนื้อหนังมังสาอย่างชัดเจน ก็ได้หมุนตัวไปตามจังหวะของเสียงดนตรีนั้นร่างกายของนางสอดประสานไปกับเสียงของดนตรีที่ดังก้องกังวานอย่างดงาม ท่วงท่าการร่ายรำมีทั้งความอ่อนช้อยและแข็งแรง พลิ้วไหวดั่งใบไผ่ที่ลู่ไปกับสายลมที่พัดโหมกระหน่ำดั่งพายุคลั่ง เห็นได้ชัดว่านางได้ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเว่ยสือหยางพลันกระตุกยิ้มเย็น ก่อนจะแกล้งโยนผลผิงกั่ว (แอปเปิล) ไปให้นาง หากเป็นสตรีธรรมดาจะตกใจและรีบหลบผลผิงกั่วทันที ทว่าสต

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   บทที่ 1 นางคณิกาจากหอหลันฮวา

    บทที่ 1นางคณิกาจากหอหลันฮวาจวนเจ้าเมืองเป่ยซีได้มีการจัดงานเลี้ยงรื่นเริงเพื่อต้อนรับชินอ๋องเว่ยสือหยาง แขกผู้สูงศักดิ์ที่จะมาประจำการยังแดนเหนือของพวกเขา ถึงแม้ว่าจะรู้สึกหวั่นเกรงกับชื่อเสียงของชินอ๋องมากเพียงใด ทว่าตัวเขากลับรู้สึกอุ่นใจมากกว่าเสียอีก ด้วยตั้งแต่ชินอ๋องมาที่นี่ พวกโจรป่าและชาวนอกด่านก็ไม่กล้าบุกเข้ามาทำร้ายชาวเมืองเป่ยซีอีกเลย"คารวะชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นเกียรติมากที่ได้มีโอกาสรับใช้ชินอ๋องผู้ห้าวหาญของแคว้นเว่ยของเรา วันนี้กระหม่อมจึงบังอาจขออนุญาตจัดงานเลี้ยงต้อนรับชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ" 'อี้ไฉ' ท่านเจ้าเมืองผู้อยู่ในวัย 40 กว่าปี ใบหน้าอวบอิ่มยิ้มแก้มปริด้วยความยินดียิ่ง ในตอนที่เขาขยับกายไปมาดูคล้ายกับก้อนซาลาเปาเดินได้ด้วยรูปร่างที่อ้วนท้วนอุ้ยอ้าย ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเคยเป็นถึงนายกองคนสำคัญก่อนจะได้ถูกแต่งตั้งมาเป็นท่านเจ้าเมืองที่นี่ ผิดกับชาวบ้านในเมืองเป่ยซีที่ดูซูบผอมและใบหน้าอมทุกข์ มิรู้ว่าอี้ไฉผู้นี้ปกครองเมืองเป่ยซีอย่างไรกันแน่ เห็นทีเขาคงจะต้องลองสืบดูเสียหน่อยแล้ว"จัดงานได้ดี แต่ครั้งหน้าหากจะทำอะไรก็มาแจ้งข้าเสียก่อน ข้าไม่ชอบความวุ่นวายและไม

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   บทนำ

    บทนำเด็กน้อยในวันเพียง 7 ปีเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักของผู้เป็นมารดา ตั้งแต่นางจำความได้ไม่มีวันไหนที่ท่านแม่จะดุด่าหรือทุบตีนางเลยสักครั้งเดียว มีเพียงรอยยิ้มและน้ำเสียงอันอบอุ่นอ่อนโยนที่ดังก้องไปในจิตใจของเด็กน้อย ทว่าในทางกลับกันนางกลับเห็นท่านแม่แอบมานั่งร้องไห้คนเดียวอยู่บ่อยครั้ง สาเหตุก็เป็นเพราะบิดาผู้ให้กำเนิดนางนั้นเอง จนกระทั่งในวันที่อากาศสดชื่นแจ่มใส ท้องฟ้าปลอดโปร่งภายใต้แสงอาทิตย์อันอบอุ่นที่สาดแสงลงมา ตัวนางกลับต้องแยกจากอกของมารดา เพียงเพราะผู้เป็นใหญ่แห่งแว่นแคว้นเล็งเห็นว่าจะใช้นางให้เป็นประโยชน์ได้ เขาส่งนางไปฝึกให้เป็นสายลับที่พร้อมจะพลีชีพเพื่อแคว้นจ้าว! นับจากวันนั้นชีวิตอันเรียบง่ายของนางก็จบสิ้นลง มีเพียงต้องตื่นมาฝึกหนักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ หากนางทำไม่ดีหรือไม่เป็นที่น่าพอใจก็จะถูกลงโทษอย่างหนัก ซ้ำร้ายมารดาที่อยู่ไกลออกไปยังถูกลงโทษเสียด้วย ชีวิตของนางราวกับตกอยู่ในขุมนรก มีวันคืนที่แสนเลวร้ายจนอยากจะปลิดชีพของตัวเองในวัยที่ 10 แต่เพราะการได้พบหน้ามารดาอีกครั้งทำให้ความคิดของนางเปลี่ยนไป..."ซิงเอ๋อร์... อดทนไว้นะลูก อย่าได้ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของเรา แม่เชื่อว

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status