'เริ่มทำข้อสอบได้'
สิ้นเสียงของอาจารย์คุมสอบดังขึ้นนักเรียนทุกคนต่างพากันก้มหน้าทำข้อสอบไม่เว้นแม้แต่มิลาน เธอตั้งใจพยายามทำข้อสอบด้วยความเต็มที่แต่ความรู้ที่เธอมีคงไม่สามารถสู้เทียบเท่าความรู้ของใครคนนั้นได้ ครืด เสียงเก้าอี้ลากยาวไปกับพื้นดังขึ้นก่อนร่างสูงใหญ่ของราเชนทร์ในชุดนักเรียนจะลุกขึ้นยืนในมือถือกระดาษคำตอบและกระดาษข้อสอบไปให้อาจารย์ที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้อง "ไม่คิดจะรอเพื่อนเลยหรือไงฮะนายราเชนทร์"อาจารย์ผู้คุมสอบเอ่ยแซวเด็กหนุ่มตรงหน้าซึ่งราเชนทร์ทำได้เพียงแต่ยิ้มบาง ๆ เป็นมารยาท "เรียนจบจากที่นี่แล้วจะไปสอบเข้าคณะไหนล่ะ" "ผมว่าจะลองสอบเข้าวิศวะดูครับอาจารย์ ถ้าไม่ได้ก็ค่อยไปสอบคณะบริหาร" "เก่ง ๆ อย่างเธออาจารย์เชื่อว่าสอบได้อยู่แล้วล่ะ" "ขอบคุณครับ"ชายหนุ่มเดินไปนั่งยังริมระเบียงเพื่อรอเพื่อนอีกสองคนที่ยังทำข้อสอบไม่เสร็จด้วยท่าทีสบายเพราะนี่เป็นวิชาสุดท้ายที่จะสอบภายในวันนี้ บทสนทนาที่เขาได้คุยกับอาจารย์ลอยเข้าหูมิลานเข้าอย่างจัง เธอก้มหน้าอ่านข้อสอบก็จริงแต่ใครจะรู้ว่าเธอตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาพูดในเมื่อครู่ 'วิศวะอย่างนั้นเหรอ'เธอคิดอยู่ในใจ คณะวิศวะค่าเทอมไม่ใช่เล่น ๆ เธอคงไม่มีโอกาสได้เข้าไปสมัครเรียนที่เดียวกับเขา ลูกชายของนักการเมืองชื่อดังอย่างราเชนทร์ที่มีพ่อเป็นถึงรัฐมนตรี มีแม่เป็นถึงประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์และบังมีธุรกิจอีกมากมายมีทรัพย์สินที่ไม่ว่าใช้กี่ชาติก็ไม่หมด เธอกับเขาแตกต่างราวฟ้ากับเหว แล้วแบบนี้จะให้เธอกล้าไปบอกชอบเขาได้อย่างไรกัน มิลานนั่งตัดพ้อด้วยความน้อยใจในชีวิตของตัวเอง รักใครไม่รักดันไปรักลูกชายเพียงคนเดียวของผู้มีอิทธิพล แล้วเธอดันเป็นเพียงลูกแม่ค้าขายขนมในตลาดมารดามีอาชีพทำขนมไทยหาเช้ากินค่ำไปวัน ๆ แค่คิดมันก็ไม่มีทางที่ความรักของเธอกับเขาจะเป็นไปได้ 'หรือเธอจะไม่บอกความรู้สึกให้ชายหนุ่มได้รู้ดี'เพราะกลัวว่าถ้าบอกไปแล้วเธอจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาของเขาทันที แล้วแบบนี้เธอจะกล้าสู้หน้าของเขาต่อไปได้อีกยังไง มิลานกลับมาสนใจข้อสอบตรงหน้าเธอเรียกสมาธิให้กลับมาสนใจในตรงจุดนี้ จุดที่เธอจะต้องทำมันออกมาให้ดีที่สุด "สอบเสร็จแล้วจะไปเที่ยวต่อที่ไหนดี"มีนาเอ่ยขึ้นหลังจากที่กุ๊กไก่เดินออกมาจากห้องสอบเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม ซึ่งตอนนี้มีเพียงไม่กี่คนที่ทำข้อสอบเสร็จแล้วซึ่งหนึ่งในนั้นมีกลุ่มของราเชนทร์และเพื่อนของเขาอีกสามคนซึ่งกำลังนั่งคุยอยู่และตอนนี้ทั้งหมดได้พากันย้ายมานั่งกันที่บนโต๊ะใต้อาคารเรียน ซึ่งกลุ่มของราเชนทร์และเพื่อนของเขาจะนั่งห่างไปยังโต๊ะตัวถัดไป "ไปเดินห้างกันไหม อยากได้เสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่"กุ๊กไก่ลูกคุณหนูออกความคิดเห็น "ก็ดีนะ เธอว่าไงมิลาน" "ก็ได้ แต่ฉันต้องขอโทรบอกแม่ก่อน" "ได้สิ"มิลานล้วงโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าออกมาจากกระโปรงนักเรียนก่อนเธอจะต่อสายหามารดา "แม่คะ" "ว่าไงลูก" "วันนี้หนูสอบเสร็จแล้ว หนูขอไปเที่ยวห้างกับกุ๊กไก่และมีนาได้ไหมคะ" "ได้สิ แล้วลูกมีเงินหรือเปล่า" "มีค่ะ"มิลานพูดกับมารดาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานชวนฟัง ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของเธอทำให้เพื่อนสาวทั้งสองคนรวมถึงคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลละสายตาจากคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์ไม่ได้เลย "ถ้าอย่างนั้นหนูเที่ยวให้สนุกนะลูก" "ขอบคุณค่ะแม่" ติ๊ด "แม่อนุญาต แต่ห้ามกลับดึกนะ" "ได้สิ"กุ๊กไก่ฉีกยิ้มออกมาด้วยความดีใจ "ว่าแต่พวกเราจะไปยังไงกัน รถเมล์เหรอ"มีนาเอ่ยขึ้นทำให้กุ๊กไก่เบิกตากว้างลูกคุณหนูเอ่ยเสียงค้านทันที "ไม่เอาด้วยหรอก กว่าจะได้ขึ้นรถเมล์ต้องยืนรอตั้งหลายชั่วโมงกว่ารถจะมา ร้อนก็ร้อน" "ถ้าอย่างนั้นก็ไปแท็กซี่" "ไม่เคยดูข่าวคนขับแท็กซี่พาผู้หญิง เด็กนักเรียนหรือนักศึกษาไปทำมิดีมิร้ายหรือไง" "โอ๊ย ใครจะไปกล้านี่มันกลางวันแสก ๆ เลยนะแถมพวกเรายังมีกันตั้งสามคน"กุ๊กไก่และมีนาต่างพากันยืนเถียงโดยมีมิลานคอยยืนคั่นอยู่ตรงกลางอย่างไม่กล้าเอ่ยปากออกความคิดเห็น "ไม่รู้แหละยังไงฉันก็ไม่มีทางนั่งแท็กซี่" "นี่ แล้วจะไปกันยังไงนั่นก็ไม่ดีนี่ก็ไม่ได้" "ก็..." "ไปกับพวกเราไหม"เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้ทั้งสามสาวหันไปมองยังกลุ่มของราเชนทร์เป็นตาเดียว ซึ่งตอนนี้ทั้งสามได้ลุกขึ้นก่อนจะเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเธอทั้งสามคนท่ามกลางสายตาของนักเรียนบางคนที่สอบเสร็จแล้วและกำลังทยอยเดินกันลงมา "ไปกับพวกเราไหม พวกเราสามคนก็จะไปหาอะไรกินที่ห้างอยู่เหมือนกัน"กราฟิกเพื่อนสนิทของราเชนทร์เอ่ยขึ้นพลางมองหน้าเพื่อนหญิงร่วมห้องทั้งสาม "ฉันไม่..." "ฉันไป"ทั้งมีนาและมิลานหันไปมองหน้ากุ๊กไก่เป็นสายตาเดียวกันอย่างมิได้นัดหมาย "แกสองคนมองฉันแบบนั้นทำไม" "ก็แกจะไปกับ..." "ฉันว่าไปกับพวกนี้น่าจะปลอดภัยกว่าที่เราจะไปแท็กซี่กันเองมากกว่านะ เพราะอย่างน้อย ๆ พวกนายนี่ก็เป็นเพื่อนห้องเดียวกับเรา ใช่ไหมมิลาน"เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นด้วยความประหม่าเมื่อรู้สึกว่ากำลังมีสายตาหลายคู่กำลังมองมา "ว่าไงมิลาน ตกลงเธอจะไปแท็กซี่กับมีนาหรือจะไปกับนายพวกนี้และฉันเลือกมาเลย" "ไปกับพวกเราก็ได้นะมิลาน พวกเราไม่ทำอะไรพวกเธอหรอก แค่เห็นว่าพวกเธอทั้งสามคนยืนเถียงเพราะเรื่องนี้กันมาสักพักแล้ว"เควินเสริมทัพด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรสำหรับคนอัธยาศัยดี "เอาไงดีมีนา"มิลานหันไปขอความช่วยเหลือ แต่ว่ายังไม่ทันที่มีนาจะให้คำตอบ ราเชนทร์ก็พรวดพราดเดินมาคว้าข้อมือเล็กของมิลานก่อนจะออกแรงลากเธอให้เดินตามออกไปท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ของนักเรียนหลายสิบคน "ราเชนทร์ นายลากฉันมาทำไม" "หุบปากแล้วเดินตามฉันมา"เขาออกคำสั่งก่อนจะออกแรงดึงร่างเล็กของมิลานให้เดินตามหลังไปที่รถสปอร์ตคันหรูสองที่นั่งของเขา ปี๊ด ปี๊ด "เข้าไป แล้วไม่ต้องออกมา" "ไม่ อื้อ"ร่างเล็กของมิลานถูกผลักให้เข้าไปนั่งในรถก่อนที่ชายหนุ่มจะปิดประตูกดล็อกไม่ให้คนด้านในเปิดออกมา "แฮก นี่นาย นายราเชนทร์" "เธอสองคนไปกับพวกมันก็แล้วกัน"ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะเดินอ้อมฝั่งไปเปิดประตูรถแล้วขับออกไปท่ามกลางสายตางุนงงของกุ๊กไก่และมีนาซึ่งพึ่งจะวิ่งมาถึงแต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร "จะไปไหม ถ้าไปก็มาขึ้นรถ" "ไปสิพวกนายรอฉันสองคนด้วย"กุ๊กไก่ตะโกนตอบกราฟฟิกที่ส่งเสียงเรียกก่อนหญิงสาวทั้งสองจะวิ่งแยกกันไปขึ้นรถสปอร์ตสำหรับสองที่นั่งของกราฟิกและเควินก่อนชายหนุ่มทั้งสองจะรีบขับรถตามออกไป"ฉันขอเลียมันนะ""อะ...อื้อ"เสียงครางในลำคอเล็กดังขึ้นเมื่อปลายลิ้นแตะลงบนเนื้อสาวผ่านผิวผ้าบางของกางเกงในสีขาว ใบหน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อมีเหงื่อซึมไหลลมหายใจเริ่มหนักหน่วง ตรงช่วงล้างกำลังมีปลายลิ้นร้ายของชายหนุ่มปาดซ้ายเลียขวาเรียกน้ำหวานให้ซึมไหลออกมา"อ๊าส์ ซี๊ด""หวานมากเลยมิลาน"เขาเอ่ยชมก่อนจะก้มลงไปจัดการกับเนินเนื้อของเธอต่อ มิลานน้ำตาคลอเธอยืนขาสั่นเกร็ง ยิ่งเขาเร่งตวัดปลายลิ้นถี่มากเท่าไหร่ยิ่งทำให้เธออ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่ไหว"ราเชนทร์ อ๊าส์ เบาหน่อย อื้อ หยุดก่อน"เธอรีบเอ่ยปรามเมื่อรู้สึกว่าเหมือนตัวเองจะปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างออกมาแต่ทว่าชายหนุ่มกลับไม่คิดจะหยุด ราเชนทร์ใช้นิ้วสากของตัวเองเกี่ยวขอบกางเกงในตัวบางให้มาอยู่ตรงกลางกลีบอูม กลีบขาวสีขาวสวยทั้งสองฝั่งรัดกางเกงในตัวบางดันทรงให้เม็ดสวยเด้งขึ้นมาล่อตาล่อใจซึ่งมันเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะอดใจไหวได้เม็ดสวยสีชมพูแนบไปกับกางเกงในสีขาวตัวบางจนเห็นเป็นรูปทรงสวย ราเชนทร์ฉวยโอกาสในตอนที่เธอเผลอโน้มหน้าเข้าไปฉกชิมความหอมหวานจากติ่งสวยของเธอจนมิลานดิ้นพล่านแผล็บ แผล็บ แผล็บ"อ๊าย ราเชนทร์ ฉันทนไม่ไหวแล้ว อื้อ""ก็ไม่ต้องทน ปล่
"พ่อกับแม่ไปก่อนนะ แล้วก็อย่าลืมเรื่องหลานนะพ่อกับแม่แก่แล้วอยากอยู่บ้านเลี้ยงหลานมากกว่า"มิลานเขินอายจนหน้าแดงเมื่อมารดาทั้งของเธอและทั้งของชายหนุ่มพูดแบบนั้นออกมา แม้ว่าพวกท่านทั้งสี่จะเดินออกไปจากห้องหอของเธอในคืนนี้ได้สักพักแล้วแต่มิลานก็ยังคงเขินอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองสามีหมาด ๆ ของตัวเธอพรึ่บ"อุ๊ย"มิลานร้องอุทานเมื่อฝ่ามือใหญ่ของสามีอย่างราเชนทร์แตะลงบนท่อนแขนเปลือย "เป็นอะไรเหรอ""ปะ...เปล่า เราไม่ได้เป็นอะไร"เธอตอบชายหนุ่มออกไปด้วยน้ำเสียงซึ่งไม่ค่อยจะมั่นคงสักเท่าไหร่ สายตาเหลือบมองไปยังท่อนแขนซึ่งยังมีฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มสัมผัสอยู่"ไม่ได้เป็นอะไรแล้วทำไมตัวสั่นล่ะ หรือว่าเธอกลัว""กะ...ก็""ถ้าเธอกลัว ฉันจะรอให้ถึงวันที่เธอพร้อมก็ได้นะ"เพราะเขาเองก็ไม่อยากฝืนน้ำใจของเธอเหมือนกันแม้ว่าคืนนี้มันจะเป็นคืนสำคัญระหว่างเขาและเธอ"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ"มิลานรีบหันตัวใช้ฝ่ามือคว้าท่อนแขนของชายหนุ่มเอาไว้เมื่อเขาดึงฝ่ามือออกจากท่อนแขนของเธอชายหนุ่มหันมามองหน้าภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายปล่อยให้เธอเดินเข้ามาสวมกอดโดยไม่คิดจะผลักเธอออกไปเพราะเรื่องแบบนี้เขาเข้าใจมันดี"คือฉันแค่กลั
'จับมือแล้วเดินกันไปด้วยกันนะ'คำคำนี้พวกเขาทั้งสองมักจะบอกต่างฝ่ายเอาไว้เสมอยามเมื่อต้องเจอเรื่องที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งเรื่องเหล่านั้นมันก็จะเกิดขึ้นในชีวิตซึ่งมันเป็นเรื่องปกติสำหรับคู่ของใครหลาย ๆ คนซึ่งหนึ่งในนั้นมันก็เป็นคู่ของเขาแต่ไม่ว่าทั้งสองจะเจอปัญหาอะไรต่างฝ่ายต่างก็ไม่คิดจะเดินหันหลังหนีให้พวกเขาทั้งสองจะใช้เวลาในการปรับความเข้าใจเพราะว่าการทำแบบนี้มันดีกว่าการเดินหนีปัญหาแล้วปล่อยให้คนรักคิดหนักไปต่าง ๆ นานา การเดินหนีปัญหาแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายต้องมานั่งจมอยู่กับความคิดมันไม่ใช่ทางเลือกของทั้งสองคน ทั้งราเชนทร์และมิลานจับมือครองรักกันมายาวนานจนถึงสี่ปีตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสี่ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับทั้งสอง คู่รักแห่งปีไม่เคยมีข่าวเสียหายเพราะต่างฝ่ายต่างให้ความสำคัญและยึดมั่นกับคนรักมากกว่าใคร วันรับปริญญาคือวันส่งท้ายการใช้ชีวิตอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยที่ราเชนทร์ได้มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับแฟนสาวของเขา"แต่งงานกับเชนทร์นะ"น้ำตาของคนถูกขอแต่งงานอย่างมิลานแทบจะไหลทะลักอวดโชว์กลางสายตานับกว่าร้อยชีวิต มิลานทั้งรู้สึกเขินอายและอยากจะร้องไห้ในเวลาเดียวกัน เธอไม่ทั
ความรู้สึกของทั้งสองตลอดระยะเวลาหลายปีถูกปลดปล่อยมันออกมา ภาพที่ทั้งสองเคยคิดอยู่ในหัวตอนนี้มันได้เป็นจริงเสียแล้ว การคบหาของมิลานและราเชนทร์เป็นที่รับรู้ของทั้งสองครอบครัว เพราะหลังจากราเชนทร์จัดเซอร์ไพรส์มอบเกียร์วิศวะให้กับมิลานในเย็นวันนั้นรุ่งเช้าเขาก็พาเธอเข้าไปพบพ่อแม่ที่บ้านหลังใหญ่เรียกว่าการเปิดตัวคนรักของลูกชายในครั้งนี้ทำเอาคุณสุชาดาและคุณหญิงเพียงเพ็ญแทบจะตั้งตัวรับไม่ทัน'นี่มิลานครับ เธอเป็นแฟนของผม''...''เธอคือคนที่ผมเลือกแล้ว'ราเชนทร์มองตาผู้เป็นบิดา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาก้าวขาเข้ามาเหยียบในบ้านหลังนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นซึ่งมันก็ผ่านมานานหลานเดือนบรรยากาศการของพบหน้าบิดามารดาของแฟนหนุ่มแม้มันจะดูผิดแปลกแต่มิลานก็สัมผัสได้ว่าท่านทั้งสองไม่ได้นึกรังเกียจเธอ และบางครั้งเธอก็แอบเห็นแววตาของท่านสุชาดาแอบมองบุตรชายอยู่บ่อยครั้งเหมือนกับว่ามีเรื่องบางอย่างอยากจะพูดด้วย'ขนมฝีมือคุณน้าอร่อยจังเลยนะคะ ไม่ทราบว่าขนมแบบนี้เขาทำกันยังไงเหรอคะ หนูอยากลองทำบ้างเผื่อวันว่าง ๆ จะได้ทำให้ราเชนทร์ได้ทาน''หนูอยากทำเหรอจ๊ะ''ค่ะ หนูอยากทำ'มารดาของราเชนทร์ยิ้มออกมาก่อนท่านจะ
"ทำไมรีบกลับจังเลยล่ะคะไม่อยู่กับหนูก่อนเหรอ"น้ำเสียงออดอ้อนของมิลานดังขึ้นเมื่อรถตู้คันหรูเคลื่อนตัวมาจอดยังสนามบิน ร่างเล็กของมิลานเข้าไปกอดบิดามารดาด้วยความคิดถึงอีกครั้งวันนี้ตลอดทั้งวันเธอได้ใช้เวลาอยู่กับท่านทั้งสองส่วนแฟนหนุ่มอย่างราเชนทร์ได้เดินทางกลับคอนโดเพื่อกลับไปเตรียมตัวสำหรับการประชุมรับน้องในวันนี้"เอาไว้พ่อเคลียร์เรื่องงานเสร็จเมื่อไหร่พ่อกับแม่จะรีบเดินทางมาหาหนูนะลูก""จริงนะคะ""จริงสิ แต่ถ้าลูกอยากจะเดินทางไปหาพ่อกับแม่ที่นั่นก็ได้นะพ่อจะได้ส่งเครื่องบินมารับ"โรเบิร์ตโอบกอดบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความรัก "แม่กับพ่อต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะลูกเข้าใจไหม""ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ""จ้ะลูกรัก"บุตรสาวเพียงคนเดียวโบกมือลาทั้งสอง มิลานมองร่างของบิดาและมารดาเดินเคียงคู่ขึ้นไปบนเครื่องบินส่วนตัว รถตู้คันหรูเครื่องตัวออกมาจากตรงนั้นอย่างเชื่องช้า หลังจากฝ่าฟันรถติดในช่วงเวลาเย็นมาได้ทำให้มิลานรู้สึกเหนื่อยอยู่ไม่น้อย ร่างเล็กล้มตัวนอนลงบนโซฟาตัวยาวด้วยความเหนื่อยล้าแต่ทว่าวันนี้กลับเป็นวันที่เธอมีความสุขมากที่สุดเลยก็ว่าได้'พ่อกับแม่อนุญาตให้ลูกทั้งส
หนึ่งชั่วต่อมารถตู้คันหรูสองคันเคลื่อนตัวเข้ามาจอดยังบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่สาวใช้ที่เห็นว่ามีรถคันใหญ่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดก็รีบวิ่งไปบอกผู้เป็นเจ้านายแตกต่างกับสีหน้าของคนในรถ"นี่มันอะไรกันเหรอคะ คุณพ่อพาหนูมาที่นี่ทำไม"บ้านหลังใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยก้าวขาเข้ามาเหยียบที่นี่และตอนนี้เธอก็ได้กลับมาเหยียบอีกครั้งพร้อมกับบิดาและมารดาของเธอ"คุณพ่อคะ""พ่อก็แค่จะทำเรื่องทุกอย่างให้มันจบ"ฝ่ามือสากกุมแก้มข้าวของลูกสาว รอยแผลจากเรื่องเมื่อวานยังคงเป็นรอยอยู่บนใบหน้าของมิลาน"ไม่ต้องกลัวอะไรนะลูก พ่อจะคอยปกป้องหนูเองจะไม่มีใครมาทำร้ายลูกสาวของพ่อได้อีก""คุณพ่อคิดจะทำอะไรคะ"โรเบิร์ตไม่ตอบเขาหันมองออกไปนอกตัวรถเห็นร่างของชายหญิงวัยกลางคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู"เราลงจากรถกันเถอะค่ะ"ครืดประตูรถตู้คันหรูถูกเปิดออกด้วยฝีมือของบอดีการ์ดก่อนร่างของอุษณีกับสามีจะก้าวขาเดินลงมาจากรถด้วยท่าทีสง่างามดั่งคนมีเงิน"สวัสดีครับคุณโรเบิร์ตคุณหญิงเป็นเกียรติอย่างมากที่คุณโรเบิร์ตเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง"เกริกพลอดีตนักธุรกิจชื่อดังและภรรยาอย่างคุณหญิงประภาพรซึ่งตอนนี้ตำแหน่งคุณหญิงได้ถูกปลดออกไปเป็นที่เ