Share

7

last update Huling Na-update: 2025-09-04 01:25:29

บทที่ 7

“เล็ก”

อุดมเดินมาถึงบ้านของน้องเมีย แล้วส่งเสียงเรียกคนที่อยู่ข้างในบ้าน สักพักนางก็เดินออกมา และทันทีที่ได้เห็นหน้ากันนางก็มีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม

“อ้าวพี่ดม ไปไงมาไงล่ะเนี่ย มา ๆ ๆ เข้ามาในบ้านก่อน”

ชายชราและหลานสาวเดินเข้าไปในบ้านตามคำเชื้อเชิญ แปลกใจอยู่บ้างที่น้องเมียมีท่าทีแข็งกระด้างไปจากแต่ก่อน เพราะนางไม่ยกมือไหว้เขาเหมือนทุกครั้ง

“สวัสดีค่ะย่าเล็ก” เด็กสาวสบโอกาสก็ยกมือไหว้ทักทายน้องสาวแท้ ๆ ของย่า

“ไหว้พระเถอะลูก โตเป็นสาวแล้วนะ สวยซะด้วยสิ” สตรีวัยประมาณห้าสิบเศษ ๆ ทักทายกลับ เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกระบอกน้ำและแก้วพลาสติกมาวางให้แขก “แล้วไปไงมาไงกันล่ะ ถึงได้มาถึงที่นี่ได้”

“ก็ตั้งใจมาหาเล็กนั่นแหละ จะมาคุยเรื่องที่ทางสักหน่อย” ชายชราเริ่มต้นคุยอย่างใจเย็น เก็บความสงสัยที่ได้ยินมาจากเพื่อนบ้านเอาไว้ภายในอก

“ทำไมเหรอจ๊ะ พี่จะเก็บค่าเช่าจากหลานแล้วเหรอ” เล็กยังคงทำใจดีสู้เสือ ถามไปยิ้มไป

“ฉันไม่เก็บเอากับมันหรอก ถึงฉันจะจนแต่ฉันก็เอากับลูกหลานไม่ลงหรอกนะเล็ก”

“ถ้าอย่างนั้นพี่จะคุยเรื่องอะไรล่ะ”

“แม่เล็กก็รู้ใช่ไหมว่าฉันมีโรคประจำตัว เจ็บออด ๆ แอด ๆ มานานแล้ว”

“จ้ะ”

“เพราะแบบนี้ฉันจึงตัดสินใจจะขายที่ดินแปลงนี้ เพื่อจะเอาเงินไปเป็นค่ารักษา ก็เลยจะมาคุยให้แม่เล็กเข้าใจ จะได้มีเวลาเตรียมตัวย้าย”

“อะไรกันพี่อุดม!” หญิงวัยกลางคนที่ตอนแรกนั่งฟังอย่างสงบเสงี่ยม เริ่มส่งเสียงเอะอะไม่พอใจ “อยู่ ๆ พี่ก็มาพูดแบบนี้ ไม่ใจดำไปหน่อยเหรอ ไอ้ต่อกับผัวของมันก็เพิ่งเอามะนาวมาลงเพิ่มได้ไม่นาน ลงทุนไปก็มากโข แล้วพวกมันจะทำยังไงกันล่ะ”

“แน่ใจเหรอที่พูดน่ะ” อุดมถามกลับพร้อมกับจ้องสายตานั้นอย่างเอาเรื่องเช่นกัน “ที่พี่รู้มามันไม่ใช่แบบที่เอ็งพูดเลยนะเล็ก”

“ใครพูด พี่รู้มาจากใคร บ้านหลังไหนมันปากหมาอีก อีนวลหรือว่าอีไพล่ะ” นางเล็กโกรธจัดจนควันออกหู “ชอบใส่ร้ายกันนักนะอีพวกนี้ เห็นคนเขาลืมตาอ้าปากได้หน่อยไม่ได้เลย คอยแต่อิจฉากันอยู่นั่นแหละ”

“เอ็งไม่ต้องไปด่าเขาหรอก พวกเขาไม่ได้บอกอะไรข้าทั้งนั้น สรุปว่าเอ็งช่วยจัดการเรื่องของข้าให้เรียบร้อยภายในเดือนหน้าก็แล้วกัน แต่ตอนนี้เอ็งเอาโฉนดมาให้ข้าก่อน” เห็นอีกฝ่ายเสียงแข็งใส่ อุดมก็เสียงแข็งกลับไปบ้าง

โดนถามถึงโฉนดขึ้นมา นางเล็กก็ยิ่งลนลาน “พี่จะไล่หลานจริง ๆ เหรอพี่ดม พี่ใจดำเกินไปแล้วนะ”

“ข้าบอกแล้วนี่ว่าข้าจำเป็น เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ถ้าขายที่ได้ข้าจะแบ่งเงินให้เจ้าต่อมันสักส่วนหนึ่งก็แล้วกัน เอาโฉนดมาให้ข้าสิ ข้าจะได้เอาไปเสนอขาย”

“โฉนงโฉนดอะไร ฉันไม่มีหรอก มันที่ของเมียพี่ไม่ใช่ที่ของฉัน พี่จะมาเอาโฉนดกับฉันได้ยังไงล่ะ” เมื่อจนต่อหนทางนางจึงบอกปัดอย่างหน้าด้าน ๆ

“เอ็งพูดอย่างนี้ได้ยังไงวะ ก่อนที่เมียข้าจะตายเอ็งเป็นคนบอกกับเขาเองว่าให้เอาโฉนดฝากไว้ที่เอ็งจะปลอดภัยกว่า แล้วข้าก็เห็นกับตาว่าเมียข้าเอาโฉนดให้เอ็ง”

“พี่มีพยานมายืนยันไหมล่ะว่าฉันเป็นคนเอามา ถ้าไม่มีก็อย่ามาปรักปรำกันแบบนี้”

“เอ็งคิดจะโกงพี่เอ็งเหรอนางเล็ก”

“ฉันไม่ได้โกง แต่ฉันไม่ได้เอามาจริง ๆ นี่”

ใจที่บอบบางเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเจ็บจี๊ดขึ้นมา เพราะคำพูดเห็นแก่ตัวของน้องเมีย อุดมกดที่หน้าอกเพื่อระงับอาการ ส่วนมืออีกข้างก็บีบมือหลานสาวเอาไว้

“ไม่เป็นไร ตอนนั้นข้าอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้ ข้าจะไปแจ้งความว่าโฉนดหายก็แล้วกัน” เขาเริ่มอ้างถึงกฎหมาย

“พี่ขู่ฉันเหรอ” เล็กปรี่เข้าไปหาพี่เขยด้วยท่าทางเอาเรื่อง

“อย่าทำอะไรปู่หนูนะ” ปันหยีเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเอาตัวเข้าไปขวาง กางแขนปกป้องปู่ผู้อ่อนแอของตนสุดความสามารถ “โอ๊ย!”

“หยิน!” อุดมส่งเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นหลานสาวสุดที่รักถูกผลักจนล้มลงไปกับพื้น รีบเดินไปดูเธอด้วยท่าทางเงอะงะ “หนูเป็นอะไรไหมลูก เจ็บตรงไหนบ้าง”

“หนูไม่เป็นไรจ้ะปู่” เด็กสาวขบฟันทนเจ็บแล้วขยับตัวลุกขึ้นยืน ข้อเท้าของเธอแพลง แต่เธอก็ต้องทนฝืนเอาไว้ “เรากลับกันก่อนเถอะจ้ะปู่”

“ออกไปเลย แล้วไม่ต้องกลับมาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีก ฉันไม่อยากต้อนรับคนเห็นแก่ตัวอย่างพี่แล้ว” เล็กชี้นิ้วไล่พี่เขยและหลานสาวอย่างไม่ไยดี

“เสียงดังอะไรกันแม่!” เวลานั้นเองเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังเข้ามาในบ้าน ก่อนที่ร่างอวบอัดเหมือนนักยกน้ำหนักจะปรากฏตัว “มีอะไรเหรอแม่” หญิงสาววัยประมาณสามสิบ มองคนต่างวัยสองคนที่ประคองกันเอาไว้ด้วยสายตาเหยียด ๆ ถึงแม้จะรู้ว่าเขาเป็นใครก็ไม่คิดจะทักทาย

“ไม่มีอะไรหรอก ไปพักผ่อนเถอะไป เดี๋ยวแม่จัดการเอง” เล็กกล่าวกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงเอาอกเอาใจ

“เอ็งจะไม่ทักทายลุงเอ็งหน่อยเหรอเจ้าต่อ” แต่อุดมไม่ปล่อยให้หญิงสาวจากไปง่าย ๆ “ลุงตั้งใจมาหาเอ็งเลยนะ”

ต่อมองหน้าชายชรา ขมวดคิ้วเข้าหากัน “มาหาฉันทำไมล่ะลุง ฉันไม่มีเวลาจะคุยด้วยหรอก วัน ๆ หนึ่งฉันยุ่งจะตาย คุยกับแม่ฉันแทนเถอะ”

“คุยกับแม่เอ็งแล้วแต่ไม่รู้เรื่อง เอ็งมาพอดีก็เลยจะคุยกับเอ็งอีกคน เผื่อเอ็งจะเข้าใจดีกว่าแม่เอ็ง”

“พูดมากนะไอ้แก่นี่! กูบอกให้มึงออกไปจากบ้านกูนี่ไม่เข้าใจเลยใช่ไหม!” นางเล็กตะคอกใส่พี่เขยอย่างเหลืออด

“ก็เอาโฉนดมาให้ข้าก่อนสิแล้วข้าจะไป”

“กูไม่ให้ มึงจะทำไมกับกูไอ้แก่”

“ในที่สุดก็ยอมรับแล้วสินะ”

“ยอมรับอะไรวะ”

“ก็ยอมรับว่าจะโกงพี่เอ็งไงล่ะอีเล็ก”

“ออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้เลยนะ มึงเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน ถึงมากร่างในบ้านกูแบบนี้” ต่อเริ่มเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้าที่ตนจะมาถึง จึงรีบเข้าพวกกับแม่เพื่อขับไล่อีกฝ่ายออกไป

“เอาโฉนดมาให้ข้าก่อนสิ แล้วข้าจะไป”

“กูบอกให้ออกไป ถ้าไม่ออกกูจะโทรแจ้งตำรวจว่าบุกรุกนะ”

“ข้าไม่ไป อยากจะแจ้งก็แจ้งมาเลย ข้าจะได้แจ้งกลับว่าเอ็งโกงข้า และที่ตรงนี้ก็คือที่ดินของข้า”

“มึงอยากตายมากกว่าอยากจะออกจากบ้านหลังนี้ใช่ไหมไอ้แก่ ถ้าอยากตายกูจะโทรเรียกผัวกูกับพรรคพวกเข้ามาจัดการมึงกับหลานมึงซะ กูจะให้พวกมันข่มขืนมันต่อหน้ามึงให้ดู”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • สวาทหวาน   162 ตอนจบ

    พรพิมพ์จับมือของลูกสาวและลูกเขยที่ไหว้ตน ได้แต่พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุขเพราะตื้นตันจนพูดไม่ออก หลังจากนั้นก็หลบให้พ่อแม่ของเจ้าบ่าวได้อวยพรให้ทั้งคู่บ้างแจ็คกี้กล่าวขอบคุณมารดาของเจ้าสาวที่เชื้อเชิญตน แล้วมองใบหน้าที่เปี่ยมสุขของลูกชายสุดที่รัก ที่ต้องแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาอย่างกะทันหัน เพราะดันทำเจ้าสาวคนสวยท้อง“พ่อคงไม่ต้องพูดอะไรแล้วมั้ง เพราะพ่อรู้ว่าลูกชายของพ่อมีความสุขมาก และจะสุขมากกว่านี้ในอนาคต จริงไหมลูกพ่อ”“ครับคุณพ่อ ผมมีความสุขที่สุดในโลกเลยครับ” เจ้าบ่าวสุดหล่อตอบบิดาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง แล้วหันไปมองเจ้าสาวคนสวยที่นั่งยิ้มเอียงอายอยู่ข้าง ๆ“ฝากดูแลลูกชายของพ่อด้วยนะหนู ลูกชายพ่อเขารักหนูมากนะ ถ้าเขาหึงหวงหนูไปบ้าง ก็ให้คิดเสียว่าเพราะเขารักหนูมากเกินไป” แจ็คกี้หันไปพูดกับลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงติดเอ็นดู“ค่ะคุณพ่อ” หญิงสาวตอบรับพร้อมรอยยิ้มเขินอาย“ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะลูก” บุรุษสูงวัยลูบศีรษะลูกชาย และตบต้นแขนของลูกสะใภ้เบา ๆ ก่อนจะหลีกทางให้ภรรยา “อวย

  • สวาทหวาน   161

    “ยอมสิ ผมมั่นใจว่าคุณแม่ต้องรักลูกของเรา อาจจะรักมากกว่าผมด้วยซ้ำ” เขาแตะแก้มนวลเบา ๆ แล้วส่งยิ้มให้กำลังใจ “ไม่ต้องคิดมากหรอก ท่านจะรักหรือไม่รักก็แล้วแต่ท่านเถอะ ขอแค่เรารักลูกของเราให้มากที่สุดก็พอแล้ว เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเรากันเอง เลี้ยงเขาให้ดีที่สุด ตกลงไหม”“อือ”“ถ้าอย่างนั้นเตรียมตัวกลับกรุงเทพเลย เรามีงานต้องทำอีกเยอะนะ”“อลันมีงานเหรอ”“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก งานแต่งของเราต่างหากที่สำคัญ อลันใจร้อน อยากจะแต่งให้เร็วที่สุด”“เราจัดงานแต่งแบบง่าย ๆ ก็พอแล้วนะอลัน แค่ให้พ่อแม่ของเรารับรู้ แล้วจัดงานเลี้ยงฉลองแต่คนสนิท ถ้าทำแบบนี้ก็ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก ใช้เวลาเตรียมงานแค่อาทิตย์เดียวก็พอ”“เอาแบบนี้ก็ได้ อลันจะส่งข่าวให้เพื่อน ๆ ที่ฮ่องกง บีก็ส่งข่าวให้เพื่อน ๆ ของบี ส่วนเรื่องสถานที่จัดงานเลี้ยงอลันจัดการเอง พรีเวดดิ้งเราค่อยไปถ่ายกันที่ฮ่องกงหรือไต้หวันทีหลังพร้อมลูกก็ได้ ตกลงไหม”“ก็ได้ งันบีจะช่วยหาของชำร่วยนะ”

  • สวาทหวาน   160

    “แต่อลันเคยพูดว่าต้องการแก้แค้นบีที่ทิ้งอลัน” เธอกลายเป็นคนคิดมากจนเกินเหตุ“เราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอบี ผมก็สารภาพไปแล้วไงว่าแค่ข้ออ้าง จริง ๆ แล้วผมตามหาบีก็เพราะผมรักบี ผมไม่เคยลืมบีเลยแม้แต่วันเดียว ผมไม่ได้พูดเพื่อต้องการหลอกบีนะ” เขาจับมือของเธอมาทาบลงบนอกแน่นตึงข้างซ้าย “แต่ผมมีบีอยู่ข้างในนี้จริง ๆ ผมรักบีมากนะ รักมากอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้รับความรู้สึกนี้ของผมไปแม้แต่คนเดียว บีคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้”น้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม น้ำตาแห่งความอัดอั้นตันทรวง ค่อย ๆ ไหลทะลักออกจากดวงตากลมโต แล้วไหลอาบแก้มนวลที่ซูบตอบลงไปเล็กน้อยอลันใช้นิ้วโป้งค่อย ๆ ปาดน้ำตาให้คนรักอย่างบรรจง “บีเป็นอะไร บอกผมได้ไหม” เขาถามอย่างอาทร แต่เธอกลับร้องไห้หนักกว่าเก่า จนเขาตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลูบหลังปลอบใจร่างบางที่โผเข้ามากอดแนบแน่น ปล่อยให้เธอร้องไห้อยู่เงียบ ๆ.. เนิ่นนานกว่าเสียงร้องของเธอจะซาลง แล้วจูงมือเขาพาเดินเข้าไปในบ้าน“รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม พร้อมจะบอกผม

  • สวาทหวาน   159

    “เวียนหัว กินอะไรไม่ค่อยลงอย่างนั้นเหรอ” พรพิมพ์สะดุดใจกับอาการป่วยของลูกสาว จนต้องถามย้ำให้แน่ใจ“ครับ พี่จินนี่บอกผมอย่างนั้น”“แม่ถามอะไรเธอหน่อยได้ไหมอลัน”“ถามอะไรเหรอครับ”พรพิมพ์จับมือชายหนุ่ม ที่เธอให้ความรู้สึกรักและเอ็นดูตั้งแต่รู้จักครั้งแรก มองเขาด้วยสายตาเคร่งเครียดระคนหวาดหวั่น“เธอต้องตอบแม่ตามความจริงนะ”“แน่นอนครับ”“เธอกับบีคบกันถึงขั้นไหนแล้ว”คำถามของมารดาคนรัก ทำเอาชายหนุ่มถึงกับวางหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว รีบหลบสายตาไปมองทางอื่น เพื่อให้ตัวเองได้ตั้งหลักทางความคิด รู้สึกผิด ละอายแก่ใจ ลำบากใจ ที่ต้องพูดความจริงออกไป เพราะไม่อยากให้คนรักต้องมัวหมองเพียงแค่เห็นท่าทางอึกอักของชายหนุ่มพรพิมพ์ก็เดาได้ทันที ในฐานะของคนเป็นแม่ เธอยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ลูกสาวของเธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีหน้าที่การงาน รับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้แล้ว เรื่องแบบนี้กับยุคสมัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก“คงข้ามขีดของคำว่าแฟนไปมากแล้วสิ

  • สวาทหวาน   158

    เป็นอาทิตย์แล้วที่อลันไม่ได้เจอหน้าคนรัก เขากับเธอได้แต่ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ แต่ละครั้งเธอก็คุยกับเขาน้อยคำจนน่าแปลกใจ วันนี้ก็เป็นเช่นเดิม เธอคุยกับเขาไม่ถึงสองนาทีก็บอกวางสาย มันทำให้เขารู้สึกเครียดกับการเปลี่ยนแปลงที่น่าใจหายของเธอยิ่งนัก จึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนรักของเธอเพื่อถามในสิ่งที่สงสัย(สวัสดีอลัน)“สวัสดีครับเจ้ เจ้พอมีเวลาว่างสักห้านาทีไหมครับ” เขาคุยกับหญิงสาวอย่างนอบน้อม(ว่างจ้ะ คุยมาได้เลย)“คือผมอยากจะคุยเรื่องบีหน่อยครับ”(อ้อ ว่าไงจ๊ะ บีเป็นยังไงบ้างล่ะ กลับมาถึงบ้านแล้วเหรอ)คำถามของจินนี่ ทำให้หัวคิ้วของอลันขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ใบหน้าที่เคร่งเครียดอยู่แล้วยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม“เจ้พูดเหมือนบีไม่ได้ไปทำงานเลยนะครับ” เขาถามเพื่อให้แน่ใจ(อ้าว!) ปลายสายอุทานงง ๆ (เดี๋ยวนะ เจ้ไม่แน่ใจว่าตัวเองทำพลาดหรือเปล่า)“บอกผมมาเถอะครับเจ้” ได้ยินน้ำเสียงลังเลเหมือนไม่อยากพูดต่อของอีกฝ่าย เขาก็ร้องขอความเห็นใจ “บีเขาไปไหนครับ... เจ้ครับ ได้โปรดบอกผมเถอะครับ” เขาอ้อนวอนเมื่ออีกฝ่ายยังเงียบ(...บีเขาไม่ได้บอกอะไรนายเลยเหรออลัน)“เราคุยโทรศัพท์กันทุกวัน แต่ไม่ได้เจอกันเลย เธอบ

  • สวาทหวาน   157

    “ก็ได้จ้ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้อยู่กับแม่ทั้งวันนะลูก”“งั้นผมขอออกไปหาคุณพ่อก่อนนะครับ แล้วเย็นนี้ผมจะกลับมานอนกับคุณแม่” นอกจากไปหาบิดาแล้ว ช่วงบ่ายเขายังมีนัดกับเพื่อน ๆ อีก เขาต้องรีบทำทุกอย่างให้จบในเวลาจำกัด พยายามจะจัดเวลาให้มารดามากที่สุดเพื่อเอาใจท่าน“อย่างนั้นก็ได้ แม่จะรอกินข้าวเย็นด้วยนะลูก”“ครับคุณแม่ ประมาณหนึ่งทุ่มนะครับ”“ได้จ้ะ”ประเทศไทยร้านอาหารของอลัน“ทำไมเหรอบี ไม่อร่อยเหรอ” จินนี่ถามเพื่อนรักอย่างสงสัย เมื่อเธอทำหน้าเบ้ รีบเลื่อนจานสเต๊กเนื้อที่เพิ่งกินไปได้แค่คำเดียวออกห่างตัว“ฉันว่าเนื้อมีกลิ่นแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่อร่อยเหมือนทุกครั้งที่เคยกินด้วย” พรพิมลตอบคำถามแล้วรีบดื่มน้ำตาม เพื่อล้างกลิ่นที่ติดอยู่ในปาก“จริงเหรอ” จินนี่ลองจิ้มเนื้อสเต๊กจากจานของเพื่อนมาดม เมื่อไม่มีกลิ่นแปลกปลอมอะไรก็ลองชิม ค่อย ๆ ละเลียดเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นอย่างที่เพื่อนบอกหรือไม่ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วแปลกใจ เพราะรสชาติปกติดีทุกอย่าง “เธอไม่สบายหรือเปล่าบี สเต๊กเขาก็อร่อยดีนี่นา”“จริงเหรอ”“จริงสิ รสชาติแบบที่เราเคยกินเลย” แล้วค่อย ๆ ขยับตัวโน้มหน้าไปหาเพื่อน “เธอทำแบบนี้แฟนเธอเสียหายนะ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status