เสียงเพลงภายในผับยังคงดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่อง จนสั่นสะเทือนยันพื้นห้อง ในขณะที่สองสาวกลับมานั่งลงข้าง ๆ ใบหยกหลังจากออกไปโยกย้ายจนได้เหงื่อกันพอใจแล้ว
“เพลงสนุกมากเลย ระบบเสียงโคตรดี” วิเวียนเริ่มรีวิวให้คะแนนความหรูหราของผับ สมกับที่เธออยากพาเพื่อน ๆ มาเที่ยวตั้งแต่แรก
“อาหารก็อร่อยนะ เครื่องดื่มก็ของดีทั้งนั้นเลย...เต็มสิบไม่หักเลย” มินตราที่ค่อนข้างซีเรียสเรื่องอาหาร ยังยอมรับว่าอาหารของที่นี่ดีเยี่ยมจริงๆ
“จริง...ดีงามมาก” และใบหยกก็เห็นด้วยเช่นกัน
“เอ้า! ดื่มฉลองวันเกิดฉันหน่อย” วิเวียนชวนเพื่อน ๆ ชนแก้วกันเพื่อเป็นการฉลองวันเกิดของเธอ ใบหยกเองก็ยื่นแก้วนมปั่นของเธอชนกับเพื่อน ๆ แม้ทั้งสามสาวจะคนละไลฟ์สไตล์ แต่ก็เป็นเพื่อนกันได้อย่างลงตัว
ขณะที่ทั้งสามสาวนั่งคุยกันพลางฉลองกันอย่างคึกคัก พลันสายตาของใบหยกก็เหลือบไปเห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้าม พลางทอดสายตาที่เต็มไปด้วยนัยชัดเจนว่าสนใจเธอ มองมาที่เธอพร้อมส่งรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์มาให้เธอ
ใบหยกเห็นเช่นนั้นก็พยายามฝืนยิ้มตอบอย่างสุภาพ แต่มือเรียวกุมแก้วนมปั่นแน่นด้วยความรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
และใบหยกก็ไม่คิดเลยว่า เพียงแค่การยิ้มตอบด้วยมารยาทนั้น จะทำให้เขารีบลุกเดินมาหาเธอทันทีแบบนี้
“สวัสดี...เราชื่อเบียร์นะ เธอชื่ออะไรเหรอ?” และเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างจู่โจมด้วยสิ
“......” ใบหยกไม่ได้ตอบ แต่เอื้อมมือไปดึงแขนของมินตราที่อยู่ข้าง ๆ จนทั้งมินตราและวิเวียนที่เอาแต่สนใจนักร้องบนเวที รีบหันกลับมาสนใจเธอ
“ว่าไงครับ...เธอยังไม่ได้บอกชื่อเราเลยนะ”
พอวิเวียนเห็นเช่นนั้นก็ดึงใบหยกมาหลบด้านหลังทันที เพราะเธอรู้ว่าคนแบบนี้ใบหยกเพื่อนของเธอไม่ต้องการเสวนาด้วยหรอก
“ขอโทษนะ พวกเราไม่ต้องการเพื่อนร่วมโต๊ะเพิ่ม เราชอบการเป็นส่วนตัว...ที่แปลว่ามีแค่เราสามคน” วิเวียนตอกกลับชายคนนั้นจนเกือบหน้าหงาย
แต่ชายคนนั้นก็ยังไม่ยอมถอย แถมก้มตัวโน้มเข้ามาใกล้พวกเธอมากขึ้น จนกลิ่นเหล้าคลุ้งตลบไปหมด
“เราแค่อยากรู้จักพวกเธอ ให้เรานั่งร่วมโต๊ะสักวันนะ...เรามาคนเดียวโคตรเหงาเลย อยากมีเพื่อนดื่มด้วยก็แค่นั้น...เดี๋ยววันนี้เราเลี้ยงเอง”
“ไม่ต้องเลี้ยงหรอก พอดีพ่อเรารวย เผื่อนายไม่รู้” วิเวียนยังคงตึงใส่
“แล้ว...เธอคนนั้นล่ะ พอจะใจดียอมให้เราเลี้ยงไหม?”
ชายคนนั้นยังคงพยายามโฟกัสที่ใบหยก แต่สิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มไม่รู้เลยก็คือ...ใบหยกไม่ใช่ผู้หญิงที่จะเข้าหาได้ง่าย ๆ แบบผู้หญิงคนอื่น ๆ ยิ่งสายตาส่อถึงจุดประสงค์ชัดเจนแบบนี้ เธอยิ่งปิดกั้นสุดฤทธิ์ และวิเวียนกับมินตราก็กำลังรอดูการแผลงฤทธิ์ของใบหยกอยู่
“โทษที...พอดีเราไม่ดื่ม...” ใบหยกตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพเรียบนิ่ง
“ไม่เป็นไร...เราดื่มคนเดียวได้ แค่เธอยอมให้เรานั่งด้วยก็พอ” ชายคนนั้นยังคงตื๊อไม่เลิก
“นายต้องการอะไร?” ใบหยกทอดสายตาดุจ้องใบหน้าที่ค่อนข้างดูดีของเขาคนนั้น ด้วยความรู้สึกที่ทั้งอึดอัดและรำคาญ
“เราไม่ได้ต้องการอะไร...แค่อยากนั่งกับเธอ”
“เราชอบโจทย์ที่มีเพียงคำตอบเดียว ไม่ต้องอ้อมค้อม และไม่ต้องแสดงวิธีทำ เพราะอะไรที่มันต้องสาธยายมาก ๆ มันโคตรน่ารำคาญ”
เมื่อใบหยกพูดจูบ เสียงหัวเราะคิกคักของมินตรากับวิเวียนก็ดังขึ้น ราวกับพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ แต่ชายหนุ่มกลับไม่สะทกสะท้าน ยังคงเดินหน้าตอแยเธออยู่
“โห...ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม สเปกมากอะ...”
ใบหยกถึงกับชักสีหน้าพลางสูดลมหายใจเข้าลึกเธอเจอพวกหัวแข็งเข้าให้แล้ว
“ตรง ๆ เลยนะ เราชอบเธออะ...แลกไลน์กันนะ เราอยากจีบเธอ หน้าเหวี่ยง ๆ ตาดุ ๆ ดูร้อนแรง น่าเร้าใจแบบนี้...เราชอบ”
“นี่! เกินไปไหมฮะ คุกคามทางเพศเหรอ?” มินตราตวาดลั่น กับความหน้าด้านของเขา
“มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย พวกเราไม่อยากรู้จักคนอย่างนาย” วิเวียนออกปากไล่เขา
“ถ้าอยากให้เราไป ก็บอกเพื่อนเธอให้เบอร์เราก่อนดิ”
ชายคนนั้นมองหน้าใบหยกด้วยแววตาที่แสดงถึงความยียวน แต่ใบหยกกลับยื่นนิ่งจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
“อย่าให้นะใบหยก...” วิเวียนเอ่ย
“ชื่อใบหยกเหรอ...ชื่อน่ารักนะ ถ้าเธอคบกับเรา...เราจะเปลี่ยนชื่อเป็นกิ่งทอง จะได้คู่กับใบหยกไง”
“ใครอยากคู่กับนายไม่ทราบ...” มินตราเริ่มเหลืออด
ในขณะที่ทั้งสามสาวกำลังรำคาญใจกับชายหนุ่มตรงหน้า ทันใดนั้น...ร่างสูงของการ์ดชุดดำก็โผล่มาทันเวลาพอดี แต่การตรงมาหาพวกเธอครั้งนี้ กลับเป็นความตั้งใจจนพวกเธอมองด้วยสายตางุนงง
“มีอะไรเหรอคะ?” วิเวียนเอ่ยถาม เมื่อการ์ดทั้งสามคนเดินมาหยุดยืนตรงหน้าพวกเธอ
“คืนนี้คุณลูกค้าเป็นผู้โชคดี ของหนึ่งในคนที่มีวันเกิดตรงกับวันนี้ เราได้จับฉลากเพื่อหาผู้โชคดี เพื่อที่จะได้ขึ้นไปนั่งที่โซนVIP ฟรี! โดยคุณลูกค้าจะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ รวมถึงอาหารกับเครื่องดื่มก็ฟรีตลอดทั้งคืนครับ”
“ฟรี! ทุกอย่างเลยเหรอ” มินตราดูจะถูกใจกับรางวัลนี้มาก ในขณะที่ใบหยกกลับรู้สึกว่ามันดูแปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เอาไงดีพวกเรา” วิเวียนเอ่ยถามอย่างลังเลใจ
สามสาวหันไปมองหน้ากันงง ๆ ก่อนจะตัดสินใจยอมเดินตามการ์ดของผับไป โดยไม่รู้เลยว่า...นี่เป็นคำสั่งการของใครคนหนึ่ง ที่ต้องการดึงพวกเธอออกไปจากพวกผู้ชายขี้หลีในโซนนี้
“อย่าเฮีย! ผมยอมแล้วเฮีย...ผมยอมแล้ว...”ใบหยกถึงกับรีบถอยออกห่างจนชิดกำแพง พลางถอนหายใจอย่างโล่งอกด้วยความรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่คนเข้ามาช่วยคือ...เวกัส ตัวแรงตัวพ่อแห่งความเสเพล แต่ใบหยกกลับรู้สึกว่าเขาคือคนที่ไว้ใจได้ที่สุดในตอนนี้ ซึ่งมันขัดแย้งกับจิตใต้สำนึกของเธออย่างแรง “ผู้หญิงไม่เล่นด้วยมึงก็ควรถอย...อย่าเอาสันดานเหี้ย ๆ มาใช้ในถิ่นกู...ออกไป!” เวกัสเปล่งเสียงตวาดไล่จนชายคนนั้นสะดุ้งเฮือก แต่สายตายังคงจ้องมองไปที่ใบหยก ราวกับจะฝากฝังความอาฆาตแค้น เวกัสจึงคว้าข้อมือของใบหยกแล้วดึงให้เธอมาหลบอยู่ข้างหลัง จนใบหยกงุนงงกับสิ่งที่เขาทำ “ออกไป!” เวกัสตลาดไล่อีกครั้ง พลางจ้องชายคนนั้นตาเขม็ง เพียงเห็นสายตาดุดันของเขา ชายคนนั้นก็รีบลนลานออกไป จนภายในห้องน้ำเกิดความเงียบงันเข้าปกคลุม“ทีอย่างนี้...ทำไมไม่เห็นเก่งเลย...ฮึ!”เวกัสเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเชียบที่แสนอึดอัด จนใบหยกต้องพยายามสะบัดข้อมือออกจากการกอบกุมของมือใหญ่“ปล่อย! บอกให้ปล่อยไง...ไอ้บ้านี่!” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อเวกัสไม่ยอมปล่อยแถมยังกำข้อมือเธอแน่นจนใบหยกเกิดความไม่พอใจ“เธอพูดอย่างนี้
บนชั้น VIP ที่มีแสงไฟนุ่มสลัวเล็กน้อย เสียงเบสก็ไม่ได้ดังกระแทกจนหูชาเหมือนข้างล่าง วิเวียนกับมินตราขึ้นมาเจอฟลอร์เต้นรำก็กรี๊ดกร๊าดกันอย่างตื่นเต้น จนเผลอทิ้งใบหยกให้นั่งเฝ้าโต๊ะเพียงคนเดียว เพื่อที่จะไปออกสเต็ปกันอย่างเมามันใบหยกถึงกับส่ายหัวให้กับความรักสนุกของเพื่อน ๆ ถึงเธอจะไม่ได้ออกไปแจมกับทั้งสองสาว แต่ก็เลือกที่จะนั่งดูและยิ้มออกมาเบา ๆ อย่างมีความสุขพักใหญ่ ๆ ที่สองสาวสนุกสนานกับการเต้นจนลืมกลับโต๊ะ ใบหยกจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถดูเพื่อฆ่าเวลา~ อย่าอดทนกับความสัมพันธ์ที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัด เพราะคำว่ารักที่เท่าเทียมกัน จะไม่ทำให้เราต้องอดทนจนเกิดความอึดอัดใจ ~รอยยิ้มบาง ๆ ฉาบเคลือบบนมุมปากสวย เมื่อข้อความในโพสต์ของเพจที่เธอติดตามมานานอย่างเพจ...เมื่อลมหนาวมาเยือน ซึ่งใบหยกรู้ดีว่าเจ้าของเพจและโพสต์นี้คือใคร แม้เขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นหนึ่งในแฟนคลับก็เถอะ แต่สำหรับเธอ...เธอรู้แค่ว่าทุกครั้งที่เธอเหนื่อยและกำลังลำบากใจ เธอได้รับการเยียวยาและได้พลังงานบวกจากเพจนี้มาโดยตลอด มันทำให้ใบหยกผ่านช่วงแย่ ๆ ในทุกบททดสอบของชีวิต แต่โชคดีที่เธอได้รับกำลังใจจากเจ้าของเพจนี้สนใจหน้าจอได้เพ
เสียงเพลงภายในผับยังคงดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่อง จนสั่นสะเทือนยันพื้นห้อง ในขณะที่สองสาวกลับมานั่งลงข้าง ๆ ใบหยกหลังจากออกไปโยกย้ายจนได้เหงื่อกันพอใจแล้ว“เพลงสนุกมากเลย ระบบเสียงโคตรดี” วิเวียนเริ่มรีวิวให้คะแนนความหรูหราของผับ สมกับที่เธออยากพาเพื่อน ๆ มาเที่ยวตั้งแต่แรก“อาหารก็อร่อยนะ เครื่องดื่มก็ของดีทั้งนั้นเลย...เต็มสิบไม่หักเลย” มินตราที่ค่อนข้างซีเรียสเรื่องอาหาร ยังยอมรับว่าอาหารของที่นี่ดีเยี่ยมจริงๆ“จริง...ดีงามมาก” และใบหยกก็เห็นด้วยเช่นกัน“เอ้า! ดื่มฉลองวันเกิดฉันหน่อย” วิเวียนชวนเพื่อน ๆ ชนแก้วกันเพื่อเป็นการฉลองวันเกิดของเธอ ใบหยกเองก็ยื่นแก้วนมปั่นของเธอชนกับเพื่อน ๆ แม้ทั้งสามสาวจะคนละไลฟ์สไตล์ แต่ก็เป็นเพื่อนกันได้อย่างลงตัวขณะที่ทั้งสามสาวนั่งคุยกันพลางฉลองกันอย่างคึกคัก พลันสายตาของใบหยกก็เหลือบไปเห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้าม พลางทอดสายตาที่เต็มไปด้วยนัยชัดเจนว่าสนใจเธอ มองมาที่เธอพร้อมส่งรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์มาให้เธอใบหยกเห็นเช่นนั้นก็พยายามฝืนยิ้มตอบอย่างสุภาพ แต่มือเรียวกุมแก้วนมปั่นแน่นด้วยความรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกและใบหยกก็ไม่คิดเล
@VENIKA CLUB : [เวนิก้า คลับ]บนชั้นลอยภายในโซน VIP สุดหรูของ VENIKA CLUB ร่างสูงของเวกัสนั่งเอนหลังพิงกับโซฟาตัวยาวในท่วงท่าสบาย ๆ มือหนาหมุนแก้ววิสกี้ไปมา ทว่าไม่ได้ยกขึ้นดื่ม สายตาคมกริบดูว่างเปล่าและเหม่อลอย ราวกับมีเรื่องต้องให้คิดมากมายในหัวของเขาตอนนี้ไม่ได้เงียบเชียบเหมือนดวงตาที่ดูว่างเปล่า แต่ก็ไม่ได้ถูกรบกวนด้วยเสียงดังกระหึ่มของเพลงที่เปิดในผับ ทว่าเสียงนั้นกลับเป็นเสียงครวญครางแหบแผ่วของเธอคนนั้น ที่ดังก้องหูซ้ำ ๆ ในความทรงจำอันน่าขนลุกเสียงนั้นรบกวนสมาธิของเขาจนแทบหายใจไม่เป็นจังหวะ นอนหลับไม่เต็มตาเลยสักวัน จนต้องพาตัวเองออกมาระบายความอัดอั้นและกลบมันด้วยเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มเช่นตอนนี้“เป็นอะไรไป? ทำหน้าอย่างกับคนกำลังอกหัก...”นิกา หรือ ชานิกา พิบูลไกรศร สาวสวยเซ็กซี่ในชุดเดรสคัตเอาต์สีแดงสด เอ่ยถามเพื่อนสนิทอย่างเวกัส แค่เห็นเขาแวะเวียนเข้ามาที่ผับเธอก็แปลกใจมากแล้ว แต่อาการเหม่อลอยของเขากลับทำให้นิกาแปลกใจยิ่งกว่าเวกัสตวัดสายตาดุใส่เธอเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา อย่างไม่สบอารมณ์“คนอย่างเรา ไม่เคยได้ใช้คำนั่นหรอก...” เวกัสตอบ ก่อนจะยกแก้ววิสกี้ขึ้นกระดกรวดเดียวจ
ณ ห้องชมรมภายในศูนย์สาธิตวิทยาของสถาบัน EST ตอนช่วงเวลาบ่ายคล้อย ใบหยกยังคงนั่งก้มหน้าอยู่กับแบบแปลนชิ้นงานบนโต๊ะออกแบบอย่างเคร่งเครียด ดินสอไม้ด้ามยาวหมุนไปมาอยู่ระหว่างนิ้วเรียว ราวกับกำลังใช้ความคิดในหัวไม่หยุด“ใบหยกจ๋า!”เสียงหวานใสแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ของวิเวียนดังขึ้นจากข้างหลัง เพื่อย้ำกับใบหยกว่าตอนนี้จบชั่วโมงเรียนแล้ว เธอควรจะวางงานในมือแล้วกับบ้านกับพวกเธอได้แล้ว“พวกเรามีเรื่องสำคัญมากจะบอก”มินตราเอ่ยขึ้นเป็นการเสริมทัพ ด้วยน้ำเสียงจริงจังจนใบหยกต้องเงยหน้าขึ้นจากแปลนงาน เพื่อมาให้ความสนใจกับพวกเธอแทน“เรื่องอะไร? ถ้าเป็นเรื่องให้ไปช่วยพวกเธอแฮ็กระบบอีกล่ะก็ ไม่เอาแล้วนะ ฉันงานเยอะทำยังไม่เสร็จถึงครึ่งเลย”ใบหยกถอนหายใจ ก่อนจะหันกลับไปจดจ่อกลับแปลนงานอีกครั้ง วิเวียนจึงเลื่อนเก้าอี้มานั่งลงข้าง ๆ พลางกอดคอเพื่อนรักแน่น“ไม่ใช่จ้ะ…คราวนี้เป็นเรื่องความสุขของพวกต่างหาก”“ความสุข? ความสุขอะไรอ่า?” ใบหยกเลิกคิ้วอย่างสงสัยมินตราที่ยืนกอดอกพิงโต๊ะอยู่ก็ไขข้อสงสัยในทันที“วันนี้เป็นวันเกิดของวิเวียนไง...อย่าบอกนะว่าใบหยกมัวสนใจแต่โปรเจกต์ของสถาบันจนลืมวันเกินวิเวียนไปแล้ว เร
(5ปีก่อน...)ภายในงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือจากการจับฉลากของขวัญของพนักงานทั้งบริษัท ชายคนหนึ่งได้รับของขวัญเป็นกล่องคุกกี้หอมหวานกับตุ๊กตาหมีขนฟูตัวใหญ่เป็นรางวัล แนบมากับซองเงินโบนัสของปีนี้ ซึ่งเขาจะได้ใช้จ่ายสำหรับค่าเล่าเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา“เอาไปให้ใบหยกดีกว่า...ต้องดีใจมากแน่ๆ”เขามองตุ๊กตาในมือ พลางยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงใบหน้าของลูกสาววัย 17ปี นาน ๆ ทีพ่อที่บ้างานอย่างเขาจะได้มีของขวัญไปฝาก ลูกสาวเขาต้องดีใจมากแน่ ๆ เพียงแค่คิดเขาก็สัมผัสได้ถึงความสุขที่เต็มตื้นในหัวใจแล้วเขาวางตุ๊กตาหมีตัวนั้นไว้บนโต๊ะเอกสาร ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ เครื่องจักรตัวใหญ่ซึ้งเขามีหน้าที่ควบคุมดูแล ก่อนจะหันไปทำงานกับเครื่องจักรอีกตัว ที่อยู่ด้านตรงข้ามกันอย่างคุ้นชินเสียงเครื่องจักรกำลังทำงาน ดังเป็นจังหวะคงที่ พร้อมกับมีเขาคอยดูแลและระบบควบคุมอยู่ไม่ห่างแต่แล้ว...กึก! ครืนนนน...ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เสียงบางอย่างก็แทรกเข้ามาในโสตประสาทของ เขา จนเขาต้องรีบหันกลับไปดู และหัวใจของเขาก็เหมือนถูกบีบรัดแน่นขึ้นทันที“ฉิบหายแล้ว...”เ