วิมานแก้ว แดนสวรรค์
มหาเทพ 3 องค์ผู้เป็นใหญ่ที่สุดปกครองสวรรค์ร่วมกันประทับอยู่บนบัลลังก์เหม่อมองไปยังเหล่าทวยเทพและเซียนสวรรค์นับหมื่นด้วยสายตาเรียบนิ่งด้านชา มีเพียงบางครั้งที่รู้สึกตัวก็จะพยายามโบกมือและส่งยิ้มให้กับเทพและเซียนบนแดนสวรรค์เป็นระยะ
วันนี้พวกเขาทั้งสามมารวมตัวกันที่วิมานแก้วที่ประทับของมหาเทพมู่ซี สตรีเพียงหนึ่งเดียวในมหาเทพทั้งสาม ผู้เป็นเจ้านายแห่งมวลพฤกษานานาพรรณ ด้วยเหตุที่ว่าท้อสวรรค์ที่จะสุกทุก 3,000 ปี ได้สุกงอมเต็มที่ เซียนสวรรค์นับหมื่นจึงมารวมตัวกันเพื่อรอรับส่วนผลไม้แห่งอายุวัฒนะนี้
“ต้นท้อออกผลกี่ผลกันเล่าคราวนี้ท่านมหาเทพมู่ซี” มหาเทพฮ่าวเทียนผู้เป็นนายแห่งสรรพสิ่ง ควบคุมสุริยัน จันทรา ดิน น้ำ ลมไฟ เริ่มตั้งคำถามด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“ได้ยินว่า คราวนี้มีถึง 384 ผลเลยทีเดียว ทั้งยังสามารถขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นได้อีกถึง 3 ต้น อีก 3.000 ปี พอพวกมันสุกพร้อมกันก็คงจะมีมากกว่านี้อีกไม่น้อย” มหาเทพมู่ซีเปิดเผยสีหน้าลำบากใจออกมา
ท้อสวรรค์เป็นผลไม้ในดินแดนเทพที่เคยเป็นที่ต้องการของมนุษย์ที่ต้องการเพิ่มอายุขัยมาช้านาน แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว บัดนี้แดนสวรรค์ แดนมนุษย์และแดนปีศาจล้วนแบ่งแยกไม่ก้าวก่ายกัน มนุษย์ไม่อาจก้าวข้ามมาเป็นเซียน จึงไม่เกิดสงครามแย่งชิงท้อสวรรค์อีกต่อไป
แต่ท่านเซียนนับหมื่นนับพันที่อาศัยอยู่บนแดนสวรรค์ก่อนที่ดินแดนทั้งสามจะตัดขาด ก็ยังให้กำเนิดลูกหลานเซียนออกมาอีกไม่น้อย ผลท้อยังคงเป็นที่ต้องการของพวกเขาเพื่อการยกระดับขึ้นเป็นเทพอยู่ดังเดิม
ช่วงแรกท่านผู้ปกครองทั้งสามก็ยังรู้สึกยินดีที่เซียนสวรรค์เหล่านี้จะได้ก้าวข้ามมาเป็นเทพได้ จะได้มีคนช่วยงานให้มากหน่อย แต่พวกเขาลืมคิดไปว่าสวรรค์ มนุษย์และปีศาจแยกกันอยู่ไปแล้ว ไม่มีสงคราม ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกทำลายล้างกันเอง ปัญหาเทพล้นสวรรค์จึงบังเกิด
แม้ผลท้อจะสุกทุก 3 ,000 ปี แต่คราวหนึ่งก็หลายร้อยลูก เซียนสวรรค์ที่เคยได้กินผลท้อไปก่อนหน้ายกระดับขึ้นเป็นเทพจนล้นสวรรค์ มหาเทพทั้งสามจำต้องแบ่งแยกหน้าที่มอบหมายยิบย่อยให้พวกเขาไปดูแล ไม่ว่าจะเป็น เทพต้นสน เทพน้ำค้าง เทพปลาตะเพียน เทพกระต่าย เทพเตาไฟ เทพตะเกียง สารพัดเทพ กลายเป็นปัญหาใหญ่หลวงในการแต่งตั้งมอบหมายงานในทุก 3.000 ปี
“หา!! 384 ผลเชียวหรือ แล้วเราจะมอบตำแหน่งเทพอันใดให้พวกเขากันหวาดไหวเล่านั่น! ข้าคิดไม่ออกแล้วนะว่าแต่งตั้งเทพอะไรเพิ่มขึ้นได้อีก!”
“ข้าเองก็ขุดเอาพืช ผักผลไม้ออกมาแต่งตั้งเทพประจำตัวจนแทบจะหมดแล้ว จบงานท้อสวรรค์ครั้งนี้ข้าคงต้องทุ่มเทแรงใจสรรค์สร้างพืชพรรณชนิดใหม่ๆ ออกมาแล้วกระมัง" มหาเทพมู่ซีลอบถอนใจเบาๆ
มหาเทพสิงเทียนนั่งฝั่งเงียบๆ แต่ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำจนเป็นสีผัก เขาเป็นมหาเทพแห่งสรรพสัตว์ทั้งปวง เวลานี้ไม่ว่าสัตว์เทพ สัตว์บก สัตว์น้ำ ก็แต่งตั้งเทพผู้พิทักษ์ไว้จนเกือบหมดแล้ว จะเป็นไรหรือไม่หากจะมีเทพไส้เดือน เทพกิ้งก่าอะไรเทือกนั้น มหาเทพสูงวัยผู้น่าเกรงขามรู้สึกกระอักกระอ่วนเหลือจะกล่าว
จะยับยั้งขีดจำกัดของท่านเซียนทั้งหลายเอาไว้ก็ใช่ที่ กว่าพวกเขาจะบำเพ็ญเพียรกันมาได้ก็นานหลายพันปี ความหวังสูงสุดย่อมเป็นการได้เป็นเทพอยู่แล้ว หรือจะให้ไปตัดต้นท้อทั้ง 12 ต้นนั้นทิ้งก็ไม่ได้เช่นกัน ท้อสวรรค์เป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์มีมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล และหากคิดตัดจริงๆ ตนก็คงต้องเปิดสงครามกับมหาเทพมู่ซีมหาเทพแห่งมวลพฤกษาเป็นแน่
เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาทั้งสามไม่อาจเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของตนได้ว่ากำลังทนทุกข์เพียงใด ผลท้อสวรรค์เปรียบเสมือนของล้ำค่าที่เหล่าเซียนอยากได้มาครอบครอง บรรดาเทพที่ได้รับการแต่งตั้งไปแล้วทุกองค์ก็ภาคภูมิใจกับหน้าที่ของตนกันอย่างไร้ข้อกังขา
ดังนั้นการมอบท้อสวรรค์ในทุก 3,000 ปี มหาเทพทั้งสามจึงให้ความสำคัญและจัดงานขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่ถูกคัดเลือกให้ได้รับผลท้อ ไม่อาจทำลายความเชื่อมั่นและความฝันอันสูงส่งของเหล่าเทพและเซียนบนสวรรค์ได้ลงคอ
“ได้เวลาแล้ว ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบ”
เทพนกขุนทองส่งเสียงแหลมเป็นสัญญาณ ทำให้บทสนทนาของท่านมหาเทพต้องหยุดลงพร้อมกับเปลี่ยนแปลงใบหน้าให้เหมาะสมกับวันแห่งความหวังของเหล่าเซียนสวรรค์ทั้งหลาย
เมื่อเสียงเบื้องล่างเงียบสงบลงมหาเทพมู่ซีจึงเคลื่อนกายออกไปลอยอยู่เบื้องหน้าเซียนสวรรค์นับหมื่น
"อย่างที่พวกท่านรู้ หากพวกท่านจะก้าวข้ามไปสู่ขั้นเทพได้ ท่านต้องบำเพ็ญเพียรสะสมอายุขัยให้มากพอ ซึ่งบางคนอาจจะต้องใช้เวลายาวนานหลายหมื่นปี และการได้กินผลท้อสวรรค์จากเกาะแก้วของข้าก็เป็นทางลัดทางหนึ่ง”
น้ำเสียงหวานอันทรงพลังของมหาเทพมู่ซี สร้างบรรยากาศแห่งความศักดิ์สิทธิ์กับเหล่าเซียนเบื้องล่าง แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงออกมาสักคนด้วยความตื่นเต้น
“ครั้งนี้ท้อสวรรค์ออกผลมาทั้งหมด 384 ผล เราจะใช้การคัดเลือกแบบเดิม ขอให้ทุกท่านจงโชคดี”
เสียงสูดหายใจเข้าของเซียนสวรรค์ทั้งรุ่นใหญ่รุ่นเยาว์เบื้องล่างดังขึ้นพร้อมกันด้วยความตื่นเต้น หลายคนเข้าร่วมการคัดเลือกมาหลายครั้งแต่ก็ยังไม่เคยได้รับเลือก ได้แต่พยายามฝึกฝนบำเพ็ญเพียรเพิ่มอายุขัยของตนเองรอโอกาสดีงามเช่นนี้มาโดยตลอด
เมื่อมหาเทพมู่ซีกล่าวจบ ทูตสวรรค์ในรูปลักษณ์ผีเสื้อเกล็ดแก้วบางใสจำนวน 384 ตัว ก็โบยบินออกมาจากหมู่เมฆโดยรอบ เพื่อทำการคัดเลือกโดยการเสี่ยงจับคู่ เมื่อผีเสื้อเกล็ดแก้วไปเกาะที่ผู้ใด ผู้นั้นก็จะได้รับผลท้อไปคนละ 1 ผล
เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ เสียงแสดงความยินดี รวมทั้งเสียงร่ำร้องด้วยความเสียใจของผู้ที่ผิดหวัง ค่อยๆ ดังขึ้นมาจากกลุ่มท่านเซียนเป็นระลอก จนในที่สุดผีเสื้อเกล็ดแก้วก็คัดเลือกผู้โชคดีทั้ง 384 คนได้จนครบ
มหาเทพมู่ซีจัดการส่งกลีบดอกไม้นานาชนิดให้โปรยลงมาจากฟากฟ้าเบื้องบนสร้างบรรยากาศแห่งความเป็นมงคล นอกจากนี้ท่านมหาเทพฮ่าวเทียนยังปล่อยให้สายรุ้งหลายสายวิ่งผ่านไปทั่วฟ้า เทพสัตว์ต่าง ๆ แปลงกายเป็นสัตว์สวรรค์ร้องคำรามก้องเพื่อร่วมแสดงความยินดี
ภาพการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ตระการตาเหล่านี้ทำให้ท่านเซียนผู้ได้รับผลท้อรู้สึกถึงการต้อนรับเข้าสู่การเป็นส่วนหนึ่งของแดนสวรรค์อย่างแท้จริง และยังกระตุ้นเหล่าเซียนที่เหลือให้มุ่งมั่นตั้งใจที่จะบำเพ็ญเพียรเข้าสู่การเป็นเทพมากกว่าเดิม
ทั้งหมดนี้แทบจะไม่มีผู้ใดรู้ตัวเลยสักนิดว่าเทพสวรรค์ว่างงานกันจนเหงา พอมีงานมอบท้อสวรรค์ที่เกาะแก้วของมหาเทพมู่ซี จึงมาร่วมงานกันคับคั่ง เร่งแสดงอิทธิฤทธิ์ออกมาให้เชยชมกันเพราะปกติก็ไม่ค่อยได้แสดงฝีมืออันใดออกมา
“เชิญท่านเซียนที่ได้รับการคัดเลือกพาผีเสื้อของพวกท่านมารับผลท้อของท่านไปเสีย เมื่อท่านกินผลท้อไปแล้วท่านจะมีอายุขัยเพิ่มขึ้นแต่ยังคงต้องฝึกฝนและต้องเรียนรู้กับท่านเทพอาวุโสในสายงานที่ถูกจะถูกมอบหมายจึงจะสำเร็จเป็นเทพได้”
มหาเทพมู่ซีนายหญิงแห่งพฤกษากวาดมือรอบหนึ่ง เถาวัลย์สีเขียวก็แทงยอดออกมาจากก้อนเมฆใต้เท้าของนาง เลื้อยพันขึ้นเป็นต้นเถาวัลย์ขนาดใหญ่ ภายในฝักสีชมพูของเถาวัลย์ค่อยๆ คลี่ออกและในนั้นบรรจุผลท้อสีทองอร่ามจำนวน 384 ผลเอาไว้ ผลท้อสวรรค์สีทองส่งกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์แผ่กระจายไปทั่ว ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องรีบสูดหายใจเข้าเพื่อรับเอากลิ่นอายแห่งความเป็นมงคลเข้าไปกักเก็บไว้ในร่าง
การแจกผลท้อสวรรค์เริ่มดำเนินไปอย่างช้าๆ พร้อมกับมีทูตสวรรค์ในคราบของผีเสื้อเกล็ดแก้วอีกหลายพันตัว บินออกมาแจกผลท้อธรรมดาสีชมพูอ่อนจากเกาะแก้วให้กับผู้มาร่วมงานกันถ้วนหน้า
และในที่สุดก็ถึงการมอบผลท้อสวรรค์ผลที่ 384 ซึ่งเป็นผลสุดท้าย เซียนหนุ่มท่าทางองอาจในเครื่องแต่งกายสีน้ำเงินขาวเดินมาถึงเบื้องหน้ามหาเทพมู่ซีพร้อมกับผีเสื้อเกล็ดแก้วของเขา
“นี่พวกเจ้าไม่คิดจะทำสิ่งอื่นนอกจากเกี้ยวพาราสีกันทุกเมื่อเชื่อวันเช่นนี้บ้างหรือไร!” เสียงหวานใสของซินหรูอี้ดังมาแต่ไกล“หรูอี้!! ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วให้พูดแต่คำหวานๆ รักษากิริยาให้สำรวมไว้หน่อยเถิด หากลูกในท้องติดนิสัยโผงผางเช่นเจ้ามาข้าคงต้องกลั้นใจตายสักวันเป็นแน่” เวยวั่งซูชักสีหน้าไม่พอใจแต่สองมือก็ประคองปกป้องร่างภรรยารักเอาไว้ราวกับไข่ในหิน“ท่านก็เลิกวุ่นวายกับชีวิตข้าเสียทีเวยวั่งซู!! ข้ามันคิดผิดจริงๆ ที่ยอมแต่งให้ท่าน ดูสิทุกวันนี้ข้าต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในแดนเหนือที่หนาวเย็นจนถึงกระดูก คลอดลูกออกมาเมื่อใดข้าจะย้ายมาอยู่กับเหยาจีที่ทางใต้เสียให้รู้แล้วรู้รอด”“ก็ข้าเป็นผู้ฝึกตนสายน้ำแข็งนี่นา ไม่อยู่กับหิมะจะให้ข้าไปอยู่ในกองเพลิงหรือไร แล้วเมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ? คลอดบุตรแล้วเจ้าจะมาอยู่ทางใต้ คิดจะทิ้งเราสองพ่อลูกไว้ทางเหนือเพียงลำพังเช่นนั้นหรือ? ฝันไปเถิด!!" “เจ้าจะหงุดหงิดอันใดนักหนาเล่าวั่งซู นางยังไม่ทันคลอดด้วยซ้ำ ข้าแนะนำให้เอง!! กลับไปแดนเหนือคราวนี้ไม่สู้เจ้าแช่แข็งนางเอาไว้เป็นไร นางจะได้ไม่หนีไปเที่ยวเล่นที่ใดได้อีก”ซินหรูอี้ใช้สองมือประคองท้องกลมโตเดินอาดๆ ม
หญิงสาวก้าวออกมายืนด้านหน้าผู้คนแทนที่อ๋าวหลวนหลง“ชัยชนะของพวกเราในครั้งนี้จะไม่สำเร็จโดยง่ายหากปราศจากพวกเขาเช่นกัน” มู่เหยาจีผายมือไปด้านขวาของนาง สายตามองไปยังสัตว์เลี้ยง 12 ตัวที่ยังรอดชีวิตอยู่“สัตว์ปราณทั้ง 12 ตัว ได้รับผลท้อไปแล้ว 5 ตัว ข้าจะไม่ลังเลเลยที่จะมอบผลท้อสวรรค์อีก 7 ผลให้กับพวกมันอย่างยุติธรรม วันใดที่มนุษย์ไม่อาจไว้วางใจกันเอง พวกท่านโปรดจำเอาไว้ว่าสัตว์ทั้ง 12 จะเป็นผู้ที่ปกป้องท่านจากภยันตรายทั้งปวง”สิ้นคำกล่าวของหญิงสาว ผีเสื้อเกล็ดแก้ว 7 ตัวก็โบยบินออกไปส่งมอบผลท้อสวรรค์ให้วานรสองตัว สุนัขจิ้งจอกสองตัว หวางผาง เต่าและปลาหมึก“ท้อสวรรค์ 7 ผลที่เหลือข้าจะให้ผีเสื้อเกล็ดแก้วเป็นผู้คัดเลือกผู้โชคดีขึ้นมาตามแบบอย่างที่เคยทำในแดนสวรรค์ และจากนี้ไปผลท้อที่สุกออกมาทั้งหมดก็จะใช้วิธีเดียวกันนี้เช่นกัน”มู่เหยาจีวาดเรียวแขนงามออกมาโบกสะบัดชายแขนเสื้อยาวกรุยกรายสยายออกเป็นวงกว้างในอากาศพร้อมกับมีร่างของผีเสื้อเกล็ดแก้วลำตัวใสกระจ่างระยิบระยับเจ็ดตัวโบยบินไปวนเวียนอยู่เหนือศีรษะกลุ่มผู้ฝึกตนที่รวมกลุ่มกันอยู่ผู้โชคดีทั้งเจ็ดคนมีทั้งอดีตเซียนที่ลงมาจากแดนสวรรค์และผู้ฝึกต
“ยามนี้บนเกาะลอยที่เหลือเพียงครึ่งไม่มีผลท้อธรรมดาที่สามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บเลยสักผล ทำอย่างไรดีพี่สี่เสิน หวางเซี่ยเจ้าต้องหยุดพักรักษาตัวก่อน เราจะหาทางกลับไปเอาผลท้อมาช่วยเจ้ากันเอง!!” หญิงสาวละล่ำละลัก หันพูดทางนั้นทีทางนี้ทีตัดสินใจทำสิ่งใดไม่ถูก“น้องสาว ผลท้อธรรมดาไม่อาจรักษาอาการบาดเจ็บของหวางเซี่ยได้หรอก ต่อให้เจ้าฝืนเด็ดผลท้อสวรรค์ที่ยังไม่สุกหยิบยื่นให้เขาก็ยังไม่อาจรักษาบาดแผลที่สาหัสนั้นได้ ปล่อยให้เขาทำสิ่งที่เขาต้องการต่อไปเถิด”“ผลท้อช่วยไม่ได้ เช่นนั้นลูกแก้วมังกรของพี่หลวนหลงก็ต้องช่วยได้สิเจ้าคะ ท่านลองส่งสารบอกผีเสื้อเกล็ดแก้วดู ให้พวกเขาพาคุณชายสี่กลับมาที่นี่ก่อน” น้ำตาสองสายไหลออกมาเต็มใบหน้างาม อ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนา“เจ้าตั้งสติให้ดีๆ อวัยวะภายในของหวางเซี่ยเสียหายรุนแรงเกินไป หาใช่ขาดแล้วเชื่อมต่อใหม่ได้เหมือนอย่างเส้นเอ็นของหลวนหลง เจ้าดูดวงตาของฝูซีสิ สิ่งที่ขาดหายไปแล้วน้ำลายมังกรไม่อาจสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้”ไม่ต้องอธิบายมากไปกว่านี้มู่เหยาจีก็รับรู้ได้ถึงความรุนแรงอันหนักหน่วงบนร่างกายสหายรักใต้น้ำสองพี่น้องเดินลงไปที่ชายหาดจุดเดิมที
การเคลื่อนไหวอันทรงพลังของนกอินทรียักษ์รวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาด เพียงไม่นานมันก็พาอ๋าวหลวนหลงมาพบกับกลุ่มผีเสื้อเกล็ดแก้วที่กำลังรุมล้อมรอบเกาะลอยพุ่งโจมตีไส้เดือนปีศาจยี่สิบตัวกันไม่ยั้งมือ“นั่นมัน!!” ดวงตาคมกริบของอ๋าวหลวนหลงเบิกค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ คำพูดที่กำลังจะเอ่ยออกมาก็พลันถูกกลืนลงคอไปด้วยความตื่นตะลึงชายหนุ่มขยี้ตาซ้ำๆ อีกหลายครั้งและสุดท้ายก็ต้องเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาตาไม่ฝาด ยามนี้บนต้นท้อสวรรค์มีผลท้อสีเขียวอมชมพูส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลล่องลอยไปทั่วบริเวณ“เป็นไปได้อย่างไรกัน! ท้อสวรรค์ออกผลอีกแล้ว! ฮ่าๆๆๆ ผลงานของเหยาจีนี่ดูท่าจะลูกดกดีแท้!!” กล่าวจบชายหนุ่มก็ต้องรีบจับขนหลังคอนกอินทรีตัวเขื่องเอาไว้แน่น เจ้านกยักษ์แกล้งบินลงต่ำกะทันหันด้วยความหมั่นไส้กับคำพูดที่กำกวมของมนุษย์ไร้ขนที่ขี่หลังมันอยู่“ข้าหมายถึงผลท้อ เจ้าจะขัดเคืองอันใดนักหนา!!” อ๋าวหลวนหลงเอื้อมมือไปตบหัวนกอินทรีทีหนึ่งอย่างอดไม่ได้ แต่ใบหน้าคมกลับแดงก่ำที่ถูกจับได้ว่าแอบคิดนอกลู่นอกทางในยามคับขัน“พวกเขาจัดการเจ้าหนอนเหล่านี้ได้แน่นอน เราต้องไปช่วยทางนั้น” อ๋าวหลวนหลงชี้มือไปยังบริเวณชายหาดเพิกเฉยกับการต
“ข้ายังมีพลังอ่อนด้อยเกินไป ไม่สามารถติดต่อกับผีเสื้อเกล็ดแก้วที่อยู่ทางใต้ไม่ได้ แต่การที่หวางเซี่ยและคู่ของมันลุกขึ้นมาสู้สุดใจเช่นนี้อาจเกิดเรื่องกับทางหลวนหลง” ฝูซีเอ่ยปากอย่างร้อนรน“คุณชายสี่อยู่ทางนั้นเพียงลำพังหรือเจ้าคะ” มู่เหยาจีก็เพิ่งรู้ว่าอ๋าวหลวนหลงไม่ได้อยู่ร่วมการต่อสู้ทางชายหาดบริเวณนี้“ใช่ เขาต้องรีบผนึกรอยแยกใต้ทะเล ทางนี้พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะปล่อยให้พวกมันขึ้นมาบริเวณน้ำตื้นเพื่อจัดการมันได้ง่ายหน่อย แต่จะไม่ยอมปล่อยให้มันขึ้นฝั่ง การที่หวางเซี่ยพาเกาะลอยกลับลงทะเลลึกอยู่นอกเหนือจากที่เราตกลงกันไว้”“เช่นนั้นข้าจะส่งนกอินทรีออกไปสืบข่าว” ต้าโหวจื้อกระโดดลงจากหลังนกอินทรี แล้วปล่อยให้นกยักษ์บินกลับไปเพียงลำพังเพราะตัวเขายังมีประโยชน์ในการสู้รบกับกลุ่มปีศาจมากมายที่มารวมตัวกันบริเวณนี้ไม่มีเวลาให้ทุกคนได้ไตร่ตรองสิ่งใดต่อไป สัตว์ปีศาจที่เล็ดลอดออกจากรอยแยกใต้ทะเลรวมกับกลุ่มที่หลอกล่อให้มนุษย์หลงไปผิดทางก็มีไม่น้อย พวกเขายังไม่สามารถจัดการมันได้ทั้งหมดหากปราศจากความช่วยเหลือจากผีเสื้อเกล็ดแก้วที่แข็งแกร่งทั้งหกพันตัวอินทรียักษ์บินเลยผ่านหวางเซี่ยที่เคลื่อนตัวไปได้
เมื่อเห็นหวางเซี่ยพยายามชิงพื้นที่การควบคุมเกาะลอยใต้น้ำไว้อย่างยากลำบาก ผู้ฝึกตนระดับสูงทั้งหกคนก็มุ่งเข้ามาช่วยเหลือปูยักษ์สองสามีภรรยาโดยพร้อมเพรียงกัน“เหยาจี!! เป็นอย่างไรบ้าง” มู่สี่เสินทะยานขึ้นไปบนเกาะไปหาน้องสาวเป็นคนแรก“พี่สี่เสินข้าปลอดภัย พวกมันกำลังพยายามจะขึ้นไปบนฝั่งเจ้าค่ะ”“ฝูซีก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้วเช่นกัน เราจะไม่ยอมให้พวกมันเอาต้นท้อสวรรค์กลับลงไปยังแดนปีศาจได้สำเร็จแน่นอน”“พวกเราต้องช่วยหวางเซี่ย ไส้เดือนปีศาจเหล่านั้นแข็งแกร่งมากอีกไม่นานหวางเซี่ยอาจจะทนต่อไปไม่ไหวเจ้าค่ะ”หญิงสาวสงสารและเป็นห่วงปูยักษ์จับใจ ขาทั้งแปดของหวางเซี่ยขยับเขยื้อนได้เพียงเล็กน้อย ความสามารถในการป้องกันตัวแทบจะเป็นศูนย์ แต่โชคดีที่มันมีร่างกายใหญ่โตกว่าไส้เดือนตาบอดเหล่านั้นจึงยังใช้กระดองดันไส้เดือนปีศาจให้อยู่รอบนอกโดยมันควบคุมพื้นที่ใต้เกาะลอยส่วนใหญ่เอาไว้ได้พอดิบพอดีมู่สี่เสินคว้ามือของน้องสาวย่อตัวลงเล็กน้อยและออกแรงกระโดดขึ้นไปอยู่บนร่างของวานรทั้งสองตัวเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้กับปีศาจไส้เดือนที่กำลังพยายามยึดเอาเกาะลอยกลับคืนมาจากหวางเซี่ย……….รอยแยกใต้ทะเลลึกผีเสื้อเกล็ดแก้