Masuk“อยู่นี่จริงๆด้วย” ปลายน้ำเสียงติดเหวี่ยงเล็กน้อยของหญิงสาวรูปร่างผอมเพรียว ในชุดเดรสรัดรูปสีดำ ผมยาวปล่อยสบาย ฉีดน้ำหอมจนฟุ้งแสบจมูก ลุคเปรี้ยวเข็ดฟัน ดวงตากลมโตปัดมาสคาร่าจนงอนยาวหรี่มองหล่อนอย่างไม่เป็นมิตรจนรู้สึกได้ ส่วนผู้หญิงอีกคนดูแตกต่างด้วยเสื้อผ้าที่ใส่เน้นโทนสีหวานสดใส เสื้อยืดพอดีตัวสีขาวกับกางเกงขายาวสีครีม รองเท้าหนังสีขาวมีลายแบรนด์ยี่ห้อดัง จ้องมองเธอด้วยดวงตาวาววับไม่พอใจเฉกเช่นเดียวกัน
“คุณมาหาใครคะ”
“หาเธอนั่นล่ะ” รัญลฎาผงะกับถ้อยคำที่หลุดออกจากปากของหญิงสาวหน้าตาสวย
“หาฉัน? มีธุระอะไรเหรอคะ?” หล่อนทวนคำด้วยความแปลกใจ จำไม่เคยได้ด้วยซ้ำว่าไปรู้จักผู้หญิงสองคนนี้ที่ไหนมาก่อน แต่เมื่อเพ่งสายตาดีๆ ผู้หญิงที่แลดูเปรี้ยว โฉบเฉี่ยวกว่าก็ดูคุ้นตาไม่น้อยเหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่งแต่ให้นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“ทำไมเธอมาอยู่ในห้องของพี่พอร์ช” ผู้หญิงที่ดูเรียบร้อยกว่า เอ่ยถามเสียงเย็น แววตาจ้องมองบอกให้รู้ถึงความเกลียดชัง ขณะที่ถือวิสาสะเดินชนไหล่หญิงสาวที่ถือครองเป็นเจ้าของในเวลานี้ผ่านเข้ามาในห้องหน้าตาเฉย สายตากวาดมองไปทั่วห้องอย่างพินิจพิจารณา ในขณะที่อีกคนก็ทำในลักษณะคล้ายกัน เดินชนไหล่รัญลฎาจนเซ แล้วกรีดกรายเดินเข้ามาในห้องชุดสุดหรูอย่างถือวิสาสะ
“ฉันกำลังคบกับเขาอยู่ พวกคุณมีอะไรหรือเปล่าคะ” เมื่ออีกฝ่ายไม่มีมารยาท เธอเองก็ไม่ควรจะไปพูดดีด้วย ตอบกลับเสียงห้วน ไม่พอใจเช่นกัน ทว่าอีกฝ่ายกับแค่นหัวเราะ สีหน้าคล้ายหยันเมื่อได้ยินคำนั้นออกจากปากของเธอ
“แน่ใจเหรอ ว่าเขาคบกับเธอ...ที่ฉันได้ยินมา คือเขาบอกว่า...เขาโสดนะ...เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” แคทเอ่ยขึ้น มองสบตาหญิงที่อ้างตัวว่าคบหากับเพื่อนแฟนตัวเองอย่างสมเพช
“แล้วพวกคุณเป็นใคร มายุ่งอะไรกับความสัมพันธ์ของฉันกับเขา” แม้จะโกรธจนตัวสั่น น้ำเสียงสั่นเครือ จนอยากจะร้องไห้แต่เธอก็เพียรกลั้นมันไว้
“หึ...เธอไม่ต้องรู้จักฉันหรอก แต่เธอควรรู้จักผู้หญิงคนนี้ไว้ก็ดีนะ...นี่มุกรดา คนรักเก่าของพี่พอร์ช แล้วก็กำลังจะกลับมาคบกันอีก รู้ไว้ด้วย...เจ้าของเขากลับมาทวงของแล้ว เธอควรรู้นะว่าต้องทำยังไง...ผู้ชายไม่เคยให้เกียรติบอกว่าคบด้วยสักนิด ยังมาลอยหน้าลอยตาบอกว่าคบกับเขาอีก หน้าด้านนะเธอ”
“อย่ามาพูดจาไร้สาระที่นี่นะ...พวกคุณออกไปจากห้องฉันได้ละ”
“แน่ใจเหรอว่านี่ห้องเธอ ที่ฉันจำได้ ห้องนี้เป็นห้องของพี่พอร์ช และฉันก็เคยมาที่นี่หลายครั้งแล้วด้วย เธอต่างหากล่ะ ที่ต้องเป็นคนออกไปจากห้องนี้ ไม่ใช่ฉัน”
“วันนี้พวกฉันสองคนไม่ได้จะมาหาเรื่องเธอหรอกนะ...ฉันรู้ว่าเธอไม่เคยรู้เรื่องที่พี่พอร์ชจะกลับไปคบกับมุกเพื่อนฉัน วันนี้ฉันเลยต้องมาบอกเธอด้วยตัวเองไงล่ะ อย่างน้อยก็ผู้หญิงด้วยกัน เธอจะได้เตรียมตัวเตรียมใจ ย้ายออกไปจากที่นี่ซะ อย่าอยู่เป็นมือที่สามคอยขวางความรักคนอื่นอยู่เลย”
“แล้วฉันจะเชื่อพวกคุณได้ยังไง ในเมื่ออยู่ๆพวกคุณก็บุกเข้ามา กล่าวอ้างลอยๆแบบเนี่ย” ย้อนถามด้วยเสียงสั่นเครือ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่อ่อนแอ ไม่ให้น้ำตารินไหลให้ผู้หญิงสองคนตรงหน้าเยาะเย้ยได้อีก
“ไม่เชื่องั้นเหรอ หึ” มุกรดายกยิ้มมุมปาก สายตาที่มองสบคล้ายกับเยาะเย้ยให้กับความโง่เขลาของเธอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขโทรหาใครอีกคน พร้อมกับเปิดลำโพงให้เสียงนั้นดังได้ยินทั่วกัน
‘ว่าไงครับมุก’
“ตอนนี้พี่พอร์ชอยู่ที่ไหนเหรอคะ”
‘อยู่ที่โรงแรมครับ มีอะไรหรือเปล่า’
“ค่ำนี้เรามีนัดกันนะคะ มุกแค่มาเตือนกลัวพี่พอร์ชลืมนัดมุก”
‘หึหึ พี่ไม่ลืมหรอก ขืนลืม พวกธารามันก็บุกมาลากพี่ไปอยู่ดี’ เขาตอบอย่างอารมณ์ดีน้ำเสียงเจือหัวเราะ ยิ่งทำให้หัวใจของรัญลฎาเจ็บปวด จนแทบพูดอะไรไม่ออก ทีกับหล่อนเขากลับทำน้ำเสียงเย็นชา ไม่สบอารมณ์ทุกครั้งที่โทรหา แต่กลับผู้หญิงคนนี้เขากลับพูดจาดีอ่อนโยนราวกับมีความสุขอยู่ตลอดเวลา
“โอเคค่ะ งั้นเย็นนี้เจอกันนะคะ”
‘ครับ’ หญิงสาวแสร้งหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะตัดบทกดวางสายทันที
มุกรดาแค่นยิ้มหลังจากกวาดสายตามองสำรวจของหญิงสาวตรงหน้าขำขันจนหัวเราะออกมาเบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงติดเยาะเล็กน้อย
“หึ แต่งตัวสวยขนาดเนี่ย ไปไหนเหรอจ๊ะ...อย่าบอกนะว่าวันนี้เธอมีนัดกับพี่พอร์ช” หญิงสาวยืนตัวสั่นน้ำตาคลอ เมื่อครู่เธอได้ยินชัดทุกถ้อยคำ เขานัดเธอแล้วแต่ทำไมยังไปนัดรับคนอื่นอีก
“ถ้าเธอคิดว่าเธอแน่นัก ลองพนันดูไหมล่ะ ว่าระหว่างเธอกับฉัน พี่พอร์ชจะเลือกใคร” มุกรดายกยิ้มอย่างคนที่คิดว่าถือไพ่เหนือกว่า เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ารัญลฎา แววตาท้าทายอย่างคนที่คิดว่าตนเองมีแต้มต่อในขณะที่ผู้หญิงตรงหน้าแทบไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกกลัวเกรงเลยสักนิด
“หรือเธอไม่กล้า” แคทได้ทีรีบผสมโรง หรี่ตามองด้วยสายหยามหยัน ต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ข่มความรู้สึกตัวเองไว้ หล่อนทั้งเจ็บใจ ทั้งโกรธทั้งโมโห แต่ก็ทำได้แค่เพียงระงับความรู้สึกนั้นไว้ แววตาวาววับด้วยหยาดน้ำที่พยายามอดกลั้นอย่างสุดกำลังเพราะไม่อยากอ่อนแอให้อีกฝ่ายหัวเราะมากขึ้นไปอีก เค้นเสียงต่ำไม่ให้สั่นเครือ
“คุณสองคน ออกไปจากห้องนี้ได้ล่ะค่ะ”
“จ้า...จ้า พวกฉันออกเดี๋ยวนี้แหละ...เชิญเธออยู่ในห้องนี้ต่อไปเถอะนะ แต่คงอยู่ได้ไม่นานหรอก เพราะครั้งหน้าเพื่อนฉันจะมาไล่เธอออกไปเอง” แคทพูดเสียงดัง ก่อนจะหัวเราะร่วนออกมาอย่างชอบใจ เดินควงแขนเพื่อนรัก
“อุ้ยลืมเลย” หญิงสาวทำเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“อะไรเหรอมุก” แคทหันหน้าเพื่อนอย่างแปลกใจ
“ลืมบอกชื่อร้านน่ะ วันนี้เราจะไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่ร้านอาหารของพี่พอร์ชนะ รู้ใช่ไหมว่าร้านของพี่พอร์ชอยู่ไหน...ให้ฉันส่งโลเคชั่นให้ไหมจ๊ะ จะได้ไม่ต้องงมหานานเดี๋ยวจะเสียเวลา”
“บอกชื่อร้านไปก็พอมุก...นางคงรู้อยู่แล้วล่ะ ว่าร้านของพี่พอร์ช อยู่ที่ไหนก็เขาเป็นแฟนกันนี่เน๊อะ ฮ่า” ลูกผสมได้ทีเย้ยใส่อย่างคนที่คิดว่าเหนือกว่า ควงแขนพากันเดินออกจากห้องด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ เสียงฮัมเพลงดังไล่หลังจน รัญลฎาต้องรีบปิดประตูเสียงดังลั่นกลบทุกสิ่ง ทุกความรู้สึก หล่อนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน ขาทั้งสองข้างราวกับไร้เรี่ยวแรงที่จะก้าวเดินยืนหอบหายใจแรง หยดน้ำตาร่วงเผาะอาบแก้ม
ร้านอาหารของพี่พอร์ชอย่างนั้นเหรอ...ทำไมเธอถึงไม่เคยรู้มาก่อน ว่าพี่เขามีร้านอาหารด้วย เขาไม่ให้เธอรู้อะไรเกี่ยวกับเขาสักอย่าง แม้กระทั่งเรื่องที่เขาทำ!
เขาจะทำอะไร ที่ไหน กับใคร เขาไม่เคยบอก ไม่เคยปรึกษา หากจะเล่าก็เล่าเพียงผ่านๆไม่เคยลงรายละเอียดอะไรให้เธอรู้ แต่ผู้หญิงคนนั้นรู้ รู้ทุกอย่าง
ตอนพิเศษ 5 แสงสีทองในเวลาเย็นสาดส่องกระทบผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับจับนัยน์ตา สองพ่อลูกที่กำลังนั่งเล่นอยู่ที่ริมชายหาด โดยที่คนเป็นพ่อ ยอมนอนให้ลูกสาวขุดหลุมฝั่งตัวเองไปเกือบครึ่งตัว เสียงหัวเราะคิกคักชอบใจดังจากสาวน้อยในชุดว่ายน้ำลวดลายสตอเบอรี่ ทักเปียสองข้างนั่งหยองๆโยนกองทรายใส่คนเป็นพ่อ “น้องเพิร์ล เล่นนานแล้วนะคะ หิวหรือยังลูก” เสียงหวานเอ่ยถามจากคนเป็นแม่ ทำให้สาวน้อยหันไปมองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสนใจตักทรายใส่กระบะแล้วยกมาวางใส่พ่อหน้าตาเฉย “น้องเพิร์ล แม่เรียกแล้วนะคะ ทำไมหนูไม่ตอบล่ะลูก” คนเป็นพ่อถามด้วยความเอ็นดู วางมือลงบนผมของลูกน้อย “เพิลเย่นอยู่ค่า”
ตอนพิเศษ4 “ทำอะไรอยู่คะคนเก่ง” เสียงทุ้มห้าวของพ่อทูนหัวที่หอบหิ้วถุงมากมายเต็มสองมือเข้ามาในบ้านที่มีเด็กน้อยกำลังง่วนอยู่กับเล่นของเล่นตัวต่ออยู่ในคอกเด็ก “ป้อเขม” เสียงใสร้องเรียกคนมาใหม่ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ พลางลุกเดินเข้าไปหา ชูสองมือให้เขาอุ้มมากอดไว้แนบอก “คิดถึงกันบ้างไหมคะ” “คิดถึงค่ะ คิดถึงป้อเขมที่ฉุดเยย” “อยากรู้ไหม...วันนี้พ่อซื้ออะไรมาให้หนูด้วย” “อาไยคะ”สาวน้อยเอียงคอถาม ด้วยความสงสัย&nbs
ตอนพิเศษ3 อากาศในยามเช้าหลังฝนเพิ่งหยุดโปรยปรายไปไม่นาน กลิ่นชื้นของไอดินกับบรรยากาศหลังฝนตก พลอยทำให้อากาศเช้านี้สดชื่นกว่าทุกวัน เด็กน้อยไร้เดียงสาในเปลนอนถูกคนเป็นแม่ใช้มือโยกเบาๆ เพื่อให้สาวน้อยแก้มกลมนอนหลับได้ยาวนานและสบายตัวขึ้น “วันนี้บัวจะทานข้าวเช้าอะไรดีหื้อ เดี๋ยวพี่ลงไปทำให้” ชายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างสูงยังพันเพียงผ้าเช็ดตัวเผยช่วงบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ที่ทำให้คนเป็นภรรยาได้มองกี่ครั้งก็อดหายใจไม่ทั่วไม่ได้ หยดน้ำยังพราวทั่วตัว กลิ่นหอมสะอาดสดชื่นของคนเป็นสามีลอยแตะจมูก ก่อนจะเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้ โน้มหน้ากดจูบที่ริมฝีปากบางเบาๆ “อะไรก็ได้ค่ะ พี่พอร์ชทำอะไรก็อร่อยทั้งนั้น บัวชอบ” “หึหึ วันก่อนน้องเพิร
ตอนพิเศษ2 จวบจนถึงเวลาเข้าหอ ที่เป็นพิธีการแบบเรียบง่ายมีผู้ใหญ่ของฝ่ายชายและเขมกรที่หญิงสาวเคารพดุจพี่ชายแท้ๆ มานั่งในห้องหอเพื่อให้พร และให้คู่สมรสที่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่อย่างท่านนายพลพัชระและคุณหญิงภารดี ขึ้นนอนบนเตียง แล้วกล่าวคำอวยพรก็ถือว่าสิ้นสุดงานในค่ำคืนนี้ เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นติดๆกันหลายครั้ง ทำให้ระหว่างคิ้วของหญิงสาวย่นหากันด้วยความแปลกใจ สายตาเหลือบมองไปยังคนเป็นสามีที่เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากที่ให้เธอได้ทำธุระส่วนตัวก่อนจนเสร็จแล้วมานอนรอบนเตียง ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้หญิงนิ่งไปเล็กน้อย ‘มุกรดา’ ริมฝีปากบางเม้มแน่นเริ่มเป็นกังวล ระคนหึง
ตอนพิเศษ1 งานแต่งงานจัดขึ้นแบบเรียบง่าย บรรยากาศสบายๆ เชิญแขกไม่กี่สิบคน เฉพาะคนที่สนิทสนมรักใคร่ โดยใช้สถานที่ริมชายหาดของโรงแรมสิริมันตราบีช โดยมีเจ้าของโรงแรมคอยเป็นพ่องานดูแลให้ทุกอย่าง จนออกมาดีและได้รับแต่เสียงชื่นชม “บัวขอบคุณพี่เขมมากนะคะ สำหรับทุกอย่างที่ทำให้บัว” “ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าเป็นของขวัญที่พี่จะมอบให้น้องสาวของพี่” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางสบตาเจ้าบ่าวที่ยืนโอบไหล่หญิงสาวที่เขาทั้งรักทั้งหวงแหนมากที่สุดยามนี้ “ฝากน้องสาวคนนี้ด้วยนะครับ หวังว่าคุณคงไม่ทำให้ผมผิดหวัง” “ไม่แน่นอนครับ” ชายหนุ่มยืนยันรับคำหนักแน่น หันมอง
บทส่งท้ายมื้อเย็นสำหรับวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน เพราะเป็นวันที่ทุกคนได้พบปะหน้าตากันและอยู่กันพร้อมหน้า โดยมีสมาชิกพิเศษสองคนคือธาราและ เขมกร ส่วนมุกรดาหลังจากรับรู้ความจริง ว่าเธอต้องพลาดหวังจากชายที่ตนรัก จึงรีบตีตั๋วกรุงเทพในเย็นวันนั้นเลยโดยมีแคทเพื่อนสาวคนสนิท นั่งเครื่องบินกลับไปเป็นเพื่อนด้วยนายหัวแห่งสิริมันตราบีช จึงจัดห้องอาหารส่วนตัวเป็นพิเศษไว้รอต้อนรับ พร้อมกับอาหารมากมายหลากหลายเมนูจัดวางไว้อย่างสวยงามน่ารักประทาน“อุ้ยน้องเพิร์ล ไม่เล่นของกินนะลูก ค่อยๆทานนะคะ” รัญลฎารีบคว้ามือลูกสาวที่กำลังยื่นมือไปตะปบจานอาหารตรงหน้าจนต้องรีบยกหนี เธอหยิบเนื้อกุ้งที่คนเป็นพ่อแกะไว้ให้เรียบร้อยแล้วยื่นใส่มือให้แทน“จริงสิ ทำไมยังไม่มีคนยกเก้าอี้น้องเพิร์ลมาอีก” เขมกรที่เหมือนนึกขึ้นได้ว่าลูกสาวคนโปรดยังไม่ได้นั่งเก้าอี้ประจำตัวเลยต้องนั่งตักคนเป็นแม่ หันไปหาลูกน้องที่ยืนอยู่บริเวณนั้นเพื่อสั่งให้รีบยกเก้าอี้เด็กประจำตัวของสาวน้อยมาให้“เล่นน้ำเพลินจนเหนื่อย เลยหิวน่ะสิ” คุณหญิงภารดีเอ่ยด้วย







