เสี่ยวเจิ้งยิ้มส่งสัญญาณมือแสดงความขอบคุณ
“หยวนกังรับคำสั่ง ต่อไปคุณหนูให้เรียกคุณหนูเจิ้งเหม่ยอิง และเชื่อฟังคำสั่งคุณหนูเหมือนดังคำสั่งของข้า”
"น้อมรับคำสั่งท่านอ๋อง”
หยวนกังประสานมือ หันไปสบตากับเสี่ยวเจิ้งยิ้มๆ
“อีกไม่มีกี่วันเมื่อข้าหายดีจึงจัดงานรับขวัญเจ้าดีไหม เพื่อประกาศออกไปทั่วเขตวังหลวงว่าชิงกวานอ๋องรับบุตรีบุญธรรม ที่งดงามเพียบพร้อม”
เสี่ยวเจิ้งโบกมือห้ามว่าไม่ควรจัดงาน
"ไม่ได้ ข้าชิงกวานอ๋องไร้ภรรยาและลูกได้เจ้าคอยเกื้อกูล เจ้าช่วยชีวิตข้าข้ามอบทุกอย่างให้เจ้าจึงสมควรแล้วต่อไปอย่าถือเป็นบุญคุณเพราะนี่คือข้าที่ต้องตอบแทนเจ้าที่ช่วยชีวิตข้า"
จงหลินดึงเสี่ยงเจิ้งให้ย่อกายลงพร้อมกัน
อู่อินเฉิงก้าวขายาวๆ ป้อคุนก้าวตามแทบไม่ทัน
"ฝ่าบาท ช้าหน่อยพ่ะย่ะค่ะ"
"ส่งคนตามสืบที่มาที่ไปของเสี่ยวเจิ้งคนนั้นให้เร็วที่สุด ก่อนที่ท่านอาจะยกย่องนางในตำแหน่งใดๆ "
"ฝ่าบาท ท่านอ๋องไม่มีภรรยาและลูกรับนางเป็นลูกบุญธรรมก็เหมาะสมยิ่งแล้ว"
"ท่านอาเป็นน้องคนเล็กของเสด็จพ่อ ยังหนุ่มแน่นอีกทั้งยังไม่มีภรรยาเป็นคนอ่อนโยนมีไมตรี แล้วยังรูปงามเป็นหนึ่งเจ้าคิดว่าหญิงยากไร้ที่เข้ามาเพื่อต้องการแค่เพียงที่พักพิงหรือไร"
"แต่หากท่านอ๋องจะยกทรัพย์สมบัติให้นางก็ไม่แปลก เพราะนางช่วยชีวิตท่านอ๋องหรือหากท่านอ๋องจะยกย่องนางเป็นภรรยานั่นก็ยิ่งไม่แปลก เพราะท่านอ๋องเองยังหนุ่มแน่นเพิ่งจะสามสิบต้นๆ ฝ่าบาท จะทรงห้ามปรามท่านอ๋องได้หรือไร"
อู่อินเฉิงหยุดเดินหันมามองป้อคุน
"ข้าจะทำทุกวิถีทางไม่ให้ใครหลอกลวงท่านอา ข้าเชื่อว่าหญิงนางนี้ไม่ได้เข้ามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ"
ป้อคุนถอนหายใจประสานมือจากไป
อู่อินเฉิงก้าวเดินเข้าไปในตำหนักชิงหนิงกง หมิงเยว่นั่งเย็บถุงหอมสีชมพูสีที่อู่อินเฉิงโปรดปราน
“หมิงเยว่ของข้า ช่างขยันเสียจริง ถุงหอมของข้าไม่เคยจะซ้ำกันในแต่ละวัน”
“หมิงเยว่เพียงได้ทำสิ่งเล็กน้อยให้กับฝ่าบาท”
คว้ามือบางซีดขาวมาจุมพิตเบาๆ
“เจ้าได้ข่าวท่านอาหรือไม่”เอ่ยปากถาม
“เพคะ”
“เจ้ามีความเห็นเช่นไร”
“ท่านอ๋องแม้จะเป็นคนที่จิตใจดีหัวอ่อนทว่า เวลามุ่งมั่นสิ่งใดไม่อาจเปลียนใจได้ง่ายๆ บางทีเรื่องนี้ฝ่าบาทควรจะปล่อยตามใจท่านอ๋อง”
“ครั้งนี้ท่านอาถูกลอบสังหาร ข้ายังไม่อาจแน่ใจได้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่ ที่คิดถึงกับเอาชีวิตท่านอา แต่ชิงกวานอ๋องเป็นคนสำคัญสำหรับข้า อีกทั้งมีความสำคัญต่อราชสำนักยิ่งกว่าใคร สามารถบัญชาการรบและจัดเก็บภาษีได้เคร่งครัดยุติธรรมข้าจึงเพียงแค่อยากจะกันท่านอาออกจากคนชั่ว หญิงนางนั้นบางทีอาจมีคนบงการ”
“ หากฝ่าบาทจะกันท่านอ๋อง ฝ่าบาทอาจจะต้องใช้ไม้แข็ง เพราะท่านอ๋องได้ตัดสินใจไปแล้ว แค่เพียงคำพูดโน้มน้าวคงไม่อาจกระทำ มิสู้ทำให้นางหายไปเสีย ก่อนที่ท่านอ๋องจะถลำตัวมากไปกว่านั้น”
“จริงด้วยทำไมข้าคิดถึงข้อนี้ไม่ได้ นางมาดีมาร้ายไม่มีใครรู้แต่เพียงแค่ชั่วข้ามคืนท่านอาถึงกลับจะยกย่องนางเป็น บุตรบุญตรีธรรมปล่อยไว้คงไม่ดีแน่”
“เสี่ยวเจิ้งเห็นไหมท่านอ๋องให้คนมาที่จวนมากมายเพื่อตัดอาภรณ์ใหม่ให้กับพวกเรา ช่างตัดเย็บอาภรณ์มารอเจ้าที่ด้านนอก เจ้าต้องรีบออกไปให้พวกนางวัดตัวแล้ว”
จงหลินดึงมือเสี่ยวเจิ้งที่เอาแต่จัดห้อง นู่นนี่นั่นไม่ยอมขยับกายออกจากห้องเป็นจงหลินที่ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่า
“คุณหนูเจิ้งขอรับ ช่างมาแล้วขอรับอีกอย่าง สาวใช้ที่ไปร้านผ้าได้นำผ้าจากร้านผ้ามาให้คุณหนูเลือกเฟ้นมากมายเชิญคุณหนูออกมาด้านนอก”
เสียงของหยวนกังดังเข้ามาข้างใน เสี่ยวเจิ้งถอนหายใจ ใบหน้าใสยิ้มบางๆพยักหน้ากับจงหลินเหมือนจะบอกว่า เลี่ยงไม่ได้แล้วอย่างไรก็ต้องออกไปใช่ไหม
“เสี่ยวเจิ้งเดี่ยวข้าทำความสะอาดห้องนี้ให้เจ้าเองเจ้าสองคนออกไปเถิดท่านอ๋องอุตส่าห์เมตตาอย่าทำให้ท่านเสียน้ำใจ”
ป้าจงเอ่ยปากเบาๆ เสี่ยวเจิ้งกุมมือป้าจงส่งสัญญาณมือ บอกว่าไม่ต้องทำไม่อยากให้ป้าจงเหนื่อย
“ไปเถิดอยู่ข้างนอกนั่นพวกเราลำบากกว่านี้นี่ เพราะเจ้าพวกเราเลยสบายทำตัวดีดีหน่อยเชื่อฟังท่านอ๋อง ป้าจึงจะได้สบายอย่างนี้”
เสี่ยวเจิ้งยิ้มก่อนจะก้าวขาออกไป จงหลินปักปิ่นไม้บนศีรษะของเสี่ยวเจิ้ง ที่บัดนี้ผมถูกเกล้ารวบไว้อย่างเรียบร้อยงดงาม ผยให้เห็นใบหน้าสดใสปากคอคิ้วคางรับกับใบหน้ากลมรูปไข่ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ แก้มผ่องไม่ขะมุกขะมอมเหมือนเคย อีกทั้งนอนหลับสบาย ใบหน้าสดใส ดังบุปฝาแรกแย้มต้องแสงอรุณรุ่ง
"แต่ฝ่าบาทหมดหนทางแล้วท่านอ๋องจะต้องไม่เป็นอะไรหยวนกังก็จะพาท่านอ่องหนีออกมาเช่นกันตามที่ตกลงกันไว้ตอนนี้แค่เพียงช่วยให้ฝ่าบาทหนีออกมาก่อน ท่านอ๋องขวางพวกมันไว้เพื่อให้ฝ่าบาทหนีอกมาฝ่าบาทอย่าทำให้ความตั้งใจของท่านอ๋องเสียเปล่า""แต่ท่านอาบาดเจ็บไม่น้อยข้าจะไปช่วยท่านอา เจ้าขลาดเขลาเพียงนั้นเชียวหรือป้อคุน"ป้อคุนทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น"ฝ่าบาท หนีก่อนก่อนเถอะขอรับ ความปลอดภัยของฝ่าบาทสำคัญที่สุดท่านอ๋องทรงเข้าใจข้อนี้ดีจึงพยายามที่จะกันทหารพวกนั้นเพื่อให้ฝ่าบาทหนีไปหากว่าฝ่าบาทยังเป็นว่าสิ่งที่ป้อคุนหยวนกังและท่านอ๋องทำไปทั้งหมดนั้นขลาดเขลาป้อคุนจะขอให้ฝ่าบาททรงสังหารป้อคุนเสียไม่เช่นนั้นป้อคุนก็ไม่อาจปล่อยให้ฝ่าบาท กลับไปที่ด่านปงเปียง"อู่อินเฉิงทรุดกายลงปล่อยกระบี่ลงข้างกาย"ข้าไม่อาจปล่อยท่านอาไว้ที่นั่นป้อคุนเข้าใจไหมท่านอาเป้นเหมือนบิดาเป็นเป็นพี่น้องและเป็นเหมือนคนที่หวังดีกับข้าเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้""ฝ่าบาท ท่านอ๋องจะดีใจหากทว่าฝ่าบาทปลอดภัยและด้วยความภักดีของหยวนกังจะไม่มีทางให้ท่านอ๋องต้องตาย"อู่อินเฉิงพยักหน้า"กันเถอะไปรอที่ด่านชายแดนแคว้นใต้"สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ท่านอาเราทั้งหมดลงเรือลำเดียวกันแล้วข้าไม่อาจดูดายปล่อยให้ท่านอาและพวกเขาต้องเผชิญศึกเพียงลำพัง เช่นนั้นจึงขอยืนยันคำเดิมว่าจะอยู่ที่นี่แต่สัญญาว่าหากเราทั้งหมดไม่อาจต้านทัพของอิงฉางได้ข้าจะเร้นกายไปยังที่ปลอดภัยพร้อมกันนั้นท่านอาเองก็สำคัญไม่น้อยการกอบกู้บัลลังก์ของเฉิงอู่ต้องกาศัยท่านอา เช่นนั้นหากเราทั้งหมดไม่อาจต่อกรก็ควรจะหนีไปเสียแต่ในตอนนี้ก็ต้องลองยืนหยัดให้ถึงที่สุดก่อน”ชิงกวานอ๋องถอนหายใจปฏิเสธไม่ได้ว่าที่อินเฉิงพูดมาทุกอย่างล้วนสำคัญเขาเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมารู้ดีว่าด่านปงเปียงมีกำลังเพียงหยิบมือไม่อาจต่อกรกับทหารของอินฉางฮ่องเต้ได้แม้จะมีฝีมือดีแค่ไหนก้ไม่อาจต่อกรกับทหารจำนวนมากราวกับมดปลวกได้“ฝ่าบาทอย่าลืมคำมั่นนี้หากว่าไม่อาจต่อกรฝ่าบาทจะต้องหนีไปเสียอย่าได้ห่วงใครไม่ว่าจะใครหรือแม้กระทั่งชิงกวานอ๋อง”อู่อิงเฉิงยิ้มน้อยๆ“อิงเฉิงสัญญาจะไม่ทำให้ท่านอาจต้องเป้นกังวล“ดี เช่นนั้นร่วมรบเคียงข้างสร้างขวัญกำลังใจ ป้อคุนหยวนกังอารักขาฝ่าบาทจนถึงที่สุดหากไม่ไหวสิ่งเดียวที่ต้องทำแบบไม่ต้องคิดคือพาฝ่าบาทเร้นกายไปเสียแล้วพบกันที่จุดนัดพบข้ามผ่านด่านชายแดนแคว้นใต้”สี่แรงร่วมใจฟ
“เช่นนั้นหยงเจิ้งกลับไปที่นั่น เสด็จพ่อกับฮองเฮาตั้งใจออกผนวช จึงขาดคนคอยดูแล”“จะดีไหมหากให้ป้อคุนไปคอยดูที่นั่น พร้อมกับหยวนกัง”“ข้าตั้งใจประทานงานแต่งงานให้กับป้อคุนและซือหรูเสียเพราะสองคนรอเวลานี้มานาน”หยงเจิ้งพูดยิ้มๆ“ดีเลย เช่นนั้นส่งข่าวให้เจียเกอช่วยดูแลพวกเขา ระหว่างนี้คนทั้งหมดภักดียิ่งนักไม่มีสิ่งใดให้หนักใจ ฝ่าบาทหยงเจิ้งจึงจะออกผนวชได้อย่างหมดห่วงเสียที”“ที่นี่คงเงียบเหงาหากไม่มีป้อคุนหยวนกังและซือหรู”“ชิงกวานน้อย ขอตามไปที่วังหลวงแคว้นใต้กับท่านอาทั้งสอง ข้าเองก็ไม่อาจขัดเพราะหยวนกังกับป้อคุนดูแลชิงกวานน้อยอีกทั้งยังฝึกปรือวรยุทธ์ให้จนเชี่ยวชาญ”“คงจะต้องคิดถึงทุกคน”อินเฉิงกอดรวบร่างอุ้ยอ้ายไว้ในอ้อมแขน“มีข้าอยู่เจ้าจะไม่ต้องเหงา”“ฝ่าบาทเอาแต่ใจใครกันจะลืมได้ เมื่อคราวอยู่ที่ตำหนักฤดูหนาวก็เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน”“เช่นนั้นอย่างไรเล่าเจ้าจึงตั้งครรภ์ข้าจึงไม่ต้องรอนาน หากไม่ไปที่ตำหนักฤดูหนาวรำลึกความหลังกันเจ้าจะตั้งครรภ์หรือไร ข้าเองตามใจชิงกวานน้อยที่อยากจะมีน้อง”หยงเจิ้งยิ้มเขินอาย ใบหน้าแดงระเรื่อ อู่อินเฉิงกอดไว้แน่น“ข้ารักเจ้ามีเจ้าคนเดียวตลอดไปข้าสัญญาและจะไม
อินเฉิงลุกขึ้นพิงแท่นบรรทมเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่างมองเห็นชัดเจนแจ่มใส ทั้งสองตารอยยิ้มเป็นสุข ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหยงเจิ้งที่หลับใหลไปกับอ้อมกอดของเขา ความสุขที่มาถึงยามที่ผ่านความทุกข์ระทม จึงนับว่าเป็นความสุขที่แท้จริงสายลมพัดผ่าน ชิงกวานอ๋องวิ่งหลบซุกตัวยังโขดหิน หยวนกังเกาหัวแกรกๆ ป้อคุนวิ่งตาม หันหน้าหันหลังไม่พบ อ๋องน้อยว่าแอบหลบอยู่ตรงไหนหยวนกังส่ายหน้าไปมา ลูบเคราวยาว“เราสองคนคงจะแก่ไปแล้วจึงไม่อาจหาท่านอ๋องน้อยพบ”“เชิญท่านเพียงลำพังเลยหยวนกัง ข้ายังไม่อยากจะแก่ท่านอ๋องน้อยวิ่งหลบรวดเร็วเหมือนชิงกวานอ๋องที่พลิกพลิ้วยิ่งกว่าใคร อีกหน่อยหากฝึกปรือวิชากระบี่คงหาตัวจับยาก”หยวนกังอมยิ้ม“ข้า ได้ยินว่าท่านอ๋องน้อยทรงขออนุญาตฝ่าบาทฝึกวิชากระบี่ เราสองคนคงต้องลับคมกันหน่อยเพื่อรอวันถวายการฝึกสอน”“ฮ่าาา เหมือนจริงๆ ช่างเหมือนท่านอ๋องชิงกวานเสียจริง มุ่งมั่นยิ่งนัก เราสองคนคงต้อง ทุ่มเทฝึกสอนกันให้มากหน่อย”ป้อคุนเอ่ยขึ้นดังๆ“หยวนกัง…ป้อคุน…..”ชิงกวานน้อยวิ่งออกจากที่ซ่อน กระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของหยวนกัง“ฮ่าาาาท่านอ๋องในที่สุดก็ยอมออกมา”ป้อคุนอมยิ้ม“ก็ข้าได้ยินว่า ท่านอาทั้ง
ดวงตาพร่ามัวกลอกกลิ้งไปมาทั้งซ้ายและขวา เสียงอ้อแอ้ขององค์ชายน้อยดังแว่วมา แต่ไกล“ชิงกวานน้อยของแม่ เจ้าจะรีบตื่นแต่เช้าทำไมกันเสด็จพ่อยังคงหลับใหล”เสียงหวานของหยงเจิ้งทำเอาอินเฉิงยิ้มกว้างยกมือขึ้นคลำที่ดวงตาทั้งสองข้างสูดลมหายใจลึกๆ“เสี่ยวเจิ้ง”หยงเจิ้งขยับกายหันมา มองร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาลืมตาอยู่บนแท่นบรรทม รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นที่ใบหน้างาม“ฝ่าบาท ท่านฟื้นแล้ว”ดวงตาซ้ายขวากลอกกลิ้งไปมา มองเห็นใบหน้างามเด่นชัด“ข้านอนไปนานแค่ไหน เสี่ยวเจิ้งกับองค์ชายน้อยถึงได้มาอยู่ข้างกายข้าได้”“องค์ชายน้อยชิงกวาน”อุ้มร่างเล็กที่ส่งเสียงอ้อแอ้ปลุกยามเช้ามาใกล้ๆ อินเฉิงรับเอาร่างเล็กจิ๋วไว้ในอ้อมแขน“ชิงกวาน ชื่อนี้เหมาะกับเจ้าเสียจริง เจ้า เป็นคนที่ทำให้ พ่อกับแม่ได้มีวันนี้วันที่เราพร้อมหน้า”หยงเจิ้งปาดน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตา อินเฉิงดึงมือหยงเจิ้งให้นั่งลงข้างๆ เขาจูบซับน้ำตาให้เบาๆ“ท่านอาไม่อยากเห็นน้ำตาเจ้าหยงเจิ้งของข้า ดวงตานี้ของท่านอาอยากเห็นรอยยิ้มของเจ้า มิใช่หยาดน้ำตา”หยงเจิ้งยิ้มทั้งน้ำตา“มีวันนี้ได้เพราะท่านอ๋อง ข้าหยงเจิ้งเช่นไรจะกล้าขัดคำสั่ง”ยิ้มกว้างสดใส อินเฉิงกอดรวบร่าง
“ข้า อัปลักษณ์เพียงนี้ เป็นท่านอาที่จะต้องดูแลหยงเจิ้งต่อไป เป็นท่านอาอินเฉิงจึงวางใจ”หมอหลวงวิ่งถือหลวมยาเข้ามา อินเฉิง ขยับกายให้หมอหลวงตรวจดูอาการของ ชิงกวานอ๋อง“ฝ่าบาท ชิงกวานอ๋องไร้ความสามารถไม่อาจดูแลนาง ฝ่าบาทจึงคู่ควรที่สุด”หมอหลวงลุกขึ้นยืนประสานมือตรงหน้าอินเฉิงพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอินเฉิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา หยวนกังเบือนหน้าหนีปาดน้ำตาที่ไหลริน“ท่านอา เราไปพักที่ตำหนักให้ท่านหมอ จัดเทียบยาดีไหม”น้ำเสียงอ่อนโยน“หยวนกังตามอาจารย์ให้ข้าทีข้าอยากจะพักเสียหน่อย ฝ่าบาทพยุงชิงกวานไปเถิด ให้หยวนกังตามอาจารย์”หยวนกังยิ้มกว้าง เหมือนจะเริ่มมีความหวังว่าอาจารย์กับวิชาแพทย์เถื่อนจะสามารถช่วยชีวิตท่านอ๋องได้“หยวนกังรีบไปแล้วท่านอ๋องอดทนหน่อย”วิ่งออกจากท้องพระโรงกระโดดขึ้นหลังม้าควบออกไปราวกับลูกดอกพุ่งเข้าสู่เป้าอินเฉิงพยุงชิงกวานอ๋องหมอหลวงตรวจดูอาการของป้อคุนอย่างเร่งรีบบนแท่นบรรทม ร่างสูงองอาจนอนเหยียดยาวใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้กลับซีดขาว แต่แววตายังอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้งที่อินเฉิงเคยเห็น เลือดสดๆ ยังไหลซึมออกจากบาดแผล“ท่านอาอดทนหน่อย อาจารย์ปู่กำลังมา”“เพื่อฝ่าบาทต่างหาก