Share

8

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-05 23:33:55

ปันหยีตกใจกลัวจนหน้าถอดสี เมื่อเห็นท่าทางก้าวร้าวต่ำทรามของญาติสาว ถ้าอีกฝ่ายทำอย่างที่พูดจริง ๆ เธอก็คงไม่มีปัญญาหนีเอาตัวรอดได้แน่ เพราะตอนนี้เท้าเธอเจ็บอยู่

“เรากลับกันก่อนเถอะจ้ะปู่” เธอเขย่าแขนของท่าน ส่งเสียงอ้อนวอนพร้อมกับแววตาหวาดกลัว

“มึงอยู่ไหนวะไอ้โย พาพรรคพวกมึงเข้ามาที่บ้านหน่อยสิ”

เด็กสาวหวาดกลัวจนน้ำตาไหล เมื่อได้ยินคำพูดของญาติสาวที่พูดผ่านโทรศัพท์มือถือ กัดฟันทนเจ็บ พยุงปู่ที่งก ๆ เงิ่น ๆ ออกจากบ้านญาติอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เท้าจะอำนวย

ไซม่อนรีบขยับตัวที่ยืนพิงกับรถไปหาปู่กับหลานสาว ที่พากันเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นพร้อมท่าทางหวาดกลัว.. เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดการโต้เถียงอะไรกันบ้างก่อนหน้าที่จะมาถึง แต่สิ่งที่เขาได้ยินก็เริ่มตั้งแต่ที่หญิงสาวร่างยักษ์ผิวคล้ำ ที่เขาขับรถตามเข้ามาห่าง ๆ ไล่สองคนนี้ออกจากบ้าน พร้อมกับขู่ว่าจะแจ้งตำรวจ และจบลงด้วยการโทรตามสามีของหล่อนให้พาพรรคพวกมาเล่นงาน

“คุณอาไซม่อน” เมื่อได้เห็นชายหนุ่ม ร่างกายของเธอก็อ่อนแรงลงไปทันที เธอทรุดลงไปนั่งบนพื้น ไร้เรี่ยวแรงที่จะฝืนให้เข้มแข็งอีกต่อไป น้ำตาไหลรินหนักยิ่งกว่าเดิม เพราะรู้สึกถึงความปลอดภัยในระดับหนึ่ง

ชายหนุ่มรีบพาอุดมขึ้นไปนั่งรอในรถ แล้วกลับไปหาเด็กสาว กำลังจะพยุงเธอให้ลุกขึ้นแต่ก็เหลือบไปเห็นเจ้าของบ้านเดินออกมา เขาชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เลิกสนใจพวกเธอทั้งสอง

“ลุกไหวไหม”

“ไหวค่ะ” เธอลุกขึ้นด้วยเท้าข้างที่ไม่เจ็บ แล้วพยายามเดินกะเผลกไปที่รถ

ไซม่อนเห็นอาการของเด็กสาวก็รู้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บ จึงตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นมา แต่ก่อนที่จะจากไปเขาก็ได้หันกลับไปมองแม่ลูกใจร้ายคู่นั้นอีกครั้ง เรื่องนี้ต้องถึงหูเจ้านายของเขา และแน่ใจว่าเขาจะต้องได้กลับมาจัดการกับแม่ลูกคู่นี้แน่ ๆ

“มองอะไรวะไอ้ตี๋ อยากมีเรื่องใช่ไหม” แม้จะหวั่นใจกับสายตาและความภูมิฐานของอีกฝ่าย แต่ต่อก็ทำปากดีตะโกนขู่เขาไปเพราะถือว่าที่นี่คือถิ่นของตน

“รีบไปกันเถอะค่ะคุณอา หนูกลัว” เด็กสาวในอ้อมแขนเตือนสติชายหนุ่มที่มองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง เพราะเธอกลัวว่าสามีของญาติสาว จะพาพรรคพวกมาถึงก่อนที่จะได้ออกไปจากที่นี่ และกลัวมากที่สุดคือทุกคนจะถูกทำร้ายจริง ๆ

ไซม่อนยอมทำตามคำขอร้องของเด็กสาว เขาอุ้มเธอไปที่รถแล้วขับออกไปจากที่นั่น ระหว่างที่กำลังจะออกจากซอยเล็ก ๆ นั้นเอง เขาก็เห็นมอเตอร์ไซค์สามคันขี่เข้ามา พวกมันเจ็ดคนมองมาที่รถของเขาก่อนจะขี่ผ่านไป

เขามองที่กระจกมองหลัง ยังเห็นว่าบางคนหันกลับมามองอย่างสงสัย ถึงแม้จะไม่ได้รู้สึกกลัว แต่เมื่อเข้าสู่เส้นทางหลัก เขาก็เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วมากขึ้น เพราะเป็นห่วงคนที่นั่งอยู่ในรถด้วยกัน กลัวว่าจะปกป้องพวกเขาได้ไม่ดีพอเพราะตัวคนเดียว

กรุงเทพฯ

คำบอกเล่าจากปากของคนสนิท ทำให้หยางอี้ถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“จัดการยังไงก็ได้ ให้พวกนั้นกระเด็นออกไปจากที่ดินผืนนั้นให้เร็วที่สุด เอาให้เด็ดขาดไปเลยนะ”

“ตกลงครับ ผมจะเดินทางไปที่นั่นพรุ่งนี้เลยนะครับ”

“อือ แล้วตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง” ใจนั้นอยากรู้เรื่องของหลานสาวมากกว่า รู้สึกเป็นห่วงจนอยากจะไปหา ไปดูให้เห็นกับตา แต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้ เพราะเธอยังเด็กนัก เขาเตือนตัวเองว่าไม่ควรทำตัวเลอะเทอะ

“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ เท้าเธอเคล็ดนิดหน่อยเท่านั้น กินยาตามที่หมอจัดให้ อีกสองสามวันก็น่าจะหายเป็นปกติ”

“พรุ่งนี้ก่อนเดินทางก็แวะไปดูเธอหน่อย ซื้อของกินของใช้ไปให้พวกเขาด้วยล่ะ เสร็จจากเรื่องนี้แล้วผมมีอีกเรื่องจะคุยกับคุณด้วย”

“ได้ครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด” เมื่อคุยกันรู้เรื่องแล้วไซม่อนจึงขอตัวลาไปพักผ่อน เพื่อเตรียมตัวเดินทางในวันพรุ่งนี้

วันรุ่งขึ้น

ไซม่อนก็พาเอดิสันเดินทางไปทำงานตามคำสั่งของเจ้านาย เริ่มตั้งแต่ซื้อของแวะไปเยี่ยมปู่กับหลานที่บ้านเช่าหลังเก่ามอซอ เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงขับรถมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบุรี ทำงานของตัวเองอย่างมีแบบแผน และสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีด้วยเวลาเพียงแค่สามวัน

หนึ่งอาทิตย์ต่อมาไซม่อนจึงมาเจอกับอุดมอีกครั้ง ที่บริเวณนี้เป็นสวนสาธารณะของหมู่บ้าน

“หนูหยินไปโรงเรียนเหรอครับ” เขาพยายามทำตัวสบาย ๆ ด้วยการชวนคุยเรื่องอื่นก่อน

คำถามของชายหนุ่มทำให้ชายชราสีหน้าหม่นหมอง ส่ายศีรษะปฏิเสธช้า ๆ “ไม่ได้ไปเรียนหรอกครับ หยินเขาเรียนจบมอสามแล้ว เพิ่งไปรับวุฒิการศึกษามาเมื่อสองวันก่อนนี้เอง”

“แล้วเธอไปไหนล่ะครับ” หรือว่าเธอช่วยปู่ทำงานอยู่แถวนี้แต่เขาไม่เห็น เขาจึงมองไปรอบ ๆ

“เขาไปหาสมัครงานครับ”

คำตอบที่เต็มไปด้วยความเศร้าเจือปน ทำให้ไซม่อนรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย นึกถึงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ วัยกำลังโตคนนั้น

“ยังเด็กแล้วตัวก็เล็กแบบนั้นจะไปทำงานอะไรได้ครับ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับคุณไซม่อน ผมบอกเขาให้เรียนต่ออีกสักหน่อยเขาก็ไม่ยอม ทั้งหมดนี้คงเป็นเพราะผม ถ้าผมไม่ป่วย ไม่ได้เป็นหนี้มากมายขนาดนี้ หลานของผมก็คงได้เรียนต่อ” น้ำตาแห่งความอัปยศไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ชายชราปาดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ เมื่อรู้ว่าไม่ควรทำตัวอ่อนแอให้คนอื่นเห็น

“ถ้าผมมีข้อเสนอมาให้ปู่ ปู่จะรับเอาไว้ไหมครับ” ไซม่อนเริ่มดึงเข้าเรื่อง แต่เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย เขาก็รีบโบกมือปฏิเสธความเข้าใจผิดนั้น “อย่ามองผมแบบนั้นสิครับปู่ ฟังผมพูดให้จบก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • สวาทหวาน   82 ตอนจบ

    เห็นสายตาที่เขม่นมองอย่างคาดโทษของภรรยาก็ยักไหล่ใส่อย่างยียวน “ไม่เห็นต้องอายเลย เอดิสันเขาชินแล้ว จริงไหมเอดิสัน”“ครับบอส” คนพูดน้อยตอบรับ“หนูไม่คุยกับคุณแล้ว”“เป็นแม่คนแล้วนะ ถ้างอนเก่งแบบนี้ระวังลูกจะขี้แยนะ” เห็นเธองอนก็ยิ่งเย้าแหย่คนถูกแกล้งค้อนใส่สามีก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งในรถตู้คันหรู เมื่อเขาก้าวตามขึ้นมาก็ซบลงกับต้นแขนแกร่งทันที“หนูง่วงจังเลยค่ะ ขอนอนพักสักหน่อยนะคะ” ตั้งแต่เธอท้องเธอก็กลายเป็นคนนอนง่ายหลับง่าย จนแม่สามียังแซวว่าหลานของท่านคนนี้น่าจะเป็นเด็กเลี้ยงง่าย“ง่วงก็นอนซะ” หยางอี้บอกกับภรรยาขณะขยับตัวรับร่างของเธอให้นอนพิงในท่าที่สบายที่สุด ใช่ว่ารถคันนี้จะคับแคบ เบาะที่เธอนั่งก็สามารถปรับเอนนอนได้เกือบจะร้อยแปดสิบองศา แต่เธอกลับไม่ชอบทำแบบนั้น บอกว่านอนไม่หลับ สู้นอนซุกอกอุ่น ๆ ของเขาไม่ได้“ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าอิ่มเอิบเหลือบมองสามี แล้วจุ๊บที่ปลายคางของเขา “หยินรักคุณอี้ที่สุดเลยค่ะ”คำกระซิบบอกเบา ๆ ที่เธออยากให้

  • สวาทหวาน   81

    เมื่อได้ฟังเหตุผลของลูกชาย ฝ่ายมารดาก็เริ่มเข้าใจและคล้อยตาม “ที่แกพูดก็มีเหตุผล แม่ก็คงต้องรอไปอีกสองสามปีสินะ” แล้วมองว่าที่ลูกสะใภ้ “จะเรียนไปทำไมก็ไม่รู้ไอ้ด็อกเตอร์เนี่ย เรียนไปสามีเธอก็ไม่ให้ไปทำงานหรอก เพราะเธอมีหน้าที่ผลิตลูกให้เขาอย่างเดียวเท่านั้นแหละ” แม่ลูกนิสัยไม่ต่างกันเลยจริง ๆ อยากพูดอะไรก็พูด ไม่รู้จักใช้คำพูดอ้อมค้อมกันบ้างเลย มันทำให้เธอร้อนวูบวาบด้วยความอับอายไปทั้งใบหน้าแล้วตอนนี้ “หนูอยากเรียนเพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งลูกสะใภ้ของคุณแม่ ภรรยาที่เพียบพร้อมของคุณหยางอี้ และให้ลูกของหนูได้ภูมิใจในตัวแม่ของเขา เหตุผลเท่านี้พอไหมคะคุณแม่” “แล้วไม่คิดถึงตัวเองบ้างเหรอ” แม้จะพอใจมากกับคำตอบของเธอ แต่เบคกี้หยางก็ยังอยากรู้ หญิงสาวหันไปมองคนข้าง ๆ ที่มองอยู่ก่อนแล้ว “ก่อนหน้า

  • สวาทหวาน   80

    “ฉันก็แค่หยอกเล่นเท่านั้น แยกแยะไม่ออกหรือไง” หยางอี้คลี่ยิ้มละมุน เข้าประชิดด้านหลังแฟนสาวแล้วจับบ่าของเธอ “ได้ยินแล้วใช่ไหม ท่านก็แค่อยากหยอกว่าที่ลูกสะใภ้เล่นเท่านั้น” เขาจงใจพูดเสียงดังให้มารดาได้ยิน แล้วลดเป็นเสียงกระซิบเบา ๆ ในประโยคต่อมา “แต่ท่านคงจะเขินถ้าทำตัวเป็นกันเองกับหนูง่าย ๆ เพราะเคยเขม่นเอาไว้เยอะ หน้าตาท่านก็เลยดูจริงจังไปหน่อย” “กระซิบกระซาบอะไรกัน” ผู้เป็นมารดาเขม่นลูกชายที่คลี่ยิ้มกว้างส่งสายตาล้อเลียนมาให้“ก็แค่บอกรักเมีย ไม่อยากให้คุณแม่ได้ยินเพราะกลัวจะถูกหมั่นไส้ครับ” “ไม่ใช่นะคะมาดาม” ปันหยีรีบปฏิเสธแล้วหันไปค้อนใส่คนรักอย่างไม่พอใจ “อย่าพูดแบบนี้สิคะ เดี๋ยวมาดามก็โกรธหนูอีก” “ถ้าคิดจะเป็นลูกสะใภ้ฉันก็ควรเรียกฉันว่าแม

  • สวาทหวาน   79

    หยางอี้สลัดศีรษะไล่ความสะลึมสะลือก่อนกรอกเสียงลงไป “ว่าไงอลัน” (ขอโทษที่โทรมารบกวนนะครับน้าอี้ แต่น้าอี้รู้ไหมครับว่าบีเขาอยู่ไหน) ชายหนุ่มไม่แปลกใจที่ถูกถามแบบนี้ เพราะเด็กหนุ่มก็คงรู้อะไรมาไม่น้อยเหมือนกัน แต่เขาก็รับปากหญิงสาวที่ถูกถามถึงเอาไว้แล้วเหมือนกัน “ไม่รู้สิ ทำไมถึงมาถามหากับฉันล่ะ” (ผมขอร้องนะครับน้าอี้ ได้โปรดบอกความจริงกับผมเถอะครับ ขอแค่บอกว่าเธอไปอยู่ที่ไหน ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง) “..เอาเป็นว่านายไม่ต้องเป็นห่วงเธอหรอก เพราะเธอกลับบ้านเธอไปแล้ว ฉันรู้เพราะวันนี้เธอมาบอกลากับฉัน และเธอก็ขอร้องฉันว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับนายด้วย” (เธอบอกอย่างนั้นจริง ๆ เหรอครับ)

  • สวาทหวาน   78

    “มีความสุขดีไหมบี” หยางอี้ถามหญิงสาวที่ยืนตะลึงตาค้างอยู่ในห้อง ส่วนตัว เขาไม่ได้เดินเข้าไป เพราะวันนี้ที่มาก็เพื่อให้เธอรู้ว่าเธอหนีเขาไม่พ้นก็เท่านั้น “คิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอบี” “พี่อี้รู้ได้ยังไง” เธอถามเสียงสั่น แววตาสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เพราะสิ่งที่เธอทำกับเขาก่อนจะขนของออกมามันไม่ธรรมดาเลย “เธอคิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระขณะที่ยังอยู่ในฮ่องกงอย่างนั้นเหรอบี” เขาย้อนถามเสียงเย็นพอ ๆ กับแววตา “เธอเซ็นสัญญาทำงานกับฉัน และเวลานี้เธอควรไปเริ่มงานที่สาขาในประเทศไทยได้แล้ว แต่เธอก็ยังเอ้อระเหยอยู่ที่นี่ ฉันควรจะทำอย่างไรกับเธอดี แจ้งความดำเนินคดีตามกฎของบริษัท หรือว่าแจ้งความเรื่องที่เธอทำลายข้าวของในคอนโดฉันดีล่ะ ค่าซ่อมแซมไม่เท่าไหร่หรอกนะ แค่ล้านกว่า ๆ เอง ถ้าไม่มีเงินจ่ายก็ไปติดคุกซะ” หญิงสาวกลัวจนน้ำตาแทบไหล ทั้งหมดที่เธอทำในคืนนั

  • สวาทหวาน   77

    ปันหยีเขินอายกับคำพูดของตัวเองเหลือเกิน แต่ก็อยากจะออดอ้อนเอาใจเขาให้ถึงที่สุด เขาจะได้หายโกรธ เธอขยับตัวไปทางด้านหน้าของเขา มองใบหน้าคมเข้มที่มองเธอด้วยแววตาปรารถนาอย่างไม่ปิดบังโกรธให้ตายเขาก็คงปฏิเสธเรือนร่างขาวอมชมพูที่ใส่พานมาให้ถึงที่แบบนี้ไม่ได้ มือใหญ่จึงเอื้อมไปรวบร่างนุ่มนิ่มมาแนบอก ให้เธอได้รู้ว่าตอนนี้ร่างกายของเขากำลังเกิดการตื่นตัว“คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะหายโกรธเหรอ”“ถ้าไม่หายโกรธก็ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนี้สิคะ” เธอคลี่ยิ้มกว้าง กล้าโต้ตอบใส่เขาเมื่อมือแกร่งนั้นรวบรัดเธอเอาไว้แน่นจนเรือนร่างได้สัมผัสกับของแข็ง ๆ บางสิ่งที่ใต้น้ำชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปาก มองเธอด้วยสายตาคาดโทษก่อนจะโน้มหน้าไปหาเรียวปากอวบอิ่ม มอบจูบหอมหวานสะท้านทรวงแด่เธอหญิงสาวหลับตาพริ้มรับจูบ โอบกอดรอบลำคอแกร่ง โต้ตอบเรียวลิ้นที่ล่วงล้ำเข้ามาในปากอย่างช่ำชองมากขึ้น หลังจากได้รับการสั่งสอนมาบ่อยครั้ง สองขาเรียวเกี่ยวกอดสะโพกสอบอย่างรู้หน้าที่เมื่อถูกมือใหญ่เกี่ยวขึ้นมา“เรียกฉันเพราะ ๆ แล้วฉันจะมอบความสุขให้เป็นรางวัล”

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status