“กูขอตายตรงนี้...ฮึ่ม อีหนูเอ๊ย!” ยามสมคิดผละลิ้นออก เงยหน้ามองสาวน้อยวัยสิบแปดเจ้าของเรือนร่างงดงามขาวนวลเนียนที่ยังไม่เคยผ่านมือชายมาก่อน
“ปล่อยหนูไปเถอะลุงยาม หนู...”
“หนูเงี่ยนใช่มั้ย เดี๋ยวลุงช่วยเอง” ยามเฉลิมลูบคลำนวดขยำเต้าโตอย่างสาสมใจ ความเติบใหญ่เกินตัวของเด็กสาวบ้านนอกคนนี้ทำให้เขาหายใจติดขัดไปหมด
“ดูสิ” ปลายนิ้วของยามสมคิดเขี่ยไล้ร่องสวาทแล้วมีน้ำเหนียวใสติดนิ้วยาวยืด “เลียแป๊บเดียวเองนะ สงสัยอีหนูนี่จะน้ำเยอะ เดี๋ยวเหอะ จะเอาให้ร้องครางไม่ขาดปาก ผัวขา ผัวขา ผัว...”
สองยามคู่ซี๊หัวเราะร่วน จ้องมองเหยื่อตรงหน้าอย่างกระหืดกระหายกลัดมัน แทบรอให้ฤทธิ์ยาปลุกเซ็กส์ทำงานไม่ไหวแล้ว อาการหิวโหยใคร่เริ่มเร่งเร้ากระตุ้นจนเลือดในกายปั่นป่วน ลำร้อนคัดแข็งหนัดแน่น ร้องขอให้ปลดปล่อยออกมาจากซิปกางเกง
“โอยย...อือ...” ความเจ็บปวดแล่นลามจุกอก หัวใจเจ็บแปลบไปหมด เฝ้าถามตัวเองว่าทำไมเธอต้องมาโดนอะไรแบบนี้ด้วย เธอทำผิดอะไรหรือ...
สายฝนที่กระหน่ำเทลงมาไม่ขาดสาย ช่วยกลบเสียงร้องขอความช่วยเหลือจนหมดสิ้น ดูเหมือนฟ้าจะเป็นใจให้สองยามกระทำการชั่วช้าต่อเรือนร่างของเธอ
ช่วงปิดเทอม...อณิกาตัดสินใจมาสมัครทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงงานแถวสมุทรปราการเพื่อหารายได้ระหว่างปิดเทอม โดยได้รับความช่วยเหลือจากพี่สาวข้างบ้าน ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ‘โฉมสิริ’ หรือ พี่โฉม เสมียนสาวของโรงงานที่สนิทสนมกันเหมือนญาติสนิท เธอให้ความช่วยเหลือทั้งในเรื่องการเข้าทำงานและเรื่องที่อยู่อาศัย
“พักด้วยกันนี่แหละ” โฉมสิริพักอยู่ในแฟลตสามชั้นของโรงงาน ซึ่งเป็นห้องริมสุดของชั้นสาม ระเบียงห้องกว้างขวางสามารถเห็นวิวตึกรามบ้านเรือนที่ปลูกสร้างอย่างแออัดหลังเขตกำแพงโรงงานได้อย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าคนโรงงานมากมายก็พักอาศัยในห้องแถว บ้านเช่า และอพาร์ตเม้นต์เนืองแน่นแถวนั้น
หนึ่งสัปดาห์มาแล้วที่เธอได้ทำงานในโรงงานแห่งนี้อย่างมีความสุข และได้นอนบนฟูกอุ่น ๆ ที่ปูอยู่ข้างเตียงนอนของโฉมสิริอย่างสบายใจ
หนึ่งสัปดาห์มาแล้วที่เธอกลายเป็นดาวเด่นของโรงงาน ความสวยน่ารักทำให้เธอเนื้อหอมและถูกพูดถึงในวงสนทนาของคนงานชาย เรียกว่าเดินไปทางไหนก็จะมีสายตาตามติดประชิดทุกฝีก้าว
“แกอย่าไปหลงกลพวกผู้ชายในโรงงานนี้นะ” โฉมสิริเตือนด้วยความเป็นห่วง “มีแต่พวกเจ้าชู้”
“รู้แล้วจ้ะ นิดมาทำงานหาเงินนะพี่โฉม ไม่ได้มาหาแฟนซะหน่อย พี่โฉมไม่ต้องห่วง นิดดูแลตัวเองได้ ไม่เผลอใจให้ใครง่ายๆหรอก”
“ดีแล้ว งั้นวานแกไปซื้อถุงยางให้หน่อยสิ”
“โอ้...อ้า...อื้อ...ซี๊ดดดด” เขาสะบัดเอวเร็วรี่ ขยับสะโพกชนิดถี่ยิบ แรงกระแทกทำให้กายสาวสั่นสะท้านไปทั้งตัว เธอร้องโหยลั่นห้อง ก่อนจะกดเกร็ง กระตุกซ้ำ ๆ แล้วปล่อยปล่อยความสดสาวพรั่งพรู“อูวววววว” เขาครวญครางประสานเสียงสุขสม เสียวเสียดหนั่นแน่น กำหนัดไหล เขาขยับร่างเบียดบดกดคลึง ถลึงถลำเข้าไปมิใคร่หยุด“อ้า...” เธอขยับช่วงล่างรับความเสียวซ่านรสหฤหรรษ์ แอ่นอกอิ่มเอิบไถถูแผงอกกว้างของชายหนุ่ม เขาก้มลงจูบเธออย่างเผ็ดร้อน ก่อนจะแลกลิ้นกันกินอย่างดูดดื่ม “อืม....”“โอวววว...โอ๊ะ! ที่รัก ผม...โอววว” เขาเร่งเร้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเกร็งร่างจนเอ็นผุด เธอรู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัว ยามมังกรร้ายพ่นลาวาไฟใส่โพรงถ้ำจนฉ่ำเยิ้ม เธอสวมกอดกายแกร่งไว้แน่นมือ ราวกับกลัวเขาจะหายไป“ฉันมีความสุขเหลือเกิน”“ผมก็เหมือนกัน” เขายังเหนื่อย ลมหายใจเขาอุ่นจัดเลยทีเดียว แต่มันช่วยกระตุ้นอารมณ์เธอได้ไม่น้อย“ฉันจะทำให้คุณมีความสุขมากที่สุด จนคุณลืมฉันไม่ได้เลยล่ะ” หญิงสาวพลิกร่างขึ้นนั่งคร่อมบนกายแกร่ง จับมังกรแทรกใส่ในกลีบกุหลาบสวย เธอกดสะโพกลงจนแนบแน่น แล้วขยับโยกไม่หยุดหย่อน“อืม...ดีจัง...พิมจ๋า”“ห้ามลืมฉันนะ”
“อะ...” พิมาลาอ้าปากหวอ ลืมหายใจไปชั่วขณะ แต่ในหัววิ่งวุ่นไปหมด เธอคิดไม่ออกเลยว่าจะทำอะไรต่อไปหลังจากวินาทีนี้ “คะ.....คือ...”“ทำไม? รู้จักกันหรือวะ”เพื่อนเขาถามด้วยความแปลกใจ“อือ...รู้จัก” เขาจ้องเธอด้วยสายตาดุเดือด เหมือนว่าจะฆ่าเธอได้อย่างนั้นแหละ หากเธอไม่หันหลังแล้วเปิดประตู วิ่งหนีออกมาซะก่อนปัง!พิมาลากลับเข้าห้องประจำของตัวเอง ด้วยสีหน้าซีดเซียวเหมือนคนป่วยหนัก และหัวใจที่เต้นรัวเหมือนจะระเบิดออกมา“ทำไงดี...เราจะทำยังไงดี...ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย...ทำไม!!!”ทำไมเธอต้องเจอเขาในที่แห่งนี้...ผู้ชายที่ไม่ควรรู้ว่าเธอคือโรสทำไม????หญิงสาวรีบออกจากเล้าหรู ขับรถมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตหลังจากนี้ของเธอจะเป็นอย่างไร ในเมื่อความลับของเธอจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป“ชีวิตฉันต้องพังแน่ ๆ”เธอตัดสินชีวิตของเธอโดยทันที เพราะเธอไม่คิดว่าพลวัตรจะปล่อยผู้หญิงที่ทำให้บิดาของเขาเจ็บป่วยขนาดนี้ไปแน่ ๆ แม้ไม่ใช่ฝีมือของเธอก็ตาม การที่เขาไปที่นั่น ก็เพื่อจะพบกับโรส“ไม่น่าเลย ถ้าเขารู้ว่าเราทำงานอะไรอยู่ เขาต้องไม่ให้อภัยเราแน่” เพราะถ้าเป็นเธอก็คงไม่ให้อภัยเขาเหมือนกัน
เขาเล้าโลมเธอไปทั้งตัว จนเธอทนไม่ไหว ลุกขึ้นทำให้เขาบ้างเป็นครั้งแรก ใช้ลิ้นกับของ ๆเขาอย่างช่ำชอง จนทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย“พิม...อ่า...” จากนั้นทั้งคู่ก็ร่วมรักกันอีกสองรอบ ก่อนจะพากันเข้าสู่ห้องน้ำ จัดการชำระคราบใคร่ตัณหาจนสะอาดเอี่ยม ชายหนุ่มอยากจัดเธออีกรอบในห้องน้ำ แต่หญิงสาวห้ามไว้...“สายมากแล้วค่ะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะ”“จริงด้วย” เขาใส่เสื้อผ้าชุดเดิมของตัวเอง ตั้งใจจะแวะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดก่อนไปกองถ่าย“พิมไปส่งคุณที่คอนโดนะคะ”เธอกอดคลอเคลียแฟนหนุ่มออกจากห้อง เขาเองก็กอดสะเอวเธออย่างสนิทสนม ขณะเธอจัดการล็อคห้องอยู่นั่นเอง ประตูห้องข้าง ๆก็เปิดออกมา พลวัตรตกใจมากที่เห็นพิมาลาและเพื่อนสนิทออกจากห้องมาด้วยกันในตอนเช้าแบบนี้วิศวะเองก็ตกใจและอึ้งไปหลายวินาทีทีเดียว นั่นเพราะเขาไม่รู้มาก่อนว่าเพื่อนรักซื้อห้องติดกับแฟนสาวของเขา เพราะเธอเองก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง“ไอ้วัตร!”พิมาลาหันไปมองพลวัตร “อ้าว กลับมาแล้วเหรอ?”พลวัตรหน้าซีดเผือด พูดอะไรไม่ออก จึงเลือกที่จะเดินนำทั้งคู่ไปยังหน้าลิฟต์ ทั้งสามไม่คุยกันอีกเลย กระทั่งเข้าไปในลิฟต์แล้ว“ไม่ยักรู้ว่า...”“เราคบกันอยู่” วิศวะปก
“คืนนี้ว่างมั้ย ไปซ้อมบทกันหน่อยดีมั้ย”“ไม่ว่างค่ะ”เขาทำหน้าผิดหวัง “หรืออว่าคุณไม่อยากได้บทนั้นแล้ว”“ไม่อยากค่ะ” เธอยิ้มอย่างรู้ทัน “พอเถอะค่ะคุณยุทธ พิมรู้แล้วนะว่ามีคนไปแคสบทนี่ตั้งหลายคน”“แต่ไม่มีใครสู้คุณได้สักคนเลยนะพิม”“พิมควรจะภูมิใจใช่มั้ย”“คุณเจ๋งที่สุดแล้ว” เขาล่ะอยากจะแตะเนื้อต้องตัวเจ้าหล่อนจริง ๆ หากไม่กลัวใครจะเห็นเข้า “คืนนี้เมียผมไปถ่ายละครต่างจังหวัด มะรืนถึงจะกลับ ผมว่า...”“ไม่ดีกว่าค่ะ พิมไม่อยากเล่นหนังเรื่องนั้นแล้ว” เจ้าหล่อนยิ้มอย่างยั่วยวนใส่เขาอย่างจงใจจะให้เขาอารมณ์กระเจิง “พิมคิดว่าบทโสเภณีมันยากไปสำหรับพิมน่ะค่ะ คุณหาคนใหม่ที่เหมาะกว่านี้ดีกว่า”แล้วเจ้าหล่อนก็เดินจากมา อย่างไม่รู้สึกเสียดายโอกาส เธอยังอยากเป็นดาราอยู่นะ แต่ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้งานใช่มั้ย?“พิมจัดการเรื่องซื้อที่กับดาวน์รถกระบะให้แล้วนะ”เธอโทรศัพท์หาบิดา ขณะนั่งอยู่หลังพวงมาลัยเหล็ก ในรถเก๋งคันงามของตัวเอง“ไม่ต้องห่วงเรื่องผ่อนหรอก ขอเวลาอีกสักเดือน พิมจะโปะให้หมดเลย”“เอ็งเล่นหนังเรื่องเดียว ทำไมถึงได้เงินเยอะแยะขนาดนั้น”“เอาอีกแล้ว ชอบสงสัยไม่เข้าเรื่อง หนูเล่นห
“ไอ้...นาย...” เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นนายพลวัตรที่นี่ ไอ้นักเลงบ้านนอกที่เกะกะระรานคนไปเรื่อยนั่นเหรอ เขามาทำอะไรที่นี่“แก ๆ เห็นปะ? คนที่เดินมากับโปรดิวเซอร์อ่ะ เขาเป็นคนเขียนบทหนังเรื่องนี้ล่ะ เท่นะ ฉันชอบเขาอ่ะ” บุษบงกชเล่าพลางบิดเนื้อบิดตัวด้วยความขวยเขิน แต่ข้อมูลที่ออกมาจากปากของเธอ ทำให้พิมาลาอึ้งไปหลายวินาทีทีเดียว“เขียนบทเหรอ?”“ใช่ เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทกับโปรดิวเซอร์ด้วยนะ อ่อ ตอนนี้ทุกคนก็รู้กันหมดแล้วนะ ว่าคุณวิศวะเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัท เขาก็เลยสามารถเอาใครออกก็ได้ แล้วก็สามารถตัดสินใจได้ทุกเรื่อง เพราะเป็นนายทุนเองไงล่ะ”พิมาลาอึ้งไปอีกรอบ “อ๋อ...เหรอ นึกแล้วเชียว”วิศวะคุยกับพลวัตรอย่างสนุก ก่อนจะตวัดสายตามามองหญิงสาว สายตาอ่อนหวานส่งสัญญาณมาถึงเธอเต็ม ๆ เธอก็อยากจะส่งสายตาหวานคืนไปหรอกนะ หากไม่ติดว่ากำลังโกรธ เรื่องที่เขาปิดบังเธอไว้“เป็นถึงลูกชายเจ้าของบริษัทเชียวเหรอ” ส่วนอีกคนก็ “เขียนบทหนัง เออสิ...ทุกคนสามารถเป็นอะไรได้ทั้งนั้น และไม่จำเป็นต้องบอกใครด้วย”เธอก็ไม่ต่างจากสองคนนั้น ที่มีความลับของตัวเอง ไม่อยากให้ใครรู้ เพราะฉะนั้น เธอไม่ควรจะโกรธคนรั
“สิบห้าล้าน”“ห๊า” เธออ้าปากเป็นรูปตัวโอ “คุณไปเอาเงินมาจากไหน”“ถึงผมจะขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่ได้ใช้ของแบรนด์เนม แต่ผมก็ลูกคนมีเงินนะ คุณ เห็นหน้าตาเถื่อน ๆ บ้าน ๆ แบบนี้ ไฮโซนะจะบอกให้”“จริงอ่ะ”“ผมจะโกหกคุณทำไม” เขาเข้ายืนซ้อนหลังเธอแล้วสวมกอดเธอไว้แน่น จนทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก “ถึงผมจะไม่ค่อยถูกกับป๊าผมเท่าไหร่ ไม่ใช่ลูกรัก อาจไม่ได้มรดก แต่ผมก็ทำงานเก่งนะ มีปัญญาเลี้ยงเมียเลี้ยงลูกละกัน”“หืม...นี่เราเพิ่งตกลงจะคบกันเอง เอาเงินมาล่อซะแล้ว”“ก็อยากให้แน่ใจไงว่าไม่ลำบากแน่นอน”เธอยิ้มอย่างมีความสุข “ปล่อยได้แล้ว”“ไม่เอา”“ฉันจะกลับแล้ว”“จะรีบไปไหนเล่า”“ถ้าไม่รีบกลับ มีหวัง ฉันเสร็จคุณแน่” เจ้าหล่อนแกะมือชายหนุ่มที่รัดหน้าท้องแบนราบของเธอออก แล้วหันมาเผชิญหน้า ด้วยสายตาอ่อนโยน “ฉันอยากคบกับคุณไปนาน ๆ ไม่อยากคบเล่น ๆ เข้าใจมั้ย?”“เข้าใจน่า” เขาลูบศีรษะเธออย่างทะนุถนอม “พรุ่งนี้คุณกลับไปทำงานนะ”“ห๊า...ว่าไงนะ”“กลับไปทำงานไง เราจะได้เจอกันที่กองถ่ายทุกวันเหมือนเดิม กลับไปคราวนี้ห้ามทำนมหกยั่วผู้ชายอีกนะ”หญิงสาวหัวเราะสดใส สวมกอดชายหนุ่มผู้เป็นที่รัก ด้วยความรู้สึกอิ่มเอม