"มัวแต่มองข้าเยี่ยงนี้ ข้าว่าคงมิได้ไปเที่ยวชมตลาดเสียแล้วกระมังเจ้าคะคุณพี่เดช"
เสียงหวานที่เอ่ยสัพยอกขึ้นเรียกท่าทางเก้อเขินทำตัวมิถูกและรอยยิ้มกว้างจากบุรุษที่เหม่อลอยจนลืมที่จะพายเรือ กิริยาเหล่านั้นเรียกเสียงหัวเราะสดใสจากร่างบาง บุรุษตรงหน้ามักจะทำให้นางลืมเลือนความทุกข์เสมอ
"ก็เจ้างดงามถึงเพียงนี้ พี่จักไม่มองอย่างไรไหวคู่หมายของพี่ใครเขาก็รู้ว่างามกว่าสตรีใดในพระนคร"
หมื่นเดชาหาญณรงค์ที่เอ่ยหยอกเย้าสตรีตรงหน้า พร้อมกับเริ่มขยับไม้พายอีกครั้ง
"ปากหวานเสียจริงนะเจ้าคะ"
สายตาหวานล้ำของบุรุษหนุ่มนั้นมองเพียงสตรีตรงหน้า จนใบหน้างามนั้นแดงเรื่ออย่างเขินอาย นางนั้นงดงามสดใส เขาหลงรักปักใจในตัวสตรีนางนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ได้ แม้ว่าทั้งสองจะหมั้นหมายกันเพราะผู้ใหญ่ ในวัยเยาว์เขารักนางราวน้องสาวตัวน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านเลยไป นางก็เข้ามาอยู่ในใจของเขาจนเต็มเสียแล้ว
สองหนุ่มสาวที่เดินเคียงกันจับจ่ายซื้อของเดินชมตลาดด้วยความสนิทสนม ช่างดูเหมาะสมกันอย่างยิ่ง บุรุษหรือก็งามสง่าหล่อเหลาคมคาย สตรีนั้นอรชรงดงามอ่อนหวาน กิริยามารยาทล้วนดูอ่อนช้อย ไม่ว่านางจะยิ้มจะหัวล้วนน่ามอง ทั้งคู่ล้วนถูกมองอย่างชื่นชมถึงความเหมาะสมนั้น แต่กลับดูขัดหูขัดตาสายตาอีกคู่ยิ่งนัก
“หมื่นเดชาหาญณรงค์เจ้าค่ะ คู่หมายของคุณพี่ดอกแก้วเธอ”
สายตาของบุรุษข้างกาย ทำให้เฉิดจันทร์จำต้องหันมองตามสายตานั้น ภาพบุรุษและสตรีที่เดินยิ้มหัวกันมานั้น ทำให้ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มเหยียดยิ้มขึ้น หันมากล่าวกับบุรุษข้างกาย
"่ทั้งสองดูเหมาะสมกันนะเจ้าคะ ข่าวว่ารักกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เฉิดจันทร์เองก็เพิ่งจะเคยเจอท่านหมื่น เห็นว่าไปประจำการอยู่เมืองเหนือกว่าสองปีพึ่งจะได้กลับพระนคร รูปงามเยี่ยงนี้อย่างไรเล่า จึงมิเคยเห็นว่าคุณพี่ดอกแก้วจะให้ความสนิทสนมกับชายใด"
เฉิดจันทร์ที่ยังคงจีบปากจีบคอกล่าวกับบุรุษข้างกาย นัยน์ตาเฉี่ยวคมเฝ้าสังเกตอาการของอีกฝ่ายอยู่ตลอด นางหาใช่คนโง่ ที่จะไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้คิดเช่นไรกับพี่สาวต่างสายเลือดของนาง นางรับรู้ได้ตั้งแต่ในวันงานเลี้ยงวันเกิดของนางแล้ว แม้จะรู้สึกร้อนรุ่มในอกเพราะความริษยา แต่มือเรียวงามก็บรรจงรินสุราราคาแพงส่งให้อีกฝ่ายอย่างเอาอกเอาใจ
ขุนไกรราชภักดี ท่านขุนหนุ่มวัยสามสิบห้าปี บุรุษที่สตรีในพระนครต่างใฝ่ฝันหารวมถึงตัวของเฉิดจันทร์เอง แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีอายุมากกว่านางหลายปีแต่เขากลับดูดีมากกว่าบุรุษหนุ่มๆ รุ่นราวคราวเดียวกันกับนางเสียอีก ตั้งแต่นางได้รู้จักกับบุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์ผู้นี้ นางก็รู้สึกหลงใหลอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก เขาหน้าตาหล่อเหลาคมคาย คมเข้มตามแบบฉบับบุรุษในฝันแต่ก็ร้ายกาจอย่างเหลือร้าย ดวงตาคู่คมนั้นคล้ายราชสีห์ที่เฝ้ามองเหยื่อเพียงแค่ได้สบตากลับทำให้ร้อนวูบวาบ แต่ความร้ายกาจนั้นกลับเป็นเสน่ห์ที่น่าค้นหา จนทำให้นางอยากที่จะลองเล่นในกองไฟที่ลุกโชนนี้ นางชอบการท้าทายเช่นนี้ แต่ยิ่งนานวันนางยิ่งสัมผัสได้ว่าเขาหาใช่บุรุษที่นางจะใช้เสน่ห์แห่งสตรีเพศยั่วยวนได้โดยง่าย เขาดูเจ้าเล่ห์เฉลียวฉลาดและทันคน บุรุษที่ใช้ชีวิตมาก่อนนางหลายปี จะมาตกหลุมพรางของสตรีวัยละอ่อนเช่นนางได้อย่างไร การที่จะจับอีกฝ่ายให้อยู่มือนั้นนางรู้ว่าไกลเกินเอื้อมและในสถานการณ์ที่มารดาและนางกำลังประสบปัญหาอยู่เช่นนี้ นางคงต้องเปลี่ยนเป้าหมายใหม่
และดูเหมือนว่าเป้าหมายใหม่ของนางก็ดูดีอยู่มากเลยทีเดียว สายตาคมเฉี่ยวที่แฝงไปด้วยความเย้ายวนมองไปยังบุรุษข้างกายสตรีที่นางแสนชิงชังมีประกายไหววูบ ชายหนุ่มผู้นั้นมีเสน่ห์ไม่ด้อยไปกว่าร่างสูงข้างกาย แม้ทั้งสองแทบจะเป็นเหรียญคนละด้าน เขาผู้นั้นดูอ่อนโยนดูเป็นสุภาพบุรุษทุกระเบียบนิ้ว แต่บุรุษที่กำลังละเลียดสุราในมืออยู่ข้างกายตอนนี้เขาดูแข็งแกร่ง สายตาดูเจ้าเล่ห์เต็มไปด้วยเสน่ห์แพรวพราว หากท่านหมื่นผู้นั้นคือสีขาว ท่านขุนคงเปรียบดังสีดำกระมัง
ทุกอิริยาบถและสายตาแวววาวของสตรีข้างกายล้วนตกอยู่ในสายตาคมของร่างสูง ริมฝีหยักกระตุกยิ้มขึ้นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหมุนแก้วที่มีน้ำสีเหลืองอำพันในมือเล่น แล้วกระดกเข้าปากทีเดียวจนหมด หลังจากนี้ก็เพียงแค่รอเท่านั้น
"แม่ดอกแก้ว หิวแล้วหรือไม่ เราแวะดื่มน้ำชาร้านนี้ดีกว่า"
ดอกแก้วมองสำรวจร้านน้ำชาที่อีกฝ่ายบอก รูปทรงดูทันสมัย ภายในร้านถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหราดูแล้วน่าจะราคาแพงไม่น้อย แต่ภายในร้านกลับแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ร้านของพวกฝรั่ง
พระนครในตอนนี้เปลี่ยนไปมาก ร้านรวงของพวกฝรั่งมาเปิดกันดาดเดื่อน ทุกอย่างล้วนแต่มีราคาแพง แต่ไม่รู้เหตุใดเหล่าคนชั้นสูงขุนน้ำขุนนาง คุณหญิงคุณนายทั้งหลาย ต่างพากันตบเท้าเข้าไปอุดหนุนมิได้ขาด หรือการทานอาหารร้านหรูๆ เหล่านั้นจะเป็นการบ่งบอกถึงการมีอันจะกินของพวกเขาไปเสียแล้ว
"ร้านของพวกฝรั่งหรือเจ้าคะ"
เสียงหวานที่เอ่ยถามขึ้น พร้อมคิ้วเรียวสวยนั้นขมวดมุ่น กิริยาเช่นนั้นล้วนอยู่ในสายตาของบุรุษข้างกาย
"อย่าบอกนะว่าเจ้าชังพวกฝรั่ง"
"หาใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ ข้าเพียงไม่คุ้นชินเท่านั้น"
นางเป็นเพียงสตรีที่อยู่แต่ในเรือน ยิ่งภายในเรือนประสบปัญหาด้านการเงิน นางยิ่งไม่ต้องการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกับสิ่งเหล่านี้ นางรับรู้ข่าวสารต่างๆ ว่าโลกกำลังพัฒนา แต่ไม่เคยที่จะทำตัวหลงใหลฟุ้งเฟ้อเช่นดังหลายๆ คน ยังคงใช้ชีวิตเช่นดังสตรีที่ถูกอบรมขัดเกลากิริยาเช่นดังสตรีชาวสยาม
"แม่ดอกแก้ว หากเราจะลองเปิดรับสิ่งใหม่ๆ บ้าง มันก็หาใช่สิ่งที่ผิด ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เจ้าจะต้องเรียนรู้ โลกภายนอกยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัส เราเพียงเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน หาใช่จะเปลี่ยนตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวของเราเองว่าจะหลงระเริงไปกับสิ่งยั่วยุเหล่านั้นหรือไม่"
ดอกแก้วที่มองบุรุษที่กล่าวกับนางตรงหน้า แล้วยิ้มให้อีกฝ่าย
"ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ"
เมื่อหนุ่มสาวนั้นเข้าใจกัน ผู้ใหญ่ก็เร่งหาฤกษ์มงคลด้วยความเปรมปรีดิ์ ฤกษ์มงคลนั้นจะถึงในอีกสองเดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นฤกษ์ที่เร็วที่สุด แต่ก็ยังถือว่าช้ามากสำหรับเจ้าบ่าวที่อยากจะแต่งเสียวันพรุ่ง นั่นจึงทำให้ได้รับคำเหน็บแนมจากผู้เป็นมารดา กว่าจะถึงวันแต่งก็ได้ตกลงหมั้นหมายกันเอาไว้เสียก่อน คุณนายสายหยุดนั้นจัดเตรียมสินสอดทองหมั้นสู่ขอแม่ดอกแก้วเสียใหญ่โต ผู้คนที่เห็นของหมั้นต่างพากันอิจฉา ทั้งทรัพย์สินเงินทอง เพชรนิลจินดา ต่างถูกเรียงรายจนนับไม่หวาดไม่ไหวในระหว่างนั้นดอกแก้วนางก็ยังอาศัยอยู่ในเรือนของท่านเศรษฐีทองคำตามความต้องการของคุณนายสายหยุด แต่กลับสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับว่าที่เจ้าบ่าวที่ถูกกีดกันจากผู้เป็นมารดาไม่ให้มีโอกาสได้เข้าใกล้สตรีคนรักแม่ดอกแก้วนั้นก็ตามติดมารดาเขาไม่ยอมห่าง แม้เขาจะส่งสายตาออดอ้อนปานใดนางก็ทำเมินใส่ จนเขาอดน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้ บ่าวไพร่นั้นหรือก็ล้อมหน้าล้อมหลังไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิดนางแม้แต่น้อยเห็นอาหารจานโปรดวางอยู่ตรงหน้าแต่ไม่อาจที่จะหยิบกินได้ช่างรู้สึกทรมานยิ่งนักแต่แล้วฟ้าก็เป็นใจให้กับขุนไกรในวันหนึ่งเมื่อเขาต้องเดินทางกลับพระนค
"คุณป้าเจ้าคะ"หลังจากที่ดอกแก้วนอนหลับไปตลอดทั้งวันก็เดินออกมาจากเรือนนอนตรงมาหาผู้เป็นป้า สายตานั้นสอดส่ายหาผู้ที่ช่วยชีวิต"อ้าว แม่ดอกแก้วออกมาทำไมกัน ดีขึ้นแล้วหรือลูก"คุณนายสายหยุดที่ลุกขึ้นเข้าไปประคองหญิงสาวให้มานั่งลงข้างๆ เอ่ยถามอย่างห่วงใย"ข้ามิเป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะ ว่าแต่คุณพี่กลางเล่าเจ้าคะ ข้าอยากจะขอบพระคุณคุณพี่เธอ"ดอกแก้วเอ่ยถึงเจตนาของตน นางเองก็ไม่เคยเจออีกฝ่ายมาก่อน คุณนายสายหยุดยกยิ้มขึ้นเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"พี่เขาคุยอยู่กับคุณลุงของเจ้า อยู่ในห้องหนังสือนู่นแหนะ ออ ออกมาพอดี"ดอกแก้วนางหันไปมองตามสายตาของคุณนายสายหยุด แต่กลับเห็นเพียงท่านเศรษฐีทองคำเดินออกมาเพียงผู้เดียว"แล้วพ่อกลางเล่าเจ้าคะคุณพี่"คุณนายสายหยุดเอ่ยถามผู้เป็นสามีเสียงอ่อนเสียงหวาน สายตาของคนทั้งคู่สบกันโดยที่สตรีอีกนางไม่อาจรับรู้ได้"ยังอยู่ด้านใน เห็นบ่นว่าอยากกินของหวานๆ มิรู้ว่ามารดาจะมีเมตตาหรือไม่"ท่านเศรษฐีทองคำเอ่ยคำที่บุตรชายนั้นฝากมา แล้วยิ้มกริ่มให้ภรรยา เผื่อแผ่รอยยิ้มนั้นมาถึงดอกแก้ว"รักษาตัวดีๆ หนาแม่ดอกแก้วลุงเป็นห่วง"ท่านเศรษฐีทองคำเอ่ยกับนางอย่างห่วงใย ท่านคงหมายถึ
"แม่ดอกแก้ว ตื่นแล้วหรือเป็นเช่นไรบ้าง"คุณนายสายหยุดเอ่ยถามร่างบอบบางของสตรีที่ยันกายขึ้นโดยการประคองของบ่าวของนาง นั่งพิงพนักหัวเตียง ใบหน้างามนั้นดูดีขึ้นมามากแล้ว มิได้ซีดเซียวเช่นตอนที่ไม่ได้สติดอกแก้วหันมาหาเจ้าของเรือนที่ใช้สายตามองมายังตนอย่างห่วงใย ใบหน้าของอีกฝ่ายทำให้นางชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านั้นช่างคล้ายคลึงกับใครบางคนเสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป นางคงคิดถึงเขาจนเลอะเลือน ก่อนจะเอ่ยตอบเจ้าของคำถามด้วยน้ำเสียงแหบโหยเกรงอกเกรงใจ ยกมือกระพุ่มตรงกลางอกอย่างงดงามเอ่ยขอลุแก่โทษที่ทำให้อีกฝ่ายต้องเป็นห่วง จนคนฟังนึกเอ็นดู"คุณป้า ข้าไม่เป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะ ข้าขออภัยเจ้าค่ะที่ทำให้คุณป้าต้องร้อนใจ""โถ แม่เจ้าประคุณ ขวัญเอยขวัญมานะลูก แม่ดอกแก้วคงจักตกใจไม่น้อย"คุณนายสายหยุดยกฝ่ามืออ่อนนุ่มขึ้นลูบหัวทุยเล็กที่มีเส้นผมหนานุ่มปกคลุมอย่างรักใคร่ กล่าวอย่างเอื้อเอ็นดู แม่หญิงนางนี้กิริยามารยาทล้วนงดงาม หน้าตาหรือก็สะสวยเหมือนกับผู้เป็นสหายของตนมิมีผิดเพี้ยนดอกแก้วทำเพียงยิ้มอ่อนส่งไปให้ ยอมรับว่านางนั้นทั้งหวาดกลัวและตกใจมากจริงๆ"ถือว่าพระท่านยัง
หลายวันมานี้ขุนไกรมาทำงานด้วยจิตใจที่หม่นหมอง เขาให้คนของตนสืบข่าวเรื่องของนางก็ไร้ผล นางเงียบหายไปราวกับไม่อยากจะพบหน้าเขาอีก เหตุใดนางถึงไม่ให้โอกาสเขาได้อธิบาย ท่าทางเซื่องซึมของอีกฝ่ายนั้น ทำให้เพื่อนร่วมงานนั้นต่างเป็นห่วง"ท่านขุนขอรับ มีจดหมายถึงท่านขอรับ"ขุนไกรปรายตามองเสมียนผู้นำจดหมายมาให้เพียงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายวางมันลง"ขอบใจ"เขามองจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะเพียงเล็กน้อย ชื่อที่จ่าอยู่หน้าซองทำให้เขาระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เป็นจดหมายจากแม่เล็กน้องสาวของเขาที่ส่งมา มือหนายื่นออกไปหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านอย่างไร้อารมณ์ เขานั้นเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายคงจะกลับเรือนและผู้เป็นมารดาบังคับให้อีกฝ่ายเขียนจดหมายถึงเขาเหมือนทุกทีขุนไกรอ่านจดหมายในมืออย่างเลื่อนลอยไล่สายตาอ่านบ้างไม่อ่านบ้าง"ขุนไกร"เสียงเอ่ยเรียกที่ดังขึ้นทำให้ขุนไกรต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงนั้น"ขุนพันมีอันใดหรือ"บุรุษตรงหน้าคือหนึ่งในสหายของเขาที่ทำงานอยู่ในสังกัดเดียวกัน"ไม่มีอันใดหรอก เพียงเห็นว่าท่านดูเครียดๆ หากมีอันใดให้ช่วยก็บอกได้นะ""อืม ขอบใจมาก"เอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายแล้วจึงก้มลงมองจดหมายในม
วันหยุดวันนี้ไม่ได้สุขสมชื่นมื่นดังที่คิด ขุนไกรเมามายหัวราน้ำตั้งแต่เมื่อวานหลังจากที่กลับจากเรือนของคุณพระสรเดช เมื่อคืนนี้เขามิรู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกตัวมาอีกที ตอนนี้ดวงตะวันก็ขึ้นตรงหัวแสงสว่างสาดส่องเข้ามาแยงตาเสียแล้ว แต่ทว่าเขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรแม้แต่น้อย ยังคงคว้าขวดเหล้าขึ้นมาดื่ม ใบหน้าคร้ามคมนั้นหมองหม่นเศร้าซึมเสียงเคลื่อนไหวภายนอกที่ดังขึ้น ทำให้ขุนไกรชะงักมือที่ถือขวดสุรา หันไปมองตามต้นเสียงด้วยหัวใจที่เต้นระทึก ก่อนเสียงฝีเท้าจะดังชัดเจนขึ้น"แม่ดอกแก้ว แม่ดอกแก้วใช่หรือไม่"ขุนไกรที่เอ่ยออกมาแผ่วเบา ต้องเป็นนางที่กลับมาหาเขา ใบหน้าหล่อเหลาจึงยกยิ้มขึ้นอย่างยินดีแต่เงาร่างบอบบางของสตรีที่มาปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้ใบหน้าที่รู้สึกยินดีในตอนแรกหม่นหมองลง"มิเชล มีอันใดหรือ"ขุนไกรเอ่ยทักทายสตรีตรงหน้า ก่อนจะยกขวดสุราขึ้นดื่มอีกครั้ง หัวใจที่พองโตเมื่อครู่เล็กแฟบลงทันตามิเชลมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยความเสน่หา เยื้องย่างเข้าไปหาอีกฝ่าย เมื่อนางได้รับรู้ว่าสตรีนางนั้นได้หนีไปจากขุนไกรนางก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก สิ่งที่นางได้ทำถือว่าประสบผลสำเร็
ดอกแก้วนางเก็บเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเตรียมเอาไว้เพื่อที่จะเดินทางในวันพรุ่งนี้ ซึ่งพรุ่งนี้นั้นนางก็ได้นัดหมายกับชายผู้นั้นเอาไว้เช่นกัน คืนนี้กว่านางจะข่มตาให้หลับลงได้ก็ต้องเสียน้ำตาไปอีกมากมาย นางคิดเอาไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะทำอาหารไปให้อีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้ายและจะถือโอกาสนำเงินไปคืนเขาวันรุ่งขึ้นนางลุกขึ้นจัดเตรียมอาหารตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะคุณป้าสายหยุดจะมารับนางตอนสายๆ เมื่อสำรับอาหารเสร็จเรียบร้อยจึงได้ออกจากเรือนไป และนางได้นำเงินที่คุณป้าสายหยุดให้มาไปส่งคืนให้อีกฝ่ายด้วย เมื่อนางไปถึงก็พบว่าเขานั้นได้ออกไปทำงานแล้ว ซึ่งนางก็ได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว นางไม่อยากจะเจอหน้าเขา ไม่อยากให้เขาหลอกนางซ้ำๆ ซากๆ นางกวาดตามองเรือนที่อยู่อาศัยร่วมสามเดือนด้วยความเจ็บปวด น้ำตาเอ่อคลอดวงตา นางเลือกที่จะเก็บเพียงความทรงจำดีๆ เอาไว้ ก่อนจะตัดสินใจวางซองเงินบนเตียงนอนกว้าง หากเขากลับมาจะได้สังเกตเห็นมัน ก่อนจะเขียนข้อความถึงอีกฝ่าย เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้มิต้องลังเลหากจะลาเขาโดยตรง ต่อแต่นี้ไปเขาจะได้ไม่ต้องลำบากใจอีก"ลาก่อน"ระหว่างเขาและนางคงจบสิ้นกันเสียทีดอกแก้วนางเดินออก