นั่นหนูจะไปไหน” จนถึงตอนนี้เจียงฮั่นเจี่ยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกสะใภ้ถูกไล่ให้ไปอยู่เรือนหลัง
สองแม่ลูกลอบมองสบตากัน เจียงหูเจี่ยกำลังจะอ้าปาก แต่ชุ่ยอิงไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เปล่งเสียงก็ชิงพูดขึ้น “กลับเรือนค่ะ คุณแม่กับพี่หูเจี่ยให้หนูไปอยู่เรือนหลังค่ะ” “ตั้งแต่เมื่อไหร่!” ประโยคนี้ นายท่านเจียงไม่ได้ถามลูกสะใภ้ แต่หันไปถามภรรยา คุณนายเจียงถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่ยืนอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ถึงเธอจะมีอำนาจเหนือสามี แต่ที่เธอควบคุมเขาได้ เพราะเขาเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ควรค่าให้เคารพนับถือ แต่ถ้ารู้ว่าลับหลังเขาเธอทำอะไร ไม่แน่ว่าต่อไป ผู้ชายกลัวเมียอย่างนายท่านเจียง อาจไม่เกรงกลัวอีกต่อไป ยิ่งตอนนี้ เจ้าตัวเริ่มจะมีใจชอบพอลูกสะใภ้ด้วยแล้ว “ผมเพิ่งทราบ ว่าคุณจัดการเรื่องในบ้านแบบนี้” พูดกับภรรยาแล้ว เขาก็หันไปบอกกับลูกสะใภ้ “ชุ่ยอิง หนูไปขนของแล้วย้ายกลับขึ้นมาอยู่บนตึกเดี๋ยวนี้เลย นี่เป็นคำสั่งของฉัน” “แต่คุณพ่อครับ ผมกำลังจะหย่ากับเธอ” หูเจี่ยรีบแย้ง พอถูกคนเป็นพ่อมองมาด้วยสายตาดุดันเขาก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก เจียงฮั่นเจี่ยแค่นเสียงออกมาเสียงหนึ่ง “อยากหย่าเพื่อจะไปแต่งกับลูกสาวประธานเซี่ย? แกช่างเพ้อฝันสิ้นดี ประธานเซี่ยไม่มีทางปล่อยให้ลูกสาวมาแต่งกับคนมีภรรยาแล้วอย่างแกแน่ แต่ถ้าแกอยากหย่าก็ย่อมได้นะ แต่ต้องหลังจากฉันได้เป็นนายกเทศมนตรีแล้ว ส่วนตอนนี้ ฉันจะให้หนูชุ่ยอิงไปนอนห้องปีกตะวันตก แล้วฉันหวังว่าแกจะไม่เข้าไปขอนอนกับเธอ” “คุณพ่อ” เจียงหูเจี่ยยังจะคิดโต้แย้ง แต่ถูกคุณนายเจียงปรามด้วยสายตา เขาจึงได้แต่นิ่งเงียบ สุดท้าย ชุ่ยอิงก็ได้ย้ายกลับมาอยู่บนตึก โดยการแยกห้องนอนกับสามี ซึ่งมันตรงกับแผนที่เธอวางเอาไว้ และยังได้ทานอาหารร่วมโต๊ะในฐานะเจ้านายคนหนึ่ง นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่แน่นอน ว่าเธอไม่ได้ต้องการแค่นี้ จากความทรงจำของร่างเดิม คนบ้านนี้ ทำราวกับหว่านชุ่ยอิงคนก่อนราวกับไม่ใช่คน แค่ได้เข้ามาอยู่บนตึกมันจะไปพอได้อย่างไร คืนนี้ เจียงหูเจี่ยพยายามจะเข้ามานอนกับเธอ แต่ชุ่ยอิงไม่ยอมเปิดประตูให้ เขาเลยได้แต่กลับไประบายโทสะในห้องตัวเอง ครั้นตกดึก ในขณะที่ทุกคนหลับไปแล้ว ประตูห้องของชุ่ยอิงถึงได้เปิดออก ร่างบอบบางในชุดนอนสีขาวบางเบาแทบจะมองเห็นเนื้อใน ค่อย ๆ ก้าวออกมาจากประตู ขณะนั้น นายท่านเจียงเพิ่งจะออกมาจากห้องพอดี เขามองเธอ เธอมองเขา ชุ่ยอิงก้มหน้าหลบตา ก่อนจะรีบจ้ำเท้าเดินไปที่บันได เจียงฮั่นเจี่ยรีบเดินตามมา พอลงมาถึงข้างล่าง เขาค่อยเอ่ยถาม “ดึกแล้วหนูลงมาทำอะไร” ชุ่ยอิงหมุนตัวกลับมา เธอห่อไหล่เล็กน้อย ทำให้สายเสื้อตกมาที่ลาดไหล่ เผยให้เห็นทรวงอกเกือบจะครึ่งเต้า “หนูนอนไม่หลับค่ะ ก็เลยว่าจะออกไปเดินรับลมเล่น” ฮั่นเจี่ยได้ยินอย่างนั้นก็มองผ่านกระจกไปด้านนอก “ลมพัดแรง อย่าออกไปเลย ถ้าหนูนอนไม่หลับ เข้าไปหาหนังสืออ่านในห้องทำงานฉันดีไหม?” ชุ่ยอิงมีท่าทางลังเลเล็กน้อย แต่แล้วก็พยักหน้า ในห้องหนังสือของนายท่านเจียง กลับมีเตียงนอนอยู่ในนั้นด้วย เรื่องนี้ชุ่ยอิงทราบมาจากความทรงจำ โชคดีที่เธอกะเวลาถูกว่าเขาจะออกจากห้องมาตอนไหน ฮั่นเจี่ยมองลูกสะใภ้ที่กำลังยืนเลือกหนังสือลำคอแห้งผาก เวลานี้เป้ากางเกงของเขามันโด่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด รูปร่างของฮั่นเจี่ยนั้นดีมาก เพราะในอดีตเคยเป็นทหาร ทุกวันนี้เขายังออกกำลังกายทุกวัน ร่างกายจึงค่อนข้างบึกบึน ตอนนี้กล้ามอกที่อยู่ใต้สาบเสื้อเต้นตุบ ๆ พอ ๆ กับอวัยวะเบื้องล่าง ที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว รีบปรี่เข้าไปสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง “อ๊ะ! คุณพ่อ จะทำอะไรคะ” เธอแสร้งทำเป็นตกใจ พยายามแกะวงแขนของเขาออก หากแต่มันกลับเหนียวแน่นยิ่งกว่าคีมเหล็ก “หนู ชะ..ช่วยพ่อหน่อยได้ไหม” พูดได้แค่นั้นเขาก็ซุกปลายจมูกลงบนซอกคอขาวผ่องอย่างหื่นกระหายพลางถูไถหัวบานที่ยังอยู่ภายใต้กางเกงกับแก้มก้นของเธอ “คุณพ่อขา ยะ..อย่าค่ะ” เธอพยายามดิ้นรนจนสายเดี่ยวที่เกาะอยู่กับบ่าตกมาบนไหล่ทั้งสองข้าง เผยให้เห็นยอดอกสีชมพูอ่อน ฮั่นเจี่ยเห็นอย่างนั้นก็รีบหันมาปลดผ้าผูกเอวออก ปล่อยให้กางเกงนอนผ้าแพรสีแดงล่วงลงไปกองที่ตาตุ่ม เขาขยับเท้าออกจากมันอย่างง่ายดาย จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมออก แล้วหันมาปล้ำถอดชุดนอนตัวบางของเธอ ท่ามกลางแสงสลัวจากตะเกียง สองร่างเปลือยเปล่ากำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ข้างชั้นหนังสือ ไม่นานทั้งร่างของชุ่ยอิงก็อ่อนระทวย เขาแบกเธอมาวางลงบนเตียงแล้วขึ้นไปทาบทับ จากนั้นก็บดจูบเธออย่างหื่นกระหาย แม้แต่รสจูบของเขา ยังดีกว่าลูกชายตั้งไม่รู้กี่เท่า เรื่องนี้ชุ่ยอิงต้องยอมรับ เธอแกล้งดิ้นรน เพื่อให้ขาตนเองถ่างออกให้ช่วงล่างของเขาแทรกเข้ามาตรงกลางได้สะดวก ฮั่นเจี่ยไม่เคยแตะต้องผู้หญิงมาหลายปี ไหนเลยจะทนเล้าโลมได้นาน เขาเพียงแหย่นิ้วเข้าไปเปิดทางกับดูดเลียยอดอกของเธอ รอจนกระทั่งช่องทางอ่อนนุ่มฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำแล้ว ค่อยหันมาจับหัวบานจ่อเข้าที่ปากทาง ขนาดของฮั่นเจี่ยผิดกับลูกชายลิบลับ ความใหญ่เทียบเท่ากับข้อมือเด็กสี่ขวบยิ่งส่วนหัวที่บานออก ยิ่งไม่ต่างอะไรกับกำปั้นเด็ก ถึงชุ่ยอิงจะไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์แต่เจอใหญ่ขนาดนี้ ก็ใช่ว่าจะเข้าไปได้ง่าย ๆ “โอ๊ย อื้ม” แค่ส่วนหัวถูกดันเข้ามา แผ่นหลังของเธอถึงกับบิดโค้งขึ้นตอนที่หูเจี่ยตื่นมาเห็น จึงเป็นภาพคนรักของตัวเองกำลังนั่งขย่มท่อนลำของคนเป็นพ่อ อีกทั้งสองมือยังขยุ้มผมกดใบหน้าให้อีกฝ่ายดูดนม ภาพนี้ดูอย่างไรก็รู้ว่าเธอกำลังเมามัน หูเจี่ยถึงกับตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ฮั่นเจี่ยรู้ว่าเขาตื่น ก็หันไปทักทาย แกดูสิของฉันใหญ่ขนาดนี้แต่เธอยังขย่มได้โดยไม่รู้สึกเจ็บ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้บริสุทธิ์เสียหน่อย คนแบบนี้เหรอที่แกอยากเอามาทำเมีย พอได้ยินพ่อพูดแบบนั้น เขาก็มองไปที่ท่อนเอ็นใหญ่ยาวที่กำลังผลุบเข้าผลุบออกกลางหว่างขาของคนรัก มันใหญ่มากจริงตามที่พ่อพูด แต่คนรักของเขากลับดูดมันหายเข้าไปได้ทั้งท่อน เสียงครางของเธอฟังอย่างไรก็ไม่มีความเจ็บเจือปน ต้องบอกว่ามันฟังเหมือนคนที่กำลังเสียวมาก “เดี๋ยวฉันเสร็จรอบนี้แล้ว แกก็มาเอาต่อ ฉันจะได้ไปพักผ่อน” หูเจี่ยจากที่โกรธในตอนแรก พอได้นั่งชมอยู่พักหนึ่งก็ทนไม่ไหว รีบถอดเสื้อผ้า รอให้เธอขย่มพ่อจนน้ำแตก เขาก็รีบเข้าไปจับเธอถ่างขาแล้วเอาเธอตามที่พ่อบอก เล่อเหยาสลบไปตอนเช้า โดยมีน้ำขาวขุ่นขังอยู่เต็มรู เธอตื่นมาอีกทีในตอนบ่าย พร้อมกับอาการเมื่อยขบ เมื่อคืนเธอไม่ใช่ว่าจะไม่มีสติ เธอรู้ว่าเอากับใครบ้าง แต่มัน มันเสียจนเธอ
วันถัดมา คุณนายเจียงพาลูกสะใภ้ออกไปตั้งแต่ตอนสาย โดยไม่รู้เลยว่า คนขับรถของเธอถูกเปลี่ยนเป็นลูกน้องคนสนิทของสามีไปแล้วเธอส่งกระบอกชามาให้ลูกสะใภ้ในรถ ก่อนจะยกของตัวเองดื่ม ที่คุณนายเจียงคิดแผนโง่ ๆ แบบนี้ ออกมาได้ ก็เพราะเมื่อก่อน หว่านชุ่ยอิงเป็นคนโง่ อีกฝ่ายย่อมคิดว่าจะหลอกเธอได้ง่าย แต่ชุ่ยอิงคนนี้ไม่เหมือนกันแม้แต่กระบอกชา เธอยังสับเปลี่ยนมันตั้งแต่ก่อนคนรับใช้จะถือมาส่งให้แล้ว เมื่อมาถึงโกดังร้าง ร่างไร้สติที่ถูกอุ้มไปวางบนพื้น ไหนเลยจะใช่หว่านชุ่ยอิงรถของฮั่นเจี่ยขับเข้ามาจอดเทียบ คนขับรถถูกสั่งให้ขับรถกลับไปก่อน ชุ่ยอิงขึ้นรถมาได้ ก็บอกกับเขาเสียงเศร้าว่า “หนูอยากรู้ว่าคุณแม่ต้องการทำอะไรกับหนู พวกเราไปแอบดูกันไหมคะ”ฮั่นเจี่ยเองก็อยากรู้ เขาจึงขับรถเข้าไปซ่อนในโรงเรือนร้าง แล้วพาเธอเดินเข้าไปแอบซ่อนตัวอยู่ในนั้นตอนคุณนายเจียงไปปรึกษากับเล่อเหยา เธอแค่นัดแนะแผน แต่ไม่ได้เป็นคนจัดหาคน คนที่เล่อเหยาหามา ย่อมรับมาแต่คำสั่ง โดยไม่รู้ว่าต้องลงมือกับใครผู้ชายท่าทางนักเลงห้าคนเดินเข้ามาเห็นผู้หญิงนอนอยู่บนพื้น ก็คิดว่าเป็นเป้าหมายคุณนายเจียงยังไม่ทันได้สติก็ถูกพวกมันจับเปลื้องผ้
เย็นนี้ คุณนายเจียงกลับเข้าบ้านมาท่าทางอารมณ์ดี บนโต๊ะอาหาร เธอยังมาพูดดีกับลูกสะใภ้“พรุ่งนี้ คุณนายประธานหยงเรียกประชุมเรื่องการจัดงานการกุศล ฉันว่าจะพาเธอไปด้วย”ชุ่ยอิงเลิกคิ้วขึ้น มองแม่สามีด้วยความประหลาดใจ แค่อีกฝ่ายอ้าปากพูด เธอก็เห็นไปถึงลิ้นไก่แล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เธอยังตอบตกลงอยู่ดี “ค่ะ”“แต่งตัวให้ดูดีหน่อยล่ะ งานนี้มีแต่คนมีชาติตระกูล”คุณนายเจียงเปลี่ยนไปเป็นหน้ามือหลังมือแบบนี้ มีหรือว่าบุรุษสองคนในบ้านจะไม่ประหลาดใจนายท่านเจียงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ จนกระทั่งตกกลางคืน ชุ่ยอิงไม่ยอมเปิดประตูให้สามี แต่กลางดึกกลับย่องลงไปที่ห้องหนังสือฮั่นเจี่ยรอเธออยู่นาน ครั้นเห็นเธอเข้ามา ก็รีบดึงเข้าไปกอดจูบชุ่ยอิงรีบดันแผงอกเขาเอาไว้ “พวกเราต้องคุยกันค่ะ”เธอผ่านผู้ชายมามากจนรู้ถึงแก่น กว่าผู้ชายคนไหนกำลังลุ่มหลงเธอ แน่นอนว่าสองพ่อลูกตระกูลเจียงกำลังเป็นแบบนั้น“เดี๋ยวค่อยคุยไม่ได้เหรอ หนูดูของพ่อสิ” เขาดึงมือเธอให้มาจับเอ็นอุ่นที่เพิ่งจะแข็งโด่ภายใต้กางเกงเธอแก้เอวกางเกงที่ผูกกันไว้หลวม ๆ ของเขาออก ปล่อยให้กางเกงผ้าแพรล่วงไปที่ข้อเท้า แล้วค่อยจับท่อนลำของเขาสาวเล่นเบา
วันนี้นายท่านเจียงอยู่บ้านเป็นครั้งแรกในรอบปี ทำให้คุณนายเจียงไม่กล้าขึ้นไปอาละวาดใส่ลูกสะใภ้ที่ขี้เกียจสันหลังยาวนอนไม่ยอมตื่น ยิ่งเป็นแบบนี้ คนมีจิตใจชั่วช้าอย่างคุณนายเจียงยิ่งคิดเรื่องชั่ว ๆด้วยความอึดอัดคับข้อง แทนที่จะอยู่บ้านปรนนิบัติสามี เธอกลับนัดพบกับเซี่ยเล่อเหยาข้างนอกเพื่อวางแผนร้าย ส่วนหูเจี่ยต้องออกไปดูแลโรงทอผ้า ในบ้านจึงเหลือแค่นายท่านเจียงกับลูกสะใภ้บ่ายกว่า ชุ่ยอิงเพิ่งจะลงมาทานข้าว มาถึงตอนนี้ บ่าวไพร่ไม่มีใครกล้ารังแกเธออีก เพราะนายท่านเจียงประกาศชัด ว่าหากใครไม่ให้ความเคารพเธอจะถูกไล่ออกทันทีพวกบ่าวไพร่เห็นว่าขนาดบ่าวชายที่ตายเจ้านายยังปล่อยผ่านไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงไม่มีใครกล้าทำอะไรส่งเดชอีกหลังจากทานเสร็จ ทั้งสองก็แอบหายเข้าไปในห้องหนังสือหลังประตูปิดลง นายท่านเจียงรีบดึงลูกสะใภ้เข้ามากอด พลางเอ่ยถามเสียงแหบพร่า “เมื่อคืนหนูมีความสุขไหม”ชุ่ยอิงแสร้งพยักหน้าท่าทางเขินอาย ได้ยินอย่างนั้นอวัยวะเบื้องล่างของฮั่นเจี่ยก็ขึงขังขึ้นทันที รีบเชยคางของเธอขึ้นมาจูบเวลาของพวกเขามีไม่มาก เขาไม่ได้จับเธอเปลื้องผ้า เพียงล้วงเข้าไปใต้ชุดกี่เพ้าสีแดงดำ แล้วถอดชุด
“ทนหน่อย ของพ่อมันใหญ่มาก แต่รับรองเลย เดี๋ยวหนูจะติดใจ” ฮั่นเจี่ยบอกกับเธอเสียงกระเส่า แต่เขาไม่ได้หยุดดุนดันแท่งร้อนขนาดใหญ่เข้าไปช่องทางคับแน่นของลูกสะใภ้ความจริงชุ่ยอิงไม่ได้เจ็บเลยสักนิด เพราะความใหญ่โตของมันเสียดสีไปทุกจุดกระสันของเธอ นอกจากจะไม่เจ็บแล้ว เธอยังเสียวมากเลยต่างหากพอยัดส่วนหัวเข้าไปได้แล้ว ฮั่นเจี่ยถึงค่อย ๆ กดท่อนลำตามลงไป พอสุดโคนแล้วก็ค่อย ๆ ชักมันออกมาความคับแน่นทำให้ทั้งคู่เสียวจนต้องห่อปาก เขากระดกบั้นท้ายขึ้นสูงให้หัวบานเกือบจะหลุด แล้วแทงลงไปใหม่ช้า ๆ ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งเพิ่มความเสียวให้ทั้งคู่มากขึ้นไปอีก“ชอบไหม”เธอพยักหน้าหายใจปากราวกับกินของเผ็ด“พ่อก็ชอบ ข้างในของหนูคับแน่นดีเหลือเกิน ซี๊ด “เขาค่อย ๆ ระบายลมออกจากปาก ก่อนจะบดจูบเธออย่างหื่นกระหาย ปลายลิ้นทั้งสองพัวพันกันราวกับงูติดสัตว์ ท่อนลำแข็งชันเริ่มขยับเร็วขึ้น“อ้าขาออกอีก” เขาเริ่มขยับชักท่อนลำเข้าออก ไม่นานมันก็เริ่มลื่นไหล “ชุ่ยอิง ขอพ่อดูดลิ้นหน่อย”เธอแลบลิ้นออกมาให้เขาดูดอย่างว่าง่าย ตอนนี้เธอรู้สึกทั้งเสียวทั้งมันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงจะผ่านผู้ชายมามาก แต่ใหญ่ยาวขนาดนี้ เธอเพิ่งเคยเจอ
นั่นหนูจะไปไหน” จนถึงตอนนี้เจียงฮั่นเจี่ยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกสะใภ้ถูกไล่ให้ไปอยู่เรือนหลังสองแม่ลูกลอบมองสบตากัน เจียงหูเจี่ยกำลังจะอ้าปาก แต่ชุ่ยอิงไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เปล่งเสียงก็ชิงพูดขึ้น “กลับเรือนค่ะ คุณแม่กับพี่หูเจี่ยให้หนูไปอยู่เรือนหลังค่ะ”“ตั้งแต่เมื่อไหร่!” ประโยคนี้ นายท่านเจียงไม่ได้ถามลูกสะใภ้ แต่หันไปถามภรรยาคุณนายเจียงถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่ยืนอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ถึงเธอจะมีอำนาจเหนือสามี แต่ที่เธอควบคุมเขาได้ เพราะเขาเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ควรค่าให้เคารพนับถือ แต่ถ้ารู้ว่าลับหลังเขาเธอทำอะไร ไม่แน่ว่าต่อไป ผู้ชายกลัวเมียอย่างนายท่านเจียง อาจไม่เกรงกลัวอีกต่อไป ยิ่งตอนนี้ เจ้าตัวเริ่มจะมีใจชอบพอลูกสะใภ้ด้วยแล้ว“ผมเพิ่งทราบ ว่าคุณจัดการเรื่องในบ้านแบบนี้” พูดกับภรรยาแล้ว เขาก็หันไปบอกกับลูกสะใภ้ “ชุ่ยอิง หนูไปขนของแล้วย้ายกลับขึ้นมาอยู่บนตึกเดี๋ยวนี้เลย นี่เป็นคำสั่งของฉัน”“แต่คุณพ่อครับ ผมกำลังจะหย่ากับเธอ” หูเจี่ยรีบแย้งพอถูกคนเป็นพ่อมองมาด้วยสายตาดุดันเขาก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีกเจียงฮั่นเจี่ยแค่นเสียงออกมาเสียงหนึ่ง “อยากหย่าเพื่อจะไปแต่งกับลูกสาวประธานเซี่ย? แกช่างเพ