บุปผาเคียงบัลลังก์รบ

บุปผาเคียงบัลลังก์รบ

last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-12-09
โดย:  กวีดาบเดียว/คำพรายอัปเดตเมื่อครู่นี้
ภาษา: Thai
goodnovel18goodnovel
คะแนนไม่เพียงพอ
47บท
40views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

บัลลังก์มังกรที่ใครต่างแย่งชิงหาใช่สิ่งที่ข้าปรารถนา อำนาจทั่วหล้าก็มิอาจเทียบไออุ่นจากเจ้าเพียงหนึ่งคน หากข้างกายข้าไร้ซึ่งเจ้า...บัลลังก์นั้นก็เป็นเพียงกรงทองที่ว่างเปล่า

ดูเพิ่มเติม

บทที่ 1

บทที่ 1 มังกรซ่อนกายแห่งจินไห่

แคว้นต้าหลง อันกว้างใหญ่ไพศาลกำลังเผชิญกับลมหนาวที่พัดพามาจากทิศเหนือ ไม่ใช่เพียงลมหนาวตามฤดูกาล แต่เป็นลมหนาวแห่งสงครามและความตาย ข่าวคราวความพ่ายแพ้ของกองทัพที่ชายแดนทางเหนือหลั่งไหลเข้าสู่เมืองหลวงไม่ขาดสายดุจสายน้ำที่เชี่ยวกราก หัวเมืองต่างๆ ถูกตีแตกราวกิ่งไม้แห้ง ราษฎรล้มตายและพลัดพรากจากบ้านเกิดกลายเป็นผู้อพยพที่ไร้ซึ่งอนาคต ทว่าท่ามกลางเปลวเพลิงแห่งสงครามและความเน่าเฟะของราชสำนักที่เมืองหลวง ยังมีดินแดนแห่งหนึ่งที่เปรียบเสมือนปราการเหล็กกล้าที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางทิศใต้...เมืองจินไห่

เมืองจินไห่เป็นเมืองหน้าด่านทางใต้สุดของแคว้นต้าหลง แม้จะอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง แต่กลับเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งกว่าหัวเมืองใดๆ ในแผ่นดิน กำแพงเมืองสูงใหญ่และแข็งแกร่งทอดตัวยาวเหยียดดุจมังกรหลับใหล บนกำแพงนั้นมีทหารหาญในชุดเกราะสีดำทะมึนยืนรักษาการณ์อย่างองอาจ ทุกย่างก้าวของพวกเขาเต็มไปด้วยระเบียบวินัย แววตาคมกล้าดุจเหยี่ยวที่พร้อมจะโฉบเข้าขย้ำศัตรูผู้รุกราน

ความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยทั้งหมดนี้ ไม่ได้มาจากอำนาจบารมีขององค์ฮ่องเต้ที่อยู่ห่างไกลออกไป แต่มาจากบุรุษผู้เป็นดั่งเทพสงครามในใจของชาวเมืองจินไห่...แม่ทัพเถี่ย อ้าวเทียน

ณ ลานฝึกทหารอันกว้างใหญ่ใจกลางค่ายพยัคฆ์ทมิฬ เสียงกระทบกันของอาวุธและเสียงโห่ร้องที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ร่างสูงสง่าในชุดเกราะสีนิลกาฬยืนนิ่งอยู่บนแท่นบัญชาการ แผ่นหลังตั้งตรงดุจหอกเล่มเดียวทิ่มแทงฟ้า แววตาคมปลาบดุจน้ำแข็งพันปีของเขากวาดมองเหล่าทหารที่กำลังฝึกซ้อมอย่างเข้มขวด ใบหน้าหล่อเหลาที่ราวกับสวรรค์ปั้นแต่งนั้นเรียบเฉยเย็นชาจนน่าหวาดหวั่น ทุกรายละเอียดของการฝึกฝนล้วนอยู่ในสายตาของเขา ไม่มีการเคลื่อนไหวใดที่เล็ดลอดไปได้

"ช้าไป!"

น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่ทรงพลังดังขึ้น ไม่ดังมากแต่กลับเฉียบขาดจนทหารทั้งลานฝึกสะท้านไปถึงกระดูกดำ ทุกคนหยุดชะงักและหันมาประสานสายตาไปยังร่างบนแท่นบัญชาการด้วยความยำเกรง

"กระบวนท่าทะลวงฟันของหมู่ที่สาม ขาดความเด็ดขาดไปสามส่วน พลังปราณไม่ต่อเนื่อง พลังที่ส่งออกไปจึงลดทอนลงครึ่งหนึ่ง หากเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีฝีมือทัดเทียมกัน พวกเจ้าก็คือซากศพ!"

วาจาของเถี่ย อ้าวเทียน ไม่มีการปลอบประโลม มีแต่ความจริงที่โหดร้ายและตรงไปตรงมา ทหารหมู่ที่สามใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง ก้มศีรษะลงรับคำบัญชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง "ขอรับท่านแม่ทัพ! พวกข้าน้อยจะเริ่มฝึกใหม่!"

ข้างกายของเถี่ย อ้าวเทียน มีบุรุษสองคนยืนอยู่ หนึ่งคือบุรุษร่างกำยำสูงใหญ่ในชุดเกราะเต็มยศ ใบหน้าคมเข้มเต็มไปด้วยร่องรอยของบาดแผลจากการศึก มองดูแล้วดุดันน่าเกรงขาม เขาคืออู่ เลี่ย ขุนพลคู่ใจสายบู๊ ผู้เป็นเหมือนแขนขวาของอ้าวเทียน เขาตบเกราะอกตัวเองดังปังแล้วหัวเราะก้อง "ท่านแม่ทัพ ท่านก็ยังเข้มงวดเหมือนเคย ไอ้เด็กพวกนี้กระดูกแทบจะหักเป็นผุยผงอยู่แล้ว!"

"หากกระดูกหักในสนามฝึก ยังมีโอกาสรักษา แต่หากพลาดท่าในสนามรบ มีแต่ความตาย" เถี่ย อ้าวเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเช่นเคย

บุรุษอีกผู้หนึ่งที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งมีลักษณะตรงกันข้ามกับอู่ เลี่ยโดยสิ้นเชิง เขาสวมชุดบัณฑิตสีคราม ใบหน้าเกลี้ยงเกลาดูสุภาพอ่อนโยน ในมือถือพัดด้ามจิ้ว คอยโบกเบาๆ อย่างไม่รีบร้อน เขาคือเหวิน จ้าว กุนซือคู่ใจสายบุ๋น ผู้เป็นมันสมองของกองทัพจินไห่

เหวิน จ้าวยิ้มบางๆ "ท่านแม่ทัพทำถูกแล้ว การหลั่งเหงื่อในสนามฝึก ดีกว่าการหลั่งเลือดในสนามรบ ข่าวจากเมืองหลวงล่าสุดแจ้งมาว่า กองทัพของแม่ทัพเจิ้งทางเหนือแตกพ่ายอีกครั้ง สูญเสียหัวเมืองไปอีกสองแห่ง ตอนนี้คลื่นผู้อพยพคงกำลังมุ่งหน้าลงมาทางใต้อีกระลอกใหญ่"

แววตาของเถี่ย อ้าวเทียน วาบประกายเย็นเยียบขึ้นมาวูบหนึ่ง "ฮ่องเต้ยังคงนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรอย่างสงบสุขงั้นรึ?"

"ขอรับ" เหวิน จ้าวถอนหายใจ "ราชสำนักยังคงวุ่นวายอยู่กับการแก่งแย่งชิงดี รัชทายาทก็เอาแต่เสพสุขอยู่ในตำหนักบูรพา ไม่เคยสนใจความเป็นตายของทหารและราษฎรที่ชายแดน"

"ช่างน่าสมเพช" อู่ เลี่ยถ่มน้ำลายลงพื้น "หากราชสำนักมีคนที่มีความสามารถสักครึ่งหนึ่งของท่านแม่ทัพ...แคว้นต้าหลงคงไม่ตกต่ำถึงเพียงนี้"

คำพูดของอู่ เลี่ย ทำให้บรรยากาศรอบกายของเถี่ย อ้าวเทียน ยิ่งเย็นเยียบจับขั้วหัวใจ เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา ความแค้นที่สุมอยู่ในอกมานานหลายปีพลุ่งพล่านขึ้นมาราวกับเปลวเพลิง เขาไม่มีวันลืมภาพโศกนาฏกรรมในอดีต วันที่ต้องสูญเสียครอบครัวไปอย่างไม่ยุติธรรม และต้องระหกระเหินหนีการตามล่าอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมกับมารดาตั้งแต่วัยเยาว์...

ความแค้นนี้ มีเพียงเลือดของผู้ที่อยู่จุดสูงสุดในเมืองหลวงเท่านั้นที่จะชำระล้างได้!

เถี่ย อ้าวเทียน สะกดกลั้นอารมณ์ที่ปั่นป่วนเอาไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเป็นน้ำเสียงที่เด็ดขาด "สั่งการลงไป ให้เปิดคลังเสบียงเพิ่ม เตรียมรับผู้อพยพ จัดตั้งหน่วยแพทย์และที่พักชั่วคราว อย่าให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในเมืองเป็นอันขาด" เขาหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม "และแจ้งให้ผู้อพยพทุกคนทราบ เมืองจินไห่ของข้าต้อนรับผู้ที่สิ้นหนทาง แต่ไม่เลี้ยงดูคนขี้เกียจ เมื่อพวกเขาได้รับการรักษาจนแข็งแรงดีแล้ว ให้จัดสรรพื้นที่รกร้างว่างเปล่าให้ทำการเพาะปลูกเพื่อเติมเสบียงเข้าคลัง คนที่มีฝีมือด้านใดให้ใช้ความสามารถนั้นทำประโยชน์แก่ส่วนรวม ข้าให้ที่พักพิงแก่พวกเขาเพื่อให้มีชีวิตรอด ไม่ใช่เพื่อมาอยู่สุขสบาย หากใครคิดจะเอาเปรียบผู้อื่น ก็ส่งพวกมันกลับไปอดตายที่เมืองหลวงเสีย!"

"ขอรับ!" เหวิน จ้าวรับคำสั่ง

ขณะที่ความตึงเครียดแผ่ซ่านไปทั่วค่ายพยัคฆ์ทมิฬ ในอีกมุมหนึ่งของเมืองจินไห่ บรรยากาศกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

ณ โรงทานชานเมืองที่จัดตั้งขึ้นชั่วคราว หญิงสาวในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ดุจดอกเหมยแรกแย้มกำลังตักโจ๊กใส่ถ้วยส่งให้เหล่าผู้อพยพที่หิวโหยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แม้เสื้อผ้าของนางจะเรียบง่ายปราศจากเครื่องประดับล้ำค่า แต่กลับไม่อาจบดบังความงามอันเหนือมนุษย์ของนางได้เลยแม้แต่น้อย ผิวพรรณขาวผ่องดุจหยกเนื้อดี ดวงตาคู่สวยฉ่ำหวานราวกับมีดวงดาวพร่างพราวอยู่ภายใน ริมฝีปากอิ่มเต็มแย้มยิ้มอย่างจริงใจ ทุกการเคลื่อนไหวของนางงดงามราวกับภาพวาด

นางคือ เซี่ย เหยาเหยา บุตรสาวเพียงคนเดียวของเจ้าเมืองเซี่ย ผู้เป็นดั่งดวงใจและอัญมณีล้ำค่าแห่งเมืองจินไห่

"คุณหนูเจ้าคะ ท่านพักก่อนเถิดเจ้าค่ะ ให้บ่าวทำแทนเอง" สาวใช้คนสนิทกล่าวด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นคุณหนูของตนทำงานอย่างไม่หยุดหย่อนมาตั้งแต่เช้า

เซี่ย เหยาเหยายิ้มบางๆ "ข้ายังไหวอยู่ผิงเอ๋อร์ พวกเขาลำบากเดินทางมาไกล แค่นี้ถือว่าเล็กน้อยนัก" นางยื่นถ้วยโจ๊กให้เด็กน้อยคนหนึ่งที่เนื้อตัวมอมแมม พร้อมกับลูบศีรษะเขาเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

เหล่าผู้อพยพต่างมองนางด้วยสายตาซาบซึ้งและเทิดทูน ในยามที่บ้านแตกสาแหรกขาด สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง การได้พบเจอน้ำใจอันงดงามของคุณหนูตระกูลเซี่ย ก็เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ส่องลงมาในความมืดมิด

ทันใดนั้น พลันเกิดความโกลาหลขึ้นที่ปลายแถว ทหารยามร่างใหญ่คนหนึ่งกำลังผลักอกชายชราผู้อพยพคนหนึ่งจนล้มลงกับพื้น "ไอ้แก่เห็นแก่ตัว! กล้าดียังไงมาเข้าแถวซ้ำสอง คิดว่าข้าจำหน้าไม่ได้รึ!"

"ข้า...ข้าเปล่านะนายท่าน ข้าแค่จะมาขอให้หลานอีกถ้วยหนึ่งเท่านั้น หลานข้ายังไม่อิ่ม" ชายชราทำท่าทีน่าสงสาร

"หุบปาก!" ทหารยามตวาดลั่น "หลานของเจ้าก็นั่งกินโจ๊กถ้วยของมันอยู่ตรงนั้น! อย่ามาใช้เด็กเป็นข้ออ้างในความละโมบของตัวเอง กฎก็คือกฎ! คนละถ้วยเท่านั้น!"

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"

เสียงหวานใสแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาดดังขึ้น เซี่ย เหยาเหยาเดินฝ่าฝูงชนเข้ามา "เขาเป็นเพียงคนชราที่หิวโหย บางทีเขาอาจจะสับสนไปบ้าง เหตุใดท่านต้องทำรุนแรงถึงเพียงนี้"

ทหารยามผู้นั้นชะงักไปเมื่อเห็นว่าเป็นคุณหนูตระกูลเซี่ย แต่ก็ยังยืนกรานเสียงแข็ง "คุณหนูเซี่ย นี่เป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพ หากเราปล่อยให้มีคนเอาเปรียบหนึ่งคน ก็ต้องมีคนที่สองสามตามมา เสบียงของเรามีไว้สำหรับทุกคน ไม่ใช่สำหรับคนโลภไม่กี่คน"

"แต่..." เซี่ย เหยาเหยากำลังจะโต้แย้ง แต่นางก็เหลือบไปเห็นเด็กชายที่ถูกอ้างถึงกำลังนั่งกินโจ๊กอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ไม่ไกลจริงๆ นางพลันพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ความเมตตาของนางถูกความจริงตรงหน้าทำให้สั่นคลอน

ในขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด พลันมีเสียงฝีเท้าม้าดังกระหึ่มเข้ามาใกล้ กองทหารม้าในชุดเกราะสีดำสนิทกลุ่มหนึ่งควบม้ามาจอดอยู่ไม่ไกล แรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นแผ่ออกมาจากร่างของบุรุษผู้นั่งอยู่บนหลังม้าตัวใหญ่สีดำทมิฬที่อยู่หน้าสุด...แม่ทัพเถี่ย อ้าวเทียน

เขามาตรวจตราความเรียบร้อยในเมืองพร้อมกับอู่ เลี่ย และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

สายตาเย็นชาของเขากวาดมองความวุ่นวายตรงหน้า ก่อนจะมาหยุดลงที่ร่างของหญิงสาวในชุดสีขาวที่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าสับสน เขาไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับพูดกับนางโดยตรงด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "คุณหนูเซี่ย ความเมตตาที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ ย่อมนำมาซึ่งความวุ่นวาย ท่านให้ชายผู้นี้เพิ่มหนึ่งถ้วย คนอีกร้อยคนก็จะเรียกร้องเช่นเดียวกัน ในไม่ช้าก็จะไม่มีอะไรเหลือให้ผู้ที่ต้องการมันอย่างแท้จริง...นั่นคือผลลัพธ์ที่ท่านต้องการหรือ"

เซี่ย เหยาเหยาหน้าชาวาบ นางไม่สามารถโต้แย้งคำพูดของเขาได้เลย เพราะมันคือความจริงที่นางเพิ่งประจักษ์

เถี่ย อ้าวเทียน ไม่ได้รอคำตอบ เขาหันไปประกาศเสียงก้องให้ผู้อพยพทุกคนได้ยิน "ฟังให้ดี! เมืองจินไห่ให้โอกาสพวกเจ้ามีชีวิต แต่ไม่ได้ให้ชีวิตที่สุขสบาย ทุกคนต้องช่วยเหลือตัวเอง ทุกคนจะได้รับส่วนแบ่งที่ยุติธรรม ไม่มาก ไม่น้อยไปกว่ากัน ผู้ใดที่คิดจะเอาเปรียบน้ำใจของผู้อื่น สามารถไปหาที่อดตายที่อื่นได้!"

จากนั้นสายตาคมกริบของเขาก็จ้องไปยังชายชรา "เจ้าได้รับส่วนของเจ้าแล้ว ไปซะ หากข้าพบเจ้าก่อเรื่องอีกครั้ง เจ้าจะถูกเนรเทศ"

ชายชราตัวสั่นงันงก รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหายเข้าไปในฝูงชน

สุดท้าย เขาหันไปทางทหารยาม "เจ้าทำตามกฎ แต่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับคนชรา กลับไปรับโทษโบยยี่สิบไม้ที่ค่าย"

"ขอรับท่านแม่ทัพ!" ทหารยามรับคำสั่งอย่างแข็งขัน

พูดจบ เขาก็มองมาที่เซี่ย เหยาเหยาเป็นครั้งสุดท้าย แววตาของเขายังคงเย็นชาเช่นเคย แต่ลึกลงไปนั้นคล้ายมีประกายบางอย่างซ่อนอยู่ "ความใจดีอาจเป็นอาวุธที่ย้อนกลับมาทำลายทุกสิ่งได้...คุณหนู ท่านควรใช้มันอย่างชาญฉลาด"

เขาสะบัดบังเหียนม้า นำกองทหารจากไป ทิ้งให้เซี่ย เหยาเหยายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับถูกสาป คำพูดของเขายังคงก้องอยู่ในหูของนาง...นี่น่ะหรือเทพสงครามแห่งจินไห่? ไม่ใช่ความเลือดเย็น แต่เป็นความจริงที่โหดร้ายของการเป็นผู้นำ วันนี้นางได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญที่ไม่อาจหาได้จากในตำราเล่มใด

ณ จวนเจ้าเมืองในยามค่ำคืน เซี่ย เหยาเหยานั่งอยู่ตรงหน้าบิดาด้วยสีหน้าครุ่นคิด

"ท่านพ่อ วันนี้ข้าทำผิดไปใช่หรือไม่"

เจ้าเมืองเซี่ยหัวเราะเบาๆ "เหยาเอ๋อร์ เจ้าไม่ได้ทำผิด เจ้าเพียงแค่ได้เรียนรู้ความจริงอีกด้านของโลกเท่านั้น การให้ที่ไม่รู้จักพอ อาจนำมาซึ่งจุดจบของเมืองได้ การสอนให้ทุกคนรู้จักพึ่งพาตนเองต่างหากที่จะทำให้เมืองของเรายั่งยืน...นี่คือสิ่งที่แม่ทัพเถี่ยกำลังทำ เขาแบกรับความอยู่รอดของคนทั้งเมืองไว้บนบ่า ความเย็นชาของเขา ก็คือเกราะที่ปกป้องความเมตตาที่แท้จริงของเขานั่นเอง"

คำพูดของบิดาทำให้นางเข้าใจในที่สุด ภาพของบุรุษบนหลังม้าในวันนี้ ไม่ใช่ก้อนน้ำแข็งที่ไร้หัวใจอีกต่อไป แต่เป็นภูผาที่แบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้...อย่างเงียบงันและเดียวดาย

ส่วนที่ค่ายพยัคฆ์ทมิฬ เถี่ย อ้าวเทียนยืนมองจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้าอยู่เพียงลำพัง ภาพของดวงตาคู่สวยที่ฉายแววสับสนและตื่นรู้ของหญิงสาวในชุดขาว ยังคงฉายชัดอยู่ในความคิดของเขา

"ท่านแม่ทัพ คิดถึงคุณหนูเซี่ยอยู่หรือขอรับ?" อู่ เลี่ยเดินเข้ามาถามยิ้มๆ

เถี่ย อ้าวเทียน ไม่ได้หันมามอง "ไร้สาระ ข้าแค่กำลังคิดว่า...เมืองจินไห่สงบสุขมานานเกินไปแล้ว"

แววตาของเขาพลันทอประกายอำมหิตขึ้นมาวูบหนึ่ง...เปลวไฟแห่งการแก้แค้นที่เขาเฝ้ารอมานานหลายปี บัดนี้ใกล้ถึงเวลาที่จะโหมกระพือแล้ว!

แสดง
บทถัดไป
ดาวน์โหลด

บทล่าสุด

บทอื่นๆ
ไม่มีความคิดเห็น
47
บทที่ 1 มังกรซ่อนกายแห่งจินไห่
แคว้นต้าหลง อันกว้างใหญ่ไพศาลกำลังเผชิญกับลมหนาวที่พัดพามาจากทิศเหนือ ไม่ใช่เพียงลมหนาวตามฤดูกาล แต่เป็นลมหนาวแห่งสงครามและความตาย ข่าวคราวความพ่ายแพ้ของกองทัพที่ชายแดนทางเหนือหลั่งไหลเข้าสู่เมืองหลวงไม่ขาดสายดุจสายน้ำที่เชี่ยวกราก หัวเมืองต่างๆ ถูกตีแตกราวกิ่งไม้แห้ง ราษฎรล้มตายและพลัดพรากจากบ้านเกิดกลายเป็นผู้อพยพที่ไร้ซึ่งอนาคต ทว่าท่ามกลางเปลวเพลิงแห่งสงครามและความเน่าเฟะของราชสำนักที่เมืองหลวง ยังมีดินแดนแห่งหนึ่งที่เปรียบเสมือนปราการเหล็กกล้าที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางทิศใต้...เมืองจินไห่เมืองจินไห่เป็นเมืองหน้าด่านทางใต้สุดของแคว้นต้าหลง แม้จะอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง แต่กลับเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งกว่าหัวเมืองใดๆ ในแผ่นดิน กำแพงเมืองสูงใหญ่และแข็งแกร่งทอดตัวยาวเหยียดดุจมังกรหลับใหล บนกำแพงนั้นมีทหารหาญในชุดเกราะสีดำทะมึนยืนรักษาการณ์อย่างองอาจ ทุกย่างก้าวของพวกเขาเต็มไปด้วยระเบียบวินัย แววตาคมกล้าดุจเหยี่ยวที่พร้อมจะโฉบเข้าขย้ำศัตรูผู้รุกรานความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยทั้งหมดนี้ ไม่ได้มาจากอำนาจบารมีขององค์ฮ่องเต้ที่อยู่ห่างไกลออกไป แต่มาจากบุรุษผู้เป็นดั่งเทพสงครามในใจขอ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-12-07
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 2 เงาอสรพิษ
หลายวันผ่านไปนับจากเหตุการณ์ที่โรงทาน แม้เมืองจินไห่จะยังคงดำเนินไปอย่างมีระเบียบวินัยเช่นเคย แต่ภายในใจของเซี่ย เหยาเหยา กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นางไม่ได้มองเพียงภาพความทุกข์ยากของผู้อพยพด้วยสายตาแห่งความเมตตาสงสารเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่เริ่มมองเห็นโครงสร้างที่ใหญ่กว่านั้น...ความอยู่รอดของคนทั้งเมืองทุกครั้งที่นางออกไปช่วยเหลือผู้คนที่โรงทาน นางจะสังเกตเห็นการทำงานของเหล่าทหารและเจ้าหน้าที่ที่เหวิน จ้าวส่งมาจัดระเบียบ พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งของเถี่ย อ้าวเทียนอย่างเคร่งครัด แม้จะดูแข็งกระด้าง แต่ทุกอย่างกลับเป็นไปอย่างราบรื่นและยุติธรรม ผู้อพยพที่แข็งแรงจะถูกคัดแยกไปทำงานตามความถนัด เด็กและคนชราจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ พื้นที่รกร้างนอกเมืองเริ่มถูกไถพรวนเพื่อเตรียมการเพาะปลูก ทุกชีวิตที่เข้ามาในเมืองจินไห่ล้วนมีหน้าที่ของตนเอง ไม่มีใครถูกทอดทิ้ง แต่ก็ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์เหนือกฎเกณฑ์นางได้เห็นสัจธรรมในคำพูดของเขา...ความใจดีที่ไร้การควบคุม อาจนำมาซึ่งหายนะได้จริงๆ การปกครองผู้คนนับหมื่นนับแสน ไม่สามารถใช้เพียงความรู้สึกเมตตาได้ แต่ต้องใช้กฎระเบียบที่เข้มแข็งและความเด็ดขา
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-12-07
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 3 ลมหนาวจากแดนเหนือ
หลังจากเหตุการณ์ลอบทำร้ายที่โรงทานสงบลง บรรยากาศทั่วทั้งเมืองจินไห่ก็พลันเปลี่ยนไปในทันที แม้ภายนอกจะยังคงสงบเรียบร้อย แต่กลับมีความตึงเครียดอันเงียบงันแฝงอยู่ในทุกอณู ทหารพยัคฆ์ทมิฬในชุดเกราะสีดำทะมึนออกตรวจตราตามท้องถนนถี่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว สายตาของพวกเขาคมกล้าและระแวดระวังภัยอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะบริเวณรอบจวนเจ้าเมือง ที่ซึ่งกลายเป็นเขตอารักขาพิเศษไปโดยปริยายณ คุกใต้ดินของค่ายพยัคฆ์ทมิฬ...อากาศภายในเย็นเยียบและอับชื้น มีเพียงแสงจากคบไฟที่ริบหรี่ส่องให้เห็นร่างของโจร อสรพิษทราย ที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวนั่งคุดคู้อยู่มุมห้องขัง สภาพของมันดูไม่จืดนัก ตามร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทรมานสอบสวนอย่างหนักหน่วงอู่ เลี่ยยืนกอดอกมองนักโทษด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหันไปรายงานบุรุษผู้ยืนหันหลังให้อยู่ในเงามืด "เรียนท่านแม่ทัพ มันยอมคายออกมาหมดแล้วขอรับ พวกมันคือเศษเดนของกองโจร อสรพิษทราย จริงๆ ที่ลงมือครั้งนี้ก็เพื่อล้างแค้นให้พวกพ้องที่ตายไป และหวังจะจับตัวคุณหนูเซี่ยไปเรียกค่าไถ่ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังขอรับ"ร่างสูงสง่าในเงามืดค่อยๆ หันกลับมา แสงไฟสาดส่องให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาแต่เย็น
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-12-07
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 4 หมากกระดานใต้บัลลังก์
หลายวันผ่านไปนับตั้งแต่การมาถึงของแม่ทัพหลงเฟยและเหล่าทหารหาญจากแดนเหนือ เมืองจินไห่ก็กลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยอีกครั้ง แต่เป็นความสงบที่แฝงไว้ด้วยคลื่นใต้น้ำอันเชี่ยวกราก ทหารจากแดนเหนือถูกผนวกรวมเข้ากับกองทัพพยัคฆ์ทมิฬอย่างรวดเร็ว เรื่องราวความโหดร้ายของสงครามและความเน่าเฟะของราชสำนักที่พวกเขาถ่ายทอดออกมา ได้จุดไฟแห่งความเกลียดชังและความมุ่งมั่นให้แก่เหล่าทหารแดนใต้ให้ลุกโชนยิ่งกว่าเดิมในขณะที่ทางใต้กำลังลับคมดาบเตรียมรับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอน บรรยากาศในเมืองหลวงต้าหลงกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงณ ตำหนักบูรพาอันหรูหราฟู่ฟ่า เสียงดนตรีขับกล่อมเคล้าคลอไปกับเสียงหัวเราะอันเกียจคร้านของบุรุษผู้หนึ่ง ร่างสูงโปร่งในอาภรณ์ผ้าไหมเนื้อดีปักดิ้นทองเป็นลายมังกรห้าเล็บนอนเอกเขนกอยู่บนตั่งไม้มะเกลือเนื้อดี สองข้างมีนางกำนัลโฉมสะคราญคอยปรนนิบัติพัดวีและป้อนผลไม้ให้ไม่ขาดปาก เขาคือองค์รัชทายาทแห่งแคว้นต้าหลง ผู้ซึ่งไม่เคยสนใจสิ่งใดนอกจากการเสพสุขไปวันๆ"น่าเบื่อสิ้นดี!" รัชทายาทปัดจานผลไม้ทิ้งอย่างไม่ไยดี "ทุกวันก็มีแต่เรื่องเดิมๆ สุราก็รสชาติซ้ำซาก สตรีพวกนี้ก็หน้าตาจืดชืด ข้าชักจะเบื่อเต็มทนแ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-12-07
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 5 ราชโองการฟ้าประทาน
หลายสัปดาห์ต่อมา...คลื่นลมที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงันในเมืองหลวง ในที่สุดก็ได้เดินทางข้ามผ่านหุบเขาและแม่น้ำหลายสาย มาถึงยังเมืองจินไห่ที่สงบสุขแห่งแดนใต้ ดุจพายุร้ายที่เคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าแต่แฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้างอันมหาศาลเช้าวันนั้น ขณะที่ชาวเมืองจินไห่กำลังใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขเช่นทุกวัน พลันมีเสียงฆ้องและกลองดังกระหึ่มขึ้นจากถนนสายหลักที่มุ่งตรงมาจากทิศเหนือ เสียงนั้นดังผิดแผกไปจากเสียงกลองศึกที่พวกเขาคุ้นเคย มันขาดซึ่งความหนักแน่นและทรงพลัง แต่กลับเต็มไปด้วยความโอ้อวดและจังหวะที่น่ารำคาญ สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้คนเป็นอย่างมาก พวกเขาวางมือจากงานของตน แล้วออกมายืนดูอยู่ริมถนนด้วยความสงสัยภาพที่ปรากฏต่อสายตาของพวกเขาคือขบวนเดินทางอันโอ่อ่าและหรูหราอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทหารในชุดเกราะสีทองอร่ามราวกับเกล็ดมังกรนับร้อยนายเดินนำขบวนมาอย่างองอาจ พวกเขาเชิดหน้าขึ้นสูง ทุกย่างก้าวเดินอย่างพร้อมเพรียงยังกับกำลังเดินอวดบารมี แววตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ดูหมิ่นชาวเมืองชายแดนเหล่านี้ราวกับเป็นเพียงมดปลวก ธงมังกรสีเหลืองสดปักลายดิ้นทองสะบัดพลิ้วไหวอยู่กลางขบวน ตามมาด้วยรถม้าที่
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-12-07
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 6 พยัคฆ์ทมิฬคำราม
การปรากฏตัวของเถี่ย อ้าวเทียน เปลี่ยนบรรยากาศในห้องโถงให้เย็นเยียบลงในบัดดล พลังกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นรู้สึกราวกับมีภูเขาลูกใหญ่กดทับอยู่บนบ่าจนหายใจติดขัดวินาทีที่เห็นเขา หัวใจที่สิ้นหวังของเซี่ย เหยาเหยาก็พลันปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ราวกับคนที่กำลังจะจมน้ำตายแล้วมองเห็นขอนไม้ท่อนสุดท้ายลอยผ่านมา ความรู้สึกปลอดภัยอันน่าประหลาดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างของนาง"เจ้าเป็นใครกัน! บังอาจมาขัดจังหวะการประกาศราชโองการ!" กงกงหลิวที่ได้สติเป็นคนแรกตวาดแหวขึ้นมาทันที มันไม่เคยเห็นบุรุษผู้ใดที่มีรัศมีน่าเกรงขามถึงเพียงนี้มาก่อนเถี่ย อ้าวเทียนไม่ได้สนใจคำพูดของขันทีเฒ่าแม้แต่น้อย เขายังคงก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงจนมาหยุดยืนอยู่ข้างกายของเซี่ย เหยาเหยา เขาไม่ได้มองนาง แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงเล็กน้อยอย่างที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน "ลุกขึ้นเถิด ที่นี่ไม่มีใครสมควรให้เจ้าต้องคุกเข่าให้"คำพูดของเขาทำให้เซี่ย เหยาเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่นางจะค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ โดยมีหลิน ซูซินคอยช่วยประคองอยู่ข้างๆ เจ้าเมืองเซี่ยเมื่อเห็น
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-12-07
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 7 พายุในกรงทอง
เส้นทางจากเมืองจินไห่สู่เมืองหลวงนั้นยาวไกลและทุรกันดาร ขบวนผู้เชิญราชโองการที่ยามเดินทางมาเคยโอ่อ่าและเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง บัดนี้ในยามเดินทางกลับสู่เมืองหลวง กลับดูอิดโรยและสิ้นไร้ราศียิ่งนักทหารราชองครักษ์ในชุดเกราะสีทองที่เคยเงางาม บัดนี้มอมแมมไปด้วยฝุ่นดินและคราบเหงื่อไคล ใบหน้าที่เคยเชิดสูงบัดนี้ก้มต่ำลงด้วยความอัปยศอดสู พวกเขาเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนราวกับกำลังหนีจากภูตผีปีศาจ ภาพของพยัคฆ์ทมิฬแห่งจินไห่และไอสังหารอันเยียบเย็นของแม่ทัพเถี่ย อ้าวเทียน ยังคงติดตาและสร้างความหวาดผวาให้แก่พวกเขาไม่จางหายแต่ผู้ที่มีสภาพย่ำแย่ที่สุดก็คือกงกงหลิว ขันทีเฒ่าผู้เป็นหัวหน้าคณะ ตลอดการเดินทางกลับ มันเอาแต่นั่งหน้าเครียดอยู่ในรถม้า ในหัวคิดวนเวียนอยู่แต่ว่าจะทูลรายงานเรื่องความล้มเหลวครั้งนี้ต่อองค์รัชทายาทอย่างไรดี กงกงหลิวรู้ดีว่าองค์รัชทายาทมีนิสัยโหดเหี้ยมและเอาแต่ใจเพียงใด ความล้มเหลวในการนำตัว "นางฟ้าแห่งจินไห่" กลับมา ไม่เพียงแต่จะทำให้พระองค์พิโรธ แต่ยังเป็นการหักหน้าพระองค์อย่างรุนแรงที่สุด! โทษทัณฑ์ที่มันจะได้รับนั้น...มันไม่อยากจะจินตนาการเลย"ไม่ได้...ข้าจะยอมรับความผิดทั้งห
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-12-07
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 8 ราชโองการประหาร
กาลเวลาในเมืองจินไห่ดูเหมือนจะเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่ทว่าหนักอึ้งดุจหินผาที่กำลังจะร่วงหล่นลงมาจากยอดเขา ข่าวคราวการกลับไปของคณะผู้เชิญราชโองการสร้างความตึงเครียดที่มองไม่เห็นแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง แม้ชาวเมืองจะยังคงใช้ชีวิตตามปกติ แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่านี่คือความสงบก่อนพายุจะมาถึง พวกเขามีศรัทธาในตัวแม่ทัพเถี่ย อ้าวเทียนอย่างเต็มเปี่ยม แต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ว่าอำนาจจากราชสำนักที่อยู่ห่างไกลนั้นจะนำพาหายนะแบบใดมาสู่บ้านของพวกเขาณ จวนเจ้าเมือง บรรยากาศยิ่งน่าอึดอัดกว่าที่ใดๆ เจ้าเมืองเซี่ยมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขานั่งไม่ติดที่ เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องหนังสือราวกับหนูติดจั่น ความกล้าหาญที่เคยลุกขึ้นยืนหยัดเคียงข้างเถี่ย อ้าวเทียนในวันนั้น บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยความวิตกกังวลต่ออนาคตของตระกูลและผู้คนในเมือง"ท่านพ่อ ท่านอย่าได้กังวลไปเลยเจ้าค่ะ" เซี่ย เหยาเหยาที่นำชาเข้ามาให้กล่าวปลอบโยน นางสังเกตเห็นริ้วรอยบนใบหน้าของบิดาที่ดูเหมือนจะลึกขึ้นกว่าเดิมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา "ท่านแม่ทัพเถี่ยเป็นคนสุขุมรอบคอบ เขาต้องมีแผนรับมือไว้อย่างแน่นอน""เหยาเอ๋อร์...เจ้ารู้หรือไ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-12-07
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 9 วงล้อมไร้เงา
ความสงบนิ่งของเมืองจินไห่เป็นสิ่งที่ราชสำนักคาดไม่ถึง พวกเขาคาดหวังว่าจะเกิดความโกลาหลวุ่นวาย ประชาชนตื่นตระหนก หรืออย่างน้อยที่สุดก็คือความขัดแย้งภายในระหว่างเจ้าเมืองและเถี่ย อ้าวเทียน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ...ความเงียบที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าการประกาศสงครามเสียอีกความเงียบนั้นทำให้ฮ่องเต้และองค์รัชทายาทรู้สึกราวกับถูกตบหน้าฉาดใหญ่ พวกเขาจึงไม่รอช้าที่จะส่งพายุลูกที่สองตามแผนของอัครเสนาบดีหวังมาทันทีไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์หลังจากราชโองการฉบับแรก ราชโองการฉบับที่สองก็ได้ถูกส่งไปยังเจ้าเมืองและหัวเมืองทั้งหมดที่อยู่รายล้อมเมืองจินไห่ เนื้อหาของมันคือคำสั่งห้ามไม่ให้ทำการค้าขายหรือให้ความช่วยเหลือใดๆ แก่ เมืองกบฏ จินไห่โดยเด็ดขาด ผู้ใดฝ่าฝืนให้ถือว่าเป็นพวกเดียวกับกบฏ!นี่คือการตัดเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจ! เป็นวงล้อมไร้เงาที่มองไม่เห็น แต่กลับมีอำนาจทำลายล้างรุนแรงยิ่งกว่ากองทัพนับหมื่น!ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วแดนใต้อย่างรวดเร็ว สร้างความแตกตื่นและลังเลใจให้แก่เหล่าเจ้าเมืองเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาพวกเขาต่างได้รับผลประโยชน์จากการค้าขายกับเมืองท่าที่มั่งคั่งอย่างจินไห่ แต่บัดนี้พว
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-12-07
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 10 เชือดไก่ให้ลิงดู
ในขณะที่บรรยากาศในเมืองจินไห่เริ่มคลายความกังวลลงด้วยความหวังครั้งใหม่ที่มาจากการค้าทางทะเล ราชสำนักที่เมืองหลวงกลับกำลังลุกเป็นไฟด้วยความโกรธแค้นและอัปยศอดสู แผนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่พวกเขาคิดว่าเฉียบคม กลับกลายเป็นเรื่องตลกที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองอย่างเจ็บแสบณ ตลาดใหญ่ใจกลางเมืองหลวง บรรยากาศที่เคยคึกคักบัดนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายและความวุ่นวาย ชาวบ้านนับร้อยกำลังมุงล้อมแผงขายเกลือแผงหนึ่งราวกับฝูงมด"เหตุใดราคาเกลือถึงได้แพงขึ้นอีกแล้ว!" ชายผู้หนึ่งตะโกนถามเจ้าของร้าน "นี่มันขึ้นราคาทุกวันเลยนะ!""ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว" เจ้าของร้านตอบด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก "ตอนนี้เกลือทะเลจากเมืองจินไห่ถูกตัดขาด ที่เหลืออยู่ก็มีแต่เกลือบ่อคุณภาพต่ำจากทางเหนือ แถมยังขนส่งมาได้น้อยเต็มที หากไม่ขายราคานี้ข้าก็ขาดทุนย่อยยับ!"ความเดือดร้อนไม่ได้จำกัดอยู่แค่เกลือ แต่ยังลามไปถึงอาหารทะเลแห้งและพืชผลบางชนิดที่ต้องนำเข้ามาจากแดนใต้ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นพุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ สร้างความเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ไม่ใช่แค่ชาวบ้านธรรมดา แต่ยังรวมไปถึงเหล่าขุนนางและเชื้อพร
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-12-07
อ่านเพิ่มเติม
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status