เสียงลมเย็นยามต้นฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านจวนของนายอำเภอเมืองเจียงเฉิน โจวจิงหยูยังอาศัยอยู่เรือนรับรองก้านใน ดวงตาเรียวยาวเปล่งแสงครุ่นคิด
นางเลือกจะอยู่ต่อในเจียงเฉิน ใช้ข้ออ้างว่าอากาศเปลี่ยนทำให้สุขภาพยังไม่ดีนัก ขอพักรักษาตัวต่ออีกระยะ นายอำเภอซึ่งเกรงใจขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงก็จำต้องอนุญาต
ในห้องพัก นางนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หวีผมยาวของตนช้าๆ ขณะใช้กระจกทองเหลืองบานเล็กจ้องมองเงาสะท้อน
“สตรีเช่นข้า ไม่แพ้ใครทั้งสิ้น” นางยิ้มจางๆ
“ต่อให้ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมบ้าง ก็ไม่ถือว่าเสียเกียรติ”
จากนั้นนางเรียกสาวใช้มาสั่งเบาๆ ว่า
“ไปเตรียมเครื่องแต่งกายให้ข้า ข้าจะไปเดินเที่ยวเล่นตลาดในเจียงเฉินเสียหน่อย”
“เจ้าค่ะ” บ่าวข้างกายออกไปอย่างไม่รอช้า
โจวจิงหยูวางหวีลงแล้วเคาะนิ้วอย่างครุ่นคิด นางได้ยินจากบ่าวรับใช้ว่า อดีตสามีไม่เพียงหายดีจนเดินเหินได้คล่อง หากยังมีอาจารย์ชื่อดังจากสำนักศึกษามาสอนให้ถึงเรือน และมีข่าวลือกระซิบกันว่าหากสอบผ่านอาจจะได้เป็นจอหงวน
“ถ้าเขาได้ตำแหน่ง... ข้าจะไม่มีวันยอมให้ลู่ซือหนานได้ไปเด็ดขาด..” นางพึมพำพลาง
หมู่บ้านท้ายเมืองตุนโจวท้องฟ้าตอนเย็นมืดครึ้ม แดดร้อนคล้ายจะแผดเผาแม้ไม่แรง พื้นดินแล้งแห้งแตก บ้านเรือนหลังเล็ก ๆ ของหมู่บ้านท้ายเมืองยังคงปิดเงียบ แทบไม่มีใครเดินไปมากลิ่นยาขมตลบอบอวล คนเจ็บที่เริ่มมีอาการถูกกักรวมไว้ในศาลเจ้าร้าง มีเพียงชายฉกรรจ์ไม่กี่คนที่แต่งกายคลุมหน้าคล้ายทหารเงา คอยควบคุมไม่ให้ผู้ป่วยออกจากเขตโจวจิงหยูยืนอยู่ใต้ต้นท้อเก่าแก่บนเนินเขา ไม่ไกลจากศาลเจ้า เงามืดจากหมวกผ้าแพรปิดบังใบหน้านาง แต่แววตาใต้เงานั้นเปล่งประกายด้วยความมั่นใจซ่งจื่ออวี้เดินเข้ามาหานางหลังจากตรวจดูพื้นที่รอบนอก“คนเจ็บเพิ่มอีกห้าราย อาการยังไม่ถึงตาย แต่ก็ไม่น่าไว้วางใจนัก” เขาพูดเสียงเรียบ“ดี” โจวจิงหยูพึมพำเบา ๆ แล้วหันมามองสามี“แต่ก็ยังต้องควบคุมไว้ในหมู่บ้านนี้เท่านั้น เข้าใจหรือไม่”ซ่งจื่ออวี้นิ่งไปนิด ก่อนเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ “เจ้าแน่ใจหรือว่าวิธีนี้จะทำให้ข้าก้าวหน้าได้จริง”“แน่ใจ” เสียงนางแน่นิ่ง ดวงตาทอแววแหลมคม “หากเกิดโรคขึ้น แล้วท่านควบคุมได้ ก็จะ
เมืองหลวง จวนโหวเผิงในห้องนอนหลักของจวนโหว ลู่ซือหนานนั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง ชายผ้าคลุมไหล่ผืนบางลู่ไปตามสายลม เสี่ยวหลานกำลังหวีผมให้นางช้า ๆ อย่างทะนุถนอม“ฮูหยินยิ้มอีกแล้วเจ้าค่ะ ฝันดีหรือเจ้าคะ” เสี่ยวหลานเอ่ยเย้าลู่ซือหนานเงยหน้าขึ้นสบตาตัวเองในกระจก แววตาของหญิงสาวที่ผ่านเรื่องราวมากมายกลับนุ่มนวลอย่างน่าประหลาด“ไม่ได้ฝัน... แต่เมื่อคืนเขาเล่าเรื่องตลกให้ฟัง” น้ำเสียงนางอบอุ่น นึกถึงใบหน้าของเผิงเหยียนเฉิงที่มักทำท่าขึงขังแต่แฝงรอยขี้เล่นเวลาสองต่อสอง ทำให้นางไม่กดดันที่จากบ้านเดิมมาอยู่ที่นี่หลังแต่งงาน ทั้งคู่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่น่าประทับใจ แม้จะต่างมีภาระงานมาก แต่ทุกเช้าหากไม่มีราชการเร่งด่วน เผิงเหยียนเฉิงจะร่วมโต๊ะอาหารกับภรรยาเสมอเช้านี้ก็เช่นกันเผิงเหยียนเฉิงในชุดเต็มยศสีเข้ม เดินเข้ามาในเรือนพร้อมรอยยิ้ม“เจ้าตื่นแต่เช้าอีกตามเคย ข้าเพิ่งให้ห้องครัวต้มน้ำขิง อากาศเช้านี้เย็นไปนิด”นางหันไปต้อนรับ ยื่นมือไปจับชายแขนเสื้อเขาเบา ๆ “ข้ายังติดนิสัยตื่นเช้าจากตอน
ในเช้าวันหนึ่งที่อากาศเย็นจัดผิดฤดู โจวจิงหยูสวมอาภรณ์เนื้อดีคลุมด้วยเสื้อนอกบุผ้าขนสัตว์สีเข้ม ยืนอยู่บนศาลาริมเนินเขาเล็กๆ ทางด้านตะวันตกของเมืองตุนโจว เบื้องหน้าเป็นภาพทุ่งหญ้าแห้งกรังและหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลจากตัวเมืองข้างกายนางคือเสี่ยวหนิว สาวใช้คนสนิทผู้ไม่เคยขัดคำสั่ง“หมู่บ้านตีนเขาซื่อเจีย มีชาวบ้านอยู่ไม่ถึงห้าสิบคน อยู่ห่างจากตุนโจวพอสมควร ไม่มีใครไปมาเท่าใด” เสี่ยวหนิวรายงานเสียงเรียบ โจวจิงหยูพยักหน้าเบา ๆ“ดี...เลือกคนที่อาการยังไม่หนักนัก แต่มีเชื้อชัดเจน พอให้แพร่กระจายได้”นางส่งสายตาให้กับบุรุษในชุดคลุมดำซึ่งยืนรออยู่ห่างออกไป คนผู้นี้เป็นอดีตทหารรับจ้างของสกุลโจว ที่โจวจิงหยูใช้เป็นเงามืดลอบทำงานไม่เปิดเผย“จงออกเดินทางทันที ไปยังหมู่บ้านซ่างเจิ้นในเขตอวิ๋นหลิง ทางนั้นมีรายงานโรคระบาดในฤดูที่แล้ว ค้นหาคนที่ยังมีอาการ แล้วจงนำตัวกลับมา กักไว้ในกระท่อมท้ายหมู่บ้านซื่อเจีย”ชายผู้นั้นก้มศีรษะรับคำสั่งแล้วหายลับไปในเส้นทางลาดเขาเสี่ยวหนิวเอ่ยเบาๆ ขณะยื่นแผนที่เล็กๆ ที่ขีดเส้นไว้
ณ จวนโหว เมืองหลวงหลังพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่วัน จวนโหวก็กลับเข้าสู่บรรยากาศสงบสุข แต่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นและเบิกบานบรรยากาศในจวนโหวเผิงเต็มไปด้วยความอบอุ่นและบรรยากาศแห่งความสุข ลู่ซือหนานปรับตัวเข้ากับบทบาทฮูหยินของจวนโหวได้อย่างงดงาม นางจัดระเบียบภายในอย่างเรียบร้อย ดูแลบ่าวไพร่ด้วยความเมตตาแต่เด็ดขาดส่วนเผิงเหยียนเฉิงเมื่อออกจากจวนก็ปฏิบัติหน้าที่ในราชสำนักอย่างเต็มความสามารถ กลับถึงเรือนยามใดก็จะมีรอยยิ้มเมื่อนางอยู่ตรงหน้าทุกค่ำคืนที่จวนโหว เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอ่อนหวานของนางเอกและเสียงพูดคุยเบาๆ ของสามีภรรยา ทั้งสองมักร่วมโต๊ะอาหาร พูดคุยเรื่องราษฎร์เรื่องหลวง บางคืนเผิงเหยียนเฉิงก็พานางเอกออกไปเดินชมสวนในยามจันทร์สว่าง คล้ายทุกอย่างจะราบรื่นไร้สิ่งใดให้กังวลเสี่ยวหลานในฐานะสาวใช้คนสนิท ก็มีหน้าที่แน่นอนในจวนใหม่ ได้แต่งชุดบ่าวของจวนโหวอย่างภาคภูมิใจ คอยดูแลคุณหนูของตนอย่างใกล้ชิดไม่เปลี่ยนวันนี้ ลู่ซือหนานตื่นแต่เช้า นางสวมผ้าไหมเรียบหรูสีอ่อนผูกปมเรียบง่าย คลุมเส้นผมด้วยปิ่นหยกที่เผิงเหยียนเฉิงให้เป็นของขวั
ในจวนปลัดอำเภอเมืองตุนโจว เช้าวันหนึ่งที่อากาศเย็นแต่ไม่ถึงกับหนาว โจวจิงหยูนั่งอยู่ในเรือนกลาง ลมหอบบางๆ พัดชายม่านผืนบางให้พลิ้วไหว แต่มิอาจทำให้อารมณ์ขุ่นเคืองของนางจางลงได้บนโต๊ะไม้ฝังลายมุกตรงหน้า นางวางกระดาษแผ่นหนึ่งที่เพิ่งอ่านจบ เป็นข่าวจากเมืองหลวง กล่าวถึงพิธีสมรสอันยิ่งใหญ่ของ “เผิงโหว” ผู้ได้รับพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้ และเจ้าสาวผู้ได้เป็นถึง ฮูหยินขั้นสองแห่งจวนโหวใบหน้างดงามแต่เฉี่ยวคมของโจวจิงหยูบึ้งตึง ขณะที่นิ้วเรียวยังคงกำแน่นกับพัดในมือ เสียงพัดกระทบโต๊ะเป็นจังหวะ ขณะที่นางหรี่ตาลงแล้วเอ่ยเสียงเย็น“หึ ในที่สุดก็ได้ขึ้นแท่นฮูหยินสมบูรณ์แบบ สมกับที่วางหมากมาดี”เสียงฝีเท้าดังขึ้นช้าๆ ก่อนที่สามีของนางซ่งจื่ออวี้ จะเดินเข้ามาในห้อง สีหน้าชายหนุ่มเรียบนิ่ง แต่แฝงด้วยความไม่พอใจ เขาเดินตรงเข้ามาหานาง แล้วเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา“เจ้าจะโมโหเรื่องเผิงเหยียนเฉิงอีกทำไม ในเมื่อเจ้าก็เป็นภรรยาข้าแล้ว”โจวจิงหยูเชิดหน้าเล็กน้อย กล่าวเสียงห้วน“ข้ามิได้โมโหเพราะคิดถึงเขา”&l
ดึกแล้วเสียงครื้นเครงของงานเลี้ยงเริ่มซาลง แขกเหรื่อทยอยกลับ บ่าวไพร่ทยอยเก็บโต๊ะ เหลือเพียงเสียงดนตรีเบาๆ ที่ยังเล่นเพื่อเป็นมงคลให้บ่าวสาวคืนนี้จันทร์เต็มดวงส่องแสงนวลเหนือฟ้าเมืองหลวง ทอแสงลงมาบนเรือนหอหลังใหญ่ในจวนโหว เรือนที่วันนี้ถูกตกแต่งอย่างงดงามด้วยโคมแดง ผ้าม่านลายมงคล และเทียนที่สว่างไสวอยู่สองมุมห้องในห้องหอ ลู่ซือหนานนั่งสงบอยู่ข้างเตียงในชุดเจ้าสาวสีแดง ผมเงางามถูกเกล้าอย่างพิถีพิถัน ติดปิ่นทองลายบุปผา ดวงหน้าแดงเรื่อเพราะไออุ่นในห้องและความเขินอายที่ยากจะระงับเบื้องหน้าโต๊ะกลมขนาดเล็กมีถ้วยเหล้าชุนถังเจียวเป่ย เหล้ามงคลสำหรับคู่บ่าวสาววางอยู่พร้อมจอกทองหนึ่งคู่ เสี่ยวหลานที่รู้เวลายิ้มแล้วถอยออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ เหลือเพียงลู่ซือหนานกับเสียงหัวใจของตนเองไม่นาน บานประตูไม้สลักก็เปิดออกเบาๆ เผิงเหยียนเฉิง ในชุดเจ้าบ่าวสีแดง ก้าวเข้ามาช้าๆ ใบหน้าเขายิ้มอ่อน แต่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งจนแทบกลั้นไม่อยู่“ข้ามาช้าไปหรือไม่” เขาถามเสียงนุ่ม น้ำเสียงไม่มั่นใจนักลู่ซือหนานหลบตานิดหนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆ &