วันเวลาผันผ่านนานนับกว่าพันปีในดินแดนปีศาจหลังเฮยตงถูกกำจัดโดยกองทัพพันธมิตรหกพิภพ เฉิงเคอผู้เป็นอาของเฮยตงก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นราชาปีศาจ แต่ค่อนข้างแก่ชรา ทายาทเพียงคนเดียวคือโจวซุ่นก็ละทิ้งดินแดนปีศาจไปแล้ว ต้องใช้เวลานานกว่าจะตามหาพบและยินยอมกลับมาอยู่เผ่าปีศาจ ร้อยกว่าปีผ่านไปเฉิงเคอสิ้นชีวิตโจวซุ่นจึงขึ้นเป็นราชาปีศาจแทน
เจ้าของร่างเล็กบอบบางทรุดลงวางดอกไม้แล้วคำนับหน้าแท่นป้ายชื่อมารดาของตน
“ดอกไม้ที่ท่านแม่ชอบเจ้าค่ะ”
นางพึมพำพร้อมยิ้มบาง
“ท่านพ่อไม่ว่างมากับข้าในวันนี้ ท่านแม่อย่าโกรธท่านพ่อนะเจ้าคะ อีกอย่างเอาใจช่วยให้ข้าจับปีศาจฆ่าคนให้ได้ด้วยนะเจ้าคะ”
เจ้าตัวเอ่ยราวแอบกระซิบกระซาบก่อนลุกขึ้นแล้วหันกลับไปก็เจอคนของตนซึ่งขยับเข้ามาหาพร้อมสีหน้าไม่ดีนัก
“ธิดาน้อย ท่านเจ้าปีศาจให้ท่านไปโลกมนุษย์เพื่อเก็บดอกไป่เหอก็จริง แต่นี่ท่านยังจะกลับไปจับปีศาจที่นั่น หากท่านเจ้าปีศาจรู้เข้าคงไม่พ้นถูกดุแน่เจ้าค่ะ”
“ตอนนี้ท่านพ่อไม่อยู่ เราก็แค่รีบไปรีบกลับ”
ใบหน้างดงามของโจวซีหรูไร้ซึ่งความกังวล ทั้งแววตายังวิบวับเห็นเป็นเรื่องสนุก
“เรื่องผดุงความยุติธรรมช่วยเหลือมนุษย์ ไม่ใช่หน้าที่เราเผ่าปีศาจสักหน่อยเจ้าค่ะ อย่าไปเลยนะเจ้าคะ มันอันตราย”
เกาถิงจับแขนนายตนพร้อมรั้งอย่างไม่เห็นด้วย
ผู้เป็นนายยืนนิ่ง นางเองก็ไม่ได้สนใจมนุษย์นักหรอก บิดาบอกเสมอว่าห้ามเข้าใกล้มนุษย์เด็ดขาด พวกเขาทั้งกลัวและเกลียดชังปีศาจ แม้ท่านจะอนุญาตให้ไปที่นั่นในวันนี้ก็เนื่องด้วยเป็นวันเกิดของมารดา ซึ่งในทุกปีนางจะไปเก็บดอกไป่เหอสีขาวที่มารดาชอบยังดินแดนมนุษย์ หากก็ย้ำเสมอว่าจงอยู่ให้ห่างและระมัดระวังตัวจากมนุษย์
สำหรับโจวซีหรูแม้จดจำวันที่มารดาจากไปไม่ได้ หากก็คิดว่าท่านไม่เคยจากไปไหน ความทรงจำเพียงหนึ่งเดียวของนางคือท่านชอบดอกไม้ชนิดนี้ และวันเกิดของตนก็จะเอามาให้มารดาเช่นกัน
ขณะลงไปยังโลกมนุษย์ก็ได้รู้ว่ามีปีศาจร้ายกำลังก่อความวุ่นวายที่นั่น แรกทีเดียวนางตั้งใจกลับมาบอกเล่าให้บิดารับรู้เพราะท่านเป็นราชาปีศาจ เมื่อมีปีศาจแตกแถวทำผิดกฎของเผ่า บิดาของนางย่อมต้องส่งผู้คุมกฎไปจัดการ แต่บิดายังไม่กลับมาจากราชกิจสำคัญที่แดนไกลซีหรูจึงคิดไปกำราบด้วยตนเอง
“แต่มีปีศาจทำผิด อย่างไรเผ่าปีศาจก็ควรดูแลความเรียบร้อย”
“เช่นนั้นท่านก็ควรรอท่านเจ้าปีศาจ หรือไม่ก็ต้องบอกกับผู้คุมกฎทั้งสองสิเจ้าคะ”
เกาถิงขอร้องอย่างหนักใจ ธิดาน้อยของนางเก่งกาจก็จริง แต่ไม่เคยต้องสู้รบกับผู้ใดอย่างจริงจัง แม้ฉลาดเฉลียวหัวไว ฝึกฝนพลังปราณก้าวหน้าได้เร็ว คล่องแคล่วในเชิงการต่อสู้ ทว่าทุกอย่างล้วนเป็นการเรียนรู้ภายในเผ่าปีศาจ ไม่เคยผ่านการใช้งานจริง
“ปีศาจตนนั้นแข็งแกร่งเพียงใดไม่อาจรู้ได้ ลำพังแค่ท่านกับข้าอาจจัดการมันไม่ได้”
ซีหรูไม่ได้เกรงกลัว แต่คิดว่าหากดื้อแพ่งบอกว่าจะไปจับปีศาจนอกรีดมาสำเร็จโทษให้จงได้เกาถิงย่อมต้องคัดค้านไม่จบสิ้น ฉะนั้นนางจึงเลือกที่จะพูดให้คนของตนคล้อยตามแทน
“เราแค่ลงไปดูลาดเลาก่อนก็ได้ แค่ได้ยินข่าวมา ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นปีศาจจริงหรือไม่ มนุษย์คิดว่าทุกอย่างที่ตนมองไม่เห็นเป็นปีศาจร้ายไปเสียหมด แท้จริงแล้วอาจเป็นมนุษย์ด้วยกัน หรือสัตว์ร้ายก็เป็นได้”
นางเอ่ยอย่างให้ดูมีเหตุผล ตนกับเกาถิงเพียงได้ยินชาวบ้านพูดคุยกันอย่างหวาดผวาว่ามีบางอย่างทำร้ายมนุษย์ตายในป่าไปหลายรายในรอบหลายปีมานี้ ทั้งบาดแผลเหวอะหวะและปราศจากเลือดในร่างกาย และเรียกว่า ‘ปีศาจดูดเลือด’
เกาถิงนั้นโดยปกติแล้วก็ไม่อาจทัดทานนายตนได้ แม้นางจะอายุมากกว่าหากก็เป็นพี่เลี้ยงที่นับว่าตามใจธิดาน้อย กระนั้นก็เอ่ยเตือนในสิ่งที่เห็นว่าไม่สมควร
“ข้ายังเห็นว่าเราควรบอกท่านผู้คุมกฎก่อนอยู่ดี”
ซีหรูทำหน้าเบื่อหน่าย อีกฝ่ายรู้ว่านางต้องการหาเรื่องไปเที่ยวเล่นยังโลกมนุษย์เมื่อมีโอกาส แม้ไม่ได้ชื่นชอบเป็นพิเศษแต่นางก็รู้สึกคุ้นเคย ลงไปเก็บดอกไป่เหอเมื่อไรก็จะแวบเดินเข้าหมู่บ้าน เที่ยวตลาด ดูเครื่องประดับ กินอาหารของมนุษย์ที่รสชาติถูกปากตน
ตอนเด็กบิดาพานางไปเก็บดอกไม้มาให้ท่านแม่ เนื่องจากดอกไม้ในแดนปีศาจล้วนมีพิษ กระทั่งนางโตและภารกิจของท่านพ่อมากขึ้นหลังขึ้นครองดินแดนปีศาจ นางจึงขอเดินทางไปด้วยตนเอง มีเพียงเกาถิงเป็นผู้ติดตาม หากก็ถูกกำชับว่าให้รีบไปรีบกลับ แม้แรกๆ จะเชื่อฟังแต่หลายปีเข้านางก็แอบเตร็ดเตร่
“มาเถอะน่าอาถิง ข้าแค่อยากรู้ว่าใช่ปีศาจจริงหรือไม่เท่านั้นเอง หากไม่เกี่ยวกับเผ่าเราก็กลับ”
นางพูดพลางชุดมือของเกาถิงให้ตามมา หากขืนมัวช้าบิดากลับมาก่อนแล้วหานางไม่พบจะถูกดุเข้าจนได้ อย่างไรเวลาที่ดินแดนมนุษย์ก็สั้นกว่าเผ่าปีศาจอยู่แล้ว
“อ๊าก!!”
เสียงกรีดร้องแสนโหยหวนดังในป่าหนาทึบ พร้อมชายหนึ่งคนวิ่งออกมาตรงชายป่าด้วยท่าทางหวาดกลัวสุดชีวิต เขาเป็นเพียงคนเดียวที่รอดกลับมาหลังจากเข้าไปล่าหมูป่ากับสหาย แม้จะรู้ว่าแถบนี้เกิดเรื่องบ่อยในช่วงหลังมานี้ แต่เพราะต้องทำมาหากินเอาหมูป่ามาขายจำเป็นต้องเสี่ยง
เขาวิ่งลนลานหันกลับไปมองข้างหลังอย่างพะวักพะวนแล้วก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งจนล้ม แต่เมื่อหันกลับมาเห็นว่าเป็นคนก็จับขาอีกฝ่ายไว้
“หนีเร็ว!”
“เกิดเหตุอันใดขึ้นหรือ”
ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เป็นผู้เอ่ยถามพร้อมทั้งเข้าไปช่วยพยุง
“ปีศาจ ปีศาจร้าย มันฆ่าทุกคนหมดแล้ว”
คนบอกเสียงแหบพร่าด้วยความกลัวทั้งยังหน้าซีดเผือด
“พวกท่านรีบหนีไปจากป่านี่เสีย ข้าไม่อยู่แล้ว”
หลังพูดจบก็รีบวิ่งจนเกือบจะสะดุดล้ม หากตั้งหลักได้จึงเผ่นหนีชนิดไม่เหลียวหลังกลับมาอีก
เจ้าของร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งไม่ได้มองตามและไม่มีทีท่ากริ่งเกรงแต่อย่างใด ขณะที่คนข้างตัวเอ่ยขึ้น
“ปีศาจออกอาละวาดอีกแล้ว แปลกนัก ข้าส่งทหารลงมาเมื่อใด มันกลับหลบซ่อนได้ดีราวนกรู้ จนไม่อาจหาตัวเจอ แต่เมื่อเป็นมนุษย์มันกลับออกมาทำร้าย”
“มันอาศัยดื่มกินเลือดมนุษย์กับเซียนน้อยที่พลังปราณยังไม่แข็งแกร่ง ปีศาจที่ใช้เลือดคนเป็นอาหารคงเป็นอสูรร้ายไปแล้ว”
“ข้าจะรีบไปจัดการมัน”
“ไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะซ่อนตัวหรือยัง ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
“แต่เพียงแค่ปีศาจธรรมดา คงไม่ต้องให้ถึงมือไท่...”
ยังเอ่ยไม่ทันจบนายของตนก็นำไปก่อนจึงต้องรีบขยับตาม สองร่างเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเห็นเพียงเงาวูบหนึ่งชั่วพริบตา
ในป่าลึกใครผู้หนึ่งกำลังใช้พลังสูบเลือดเนื้อมนุษย์ซึ่งลอยกลางอากาศตรงหน้า โดยมีอีกร่างที่ไร้วิญญาณและซูบเซียวนอนบนพื้นไม่ห่างนัก แล้วก็ชะงักเมื่อรับรู้ได้ถึงพลังเคลื่อนไหวไม่ห่างจากตนนัก จึงรีบขยับตัวเพื่อจะหลบเลี่ยงโดยกลายร่างเป็นเงาดำวูบหลบไปตามต้นไม้ใบหนา หากก็มีเงาตามมาอย่างรวดเร็วจนทัน ทั้งยังปะทะกันกลางอากาศหลายครั้ง ปีศาจดูดเลือดรู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งกว่าของอีกฝ่ายจึงหาทางหนีไปโดยเร็ว
การเคลื่อนไหวที่ปลายหางตาทำให้เจ้าของร่างสูงใหญ่เบนทิศทาง ขยับวูบเดียวก็ถึงเป้าหมาย พร้อมกระบี่ขยับออกจากฝักเล็กน้อย คมมีดจ่อขวางหน้าคอเล็กทำเอาเจ้าตัวหยุดกึก หากช้ากว่านี้เพียงนิดคออาจขาดได้ ขณะอีกร่างที่ตามมาก็ชะงักตามพร้อมกรีดร้องขึ้น
“ว้าย!”
ดวงตาเข้มคมกริบกวาดมองร่างเล็กบอบบางพร้อมกับก้าวมายืนเผชิญหน้า เห็นชัดว่าอีกฝ่ายหน้าซีดทว่าตาคู่สวยกลับแข็งกร้าว
“คิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือปีศาจน้อย”
เสียงเข้มเอ่ยขึ้น พร้อมจ้องนิ่งที่ปีศาจสาวใบหน้างดงามชวนตะลึง
‘คงตั้งใจแปลงกายเป็นหญิงงามเพื่อหลอกชาวบ้าน คิดหรือว่าจะตบตาไท่จื่อสวรรค์เช่นข้าได้’
=========
ปีศาจน้อยใบหน้างดงามคือใครเอ่ย เดาได้ใช่ไหมคะ แน่นอนว่า พระ-นางของเราพบหน้ากันแล้วจ้า ^-^
ฝากเรื่องราวของปีศาจน้อยแสนงามกับไท่จื่อสวรรค์ผู้เย็นชาด้วยนะคะ
ร่างอรชรเดินเข้ามายังส่วนอาบน้ำแล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นแผ่นหลังเปลือยอยู่ในน้ำ ใจกระตุกสั่นไหวจึงหันไปทางอื่น ทั้งยังลังเลไม่กล้าขยับเท้าต่อ“ซีซี”เสียงเข้มแม้จะทุ้มนุ่มหากก็ทำเอาคนได้ยินหน้าเจื่อน ไม่รู้จะทำอย่างไรแต่สุดท้ายก็ยอมเดินไปใกล้“ไท่จื่อให้หวังหย่งจางหย่งมาปรนนิบัติไม่ดีกว่าหรือเพคะ”ซีซวนถามเสียงเบาทั้งที่เข้ามาแล้ว เมื่อขึ้นมาอยู่บนสวรรค์ ไท่จื่อก็บอกว่านางต้องปรนนิบัติทั้งเวลาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า แน่นอนว่านางลำบากใจด้วยความขัดเขินแม้จะแนบชิดร่างกายกันมาหลายครั้งหลายครา“ไม่ปรนนิบัติก็ได้”พร้อมกับพูดร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นทำเอาผู้ที่ยืนชิดริมสระสะดุ้ง ทว่ายังไม่ทันถอยก็ถูกฉุดให้หล่นเข้าไปอยู่อ้อมอกแกร่งด้วยมัดกล้ามกำยำน่าอิงแอบ“อุ๊ย ไท่จื่อ”“มาอาบด้วยกันดีกว่า”ไม่เพียงพูดมือหนายังเคลื่อนไหวทั่วตัวต้องการถอดชุดของนางไปด้วย“เอ่อ อาถิงรออยู่ข้างนอกเพคะ นางคงได้ยินเสียงเป็นแน่”ซีซวนอุบอิบบอกพลางส่ายหน้า รู้ว่าอาบด้วยกันของไท่จื่อมีความหมายมากกว่านั้นนางขอกับบิดาให้เกาถิงมาอยู่ด้วยตั้งแต่วันที่พบท่านหลังพิธีอภิเษก ซึ่งบิดาก็ไม่ได้ขัดแต่อย่างใด เพราะเกาถิงเองก็คง
เรือนร่างไร้อาภรณ์สองร่างกอดก่ายแนบชิด ก่อนจิ่นลี่จะยกร่างเล็กกว่าขึ้นมานั่งคร่อมตักตน ซีซวนดูลำบากใจหากเขาก็กอดเอวบางแล้วลูบไล้ฝ่ามือตนบนผิวนุ่มของร่างสาวจนไม่หลงเหลือสัดส่วนใดที่ไม่ได้แตะต้อง อกอวบสวยยิ่งเคล้นคลึงก็ยิ่งชวนให้อยากลงน้ำหนักมือมากขึ้น ทั้งยังน่าซุกซบกว่าอกหนาของเขาเสียอีก จิ่นลี่มั่นใจว่าตนสามารถนอนซุกอกอวบได้ทั้งคืนไม่เพียงแค่คิดเขาก้มลงดูดดื่มยอดทรวงสีหวานให้เต็มที่เท่าที่ต้องการ ใบหน้าคมคายฝังปรนเปรอสองปทุมกลมกลึงเนิ่นนาน หากมือก็ไม่ลืมปลุกปั่นกายสาวสุดบอบบาง ดอกไม้แสนพิสุทธิ์พร้อมพรักเพื่อเขาแล้ว หากจิ่นลี่ยังใจเย็นไม่รีบหักหาญ ซีซวนต้องการมากเท่าไรนางจะยิ่งรู้สึกดีเมื่อเป็นของกันและกันซีซวนรู้สึกเหมือนตนหอบจนเหนื่อยอ่อน มือเกาะบ่าหนาราวหาที่ยึดด้วยไม่กล้านั่งลงเต็มสะโพก แต่ก็ฝืนเกร็งไม่ได้นานเพราะร่างกายปวกเปียกไร้กระดูกจากการรุมเร้าฉกาจฉกรรจ์“ไท่จื่อ ได้โปรด”นางเอ่ยขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่าร้องขอสิ่งใด รู้เพียงร่างกายตนต้องการบางอย่างและแล้วจิ่นลี่ก็พาร่างงามลงไปนอนระทดระทวยใต้ร่างตน มอบจูบอันร้อนแรงครู่หนึ่งพร้อมกับค่อยๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แม้อีกฝ่ายจะเริ่มดิ้
“เจ้าทำเช่นนี้ข้าชักกลัวแล้วว่าเจ้าอยากกลับสวรรค์กับข้าหรือไม่ กลัวเจ้าจะอยากกลับเผ่าปีศาจมากกว่า”“ข้ากลัวว่าจะไม่ได้กอดท่านพ่ออีกแล้ว”เมื่อชายาตนทำเสียงงอแงนิดๆ ผู้เป็นไท่จื่อก็ใจอ่อน“เอาเถิด ข้าจะพาเจ้าไปเผ่าปีศาจในทุกครั้งที่เจ้าต้องการ อย่างน้อยก็...”เขาหยุดไปชั่วอึดใจก่อนจะบอกต่อ“เอาดอกไป่เหอไปให้เจ้าในทุกปี”หัวใจของซีซวนกระตุกวูบหนึ่งกับคำพูดนี้ ราวตอบรับความรู้สึกที่ไท่จื่อมีต่อซีหรู“ข้ายังอยากทำเหมือนเดิม ร่างของเจ้าอยู่ที่นั่น แม้แต่งกับเจ้าที่เป็นเซียนแล้ว ข้าก็ไม่อาจลืมเจ้าที่เป็นปีศาจครึ่งมนุษย์ได้”ซีซวนไม่ได้ขุ่นเคืองใจ นางรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่ไท่จื่อยังผูกพันกับตนในชาติก่อนอยู่ และยิ้มกว้างให้กับสวามีของตนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุข“ข้าขอถามเจ้าปีศาจเรื่องนึงได้หรือไม่”ไท่จื่อมีโอกาสเอ่ยถึงสิ่งที่ตนสงสัย“ท่านรู้ว่าซีหรูมาเกิดใหม่ยังเผ่าบุปผา แล้วเหตุใดจึงไม่เคยบอกข้า”“ในตอนแรกข้าเพียงหวังจึงให้จางฉวนนำแหวนมาที่นี่ ไม่ได้มั่นใจแต่อย่างใด และเมื่อได้รู้ว่าในแหวนมังกรมีดวงจิตวิญญาณอยู่ อดีตเทพธิดาสามารถสร้างชีวิตใหม่ให้ซีหรูได้ ข้าก็ดีใจนัก ไม่ได้คิดว่านางจะเหม
หลังไท่จื่อเอ่ยปากขอซีซวนแต่งงานแล้วแจ้งความนี้กับอดีตเทพธิดาบุปผาเพียงวันเดียว ขบวนสู่ขอจากสวรรค์กับของกำนัลก็มาถึงยังเผ่าบุปผา“ข้าให้หวังหย่งกับจางหย่งจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพแล้ว รอเพียงซีซวนตอบรับ”ไท่จื่อเอ่ยเมื่อหลิงเซียวมองของกำนัลมากมายที่นำเข้ามาในตำหนักด้วยความประหลาดใจ“ส่วนฤกษ์ยามนั้น พระมารดารอคำตอบจากเทพชะตา และพระบิดากับพระมารดายินดีให้จัดงานที่เผ่าบุปผา ทั้งสองพระองค์จะมารับชายาข้ากลับสวรรค์พร้อมกับข้า”จิ่นลี่ไม่ได้กลับสวรรค์ก็จริง ทว่าส่งสารขอราชโองการกับบิดาตนนับแต่บอกกับอดีตเทพธิดาไปว่าจะทำให้ถูกต้องทุกประการ บิดากับมารดาตนยินดีรับซีซวนเป็นสะใภ้สวรรค์โดยไม่ติดใจในข้อใด ด้วยสถานะของนางเป็นธิดาของอดีตเทพธิดาเซียนขั้นสูงสุดในเผ่าบุปผาซีซวนจะได้รับตำแหน่งพระชายาเอกไม่ต่างจากซีหรู“องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาเมตตาซีซวนยิ่งนัก”หลิงเซียวทำได้เพียงตอบรับ รู้สึกใจหายไม่น้อยเมื่อบุตรสาวกำลังจะห่างไปจากอกตน นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน“ซีซวนไม่เคยต้องอยู่ห่างจากข้า ได้แต่หวังว่าเมื่อไปอยู่สวรรค์ชั้นฟ้าไท่จื่อจะเอ็นดูนาง”“ท่านก็ทราบดีว่าข้ารักซีซีมากเพียงใด นางคือชายาเพ
“เจ้าพร้อมปลอบข้าแล้วใช่หรือไม่”ไม่เพียงถามร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามยังบดเบียดให้รับรู้ได้ถึงความกร้าวร้อนที่น่าเกรงกราม ซีซวนหลบสายตาคม หน้าท้องร้อนวูบทว่าจิตใจกลับเฝ้ารอให้ไท่จื่อแตะต้อง คาดหวังพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงกระทบหน้าอกข้างซ้าย“ร่างกายที่ยังไม่หายดีของเจ้าอาจยังรับไม่ไหว ข้าจะเบามืออย่างที่สุด”ในชั่วอึดใจร่างของทั้งสองก็เปลือยเปล่าด้วยฝีมือจิ่นลี่ ร่างอรชรสั่นเบาๆ อยู่ตลอดเวลาทำให้เขาอยากปลอบ แม้ซีซวนจะจำเมื่อครั้งเป็นซีหรูได้แล้วแต่ความจริงข้อหนึ่งก็คือนางยังผุดผ่องด้วยวัยแรกแย้ม อย่างไรก็ไม่อาจรับเขาได้โดยง่าย ทั้งหัวใจที่บาดเจ็บหนักยังไม่แข็งแรงดีทำให้จิ่นลี่เลือกไม่เอาแต่ใจหลังจูบอย่างดูดดื่มแล้วร่างสูงใหญ่ก็เคลื่อนลงพร้อมนาบปากตนฝากรอยร้อนรุ่มผ่านลำคอ กลางอกอวบ ระเรื่อยลงมายังหน้าท้องแบนราบจูบเม้มผิวอ่อนบางทุกจุดที่ผ่านซีซวนขยับกายอย่างไม่เป็นสุข ทรวงอกสะท้อนสูงตามลมหายใจที่รุนแรงด้วยอารมณ์หวาม ไฟปรารถนาลุกพรึ่บในร่างจากที่ค่อยๆ ถูกจุดให้ระอุก่อนหน้านี้ ยิ่งมือหนาลูบไล้ต้นขากับสะโพกซีซวนก็ยิ่งร้อนรน ทั้งลมหายใจร้อนกับปากอุ่นจัดยังเลื่อนต่ำลงอีก บดจูบแผดเผาร่างสาวด
“เจ้าทิ้งข้าไปนานนัก แต่ไม่ว่านานแค่ไหนข้าก็ไม่เคยลืมเจ้าไปจากใจ”ซีซวนร้องไห้หนักขึ้นจนตัวสั่นเทา นางเองไม่ได้รับรู้สิ่งใด มีความสุขกับชีวิตใหม่ของตน ทว่าผู้ที่อยู่กับการจากลาอันแสนเศร้านั้นต้องจมอยู่กับความทุกข์ทนนานนัก รู้ซึ้งถึงหัวอกไท่จื่อที่พยายามไขว่คว้าพระชายาที่สูญเสียไปกลับคืนมา หากเป็นนางเอง แม้มีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มอีกเพียงวันเดียวนางก็จะทำทุกอย่างให้กลับไปอยู่เคียงข้างไท่จื่อเช่นเดิม ในเมื่อซีหรูจากมาโดยไร้คำร่ำลาจิ่นลี่จับมือบางสองข้างที่ประคองแก้มตนไปจูบด้วยความดีใจและแสนคิดถึง ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าประชิด แตะปากได้รูปประทับจูบซับน้ำตาบนแก้มนวลให้ซีซวนหลับตาลงให้สัมผัสอ่อนโยนและอบอุ่นจากริมฝีปากไท่จื่อปลอบประโลม ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแรงแนบชิดเหนือกลีบปากตน นางจึงขยับตอบรับจุมพิตด้วยความเต็มใจเมื่อหัวใจสองดวงที่ต่างผูกพันรักใคร่กลับมาใกล้ชิดความโหยหาจึงก่อเกิด จูบผะผ่าวแผ่วเบาจึงค่อยเพิ่มความดูดดื่มขึ้น ปลายลิ้นอุ่นรุกไล่ซีซวนก็ยินดีเปิดรับเกี่ยวกระหวัดลิ้นตนกับอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณและความรู้สึกส่วนลึกในหัวใจ ใจดวงน้อยเต้นเร่า เนื้อตัวร้อนวูบวาบทว่าใจกลับต้องการแนบกายบดเบียด