แชร์

บทที่ 1 นางคณิกาจากหอหลันฮวา

ผู้เขียน: กะปอมพ่นไฟ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-26 11:28:07

บทที่ 1

นางคณิกาจากหอหลันฮวา

จวนเจ้าเมืองเป่ยซีได้มีการจัดงานเลี้ยงรื่นเริงเพื่อต้อนรับชินอ๋องเว่ยสือหยาง แขกผู้สูงศักดิ์ที่จะมาประจำการยังแดนเหนือของพวกเขา ถึงแม้ว่าจะรู้สึกหวั่นเกรงกับชื่อเสียงของชินอ๋องมากเพียงใด ทว่าตัวเขากลับรู้สึกอุ่นใจมากกว่าเสียอีก ด้วยตั้งแต่ชินอ๋องมาที่นี่ พวกโจรป่าและชาวนอกด่านก็ไม่กล้าบุกเข้ามาทำร้ายชาวเมืองเป่ยซีอีกเลย

"คารวะชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นเกียรติมากที่ได้มีโอกาสรับใช้ชินอ๋องผู้ห้าวหาญของแคว้นเว่ยของเรา วันนี้กระหม่อมจึงบังอาจขออนุญาตจัดงานเลี้ยงต้อนรับชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ"

'อี้ไฉ' ท่านเจ้าเมืองผู้อยู่ในวัย 40 กว่าปี ใบหน้าอวบอิ่มยิ้มแก้มปริด้วยความยินดียิ่ง ในตอนที่เขาขยับกายไปมาดูคล้ายกับก้อนซาลาเปาเดินได้ด้วยรูปร่างที่อ้วนท้วนอุ้ยอ้าย ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเคยเป็นถึงนายกองคนสำคัญก่อนจะได้ถูกแต่งตั้งมาเป็นท่านเจ้าเมืองที่นี่ ผิดกับชาวบ้านในเมืองเป่ยซีที่ดูซูบผอมและใบหน้าอมทุกข์ มิรู้ว่าอี้ไฉผู้นี้ปกครองเมืองเป่ยซีอย่างไรกันแน่ เห็นทีเขาคงจะต้องลองสืบดูเสียหน่อยแล้ว

"จัดงานได้ดี แต่ครั้งหน้าหากจะทำอะไรก็มาแจ้งข้าเสียก่อน ข้าไม่ชอบความวุ่นวายและไม่ชอบพวกรู้มาก" น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

ใบหน้าคมไร้ระลอกคลื่นใดให้อี้ไฉได้สังเกตเห็น มีเพียงนัยน์ตาคู่ดำที่คมดุมองมาอย่างเฉยชาเท่านั้น ทว่าคำพูดเพียงประโยคเดียวของชินอ๋องกลับทำแข็งขาของเขาอ่อนแรงโดยพลัน

ไม่ได้การ! เขาจะต้องทำให้ชินอ๋องทรงพอพระทัยให้จงได้

"อะ เอ่อ เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นเชิญชินอ๋องนั่งตรงนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะให้นางคณิกามาร่ายรำเพื่อให้พระองค์ทรงสำราญพระทัยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"

"อืม"

เว่ยสือหยางนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงกลางที่ถูกจัดไว้เป็นอย่างดี ข้างกายมีสาวใช้ตัวน้อยที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มคอยรินสุราให้อย่างระวัง นางคอยสอดส่องมองดูด้านข้างที่หล่อเหลาคมคายของท่านอ๋องด้วยความรู้สึกตื่นเต้น หัวใจดวงน้อย ๆ พลันเต้นระริกเมื่อได้พบเจอกับผู้สูงศักดิ์ จะดีแค่ไหนกันหนอถ้านางได้ปรนนิบัติพระองค์ให้ค่ำคืนนี้... แค่คิดก็รู้สึกเนื้อเต้นไปทั้งตัวแล้ว

"หลิ่งเอ้อร์ ลากตัวนางออกไป!"

เว่ยสือหยางผู้รำคาญสายตาของสตรีเช่นนี้เอ่ยขึ้นด้วยความรำคาญใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเอ่ยคำสั่งเช่นนี้กับ 'หลิ่งเอ้อร์' มือขวาคนสนิทผู้พูดน้อยแต่ทำงานได้อย่างฉับไวนัก

"พ่ะย่ะค่ะ"

หลิ่งเอ้อร์ผู้เป็นน้องชายฝาแฝดของหลิ่งอี้เข้ามาลากแขนสาวใช้ผู้นั้นออกไปทันที ท่ามกลางความตื่นตกใจของทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ และก่อนที่สาวใช้ผู้นั้นจะทันได้โวยวายขอร้องอะไร หลิ่งเอ้อร์ก็ได้ใช้สันมือสับไปที่ต้นคอของนางให้สลบไปในทันที

"ชะ ชินอ๋อง นี่มันเรื่องอะไรกันพ่ะย่ะค่ะ" อี้ไฉหน้าตาเลิ่กลั่กด้วยความตกใจ

"ก็แค่ข้าไม่ชอบนาง"

เขาเอ่ยตอบเสียงเรียบ ก่อนจะเทสุราที่นางรินให้เขาทิ้งแล้วรินสุราให้กับตนเองใหม่ โดยไม่ได้สนใจสายตาของทุกคนที่มองมาด้วยความคาดไม่ถึงเลยสักนิดเดียว

ชินอ๋องผู้นี้ช่างสมกับที่ร่ำลือมาเลยจริง ๆ รู้จักแต่การฆ่าสังหาร ธรรมเนียมปฏิบัติอะไรเขาไม่เคยสนใจเลย ทว่าการกระทำของเขากลับเข้าไปสะกิดใจของสตรีนางน้อยผู้นั่งอยู่ด้านหน้าสุด นางเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้

"ปะ เป็นเช่นนั้นเอง เช่นนั้นชินอ๋องเชิญชมการแสดงของนางคณิกาอันเลื่องชื่อของเป่ยซีดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ"

อี้ไฉรีบพยักหน้าให้คนของตนทันที หากเขายังชักช้าเกรงว่าคงเป็นเขาเองนั่นแหละที่จะถูกลากตัวออกไปเสียเอง

หนึ่งชั่วยามก่อนงานเลี้ยงจะเริ่ม

รถม้าสองคันของหอหลันฮวา หอคณิกาชื่อดังของเมืองเป่ยซีได้เข้ามาจอดเทียบยังประตูข้างของจวนเจ้าเมือง บุรุษผู้เป็นคนดูแลความเรียบร้อยของหอหลันฮวากระโดดลงจากรถม้าเป็นคนแรก ก่อนจะยื่นมือให้สตรีผู้หนึ่งจับแล้วประคองนางเดินลงมาอย่างระมัดระวัง การกระทำของเขาช่างดูแปลกตานักในสายตาของคนในหอหลันฮวา

"ขอบคุณเจ้าค่ะ"

น้ำเสียงอันแว่วหวานดังขึ้นมาจากสตรีผู้มีผ้าคลุมหน้าอำพรางใบหน้าท่อนล่างเอาไว้ ทว่าผ้าคลุมหน้ากลับมิอาจเก็บงำความงดงามที่สาดแสงออกมาจากตัวนางได้เลย ไม่ว่าจะนัยน์ตาคู่สวยแวววาวดั่งดวงดาราที่เปล่งประกายระยิบระยับ กับท่วงท่าอรชรแบบบางเย้ายวนใจชาย กลิ่นกายหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์พลันลอยออกมาจากร่างของนาง เพียงแค่สูดดมก็รู้สึกร้อนรุ่มในทันใด

"ข้าจะรออยู่ด้านนอก หากเกิดอะไรขึ้นจงรีบหนีมาทางด้านนี้ อย่าได้ฝืนตัวเองเป็นอันขาดคนผู้นั้นอันตรายมาก"

ใบหน้าหล่อเหลาคล้ายกับคุณชายเจ้าสำอางเอ่ยย้ำกับสตรีด้านข้าง ในแววตาของเขามีความห่วงใยต่อนางยิ่งนัก แต่หน้าที่มิอาจหลีกหนีได้ทำได้เพียงช่วยเหลือนางอย่างลับ ๆ เท่านั้น

"ข้าไม่มีทางให้หนีหรอก จะอยู่หรือตายก็มีค่าเท่ากัน แต่ก็... ขอบคุณในความหวังดีของเจ้ามากนะอาจิน" นางแสยะยิ้มมุมปากด้วยท่าทีเฉยชา

ความตายไม่ได้น่ากลัวสำหรับนางเลย แต่เพราะนางยังมีคนข้างหลังที่ยังห่วงพะวงจึงมิอาจตายโดยง่าย และงานครั้งนี้จะทำให้นางได้รับอิสระอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะเชื่อในคำพูดของคนปลิ้นปล้อนผู้นั้นหรอก แต่เป็นเขา... คนที่ทุกคนต่างหวาดผวาและเป็นเป้าหมายของนาง!

"ระวังตัวด้วย"

"เข้าใจแล้ว"

นางก้าวเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับนางคณิกาคนอื่น ๆ ที่ถูกเชิญให้มาสร้างความสำราญให้กับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานในวันนี้ หญิงสาวผู้ได้กลายเป็นนางคณิกาชื่อดังของหอหลันฮวาเหยียดยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งรอยังห้องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ นางนั่งยังที่นั่งของตนด้วยท่าทีสงบ ทว่าหัวใจของนางกลับเต้นกระหน่ำราวกับพายุคลั่งเพราะความตื่นเต้นและกังวลใจ

'เจ้าทำได้เหมยซิง!'

นางภาวนากับตนเองในใจเพื่อเรียกสติให้คืนกลับมา คืนนี้จะเป็นการชี้ชะตาว่าทางที่นางก้าวเดินไปข้างหน้านั้นจะถูกต้องหรือไม่!

เมื่ออี้ไฉกล่าวต้อนรับชินอ๋องพอเป็นพิธีแล้ว นางคณิกาที่ถูกจ้างวานด้วยเงินจำนวนมากเยื้องกรายออกมาด้านหน้าตรงกลางห้องโถง พร้อมกับทำการแสดงอันงดงามตระการตา นางคณิกาทั้งสิบร่ายรำด้วยท่วงท่างดงามอ่อนช้อย ทว่าเย้ายวนใจชายปลุกเร้าอารมณ์กำหนัดให้กับพวกเขาที่วันนี้ภรรยาไม่ได้ติดตามมาด้วย

เสียงเครื่องดนตรีของผีผาเร่งเร้าอารมณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับร่างของพวกนางทั้งสิบที่หมุนตัวไปมาเผยให้เห็นท่อนขาอันเรียวยาว แขนเรียวเสลากรีดกรายไปตามท่วงทำนองอันไพเราะ ก่อนจะหมุนตัวไปมาแล้วจบท่าอย่างสมบูรณ์ สร้างความประทับใจให้กับเหล่าบุรุษยิ่งนัก

แปะ แปะ แปะ!

บุรุษที่อยู่ในห้องต่างตบมือเสียงดังสนั่นด้วยความชอบใจ มีไม่บ่อยนักที่พวกเขาจะได้เห็นนางคณิกาทั้งสิบออกมาร่ายรำอย่างงดงามเช่นนี้ นับว่าหอนางโลมในเมืองเป่ยซีมีฝีมือไม่น้อยที่สั่งสอนพวกนางจนมีความสามารถโดดเด่น โดยเฉพาะนางคณิกาผู้ที่ยืนอยู่หลังฉากกั้นด้านหลังที่บรรเลงผีผา เสียงดนตรีของนางมีทั้งความฮึกเหิมและยังปลุกเร้าอารมณ์ของพวกเขาไปด้วย

"ตกรางวัล!" เว่ยสือหยางเอ่ยบอกหลิ่งเอ้อร์เสียงดัง

"พ่ะย่ะค่ะ"

เหล่านางคณิกาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มแก้มปริ เหม่อมองบุรุษสูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ตรงกลางด้วยความดีใจ ทั้งยังอยากจะได้รับโอกาสเข้าไปปรนนิบัติพระองค์เสียด้วย

"เจ้าน่ะ! ออกมานี่สิ"

เว่ยสือหยางชี้นิ้วไปยังสตรีที่อยู่หลังฉากกั้น นางทำตัวลึกลับชวนให้เขาอยากจะค้นหา ถ้านี่คือสิ่งที่นางต้องการก็คงต้องบอกว่านางคิดถูกเสียแล้ว เขากำลังรู้สึกสงสัยใคร่รู้ในตัวนางยิ่งนัก!

"เพคะ"

เหมยซิงผู้บรรเลงผีผาก้าวออกมาจากหลังฉากกั้น นางยอบกายคารวะเว่ยสือหยางด้วยความนอบน้อม กิริยาของนางดูงดงามสง่างามเกินกว่าจะบอกว่าเป็นเพียงนางคณิกา หากมีใครบอกว่านางเกิดในตระกูลสูงศักดิ์เขาก็เชื่อ!

"เหตุใดถึงปิดบังใบหน้าของตนเอง" คิ้วกระบี่ขมวดมุ่น นางทำตัวลึกลับเกินไปนัก

"ทูลชินอ๋อง หม่อมฉันมีผดผื่นแดงขึ้นที่ใบหน้าเพคะ เกรงว่าจะทำให้แขกในงานและชินอ๋องต้องระคายสายตาจึงได้ใช้ผ้าคลุมหน้าปิดบังเอาไว้เพคะ"

ดวงตาคู่คมหรี่มองสตรีตรงหน้า ทั้งที่เขาใช้น้ำเสียงกดข่มถึงเพียงนี้แต่นางกลับยืนสงบนิ่ง หรือสายลับผู้นั้นที่แคว้นจ้าวส่งมาจะเป็นนาง... น่าสนใจนัก!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   ตอนพิเศษ 2 เมิ่งเอ๋อร์

    ตอนพิเศษ 2เมิ่งเอ๋อร์เหมยซิงต้องมาอยู่ไฟในห้องด้านข้างเพื่อปรับสมดุลร่างกายที่เพิ่งผ่านการคลอดบุตร ทว่าในทุกวันเว่ยสือหยางจะอุ้มบุตรสาวตัวน้อยมาหานาง เพื่อมาดื่มน้ำนมจากอกของนางทุก ๆ 1 ชั่วยาม (2 ชั่วโมง) หลังจากนั้นก็จะส่งเว่ยซิงเมิ่งให้กับแม่นมไปดูแลต่อ ส่วนเว่ยสือหยางก็จะอยู่เป็นเพื่อนเหมยซิง พูดคุยกับนางเพื่อให้คลายความเหงาลง"พรุ่งนี้ท่านหมอเทวดาและท่านแม่ยายก็น่าจะเดินทางมาถึงแล้วล่ะ พี่ได้ส่งคนไปคอยรับพวกท่านทั้งสองแล้ว""ขอบพระทัยเพคะเสด็จพี่ ยังคงเป็นเสด็จที่นึกถึงข้าเสมอมา""ก็เจ้าเป็นคนที่พี่รักอย่างไรเล่า ตอนนี้เจ้าคงอยากจะพบหน้าท่านแม่ยายมากที่สุดใช่หรือไม่ รออีกนิดนะซิงเอ๋อร์""เพคะเสด็จพี่ ว่าแต่... ไทเฮาก็ยังทรงประทับที่จวนของเราหรือเพคะ นี่ก็นานกว่าสิบวันแล้วนะเพคะ""หึ ๆ เห็นทีไทเฮาจะทรงมาเป็นแขกของจวนเราไปอีกนานเลยล่ะ พระนางทรงเอ็นดูเมิ่งเอ๋อร์ของเรามากเหลือเกิน ในทุกวันจะต้องไปที่ห้องของเมิ่งเอ๋อร์เพื่อพูดคุยหยอกล้อ แม้ส่วนมากเมิ่งเอ๋อร์จะนอนหลับก็ตาม" ใบหน้าหวานพลันคลี่ยิ้มหวานเมื่อรู้เช่นนี้ "ทำไมหม่อมฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองจะถูกแย่งบุตรสาวไปเลยล่ะเพคะ" นางเอ่ย

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   ตอนพิเศษ 1 ดวงใจของทุกคน

    ตอนพิเศษ 1ดวงใจของทุกคนท้องของเหมยซิงโตขึ้นมากทุกวัน จนตอนนี้ก็ใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว เจิ้งไทเฮาได้ส่งหมอหญิงที่มีฝีมือดีในการทำคลอดมาที่จวนชินอ๋อง ในขณะที่กู้ฮองเฮาได้ส่งนางกำนัลให้มาช่วยดูแลเหมยซิงทุกฝีก้าว การดูแลเหมยซิงที่ท้องแก่จะต้องระวังทุกฝีก้าวย่าง จะให้ผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด "โอ๊ย! ข้าเจ็บท้องเหลือเกินจูจู" เหมยซิงจับท้องของตนเมื่อรู้สึกถึงความปวดหน่วงตรงท้อง ใบหน้าหวานขมวดมุ่นด้วยความทรมานที่เคยพานพบเป็นครั้งแรก "พระชายาจะคลอดแล้วหรือเพคะ มะ หม่อมฉันจะรีบไปทูลท่านอ๋องเพคะ"จูจูรีบวิ่งไปบอกกับท่านหลิ่งเอ้อร์ให้ไปส่งข่าวท่านอ๋องที่อยู่ในท้องพระโรงทันที ในขณะที่นางกำนัลของกู้ฮองเฮาก็เข้ามาประคองเหมยซิงไปยังห้องทำคลอด โดยมีท่านหมอหญิงรีบเข้ามาดูอาการโดยไวหลังจากนั้นภายในจวนชินอ๋องก็ได้ตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวาย บ่าวไพร่ในจวนต่างมายืนรอกันอยู่หน้าเรือนของเหมยซิง เฝ้ารอที่จะร่วมยินดีกับการให้กำเนิดท่านชายหรือท่านหญิงน้อยเว่ยสือหยางที่ทราบข่าวก็รีบตรงดิ่งกลับจวนทันที ถึงแม้ว่าในขณะนั้นในท้องพระโรงกำลังประชุมเรื่องสำคัญ ทว่าเขาหาได้สนใจไม่ ซึ่งเว่ยเฟยอวี่ก็ได้สั่งให้เลิกประชุ

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายหลังจากงานแต่งงานไม่กี่วัน ก็มีเหตุให้เว่ยสือหยางต้องเร่งเดินทางไปยังแคว้นเซี่ย เพื่อไปช่วยศิษย์น้องเล็กทำสงครามกับพวกไม่กลัวตาย กล้าดีอย่างไรถึงกล้ามาชิงสตรีในดวงใจของเซี่ยหย่งจื้อช่างไม่กลัวตายเสียเลย!หลายเดือนต่อมากองทัพของชินอ๋องได้เดินทางเข้าสู่เมืองหลวงหลังจากที่ใช้ระยะเวลาเกือบสามเดือน ทั้งที่ความจริงควรจะถึงตั้งแต่เดือนที่แล้วทว่าเพราะเว่ยสือหยางเป็นห่วงเหมยซิงและท่านแม่ยาย จึงได้ระมัดระวังเป็นพิเศษ อีกทั้งตัวของเหมยซิงก็มีอาการไม่สู้ดีนัก เขาผู้เป็นสามีก็ต้องดูแลนางให้ดีที่สุด"ในที่สุดเจ้าก็มาถึงสักทีนะอาหยาง ข้ารอเจ้ามาหลายเดือนแล้ว เสด็จแม่เองก็ทรงบ่นหาเจ้าทุกวันจนข้าตอบไม่ถูกแล้ว"'เว่ยเฟยอวี่' ฮ่องเต้แห่งแคว้นเว่ย ผู้เป็นพระเชษฐาต่างมารดาของเว่ยสือหยาง ถึงแม้ว่าไทเฮาผู้เป็นพระมารดาของฮ่องเต้จะไม่ใช่มารดาแท้ ๆ ของเว่ยสือหยาง แต่เพราะรับเลี้ยงเว่ยสือหยางมาตั้งแต่เยาว์วัย จึงรักใคร่มิต่างจากบุตรชายตนเอง อีกทั้งเว่ยเฟยอวี่ก็ทรงรักเอ็นดูน้องชายผู้นี้เป็นอย่างมาก"ขออภัยฝ่าบาทที่กระหม่อมเดินทางมาถึงล่าช้าพ่ะย่ะค่ะ"เว่ยเฟยอวี่โบกมือให้เว่ยสือหยางลุกขึ้น ที่พระองค

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   บทที่ 30 ชุดเจ้าสาวที่เปื้อนเลือด

    บทที่ 30ชุดเจ้าสาวที่เปื้อนเลือดฉินจินมิอาจรับความจริงในเรื่องนี้ได้ ตัวเขารู้สึกสมเพชตัวเองยิ่งนัก ทว่าความรู้สึกที่เด่นชัดมากที่สุดคือความโกรธ ที่เหมยซิงมาล่วงรู้ความในใจของตน"เจ้าไม่คิดจะรักข้าใช่หรือไม่""ใช่! คนเดียวที่ข้ารักคือท่านอ๋อง และจะเป็นท่านอ๋องตลอดไป""ดี ดีมาก... เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เจ้าเสียใจไปตลอดกาลที่มาทำร้ายความรู้สึกของข้าเช่นนี้ ย๊ากกก!"ดาบในฝักถูกควักออกมาฟาดฟันใส่ร่างของเหมยซิงด้วยความรุนแรง ทว่าตัวนางที่ได้รับคำชื่นชมเรื่องวรยุทธ์ในหมู่สายลับ จะพลาดท่าให้กับฉินจินในดาบเดียวได้อย่างไร "หึ! ฝีมือเจ้าต่ำกว่าข้ามากนักฉินจิน"ร่างบอบบางเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ทว่ากลับพลิ้วไหวดุจดั่งสายลมในวสันต์ฤดู ตัวนางดีดกายหลบการโจมตีทุกกระบวนท่าของฉินจินได้ทั้งหมด ก่อนที่มีดสั้นในมือจะเขวี้ยงเข้าใส่จุดตายของฉินจิน แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้อ่อนด้อยถึงเพียงนั้น "ใช่ ข้ายอมรับว่าข้าสู้เจ้าไม่ได้"ใบหน้าอันหล่อเหลาของฉินจินผุดยิ้มร้าย ก่อนจะสาดผงสลายลมปราณเข้าใส่ร่างของเหมยซิงอย่างรวดเร็ว เหมยซิงที่ระวังตัวอยู่ก่อนแล้วหมุนตัวหลบออกไปได้ทัน แต่เพราะสายลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   บทที่ 29 แหย่หนวดพยัคฆ์

    บทที่ 29แหย่หนวดพยัคฆ์หลังจากเสร็จสิ้นพิธีเช้าในการคำนับฟ้าดินและพ่อแม่แล้ว เหมยซิงก็ถูกแม่สื่อพาตัวไปนั่งรออยู่ในห้องหอ ในขณะที่เว่ยสือหยางจำต้องไปดื่มสุรากับแขกที่มาร่วมงาน ซึ่งงานนี้โจวหมิงลู่ได้เป็นตัวตั้งตัวตีในการขอคารวะจอกสุรากับเว่ยสือหยางไปหลายจอก ด้วยตัวเองก็รู้สึกหมั่นไส้ท่านอ๋องผู้นี้ไม่น้อยเลยทางด้านเหมยซิงที่นั่งรออยู่ในห้องหอนั้น โดยมีจูจูผู้บัดนี้ได้กลายมาเป็นสาวใช้ข้างกายของนางแล้ว สาวใช้ตัวน้อยเดินถือถาดอาหารของว่างเข้ามา ด้วยกลัวว่าผู้เป็นนายจะรอนานจนหิว "พระชายาทรงหิวหรือไม่เพคะ หม่อมฉันได้ให้คนครัวจัดทำน้ำแกงปลามาให้เพคะ และยังมีขนมดอกกุ้ยฮวาด้วยนะเพคะ"เหมยซิงคลี่ยิ้มบางด้วยความขอบคุณ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเพื่อทานอาหารรองท้อง ในตอนที่นางกำลังตักอาหารเข้าปาก สัมผัสอันว่องไวพลันได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากบนหลังคา เหมยซิงวางช้อนลงบนโต๊ะ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วจุ่มลงไปในถ้วยน้ำชา เขียนอักษรให้จูจูได้อ่าน 'มีคนร้าย ไปตามท่านอ๋อง'นับว่าไม่เสียแรงที่เหมยซิงเคยสอนตัวอักษรให้กับจูจู และอีกฝ่ายก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วนัก "เอ่อ พระชายาอยากได้สิ่งใดอีกหรือไม่เพคะ" จูจูพยายามไม่

  • สตรีอุ่นเตียงของแม่ทัพบ้าเลือด   บทที่ 28 แก้วตาดวงใจ

    บทที่ 28แก้วตาดวงใจจวนเจ้าเมืองเป่ยซีหานซีอิ๋งผู้เป็นมารดาของเหมยซิงกำลังบรรจงปักปิ่นทองระย้า อันเป็นปิ่นที่สืบทอดมาจากคนตระกูลหานลงบนมวยผมของเหมยซิงด้วยความตื้นตันใจ ทุกคราที่มองปิ่นปักผมอันนี้ นางจะคิดถึงวันที่ท่านพ่อปักปิ่นให้นางในวันที่ถูกส่งตัวเข้าสู่วังหลังของจ้าวเทียน เพราะสูญเสียมารดาไปตั้งแต่ยังเยาว์วัย นางจึงมีเพียงท่านพ่อที่อยู่ข้างกายนางมาโดยตลอด"ซิงเอ๋อร์ของแม่งามมากเหลือเกิน หากท่านตายังอยู่คงจะดีใจกับเจ้าอย่างแน่นอน" หานซีอิ๋งถอยออกมาพินิจดูบุตรสาวที่แต่งกายด้วยชุดมงคลสีแดงสดอย่างงดงาม ดวงตาคู่สวยที่เหมือนกับบุตรสาวเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ นางดีใจที่บุตรสาวสามารถแต่งงานกับบุรุษที่รักได้อย่างภาคภูมิ ถึงแม้ตัวนางจะไม่ได้มีโอกาสนั้น ทว่าขอเพียงได้ยืนส่งบุตรสาวขึ้นเกี้ยวมงคลแปดคนหามนางก็ดีใจแล้ว"ท่านแม่คิดถึงท่านตามากเลยใช่หรือไม่เจ้าคะ" เหมยซิงเอื้อมมือไปจับมือมารดาเพื่อปลอบประโลมหานซีอิ๋งพยักหน้ารับว่าตนคิดถึงบิดาจริง ๆ เมื่อเห็นว่าบุตรสาวมีสีหน้าเป็นกังวลนางจึงคลี่ยิ้มหวาน วันมงคลของบุตรสาวจะมาคิดเรื่องที่ทำให้จิตใจเศร้าหมองไม่ได้"ยามนี้ไม่เช้าแล้ว เราอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status