"พี่ดิน แน่ใจเหรอ?" นิรณากระซิบถามเบา ๆ ระหว่างทางเดินมายังเวทีมวยใต้ดินที่อยู่อีกห้องหนึ่ง
"ถามแบบนั้นออกมา เพื่ออะไรครับ ยังไงตอนนี้เราก็ให้ถอยไม่ได้อยู่ดี" "ถ้านิไม่ใจร้อน บุ่มบ่าม เราสองคน คงจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้" ว่าแล้ว มือกดขอกำลังเสริม ให้มาล้อมไว้ แต่พวกเขา ไม่สามารถเข้ามาด้านในได้ ทางเดียวที่เหลือคือบดินทร์ต้องชนะ แต่เพราะกลัวเขาเจ็บ ใบหน้างามยิ่งเคร่งเครียดขึ้น จนคนข้างกายสังเกตุเห็น "โทษตัวเองไป ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก นิเชื่อใจพี่เถอะ" คนตัวสูงว่า มือหนาเอื้อมไปคว้าเอามือเล็กมากอบกุมไว้ หวังให้เธอคลายความกังวล ซึ่งนิรณาก็พยายามเชื่อใจเพราะยังไงซะ..ผู้ชายตรงหน้าก็ได้ชื่อว่าเป็นครูมวย ใช่ บดินทร์คือหนึ่งในผู้ฝึกสอนนักมวยให้ค่ายชื่อดัง ซึ่งเป็นสมบัติที่ตามอบให้เขาเป็นคนสานต่อ และอย่างน้อย ๆ การต่อสู้ คงไม่จบง่ายดาย "นิมีวิธีแล้ว..พี่ดินยื้อเวลาสักพักนะ" ยัยคนเก่งว่าเร็ว ๆ แล้วผลุบหายตัวไปในฝูงชน ใช้เทคนิคการสะกดรอยตามกลุ่มคนหน้าสงสัยไป ทิ้งให้บดินทร์เดินตามชายคนนั้นไป หลังจากเดินตามกลุ่มคนน่าสงสัยไป ในที่สุดสารวัตรสาวก็มาหยุดข้างเวทีประมูลที่กำลังจะเริ่มรอบใหม่ และได้เห็นว่าพวกมันนำเด็กมามัดไว้ด้านหลังอยู่หลายคน สองมือจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมา ถ่ายหลักฐานส่งไปให้ทีมตัวเอง เพื่อขอกำลังเสริมเพิ่มอีก ก่อนจะอาศัยความตัวเล็กค่อย ๆ เดินอ้อมเขาไปใกล้กับชายคนหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะคอยสอดส่องดูลาดเลา แล้วใช้นิ้วจิ้ม ๆ บ่า และพอมันหันหน้ามาปุ๊บ จึงใช้ขวดเหล้าที่หยิบติดมือ ฟาดเข้าไปจัง ๆ ตรงขมับ และยังไม่ถึงวินาทีด้วยซ้ำ มันก็สลบเหมือดไม่รู้สติ เวลานั้น การประมูลก็เริ่มดุเดือด ขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งเหมือนว่าใกล้จะจบแล้ว นิรณาเลยต้องเร่งค้นตัว ได้มีดพกมาหนึ่งอันกับปืนอีกกระบอก รีบสาวเท้าวิ่งเข้าไปหาพวกเด็ก ๆ "พี่เป็นตำรวจนะ และจะมาช่วยพาพวกหนูออกไปจากที่นี่ แต่ว่าต้องสัญญาก่อนนะ ว่าจะไม่โหวกเหวก โวยวาย" "พี่เป็นตำรวจจริงเหรอคะ?" เด็กน้อยถาม ท่าทางไม่วางใจ แต่นิรณาที่ไม่มีเวลา ตัดสินใจตัดเชือกออกเร็ว ๆ "หนูเป็นอิสระแล้ว ถ้าไม่เชื่อใจ ก็วิ่งออกไปได้เลย แต่รู้ใช่ไหมว่าที่นี่ เต็มไปด้วยคนไม่ดี ถ้าโดนจับอีกครั้ง พี่อาจไปช่วยไม่ได้นะ" น้ำเสียงจริงใจ และการไม่คุกคาม แถมให้อิสระ ทำให้เด็กหลายคน เริ่มไว้ใจ และถึงว่าจะไม่ได้ถูกพันธนาการไว้ ก็ยินดียืนรอ ให้พี่สาวตัดเชือกให้เพื่อน ๆ ซึ่งเมื่อช่วยเหลือเด็กเสร็จสิ้น แปลนโครงสร้างคลับที่เธอนั่งจดจำ มาเป็นอาทิตย์ ทำให้นิรณารู้ทางหนี แต่การจะพาออกไป เป็นเรื่องที่ยากมาก อีกใจนึกห่วงสามี แต่เพราะชีวิตเด็กตาดำ ๆ สำคัญไม่น้อยกว่ากัน อีกทั้งเรื่องราว ยังเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว วันนี้..ยังไงก็ต้องเก็บงานให้เรียบร้อย ก่อนจะตัดสินใจจะพาเด็ก ๆ ออกไปจากที่นี้ ในทางที่ไม่ใช่ทางออก พลางเร่งพาเด็กทั้งห้าคน ไปขึ้นลิฟต์สำหรับพนักงาน เพื่อตรงไปที่ดาดฟ้าของตึก "พี่ครับ เราจะไปไหนกัน ด้านบนนี้มีแต่ท้องฟ้ากับลานโล่ง ๆ ไม่เห็นทางออกเลยนี่น่า" "เดี๋ยวด้านในจะวุ่นวายมาก ๆ เชื่อใจพี่แล้วรออยู่ตรงนี้ ถ้าโชคดี ทางการอาจจะส่งฮอมารับ เข้าใจไหม?" "ฮอ! เฮลิคอปเตอร์เหรอครับ?" "ใช่จ้ะ พี่ติดต่อไปแล้ว ตอนนี้คงกำลังมา อีกอย่างหนูน่าจะโตที่สุด พี่ฝากดูแลพวกน้อง ๆ ด้วยนะ" นิรณาหันไปฝากฝังเด็กชายวัยสิบกว่าขวบ แล้วหันหลัง วิ่งกลับไป ทว่าการแข่งขัน จบแล้ว ซึ่งฝั่งชายคนรัก เป็นคนชนะและพาเด็กออกไป ทำให้เธอรู้สึกทะแม่ง ๆ และไม่คิดว่าพวกมัน..จะปล่อยเขาไปง่าย ๆ แบบนี้ มือบางจึงเร่งกด โทรหาบดินทร์ ต่อสาย อยู่เกือบนาที ในที่สุดก็ติดสักที (นิอยู่ไหนครับ?) บดินทร์เร่งถามนิรณาด้วยความเป็นห่วง ยิ่งทำให้คนปลายสายปลื้มปริ่มเสียเหลือเกิน (พี่ดินเป็นอะไรไหมคะ?) (พี่ชนะแล้วครับ ตอนนี้กำลังพาเด็กคนนั้นกลับไปที่รถ) (เยี่ยมมากเลยค่ะ แต่ว่าตอนนี้นิยังออกไปไม่ได้ พี่ช่วยดูแลเด็กคนนั้นให้ดี ๆ นะคะ) (นิครับ! นิ) ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรต่อยัยนิรณาก็วางสายไปเร็ว ๆ ก่อนจะโทรไปสั่งให้กำลังเสริมเตรียมตัวบุกเข้ามา เพราะเคลียร์เด็กออกไปได้เกือบหมดแล้ว เหลือเพียงสาวน้อยที่นั่งอยู่บนเวที มาเกือบจะสามสิบนาทีด้วยผลการประมูลนั้นเดือดพล่าน ส่วนหนึ่งอาจเพราะความสวยที่หาตัวจับได้ยาก ขนาดว่านิรณาที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน ยังจ้องมองตาไม่กะพริบ จึงทำให้มันยืดเยื้อ และตัวเลขพุ่งสูง..ไปถึงหกหลัก พร้อมกัน สมองจึงเร่งหาแผนการใหม่ "คุณคะ..คุณ" "ครับ?" "ฉันขอยืมไฟแช็กหน่อยได้ไหมคะ?" "จะเอาไปทำไหมครับ?" "ต้องการไฟแช็ก ก็ต้องอยากดูดบุหรี่สิคะ" นิรณาตอบส่ง ๆ ไป ด้วยความรำคาญใจ "ไม่คิดว่าคนสวย ๆ อย่างคุณ..จะดูดบุหรี่กลับเขาด้วย" "แล้วสรุปจะให้ ไม่ให้คะ?" "อย่าใจร้อนนักสิครับ" ว่าแล้วเขาคนนั้น จึงหยิบออกจากกระเป๋ามายื่นให้ และหลังจากรับไฟแช็กมาได้ นิรณาก็ใช้จังหวะที่เจ้าของเผลอ หายตัวไปอีกครั้ง ซึ่งเพียงไม่นานหลังจากนั้น สัญญาณกันไฟไหม้ก็เริ่มทำงาน ทำให้น้ำมากมายจากตัวปล่อยที่ติดกับเพดาน ไหลเทลงมา ใส่ผู้คน ทำเอาทั่วห้องแตกตื่น และขณะที่ทุกอย่างกำลังชุลมุนวุ่นวาย นิรณาก็ต้องค่อยๆ แหวกฝูงชน เข้าไปใกล้เด็กสาว แต่เพราะสว่างมากเกินไป แถมยังมีการ์ดหลายคนอยู่แถวนั้น ทำให้ต้องรีบต่อสาย โทรสั่งให้ลูกน้องตัดไฟฟ้าของคลับทิ้งและจากนั้นเพียงแค่สามนาที ทั่วทั้งตึกพลันดับมืด เวลานั้นสองเท้าก็รีบออกวิ่งตามจุดที่จดจำ จนมาอยู่กลางเวทีได้ ซ้ำยังเหลือเวลาไม่มาก สองมือจึงเร่งคลำหาแม่กุญแจ ปัง! เสียงปืนดังขึ้น พร้อมกับเสียงหวีดร้องของผู้คนที่กลัวตายกำลังวิ่งวุ่นวาย สร้างความรำคาญให้ไม่ใช่น้อย แต่เมื่อลองคลำดูก็พบว่าล็อกขาดแล้ว จึงเร่งปลดแม่กุญแจ แล้วเอื้อมเข้าไปคว้านหามือน้อย แต่กลับคว้าหมับเข้าที่แขน เธอจึงออกแรงกึ่งลากกึ่งจูงพาสาวน้อยวิ่งหนี แม้ว่าเด็กคนนั้นจะขืนตัวไว้มากแค่ไหน ก็ไม่อาจสู้แรงได้ จำต้องวิ่งตาม วิ่งแล้วก็วิ่ง วิ่งจนเหนื่อย ท่ามกลางความมืด มืดมิดและไม่เห็นทาง แต่นิรณายังคงมุ่งมั่นจะช่วยเด็กสาว ให้ได้ออกไปพร้อมตัวเอง พลางกำชับมือเด็กไว้แน่น จนสัมผัสได้ถึงเหงื่อมากมายที่ผุดจากฝ่ามือ สาวน้อยคงกลัวมาก ซึ่งในที่สุด มืออีกข้างที่คลำอากาศว่างเปล่า..ก็เจอกับกำแพง เธอจึงแตะไปเรื่อย ๆ พยายามหาห้องอะไรก็ได้ เพื่อขังตัวเองและเด็กไว้ และเมื่อเจอ จึงไม่รอช้าที่ผลักเข้าไปทันที สุดท้ายเจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้ามาควบคุมสถานการณ์ได้ นิรณาและเด็กทุกคน เลยออกจากคลับ มาอย่างปลอดภัย แววตาแดงก่ำเคืองแค้น จดจ้องมองร่างสูงที่กำลังเปิดประตูลงมาจากฝั่งคนขับ แล้วสลับสายตามองวัตถุในมือ และหลังจากเล็งจนแน่ใจว่าจะไม่พลาด มันจึงออกแรงขว้างสิ่งนั้นใส่ศีรษะคนตรงหน้า ทำให้ก้อนหินขนาดกำรอบมือ ลอยละลิ่วปะทะเข้ากับท้ายทอยเขาอย่างจัง ความเจ็บแปลบแทรกเข้ามาในโสตประสาท ทำให้ต้องยกมือขึ้นกุมหัว พร้อมกันสติที่มีก็เริ่มพร่าเลือน ทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหว เปลือกตาก็ค่อย ๆ ปิดลง ล้มฟุบลงไปกองบนพื้น บุคคลปริศนาจึงก้าวออกจากที่ซ่อน สาวเท้ามุ่งตรงไปยังคนที่กล้าทำให้เขาเสียหน้า ริมฝีปากพลันแสยะยิ้ม ก่อนจะก้มตัวลงไปใกล้ แล้วออกแรงลากบดินทร์ เข้าสู่มุมมืดข้างทางนิรณามองสามีด้วยแววตาอ่อนล้า หัวใจหนักอึ้งด้วยความเวทนา บดินทร์กลายเป็นเจ้าชายนิทรามานานกว่าห้าเดือนแล้ว ร่างกายที่เคยแข็งแรงบัดนี้นอนนิ่งไร้การตอบสนอง ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นคืนสติ"ขอโทษนะคะ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้านิไม่ก้าวมาในชีวิตของพี่ เรื่องราวก็คงไม่เป็นแบบนี้" เสียงแผ่วเบาแฝงความเศร้าหมอง คำพูดเดิมที่เธอพร่ำบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลาที่เขาหลับใหล เธอเอาแต่โทษตัวเอง วันแล้ววันเล่าที่จมดิ่งอยู่กับความรู้สึกผิด ไม่อาจปลดเปลื้องความทุกข์ในใจได้แต่เพราะเด็กชายที่อยู่ในท้อง คนเป็นแม่จำต้องพยายามไม่ให้ตัวเองเครียดมากนัก หาสิ่งต่าง ๆ ทำวนเวียนไป เพื่อไม่ให้มีเวลาครุ่นคิดจนเกินไป แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด ก็ไม่อาจลบเลือนความคิดถึงที่มีต่อสามีได้แม้แต่น้อยทุกลมหายใจเข้าออกยังคงเป็น...บดินทร์หากการอ้อนวอนต่อฟากฟ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ จะช่วยได้ นิรณาอยากจะร้องขอสักครั้ง..ขอให้คืนคนรักของเธอกลับมาขอเพียงให้ลูกน้อยที่ใกล้จะลืมตาขึ้นมาเผชิญโลกกว้าง ได้มีพ่อที่เป็นปกติเหมือนเช่นคนอื่นได้โปรดแต่คำอธิษฐานดูจะไม่มีวันได้รับคำตอบ เวลาผ่านล่วงเข้าสู่เดือนที่เจ็ดของการหล
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาอีกสามวัน นิรณายังคงวนเวียนอยู่แถวบริเวณนี้ เพื่อติดตามการค้นหาบีบีและเตชินใช้เส้นสายที่มีให้ติดประกาศจับ แต่ยังไม่พบเจอว่าคนทั้งคู่ไปหลบเลี่ยงอยู่ในรูไหน ทุกอย่างเลยมืดแปดด้าน"พี่! พี่..เจอแล้วพี่" นราภพวิ่งเข้ามาในห้องพัก ก่อนจะหยุดยืนหอบต่อหน้านิรณา แล้วยื่นมือถือมาให้ดู"สายของผมถ่ายรูปคล้ายกับไอ้เตชินได้แถวท่าเรือร้างทางใต้ เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน ผมเลยให้มันไล่ตามไปแต่ก็คลาดกันจนได้" เสียงสั่นด้วยความเหนื่อยอธิบายเร็ว ๆฝั่งนิรณาเพียงแค่กวาดสายตามองรูปก็จำได้แทบทันที ว่าชายในภาพคือเตชิน แม้ว่าสภาพจะเละเทะ เนื้อตัวเสื้อผ้าสกปรกเปรอะเปื้อนไปดินโคลนทว่าสำหรับบุคคลที่เคยอยู่ร่วมกันมาหลายปีย่อมจำได้ แม้แต่ปลายเส้นผม เธอก็จำได้..จำได้ว่าเขาคือ เตชิน!"รีบเตรียมรถ พี่จะรออยู่ด้านหน้า" เสียงจริงจังหันไปสั่งน้องชาย ก่อนจะเดินไปหยิบอาวุธ และเช็กดูกระสุนในที่สุดสองพี่น้อง..ก็เดินทางมาถึงท่าเรืออันเงียบสงบ จนน่าประหลาดใจ เวลานั้นสัญชาติ..บอกให้นิรณาระวังตัว เธอเร่งหันไปส่งสัญญาณให้น้องชายตามมา ก่อนจะลัดเลาะไปตามตู้คอนเทนเนอร์ที่เรียงราย ดั่งเขาวงกตจนมาถึงอีกฝั่ง
ฝั่งนิรณาในที่สุด..ก็สามารถตามตัวเจอ จากข้อความที่นราภพ สู้อุตส่าห์ไปตามสืบ จนพบว่าคนพวกนั้น ไปปรากฎตัว อยู่แถวท่าเรือ อันเป็นสถานที่..ที่พวกอาชญากรทั้งหลายมักจะใช้หลบหนีออกนอกประเทศยิ่งทำให้กลัวใจ..กลัวว่ามันจะทำการหลบหนีได้สำเร็จ สองเท้าก้าวฉับ ๆ คว้าเอากุญแจรถ เตรียมมุ่งหน้าไปตามหาพวกมัน หวังจะจับให้ได้ด้วยมือตัวเองจวบจนเวลาเข้าสู่ยามโพล้เพล้ใกล้ค่ำ นิรณาที่ขับรถวนรอบเกาะและท่าเรือที่คาดว่าพวกมันจะไปกลับไม่เจอเลยสักนิด จนรู้สึกท้อใจ ตัดสินใจแวะปั๊มทางข้าง ลงไปล้างหน้า ล้างตา ให้รู้สึกสดใส จะได้มีแรงฮึดต่อดวงตากลับเหลือบเห็นใครบางคนในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์สีดำ สวมแมส สวมหมวก ปิดบังใบหน้า แต่ออร่าความหล่อยังพุ่งกระจาย ยืนเคียงข้างกับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ในชุดเดรสสีชมพู สวมปีกกว้างกำลังยืนลังเล..อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆทว่าหากเป็นคนนอกมองมา คงคิดว่าเป็นคู่รักดารา แอบมาเที่ยวสวีทหวาน ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าแต่นั้นไม่ใช่กลับนิรณา เธอมองแค่ปราดเดียวก็จำได้ทันทีว่า..สองคนนั้นแหละ! คือคู่ผัวเมียที่ตัวเองมาตามจับแต่ขณะที่ค่อย ๆ ย่องเข้าไป มือกำลัง เตรียมปืนจะยกขึ้นเล็งขู
สามอาทิตย์..ก่อนหน้านั้น"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ทางเราสามารถยื้อชีวิตคุณบดินทร์ได้แล้ว แต่เขาถูกสารเสพติดประเภทหลอนประสาท ทำลายสมองมากเกินไป ฝั่งการรับรู้เลยไม่ทำงาน" แพทย์วัยกลางคนอธิบายเสียงเศร้า อับจนปัญญาที่จะช่วยเหลือได้นอกจากรอเวลา ให้ร่างกายคนไข้ ฟื้นตัวเอง ซึ่งแทบจะไม่มีปาฏิหาริย์ เพราะสมอง ส่วนการรับรู้โดนฤทธิ์ของยานรกที่เกินขนาดเล่นงานให้"หมายความว่าพี่ดินจะต้องนอนเป็นผักอยู่แบบนี้เหรอคะ?" สิ้นคำถาม แพทย์เจ้าของไข้พยักหน้ารับ ก่อนจะขอตัวไปตรวจอาการคนอื่นต่อนิรณาเลยได้แต่มองตามหมอจนลับสายตา ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาใส่ตัว เธอไม่น่าใช้บดินทร์เพื่อเป็น..เครื่องมือแก้แค้น ไม่น่าทำแบบนั้นเลยสักนิดมันความคิด..ที่ผิดพลาด ตั้งแต่เริ่ม ถ้าวันนั้นตัดสินใจ ไม่เข้าหา ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เขาก็คงไม่ต้องมานอนหลับไม่รู้สติอยู่แบบนี้พอยิ่งคิดถึงความหลัง นิรณายิ่งโทษตัวเอง ได้แต่ถามว่าทำไม ๆ ทำไมบดินทร์ต้องเป็นคนรับกรรมที่ตัวที่เขาไม่ได้สร้าง ทำไม ไม่เป็นเธอที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้ทำไมทุกอย่างมันเลวร้าย แย่ลงไปหมด ทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร ทั้งที่เขาทำดีทุกอย่างแต่สุดท้าย คนใจดีคนนั
"อโหสิกรรมให้กันเถอะนะ แล้วชาติฉันท์ใด อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลย" สิ้นเสียงพูด นิรณายกมือไหว้ พร้อมปักธูปลงลงบนกระถาง ใบหน้าราบเรียบ ไร้ซึ่งชีวิตชีวา"ป้าเสียใจด้วยนะคะ..คุณนิ" หญิงวัยกลางเดินมาหาคนเป็นเจ้าภาพงานขาวดำครั้งนี้ แล้วยื่นมือไปรับธูป นำไปเคารพคนจากไป สีหน้าที่เศร้าสร้อย"หนูเสียใจด้วยนะคะ" หญิงสาวอีกคนที่ตามเข้ามาเอ่ยด้วยเสียงซึมเล็กน้อย นิรณาก็ไม่ได้พูดอะไร และยังคงตีสีหน้าเฉยเมย พร้อมยื่นธูปให้คนคนนั้นไป ดั่งหุ่นยนต์นัยน์ตาสีหวานว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึก ตอนนี้ชีวิตเคว้งคว้าง มองไปทางไหนก็มีแต่ความว่างเปล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลยเถิด จนทำให้เธออยากจะเป็นบ้าอีกด้านหนึ่ง พวกคุณหญิงต่างพากัน หันหน้ามาซุบซิบ"เห้ออ..สงสารคุณนิเนอะ ท้องตั้งหลายเดือนขนาดนั้น ยังต้องมาคอยจัดการงานตัวคนเดียวอีก""ฉันได้ข่าวมาว่าเขาไม่มีญาติเหลือเลยสักคน""แบบนั้นก็น่าสงสารแย่เลย" หญิงอีกคนพูด รู้สึกเห็นใจ ทั้งนิรณาและคนเสียชีวิต"นั้นสินะ! ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงมาด่วนจากไปเร็วก็ไม่รู้""เมื่อเช้าฉัน..ก็ลองถามหาสาเหตุนะ แต่ว่าคุณนิไม่ยอมพูดอะไรเลย" อีกคนกล่าวสมทบ"เธอก็คงช็อกมากแ
นิรณากลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่ว่าจะทำยังไง..คนเห็นแก่ตัวก็ไม่หมดไปสักทีทำเอางานในมือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากคนปฏิบัติงานที่มีเพียงเพียงน้อยนิด ไม่สัมพันธ์กันแต่แล้วเมื่อเปิดประตูห้องนอนออก บดินทร์กลับไม่อยู่พอลองโทรหา ก็ไม่ติด ทำให้คนเป็นภรรยาเริ่มกังวลใจตั้งแต่คบกันมาเวลาเขาจะไปไหน มักจะส่งข้อความบอกตลอด แต่วันนี้กลับไม่มีปฏิบัติการตามหาสามีจึงเริ่มต้นขึ้น เธอออกสำรวจไปทั่วบ้าน จนถึงโรงรถพบว่ายังมีรถบดินทร์จอดอยู่ ไม่ได้ไปไหน"สวัสดีค่ะ คุณนิ" แม่บ้านคนหนึ่งเดินปะหน้ากับนิรณาพอดี ยกมือขึ้นไหว้ทักทาย เธอจึงส่งมอบรอยยิ้มกลับไป"ฉันมาตามหาพี่ดินค่ะ พี่พอจะรู้ว่าเขา อยู่ที่ไหนหรือเปล่าคะ?" เสียงหวานถามออกไปอย่างเป็นมิตร"คิดว่าน่าจะบ้านคุณบีบีนะคะ เห็นพวกแม่บ้านฝั่งนั้น วุ่นวายออกไปซื้ออาหารตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว""พวกเขามีนัดทานข้าวกันตอนเย็นเหรอคะ?" นิรณาถามอย่างงุนงง บดินทร์ก็นะ ไม่ยอมบอกอะไรเธอสักอย่าง"ค่ะ ฉันเห็นว่าคุณดิน ไปบ้านหลังนั้น ตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วนะคะ" แม่บ้านรายงานทุกอย่างตามความจริง"ขอบคุณที่บอกค่ะ""แล้วคุณนิจะไปบ้านคุณบีบีไหมคะ?""เกรงว่าถ้าไปแล้วระเบิ