“พี่รู้อยู่แล้วแต่เลือกที่จะไม่บอก หรือว่าพี่กลัวว่าจะกระทบเรื่องงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับเขา กันแน่”
“อัยย์ คือพี่คิดว่าจะปล่อยให้งานพรีเซ็นเตอร์คู่จบสัญญาไปก่อนแล้วค่อยบอก คิดไม่ถึงว่า…”
“หากรู้ว่ามันเป็นคนสารเลวแบบนี้แต่แรกอัยย์คงไม่เข้าไปยุ่งกับมัน”
“ตอนนี้อัยย์จะทำยังไงพี่ว่าไม่นานเขาก็คงจะรีบมาเยี่ยมเพราะกลัวว่านักข่าวจะถามแน่นอน”
“อัยย์ไม่อยากเห็นหน้าเขา”
“แต่ว่า…”
“ก๊อก ก๊อก”
“คุณหมอมาแล้วเดี๋ยวค่อยคุยกันต่อนะ”
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
“สวัสดีครับคุณระริน เห็นแจ้งพยาบาลว่าคนไข้ฟื้นแล้วผมขอตรวจ…. สักครู่นะครับ”
เขามองมาที่อัยเรศที่พึ่งปาดน้ำตาออกจากใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอาง อัยย์พึ่งจะมองเห็นเจ้าของเสียงนุ่ม ๆ ที่ทำให้เธอหลับตอนที่มาถึงโรงพยาบาล เขาเป็นหมอที่รูปร่างค่อนข้างสูงแม้ว่าจะสวมแว่นตาและหน้านิ่งไปหน่อยแต่ความหล่อของเขาก็ยังสะดุดตาจนเธอเผลอมองและแอบอายเล็กน้อยที่ต้องร้องไห้ต่อหน้าเขา
“สวัสดีครับผมหมอ "กวีภพ" เป็นหมอเจ้าของไข้ของคุณ"
“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณหมอ”
เธอพยายามไล่น้ำตาออกไปให้เร็วที่สุดแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมหยุดไหลจนคุณหมอดึงกระดาษทิชชูและส่งมาให้เธอ
“นี่ครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
เธอพยายามซับน้ำตาให้แห้งไปในที่สุด คุณหมอไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงแค่ยืนจดบางอย่างและตรวจสอบไปที่สายน้ำเกลือเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกอาย เมื่อเห็นว่าเธอจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วเขาจึงเริ่มพูด
“วันนี้เริ่มทานข้าวได้แล้วใช่ไหมครับ”
“ค่ะ เริ่มจิบน้ำกับทานข้าวได้แล้ว”
“แล้วตาของคุณ… ยังแพ้แสงอยู่หรือเปล่า ยังรู้สึกเคืองตาจนน้ำตาไหลอยู่ไหมครับ”
“เอ่อ…”
“ผมต้องถามเผื่อหมออีกท่านหนึ่งที่ดูอาการที่ดวงตาให้คุณ ต้องบอกว่าวันที่คุณได้รับอุบัติเหตุคอนแทคเลนส์ที่คุณใส่อยู่น่าจะเลื่อนหลุดออกมาทำให้อาจจะมีอาการข้างเคียงเช่นแพ้แสงและน้ำตาไหลไม่หยุด”
“อ้อ แบบนี้นี่เองถึงว่าล่ะ”
“ครับ ตอนนี้มองได้ปกติไหมครับ”
“ปกติค่ะ เริ่มเห็นอะไรชัดขึ้นแล้ว”
“ยังรู้สึกเคืองตาอยู่ไหมครับ”
“ไม่แล้วค่ะตอนนี้คงปกติแล้ว”
“ครับ”
เขาถามอาการเธอไปเรื่อย ๆ เสียงของเขาทำให้เธอจำได้ในทันทีว่าเขาคือคนที่รับเธอเข้ามารักษาในคืนนั้น “กวีภพ” งั้นเหรอ คุณหมอหนุ่มหน้าตาดีไม่แน่ว่าเธออาจจะให้เขาช่วยได้
สองวันถัดมา
“วันนี้ทานอาหารได้ปกติแล้วใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
“ดวงตาก็ไม่มีปัญหาแล้ว การมองเห็นปกติ บาดแผลภายนอกก็เริ่มแห้งแล้วส่วนผลตรวจจากการสแกนสมองก็ปกติทุกอย่าง คิดว่าไม่เกินสามวันก็น่าจะกลับบ้านได้แล้ว”
“คุณหมอมีคนรักหรือยังคะ”
“พับ!”
เสียงแฟ้มในมือของกวีภพปิดลงพร้อมกับหันไปมองพยาบาลอีกสองคน เขายื่นแฟ้มไปให้และหันไปบอกให้พวกเธอจัดยาที่เหลือเข้ามาให้คนไข้
“คุณอัยเรศ นี่เป็นคำถามครั้งที่สี่ที่คุณถามผมแล้ว คุณต้องการอะไรกันแน่”
“แต่คุณหมอยังไม่เคยตอบอัยย์เลยนี่คะ”
“ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้างส่วนตัวอีกทั้งยังไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาอาการของคุณ”
“ขอพูดตรง ๆ เลยนะคะ อัยย์รู้ว่ามีคนไข้ของคุณหมอหนึ่งคนที่ต้องการกรุ๊ปเลือดพิเศษที่หายากมาก ซึ่งคุณหมอก็ทราบว่าอัยย์มีเลือดตรงกับคนไข้ของคุณ”
“แล้วยังไงครับ”
“อัยย์ช่วยคุณหมอได้นะคะ”
กวีภพหันมามองหน้าคนไข้สาวของเขาที่ตอนนี้เธอดูแข็งแรงและแววตาดูมีความหวังมากกว่าตอนที่เธอฟื้นขึ้นมาพร้อมกับรอยน้ำตาเมื่อสามวันก่อน
“คุณสามารถบริจาคเลือดของคุณให้กับคนไข้ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องบอกผมก็ได้”
“แต่เพราะอัยย์มีเหตุผลก็เลยต้องบอกคุณหมอก่อน คุณหมอเองก็น่าจะรู้ดีว่าการที่อัยย์พูดแบบนี้ต้องมีเหตุผล”
เขาคิดไม่ถึงเลยจริง เธออยู่ที่โรงพยาบาลนี้มาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์แต่กลับสืบเรื่องของเขาอย่างละเอียดและรู้ว่ามีคนไข้ของเขาที่ต้องการเลือดกรุ๊ปพิเศษ แต่เงื่อนไขที่เธอต้องการเขาพยายามจะเลี่ยงคุยกับเธอมาสองวัน เห็นทีว่าครั้งนี้คงจะหนีไม่ได้แล้ว
“คุณต้องการอะไร”
“พรุ่งนี้จะมีงานแถลงข่าวเกี่ยวกับอาการป่วยของอัยย์ที่นี่ คุณหมอเป็นเจ้าของไข้ดังนั้นอัยย์จึงอยากขอให้คุณช่วย”
“ถ้าหากจะให้ผมช่วยโกหกเรื่องอาการป่วยผมคงจะช่วยคุณไม่ได้หรอกนะครับ มันเป็นเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณของแพทย์”
“เรื่องนั้นฉันไม่จำเป็นต้องโกหกหรอกค่ะเพราะทางทีมงานต่างก็รู้เรื่องอาการบาดเจ็บของฉันเป็นอย่างดีผ่านผู้จัดการแล้ว แต่สิ่งที่ฉันอยากจะให้คุณหมอช่วยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“หากเป็นเรื่องที่ผิดต่อตัวเองและผิดศีลธรรม ผมบอกคุณเอาไว้ก่อนเลยว่าผมไม่มีทางรับปากได้”
“ก็ไม่ใช่เรื่องแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แค่ช่วยเออออเรื่องที่อัยย์จะพูดในงานแถลงข่าวและไม่เถียงก็พอค่ะ”
“อะไรนะ คุณหมายความว่ายังไงผมไม่เข้าใจ”
วันถัดมา งานแถลงข่าวในโรงพยาบาล
“อาการที่ดวงตาของคุณอัยย์หายเป็นปกติแล้วใช่ไหมครับ”
“ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ ได้ทีมแพทย์ที่ตรวจเช็คให้ละเอียดและเอาใจใส่เป็นอย่างดีตอนนี้อาการทั้งหมดเริ่มดีขึ้นจนเกือบหายเป็นปกติแล้วค่ะ เพียงแต่ดวงตายังแพ้แสงอยู่วันนี้เลยเสียมารยาทนิดหน่อยที่จะต้องสวมแว่นดำเพื่อป้องกันแสงแฟลชค่ะ”
“คุณหมอครับแล้วอาการของคุณอัยย์ในตอนนี้สามารถรับงานได้ตามปกติหรือยังคะ แล้วอีกนานไหมคะกว่าคุณอัยย์จะออกจากโรงพยาบาลได้”
“ผมคิดว่าอาการของคุณอัยเรศในตอนนี้คงต้องใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อยสองสัปดาห์ อีกอย่างแม้ว่าบาดแผลภายนอกจะเริ่มหายเป็นปกติแล้วแต่ว่าอาการฟกช้ำจากแรงกระแทกคงจะต้องตรวจดูอาการเป็นระยะ ส่วนในเรื่องการรับงานหากว่าไม่ได้ขึ้นที่สูงหรือเสี่ยงอันตรายจะกระทบกระเทือนมากก็สามารถรับงานได้ตามปกติครับ”
“คุณอัยย์คะ ข่าวลือที่ว่าคุณอัยย์เสียใจเรื่องที่แฟนหนุ่มนอกใจจนเกิดอุบัติเหตุ เป็นเรื่องจริงไหมคะเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นดูเหมือนว่าฝ่ายชายจะไม่ได้มาเยี่ยมเลย”
อัยย์นั่งนิ่งแม้ว่าจะสวมแว่นแต่คนที่นั่งข้าง ๆ เธออย่างผู้จัดการและหมอกวีภพก็ทันสังเกตเห็นมือที่สั่นของเธออยู่ เมื่อเห็นว่าเธอเงียบกองทัพนักข่าวที่กระหายข่าวนี้ก็ยิงคำถามรัว ๆ
“หรือเรื่องที่ฝ่ายชายคบซ้อนจะเป็นเรื่องจริงเหรอคะ”
“คุณอัยย์รู้สึกยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ”
“ได้ข่าวว่ามือที่สามเป็นดาราหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงในตอนนี้จริงหรือไม่คะ”
เป็นระรินที่ดึงไมค์ไปตอบนักข่าวแทน กวีภพหันไปมองใบหน้าที่ซีดเผือดแต่ก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าอาชีพอย่างพวกเธอจะต้องทนรับแรงกดดันมากขนาดไหนและเข้าใจว่าทำไมเธอจึงมาขอให้เขาช่วยเหลือ
“ขอโทษนะคะวันนี้อัยย์ยังไม่พร้อมที่จะตอบคำถามเรื่องนี้ วันนี้ขอเป็นแค่การอัพเดตเรื่องอาการป่วย…”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ริน ในเมื่อทุกคนอยากจะทราบและอัยย์เองก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอยู่แล้ว อยากถามอะไรก็ถามมาได้เลยค่ะ”
บรรดานักข่าวรีบยื่นไมค์เพื่อสัมภาษณ์เธอพร้อมกับยิงคำถามที่เริ่มรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่บอกว่าเธอใช้ความโด่งดังฉุดฝ่ายชายขึ้นมาให้ดังและเขาก็ถีบหัวส่งเธอ หรือไม่ก็เรื่องที่เธอทำตัวสูงมากเกินไปจนอีกฝ่ายทนไม่ไหวจึงได้แอบนอกใจ
“เอาล่ะค่ะ อัยย์จะขอตอบคำถามทุกอย่างตอนนี้เลยนะคะว่าตอนนี้อัยยกับคุณชานนท์เราเพียงแค่เป็นเพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น ส่วนเรื่องของหัวใจ อัยย์มีเจ้าของอยู่แล้วซึ่งไม่ใช่คุณชานนท์ค่ะ”
ร่างบางในชุดซีทรูสีดำถูกอุ้มมาวางที่เตียงแต่เขากลับไม่ได้กระชากอย่างที่บอก ชุดมีรอยแหวกที่หน้าอกและเขาก็ไม่ต้องเสียเวลาดึงออกเพราะสามารถดูดดื่มหน้าอกสวยของเธอได้เลย“ซี๊ด…อ๊าา ที่รัก เสียวจังเลย อื้อ ดีจัง”“อืมม ชุดนี้ดีจังเลยนะ ไหนขอดูหน่อยสิ”ข้างล่างก็ดูเหมือนว่าจะมีรอยแหวกโดยไม่ต้องเสียแรงกระชากแต่ตอนนี้มันเริ่มจะเปียกแล้ว ชุดนอนที่พึ่งสวมถูกถอดออกจนหมดเพื่อง่ายสำหรับการสำรวจแต่ชุดซีทรูนั้นยังไม่ถูกกระชากจนถึงตอนนี้“อ๊าา หมอคะ อย่าดึงแรงมันเสียว อ๊าาา อื้อ…”“เมียจ๋า แฉะขนาดนี้เลยนะชุดนี้คุณใส่แล้วสวยมาก”“อ๊าา หมอคะ!! คุณ…สอดมาเลยเหรอ อ๊าา จุก…เสียว อ๊าา หมอ!!”เขากระแทกรัว แท่งแกร่งเสียดสีกับกางเกงชั้นในที่ถูกแหวกยิ่งทำให้สัมผัสของเขาร้อนรุ่มมากกว่าเดิมก่อนจะหันมาดูดดึงที่หน้าอกเธออีกครั้ง“หมอคะอัยย์ทนไม่ไหวแล้วช่วยด้วย”“เมียจ๋า ผมมาแล้วว อาา…”บั้นท้ายที่ถูกดึงขึ้นจนลอยเพื่อกระแทกย้ำ ๆ ส่งให้ทั้งคู่ถึงสวรรค์พร้อมกัน ตอนนี้เองที่ชุดซีทรูถูกถอดออกอย่างเบามือ“ไม่กระชากแล้วเหรอคะ”“ไม่แล้ว เอาเก็บไว้ใส่ครั้งหน้า ไม่สิ ผมว่าเราไปหาซื้อแบบนี้มาอีกดีกว่า”“ไม่นะคนบ้า อื้อ…..อื้มม
งานแต่งงาน “เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้นะครับ หนึ่ง… สอง… สาม”คนที่รับได้คืออัยเรศตามที่คาดเอาไว้ กวีภพหันมายิ้มและปรบมือให้พร้อมกับส่ายหัว ไม่คิดว่าคู่หมั้นสาวจะรับช่อดอกไม่ได้อีกครั้ง“ช่อที่สองแล้วนะครับคุณหมอเห็นทีครั้งนี้คงต้องแต่งแล้วล่ะครับ”“คุณพิรัชย์ครับ อย่าลืมสิครัวว่าคุณต้องรีบทำแหวนแต่งงานให้พวกเราก่อน”“เรื่องนั้นไม่ลืมแน่ครับแต่ว่าดูเหมือนว่าครั้งนี้คุณอัยย์จะจริงจังนะครับเนี่ย รีบตามมานะครับ นี่ของผมเข้าเดือนที่สามแล้ว”“อะไรนะครับนี่... คุณริต้า…”“ครับ ผมรีบน่ะครับใครให้เธอเอาแต่เดินสายทำงานไม่สนใจผมล่ะครับก็มัดมือชกทำให้ท้องซะจะได้พักยาว ๆ จากนี้ก็ไม่มีใครแย่งแล้ว”“งั้นผมจะต้องจำไปใช้บ้างแล้ว อัยย์ไม่ยอมหยุดทำงานนี่ขนาดว่าผม….”กวีภพเงียบไป พิรัชย์รู้ดีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงหันมามองหมอที่เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองเสียแล้ว“คุณยังฉีดยาให้เธออยู่สินะ ผมขอแนะนำแบบนี้นะครับหมอ”ทั้งคู่กระซิบกันพร้อมกับกวีภพที่หันมายิ้มน้อย ๆ ให้คนมีประสบการณ์มาก่อนอย่างพิรัชย์ที่ล่วงหน้าแต่งงานแบบสายฟ้าแลบกับนางแบบสาวจนช็อกวงการธุรกิจไปเมื่อสองเดือนก่อน ซึ่งในงานนั้นอัยเรศก็รับช่อดอกไม้เ
“สวัสดีค่ะ เรียกอัยย์เฉย ๆ ก็ได้ค่ะ ยินดีด้วยนะคะคุณมุกที่การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี”“นี่หมอชลวัตรเจ้าของไข้และเป็นคู่หมั้นของน้องมุก”“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“คุณอัยย์จำผมไม่ได้เหรอครับ”“คะ”อัยย์กับหมอภพหันมามองหน้ากันซึ่งเธอมั่นใจว่าเธอไม่เคยพบแพทย์แผนกอื่นนอกจากหมอภพมาก่อนเลยในโรงพยาบาล“เราเคยพบกันเหรอคะ”“นานมาแล้วครับ ผมกับคุณอัยย์เดินชนกันที่หน้าร้านอาหารแต่ตอนนั้นผมไม่คิดว่าหมอภพจะรู้จักคุณอัยย์”“ร้านอาหาร… วันนั้น!! เป็นคุณหมอเองเหรอคะ”“ร้านอาหาร อย่าบอกว่าคือวันที่…”“ใช่ค่ะวันนั้นแหละ”หมอภพหันมาลูบศีรษะของแฟนสาวของเขาด้วยความเอ็นดู หากเธอรออีกนิดเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมดนั่นคงไม่เกิดขึ้นสินะ แค่เสี้ยววินาทีจริง ๆ “วันนั้นผมเห็นคุณอัยย์รีบ ๆ เดิมทีก็จำไม่ได้แต่มุกบอกว่าเธอเป็นแฟนคลับคุณอยู่ผมเลยจำได้จากป้ายโฆษณาทั่วเมือง…มุก ร้องไห้ทำไมครับ”ทุกคนหันไปมองที่มุกดาที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่โต๊ะด้วยความตกใจเธอนั่งร้องไห้และมองมาที่อัยเรศและหันไปกระตุกแขนคู่หมั้นหนุ่ม“มุกจะเก็บเอาไว้บอกคุณแม่ คุณพ่อ ไม่สิ ๆ ป้าแหววและคนที่บ้าน บอกลูกบอกหลานด้วย ในตัวของมุกมีเลือดของคุณอัยย์ ดาราที่
“ที่จริงจะบอกว่าพิรัชย์เป็นฝ่ายทิ้งก็ไม่ได้หรอก เพราะตั้งแต่ตอนแรกถ้าจะให้พูดจริง ๆ ยัยเด็กนั่นเอาแต่ตามเขาอยู่ฝ่ายเดียวต่างหาก สุดท้ายเหมือนว่าจะมีคนปล่อยคลิปหลุดของเธอกับเสี่ยคู่แข่งของแอลจิวเวอร์รี่ออกมาคุณพิรัชย์ก็เลยใช้เรื่องนี้สั่งห้ามไม่ให้เธอเข้ามาวุ่นวายกับเขาอีก”“อะไรนะ คลิปหลุดงั้นเหรอ”“ใช่ คือถ้าเป็นแค่คลิปกับคนทั่วไปเขาก็คงไม่สนใจหรอกแต่นี่ดันไปนอนกับฝ่ายคู่แข่งทางการค้าของเขาเธอคิดว่าคนอย่างคุณพิรัชย์จะยอมร่วมงานกับคนที่ยอมนอนกับศัตรูของเขาเหรอ”“แล้วเรื่องที่ฝรั่งเศสล่ะ”“ก็ถูกจับเข้าคุกไปเจ็ดวันไม่มีใครกล้าไปประกันตัวเธอออกมาเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเกี่ยวข้องกับคนร้าย อีกอย่างพอกลับมาบริษัทก็ฉีกสัญญาทิ้งทันทีเพราะว่าเธอทำผิดกฎ ตอนแรกทำท่าว่าจะไม่ยอมแต่พอเอาเรื่องกฎหมายมาคุยก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่กล้าพูดอะไรอีก คงขยาดกับคุกน่ะ”“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้”“เอาเถอะ ตอนนี้เธอดีขึ้นแล้วฉันก็เบาใจ”“ขอบใจนะริต้า”“ยัยเพื่อนเลิฟ มากอดอีกที”ทั้งสองคุยกันอยู่พักใหญ่จนหมอกวีภพกลับเข้ามาอีกรอบ พวกเขาเชิญเธอไปทานข้าวหลังจากที่อัยเรศออกจากโรงพยาบาล ริต้ารับปากก่อนจะกลั
“คุณคิดมากไปแล้วค่ะ อัยย์กับคุณพิรัชย์เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น”“ก็ได้ ในเมื่อคุณบอกว่าแค่เพื่อนร่วมงานผมก็จะเชื่อคุณ ข้าวคงจะมาแล้วเดี๋ยวผมจะเอาเข้ามาให้” สามวันที่อัยเรศต้องนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล คุณหมอกวีภพแทบจะไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมเธอเลยเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องระหว่างที่เขาต้องทำงาน แม้ว่าพยาบาลในแผนกจะคอยช่วยเขาเป็นหูเป็นตาแทนก็ยังไม่พ้นที่หมอภพจะต้องวิ่งมาห้องพักผู้ป่วยในทุก ๆ สองชั่วโมง“ฉันมาเยี่ยมอัยเรศ”“แต่ว่า...”“ฉันเป็นนักแสดงสังกัดเดียวกับเธอ”“เชิญครับ”ประตูห้องคนไข้เปิดออกพร้อมกับกระเช้าเยี่ยมไข้ที่นางแบบสาวชื่อดังเดินถือมา รปภ. หน้าห้องยอมให้เธอเข้ามาเพราะคิดว่าทั้งสองน่าจะรู้จักกันดีแต่เขาก็โทรแจ้งหมอกวีภพทันทีเช่นกัน“อะไรกันนี่สภาพแม่ดาราสาวคนดังร้อยพรีเซ็นเตอร์คนนั้นที่มีป้ายบิลบอร์ดทั่วกรุงเทพฯ งั้นเหรอ”อัยย์หันมามองหน้าและยิ้มเหยียดส่งให้คนที่พึ่งเดินกรีดกรายเข้ามาพร้อมกับกระเช้าผลไม้“ทำไมล่ะจะมาเพื่อสมน้ำหน้าฉันหรือยังไงเห็นว่าฉันป่วยแบบนี้คงสะใจแล้วสินะ วันนี้มาเพื่อความสะใจหรือยังไง”“สำคัญขนาดนั้นเลยสินะ หึ ฉันก็แค่รีบมาดูใจนึกว่าใกล้จะตายแล้
อัยเรศสลดลงเพราะไม่คิดว่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ที่รู้มามันจะไม่เป็นอย่างที่คิด เธอตัดสินเขาไปแล้วจากเรื่องที่เธอเห็น คิดและรับรู้มา จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่กล้ามองหน้าเขา“เงยหน้าขึ้นมา”“คุณหมออยากพูดอะไรก็พูดมาสิคะ”“ทำไมละทีแบบนี้ไม่กล้าสบตางั้นเหรอ”“ถ้าไม่พูดอัยย์จะนอนแล้ว”“อย่าหนีสิ มาหนีตอนนี้ไม่คิดว่ามันช้าไปหน่อยเหรอคุณหนีผมมาได้เกือบสามเดือนเลยนะดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเราสองคน ไม่รู้สึกผิดยังไม่เท่าไหร่แต่เอาแต่หนีแบบนี้มันไม่เหมือนเด็กไปหน่อยเหรอ”“ไม่ได้หนีสักหน่อย”“งั้นจะฟังได้แล้วใช่ไหม”“ได้แล้ว”หมอหน้านิ่งดึงเก้าอี้เข้ามานั่งข้าง ๆ เตียงคนไข้สุดดื้อที่พ่วงตำแหน่งแฟนก่อนจะดึงมือของเธอมาจับเอาไว้ ตอนนี้อัยเรศไม่สามารถขัดขืนเขาได้เพราะเขาจะไม่ยอมให้เธอได้แผลงฤทธิ์อะไรต่อหน้าเขาอีก“อย่าคิดจะหนีอีกเชียว ฟังให้ดี”“ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ”“ผมกับมุกดาเราสองคนโตมาด้วยกัน พ่อแม่สนิทกันก็เลยเคยทาบทามเรื่องหมั้นหมายแต่พวกเราต่างคนต่างเติบโตมาและผมก็ไม่ได้ชอบเธอแบบนั้น มุกดาเองก็เช่นกัน”“….”อัยย์เริ่มกัดปากตัวเองเพราะเธอเริ่มอายที่เข้าใจผิดมาร่วมสามเดือนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแล