⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆
พิลลาจำเป็นต้องถอยทัพ เรไรมีความสำคัญกับครอบครัวมากก็จริง แต่บัญชีเธอร่อยหรอพอประมาณเมื่อจ่ายสารพัดค่าใช้จ่ายไป ไหนวันที่ยี่สิบยังต้องจ่ายค่าเช่าร้านถ่ายเอกสารอีก ที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีปัญหาผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ว่าอะไรก็จ่ายตรงวันตลอด เดือนนี้ก็ตั้งใจจะจ่ายให้ตรงวัน และต่อให้ยืมเงินในส่วนนี้มาไถ่ตัวเรไร มันก็ไม่พอ
ในบัญชีเธอมีสองหมื่นต้นๆ หรือถึงมีพอสี่หมื่นแปดพัน เธอก็ทำใจจ่ายไม่ได้อยู่ดี สารินโกงกันชัดๆ
เขาว่า ขายไปสามหมื่น ซื้อคืนสี่หมื่น แต่เธอต้องจ่ายส่วนที่พิรภพนำมาจำนำด้วย แปลว่านอกจากเงินทุนแปดพันของเขาจะอยู่ ยังได้กำไรอีกสามหมื่น ส่วนคนที่ซื้อไปก็รับเงินหมื่นไปนอนกก ในขณะที่เธอเข้าเนื้อเกือบห้าหมื่น
ไอ้หน้าขนนี่แม่งไม่อยากตายดีจริงๆ สินะ ถึงได้ริอ่านโกงคนอย่างพิลลา
“พี่จีบ พี่เสือเขาขายไปแล้วจริงๆ เหรอ”
เธอปรายตามองน้องชายที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ “อือ เห็นมันว่างั้น เลยแค่วันเดียวมันยังทำได้ลงคอ เลวจริงๆ” ด่าคนหน้าเลือดไม่พอ ยังพาดพิงน้องชายต่ออีกหน่อย “ก็ดูไว้นะว่าพี่ชายที่รักนักรักหนามันมีไรดีให้นับถือ จำบ้างว่ามันทำไรกับมึง พี่ที่ไหนกล้าเอาของสำคัญของน้องไปขายทอดตลาด คนคนนี้มันไม่ได้น่าเคารพอะไรนักหรอก ไอ้เสือใหญ่ ไอ้คนจัญรี้จัญไร ทำตัวแบบนี้ก็ขอให้เจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีไปเลยเถอะ บักเปรต”
กระแทกแดกดันจบก็ตักข้าวเข้าปาก
“เกลียดขี้หน้ามันมานานละ เหอะ เสือใหญ่”
“...”
“ถุย หน้าเหมือนวัว”
ผู้อาวุโสอย่างจินดาไม่กล้าค้านคำหลานสาว แม้จะไม่อยากให้หลานหัวแก้วหัวแหวนปากร้ายเช่นนี้ก็ตาม หล่อนหรืออุตส่าห์พาเข้าวัดเข้าวาแต่เด็ก พยายามปลูกฝังแต่สิ่งดีๆ แต่คงจะฝังลึกไปหน่อยเลยขุดมาใช้ไม่ได้ ไอ้ที่เอามาใช้เลยมีแต่ความถ่อย ไม่สมกับหน้าตาที่แสนน่ารักนั่นสักนิด
มารดาเช่นกัลยาก็หาเสียงตัวเองไม่เจอ
พิลลาเงยหน้ามาสบตาน้องชาย “วัวน่ะ รู้ไหมว่าวัวมันกินอะไร”
“หญ้าครับ”
“ใช่ วัวกินหญ้ายังได้ไฟเบอร์ แต่ไอ้หน้าวัวนี่มันกินอะไร ทำไมมันถึงคิดไม่ได้ว่าไม่ควรมาหาเรื่องพี่” ก่อนเบนสายตาไปทางมารดา “แม่ก็เห็นแล้วใช่ไหมล่ะว่ามันนิสัยสันดานแย่แค่ไหน หัดเตือนลูกชายแม่บ้างว่าอย่าไปขลุกอยู่แต่ที่บ้านมัน ถ้ายังไม่เข็ดไม่หลาบสักวันจีบจะไปบุกเผาให้เหลือแต่ตอ”
หญิงวัยกลางคนหน้าเจื่อนอย่างคนหนักใจ
พิรภพอ้อมแอ้มตอบ นัยน์ตาคลอหน่วยคล้ายจะร้องไห้ “ขอโทษครับ ผมผิดเอง”
อย่าคิดเชียวว่าเธอจะใจดี
“สำนึกผิดไปเลยนะ แล้วก็คิดดูว่าคุ้มไหมที่เอาเรไรไปแลกกับเงินแค่นั้น”
กัลยาเห็นลูกคนโตเอาแต่ดุจนลูกชายหงอลงถนัดตา ก็เกิดอยากจะปกป้อง แต่พอเห็นแววตาที่ไม่สบอารมณ์ หล่อนก็ทำได้เพียงตักข้าวเข้าปาก เพราะก็ใช่จะไม่โกรธที่ลูกชายกล้านำของต่างหน้าสามีไปจำนำ แต่พอเห็นลูกซึมไป หัวอกคนเป็นแม่ก็กวัดแกว่งอย่างรุนแรง
หญิงชราอาสาเป็นหน่วยกล้าตาย “อย่าว่าน้องมันเลยจีบ”
“ยายอย่าให้ท้ายมัน วันนี้มันเอาเรไรไปจำนำ วันหน้าไม่เอาบ้านไปจำนองเลยเรอะ พูดแล้วก็โมโห ได้มาแปดพันก็ต้องเอาไปซื้อโทรศัพท์คืนเพื่อน ไหนพอจะไถ่คืน สี่หมื่นแปด กะเอารวยเลยมั้ง สงสัยไอ้หน้าวัวหาเงินไปอมตอนตาย”
แม้ว่ากับข้าวจะไม่อร่อยสำหรับพิลลาอีกแล้ว แต่ก็ยังทนตักยัดเข้าปากแล้วเคี้ยวจนแก้มตุ่ย
“ที่จีบมีเท่าไรล่ะ”
สาวหมวยตวัดตาไปทางหญิงชรา “สองหมื่นนิดๆ หักค่าเช่าร้านไปสี่พันก็หมื่นหกหมื่นเจ็ดได้”
“งั้นเอาแหวนกับสร้อยยายไปจำนำก่อน”
พิลลาส่ายหน้าพรืด “ไม่เอาหรอก ทองนั่นมันก็ของสำคัญของยายเหมือนกัน”
“แต่เรไรก็สำคัญ”
กัลยาได้ทีเสริมคำของแม่ตัวเอง “เอาสร้อยแม่ไปด้วยก็ได้ ไว้ค่อยหาเงินไปไถ่”
“ไม่เป็นไรครับ”
ทุกสายตาของสาวสามวัยจึงหันไปทางเด็กหนุ่มเป็นตาเดียว
“เดี๋ยวผมไปคุยกับพี่เสือเอง บางทีอาจจะขอผ่อนได้” สายตาที่อุดมไปด้วยความรู้สึกผิดตกกระทบที่ใบหน้าของพี่สาว “ผมเป็นคนสร้างปัญหา ผมก็จะแก้เองครับ”
“ดี ไปแก้ซะ”
“พุดจีบ! / ยายจีบ!”
สองเสียงจากมารดาและยายดังประสานกัน พิลลาเพียงแค่มองอย่างไม่ยี่หระ “ให้พอใจมันรับมือเองแหละถูกแล้ว ต่อไปมันจะได้รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ มัวแต่โอ๋ก็ไม่วายต้องตามเช็ดตามล้างกันจนตาย จีบไม่เอาด้วยหรอกนะ” จบประโยคก็ตักข้าวเข้าปาก โดยที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรอีก
คำพูดของพิลลาถือเป็นประกาศิตสำหรับบ้านแก้ววิพัฒน์
ด้วยประการฉะนี้ หลังทานมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย พี่สาวใจโฉดก็ออกคำสั่งให้น้องชายเจ้าปัญหาไปบ้านของสาริน เพื่อไปหาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้ของต่างหน้าพ่อกลับเข้าสู่อ้อมอกอีกครั้ง
โดยที่เธอนอนกระดิกเท้าดูทีวีอย่างสบายใจ
ด้านพิรภพนั้นจำเป็นต้องรับศึกหนัก “กูบอกไปแล้วนะใจว่าให้เวลาถึงแค่เมื่อวาน พ้นเมื่อวานไป เรไรก็เป็นสิทธิ์ของกู จะขายหรือเอาไปต้มยำทำแกงอะไรก็ได้ ไม่ใช่เรื่องผิด”
“ผมไม่คิดว่าพี่จะขาย ผมเคยบอกพี่ไปแล้วว่ามันเป็นนกของพ่อ”
สารินยังไม่ตอบในทันที ไม้คิวในมือถูกใช้งาน ก่อนเสียงลูกสนุกเกอร์กระทบกันจะดังเข้าหู ตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำของเจ้าของบ้าน “พ่อมึง ไม่ใช่พ่อกู”
พิรภพจึงได้รู้ว่าโลกใบใหญ่นั้นโหดร้ายกับเด็กอย่างเขามาก
“รู้ทั้งรู้ว่าของพ่อ แล้วเอามาให้กูทำไม”
“ก็ผมต้องใช้เงิน”
นัยน์ตาคมกริบปรายมองเด็กหนุ่มในชุดนักเรียน “ขอพี่สาวก็ได้”
เมื่อหวนนึกไปถึงอาหมวยที่มาเอาเรื่องเขาถึงที่บ้าน ใบหน้าคมคายกลับมีรอยยิ้มผุดพรายขึ้น ในกำแพงแสนจะมีสักกี่คนที่กล้ามาทำพฤติกรรมหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่เขา แต่แม่นั่นทำได้ มาทำถึงถิ่นเขาด้วยซ้ำ ช่างใจเด็ดและไม่กลัวตายเสียจริง
คนอวดเก่งแบบนี้ ได้ใจเขาเลย
สำหรับพิรภพนั้น ยามภาพเหตุการณ์ที่เขาไปสารภาพบาปกับพี่สาวไหลเข้าหัว ขนกายก็ลุกอย่างไม่มีเหตุผล
เด็กหนุ่มตอบด้วยความสัตย์จริง “กลัวโดนด่าครับ”
สารินแค่นหัวเราะน้อยๆ “นั่นมันเรื่องของมึง”
“ให้ผมผ่อนได้ไหม ยังไงผมก็ต้องพาเรไรกลับบ้าน”
คนอายุมากกว่าส่ายหน้าอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่คล้ายจะใจดี แต่ก็แค่คล้าย “ลีลา อีกวันสองวันไอ้พัลก็เอาไปขายต่อแล้ว ถ้าอยากได้ก็ต้องเอามาจ่ายตอนนี้” แก้วเบียร์ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ตัวถูกยกมากระดก “จ่ายสด งดเชื่อ เพราะกูเบื่อทวง ถ้าไม่มีมาจ่ายก็โบกมือลาเรไรไปได้เลย”
เสียงของหนึ่งในวัยรุ่นร่วมโต๊ะดังขึ้น “ยังไงวันนี้ก็ต้องมา ทำไมไม่มาตั้งแต่เมื่อวาน ไม่งั้นก็ไม่มีปัญหาละ”
“เมื่อวานพี่จีบต้องจ่ายค่ารถครับ เลยไม่กล้าบอก”
คนถามพยักหน้ารับส่งๆ “มาช้ามันก็หลุดจำนำ ทำไงได้ล่ะ มึงผิดคำพูดเอง”
อีกคนเสริม “คิดว่าพี่เสือจะใจดีขนาดนั้น?”
ใช่ เขาคิดว่าสารินจะใจดี แค่วันเดียวคงไม่เกิดอะไรขึ้น แค่คุยกันก็น่าจะตกลงกันได้ ไม่คิดเลยว่านอกจากจะขายนกของเขาไปแล้ว คนที่เขาเคารพนับถือเหมือนพี่ชายจะยังพูดจาใจร้ายและไม่แยแสกันสักนิด
พิรภพหันกลับมาทางเจ้าของบ้าน “ผมจะไปคุยกับพี่จีบอีกครั้งครับ”
“พี่มึงจะช่วยอะไรได้”
เพราะหลังจากทราบว่าการไถ่ตัวเรไรสนนราคาที่สี่หมื่นแปดพัน แม่คนเก่งก็เดินกระทืบเท้าออกไปเลย น่าจะหายซ่าไปพักใหญ่
มาหนนี้น้องชายก็ทำ เพียงแต่เป็นการเดินคอตก ไม่ได้มีท่าทีฮึดฮัดเหมือนอย่างกับพี่สาว
คล้อยหลังหนุ่มวัยละอ่อน สารินพูดได้เพียง “เด็กน้อยทั้งพี่ทั้งน้อง”
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ “อีนม” มือที่ตั้งท่าจะคว้าผ้าขนหนูเป็นอันชะงัก ก่อนหันกลับมาเลิกคิ้วใส่มัทรี “หล่อนได้กับพี่เสือใหญ่ยัง” ลมหายใจของพิลลาสะดุดกึก นัยน์ตาเบิกโต ภาพความทรงจำที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ผุดมาอย่างกับมีใครไปตั้งโปรแกรมไว้ สัมผัสนั้นคล้ายว่ายังติดอยู่ที่มือ ทำให้พิลลาแข็งทื่อไปทั้งตัว กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็เป็นนาที “ยัง ไม่ใช่ ใช่นั่นแหละ แต่หมายถึงว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน จะได้กับเขาได้ไง” สองเสียงประสานกัน “เหรอ / เหรอ” “ใช่ ฉันเคยโกหกอะไรพวกหล่อนหรือ-” “เยอะแยะ” “แต่เรื่องนี้พูดจริง” พิลลายืนยันหนักแน่น หลังได้ผ้าขนหนูมาไว้ในมือ เธอก็โพล่งขึ้นเพื่อตัดบท “ไปอาบน้ำละ” บรรยากาศในร้าน PEEK A BEER เป็นอย่างที่เคยเป็น มีเสียงเพลงจากนักร้องที่เคล้าไปกับเบียร์เย็นๆ เหล้าที่แสนบาดคอ และกับแกล้มที่ขาดไม่ได้ ช่วงหัวค่ำมักเป็นเช่นนี้ แต่พอดึกเข้าหน่อย ผีเสื้อราตรีก็ออกโรง และพวกเธอสามคนไม่เคยแผ่ว “ใครพอจะทราบข่าวบ้างว่าช่วงนี้ยายฟายมันตีกับใคร” ประโยคนั้นเรียกสายตาของสองสาวต่างขั้วได้เป็นอย่างดี ‘ยายฟาย’ ของมัทรีคืออรอนงค์ เพราะเป็นคู่ปรับกันมานาน เห็นว่าชื่อฝ้าย เลยเปล
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ “ช่วยไอ้เสือกำพร้าแม่ตัวนี้หน่อยได้ไหมครับ” ร่างระหงบนตักแกร่งอาศัยจังหวะนี้ในการพุ่งตัวไปหาชายหนุ่ม แตะริมฝีปากไปที่ปากหยักติดคล้ำ แล้วจึงผละออกมาก่อนที่สารินจะทันตั้งตัว นอกจากริมฝีปาก ร่างแน่งน้อยก็ผละออกจากตักแกร่งในเวลาถัดมา “สอง” เธอหอบหายใจราวกับเพิ่งวิ่งมาราธอนมาก็ไม่ปาน “สองครั้งแล้ว เหลืออีกแค่แปดครั้ง” นัยน์ตาคมจ้องมองไปยังผู้พูด ยกมุมปากขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้ม เสียงแค่นหัวเราะดังขึ้น “อ้อ เมื่อกี้เรียกจูบ?” “ก็ใช่ ของวันนี้ถือว่าเรียบร้อยแล้ว” “ไม่เอาน่า ใครมันจูบกันแบบนี้ เด็กน้อยมาก โคตรรับไม่ได้” “รับไม่ได้ก็เรื่องของพี่ จีบจะกลับบ้านแล้ว” “พุดจีบ” เสียงเข้มๆ เอ่ยเรียกชื่อของเธอ สีหน้าและแววตาไร้แววล้อเล่น ทำให้เธอคาดเดาอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่ได้ พิลลาจึงค่อยๆ ก้าวเท้าถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่าง “มานี่” “ไม่ จะกลับบ้าน” “มา” สารินยันกายลุกขึ้นยืน พร้อมกับที่ก้าวเท้ามาทางนี้ “แบบนี้มันไม่เรียกว่าจูบ อย่ามาโกง” พิลลาไม่อยู่ฟัง รีบสับเท้าวิ่งออกจากบ้าน ก่อนตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์แล้วบิดสุดแรงเกิด เธอไม่เคยหมดท่าขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกแพ้ย่อยยับจนม
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ บ้านทั้งหลังมืดสนิท พิลลาจึงเปิดไฟจนพอมีแสงสว่าง คงจะเป็นอย่างที่เด็กวัยรุ่นหน้าบ้านบอก สารินอยู่หลังบ้าน และเธอก็ไม่ได้พกมือถือติดตัวมาด้วย หากต้องเดินออกไปเรียกอย่างไรก็คงต้องเจอกับคนที่อยู่ด้านหลัง จึงหวังว่าความเปลี่ยนไปในบ้านจะเรียกสายตาของเขาได้ ไฟในบ้านเปิดเอง เจ้าของบ้านจะไม่สงสัยแล้วเข้ามาดูหน่อยหรือ แต่ผ่านมาห้านาทีเห็นจะได้ ก็ไม่มีใครเดินเข้ามาด้านใน และวันนี้เธอก็ไม่ได้ว่างมารอเขานานๆ ด้วย เพราะอยากกลับให้ถึงบ้านก่อนที่สองสาวจะมาถึง ไม่อย่างนั้นต้องปั้นน้ำเป็นตัวอีกเช่นเคย พิลลาเดินไปที่ประตู แนบหูไปกับบานไม้เพื่อฟังความเคลื่อนไหวรอบนอก ที่ก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกวัยรุ่นที่มารวมตัวกัน บางครั้งก็มีเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นหูดังเข้าโสตประสาท ร่างระหงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ยื่นมือไปแตะที่ลูกบิดแล้วออกแรงหมุนช้าๆ จนมันถูกเปิดในที่สุด ไม่รู้ว่ากี่สายตากันแน่ที่มองมา แต่เธอตวัดตาไปมองเพียงสารินคนเดียว อย่างน้อยการมองแค่เขาก็ลดความอายลงไปได้มากโข “มีธุระจะคุยด้วยค่ะ” ว่าจบก็ปิดประตูลงทันที ก่อนสับเท้าเดินไปนั่งที่โซฟาทั้งใบหน้าบึ้งตึง เธอโกรธตัวเองที่เลือก
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ Pudjeeb Philla: พี่ลืมของไว้ที่ร้าน เธอกำลังจะถ่ายรูปกระเป๋าสตางค์ส่งไปให้ หลังเปิดดูแล้วพบสารพัดบัตร รวมถึงบัตรประชาชนที่มีหน้าเขาแปะหราไว้ พร้อมกับชื่อ ‘สาริน อัศวกมล’ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลัลนารีบต่อสายหามัทรีอย่างเร่งด่วน ทว่าข้อความของเขาก็ถูกส่งเข้ามาเสียก่อน Sarin Asawakamol: หัวใจ?? จากตั้งใจจะถ่ายรูป เธอก็เปลี่ยนมาโต้ตอบกับเขาแทน เห็นแล้วคันไม้คันมืออยากหยุมหัวคน Pudjeeb Philla: ใช่จ้า กำลังจะเอาไปต้มให้หมากิน Sarin Asawakamol: หมาในปากหรือเปล่าครับ Sarin Asawakamol: เลี้ยงดีจังเลยนะ ถึงว่า ขยันทำงานเหลือเกิน Pudjeeb Philla: อ๋อค่ะ คนที่จีบเพิ่งยกพวกไปรุมกระทืบก็พูดแบบนี้แหละ Sarin Asawakamol: อยากโดนจังSarin Asawakamol: โคตรอยาก เธอด่าเขาในใจ แต่ไม่พิมพ์ด่าให้เรื่องยืดยาว เลือกที่จะตัดบทด้วยการส่งรูปกระเป๋าสตางค์ไปให้ Pudjeeb Philla: จะให้เอาไปให้หรือจะมาเอาเอง Pudjeeb Philla: ร้านปิดห้าโมง ถ้ามาก็อย่าเกินนี้ แต่ถ้ารอจีบเอาไปให้ก็ค่ำๆ Pudjeeb Philla: แต่ของพี่นั่นแหละ มีบัตรประชาชน ส่วนเงินไม่ได้นับ แต่ไม่ได้ยุ่งอะไร ถ้าหายก็ไม่เกี่ยวกับจีบ
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ สารินกลับไปแล้ว หลังจากนั่งๆ นอนๆ อยู่หลังโต๊ะทำงานของเธออยู่หลายชั่วโมง ที่จริงเขายังไม่คิดจะกลับ ถ้าไม่ติดที่เธอไล่ตะเพิดเพราะลัลนากำลังจะมาที่ร้าน เพื่อนสนิทเดินมาทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ “คืนนี้ออกไหม” “ถ้าหล่อนกับเมลฟี่ไป ฉันก็ไป” “เป็นไร” พิลลาหันไปมุ่นคิ้วใส่เพื่อน “เห็นทำหน้าเซ็งๆ” เป็นอย่างที่ลัลนาว่า เธอเซ็งมากๆ ที่คนอย่างสารินเข้ามาข้องเกี่ยวกับชีวิต ยิ่งเขาพยายามล้ำเส้นที่ตกลงกันไว้ ไม่ยอมให้มันหยุดที่การจูบ แต่คิดจะจีบ เธอก็เกิดอาการอึดอัดคับแน่นในใจ ครั้นจะให้จ่ายเงินก็มีไม่พอ กว่าจะได้แต่ละบาทนั้นไม่ใช่ง่ายๆ ยิ่งต้องจำนำข้าวของสำคัญหรือเลือกหยิบยืมเพื่อนสนิท เธอทำไม่ได้ เนื้อนมไข่คบกันได้นานเพราะไม่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง ไม่มีใครเคยยืมเงินกันให้ต้องผิดใจ ไม่ร่วมธุรกิจกันในหมู่เพื่อน ทานข้าวก็หารเท่า ดื่มเหล้าไม่เคยเอาเปรียบ มาครั้งนี้เธอก็ไม่มีความกล้ามากพอจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเพื่อน แม้จะรู้ว่าเพื่อนต้องช่วย แต่มันจะเป็นปมในใจว่าครั้งหนึ่งเธอเคยหยิบยืมเงินคนสนิท แค่ยอมให้ไอ้หน้าวัวจูบไม่กี่ครั้ง เปลืองตัวแค่นี้ สบาย ก็ถ้ามันทำแค่นั้น เธอค
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ ‘ป๋า’ เดินออกไปจากร้าน ควบมอเตอร์ไซค์ไปทางร้านน้ำ พิลลามองจนลับสายตาก่อนส่ายหัวน้อยๆ ป๋าอะไรกัน คนที่ขายนกทอดตลาดทั้งๆ ที่เพิ่งเลยกำหนดมาวันเดียวน่ะ หรือจะขอผ่อนก็แสนจะเรื่องมาก สารินมันเค็มยิ่งกว่าน้ำทะเลเสียอีก ช่วงเที่ยงๆ แบบนี้ ร้านน้ำของปาริฉัตรมีลูกค้าหนาตาทีเดียว หนึ่งในนั้นคืออรอนงค์ บ้านของอรอนงค์ประกอบกิจการซัก อบ รีด ตั้งแต่เขาย้ายมาดูแลตาที่นี่ ก็ได้บ้านนี้ในการจัดการส่วนของเสื้อผ้าอาภรณ์ ไม่ต้องลำบากซักตากเองให้เหนื่อย หลังจากตาถึงแก่กรรม เขาก็ไม่คิดจะย้ายกลับไปอยู่กับครอบครัวที่กรุงเทพฯ เพราะหลงรักกำแพงแสนเสียแล้ว นอกจากส่งเสื้อผ้าซักกับบ้านของอรอนงค์ สาวเจ้ายังอาสาเข้ามาดูแลความสะอาดของบ้านทุกสัปดาห์อีกด้วย เขามีหน้าที่จ่าย และก็ยินดีจ่าย เพราะเธอทำมันได้ดีไร้ที่ติ “ไปไงมาไงเนี่ยพี่เสือใหญ่” สารินระบายยิ้มให้แม่ค้าร้านน้ำ “มาซื้อน้ำน่ะ” “แหม อยากลัดคิวให้สุดหล่อจริงๆ แต่เดี๋ยวโดนคนอื่นเขม่นเอา เพราะงั้นนั่งรอก่อนนะ” เขาเลือกที่จะนั่งโต๊ะเดียวกับอรอนงค์และกีรติ ซึ่งเป็นสองสาวที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี “มาซื้อน้ำเหรอพี่” ชายหนุ่มพยักหน้าเป็